วันชาวบ้าน
หลังจากใจไม่ได้พูดมาช่วงหนึ่ง เนื่องจากช่วงหลายสัปดาห์มานี้ผมมีเรื่องที่ต้องใช้การวางแผนจัดการค่อนข้างมาก วันนี้ได้ยินมีเสียงจากใจที่ทำให้รู้สึกดีครับ เลยอยากแชร์

ที่ผ่านมา ผมมีวิธีเลือกงานที่ติดต่อเข้ามาโดยแบ่งออกเป็นข้อๆดังนี้ครับ นั่นคือ
หนึ่ง งานเอาตังค์ งานจำพวกนี้ ผมจะคิดจากแนวงานที่ไม่ไกลไปจากความถนัดมากนัก เวลาที่ต้องใช้ไปในการทำงาน ค่าแรง และก็นิสัยของคนจ้างว่าเป็นคนที่เราอยากใช้เวลาพบปะกันอีกซักพักจริงหรือเปล่า

สอง งานเอาผล งานพวกนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ผมริเริ่มสร้างมันขึ้นมาเองครับ มันจะเป็นงานที่สนใจ ถนัด และอยากพัฒนาให้สู่ระดับสูงสุดเพื่อไปเก็บเกี่ยวเป้าหมายระยะยาว และยาวขึ้นไปอีกเรื่อยๆ งานพวกนี้ใช้เวลา ใช้ความอดทน และใช้การหาสมดุลระหว่างความสงบและความยุ่งเหยิงในการประสานที่เกิดขึ้นจากงานชนิดแรกครับ

สาม งานเอามันส์ งานแบบนี้มักเป็นงานที่ทำไปเรียนรู้สิ่งใหม่ๆไป ผมใช้ความเร้าใจเป็นตัวเลือกครับ บางที่ก็ทำอะไรที่ไม่คิดว่าจะลองทำมันแบบงานมาก่อน ก็สนุกดี และหลายๆครั้งก็มีรายได้ที่สนุกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผมพบว่างานสามแบบนั้นมันยังไม่เข้าที่เข้าทางและดูจะยังทำให้ระบบบริหารชีวิตในแต่ละวันยังไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร ผมเลยคิดว่าจะหาทางจัดการอะไรบางอย่างกับมัน ตอนแรก ผมทำตารางครับ ทำตารางแบบชัดเจนจัดสัดส่วนแน่นเปี๊ยบ โดยเน้นช่วงเวลาทำงานที่ห้ามใครรบกวนอย่างเด็ดขาด ไม่รับโทรศัพท์ และปิดประเทศอย่างแน่นหนา แต่ทำได้ไม่เท่าไหร่ก็พบว่า มันไม่ไหลลื่น ซ้ำยังกวนระบบบริหารชีวิตตรงอื่นมากกว่าเดิมอีก ตั้งแต่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกเกร็ง เกรงใจ และ ตารางที่สร้างขึ้นมาเองก็ทำให้ผมไม่ได้ไปทานติมซำร้านประจำเพราะกลัวกลับมาจะเข้าตารางใหม่ที่สร้างขึ้นมาเองไม่ทัน

รำคาญใจนักผมเลยโล๊ะทิ้งครับ ก็ว่าๆกันไป ทุกๆอย่างก็ดีขึ้น แต่ก็ยังเข้าสู่ภาวะแรกที่ยังอยากแก้ไข ช่วงนั้นเองครับในคืนหนึ่ง หลังจากเข้ามาหาอ่านอะไรเล่นในพื้นที่นันท์บุ๊คส์นี่แหละครับ อ่านไปจนใจมีพลังแต่พออ่านมากสายตาจึงล้าๆ ผมเลยลุกไปชั้นเครื่องดื่มกะว่าจะชงอะไรดื่ม ตอนนั้นเองครับ อยู่ดีๆ ผมก็ได้คำตอบ เรื่องการจัดสมดุลของงานสามแบบที่ยังกวนใจว่าไม่ลงร่องและดูจะทำให้ยุ่งจนใช้เวลาไม่ค่อยจะพออยู่
แต่ยังไงก็ตามคำตอบสิ่งที่ผุดมาในใจ ไม่ใช่เรื่องของการลดงาน หรือ สร้างกำแพงมาบังความยุ่งของคนภายนอกเลยนะครับ จริงๆคำตอบนี้ถ้าคิดๆมันก็ไม่น่ามีเหตุผลที่ดีเท่าไหร่ด้วยซ้ำ เพราะคำตอบที่ว่าคือ ให้เพิ่มงานชนิดใหม่เข้าไปอีก และงานนี้ควรจะเกี่ยวกับเรื่องคนอื่นๆหลายๆคนที่เราชอบ ปิดเสียงโทรศัพท์ หรือขี้เกียจรับสายซะด้วย คืนนั้นก่อนนอนผมไม่รู้ว่าจะเชื่อไม่เชื่อคำตอบนี้ดีรึเปล่าหรอกครับ แต่ก็ไม่ได้สับสนอะไรเพราะ แม้ไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็รู้ว่าใจเราสนและเลือกจะทำตามที่คิดได้ไปแล้ว

ไม่กี่วันต่อมา มีพี่ชายคนหนึ่ง นัดทานกาแฟกับผมเพื่อหาคนร่วมโปรเจ็คต์ใหม่ๆ จริงๆแล้วในช่วงหลังนี้ผมงดการเริ่มโปรเจ็คต์ใหม่มาซักพักแล้วครับเนื่องจากของเก่าก็เริ่มเดินไปแล้ว ที่อยากทำก็คั่งค้าง ที่อยากมันส์ก็กำลังเตรียมอยู่ ความสัมพันธ์ต่างๆก็เรื่องให้ทำมากมาย แก๊งค์เทนนิสก็ลงแดงโหยหาเมื่อถึงเวลาแดดร่ม มันดูเยอะไปหมดครับ ดังนั้น ผมเลยตั้งป้อมไว้แต่แรกเลยว่าจะขอบายงานนี้ และประนีประนอมถนอมน้ำใจกันให้มากที่สุด เพราะผมก็สนิทและรู้สึกถูกคอกันมากๆกับพี่คนนี้

อย่างไรก็ดี ชีวิตมักมีturning point เสมอครับ และทั้งๆที่โปรเจ็คต์ที่ได้ฟังในวันนั้นไม่ได้เป็นไอเดียงานที่ขายมหาศาล หรือเร้าใจว่าแปลกพิสดาร หรือมีความรู้ใหม่ล่อใจเลย มากกว่านั้นมันยังเป็นงานที่หวังผลได้ค่อนข้างยากเนื่องจากยังดูฝันๆไม่ชัดเจนเท่าไหร่ และยังดูไม่ค่อยเห็นความเป็นไปได้ในก้าวต่อไปด้วย แต่สุดท้ายผมก็เต็มใจที่จะตกลงร่วมงานนี่ครับ ทั้งนี้เนื่องจากมันเป็นงานที่ออกมาจาก "เรื่องส่วนตัว" ที่พี่ชายคนนี้คาใจ ตกในอดีต ลืมไม่ได้ และดูว่าชีวิตของเขาจะยังปิดกำแพงให้กับโลกทั้งใบนี้ต่อไปแน่ๆ หากไม่เรียนรู้และลงมือเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในชีวิตเขา ผมเห็นความเศร้าในนั้น และเหตุผลเดียวที่ผมอยากทำมันคือ ผมอยากให้เขาผ่านเรื่องราวนั้นและทลายกำแพงบางอย่างให้ได้ แต่ยังไงก็ตามผมไม่ได้บอกเหตุผลในการเลือกร่วมงานนี้ออกไปนะครับ เพราะผมไม่อยากให้เขารู้สึกอะไรมากไปกว่าการตกลงงานกันปกติ ที่มีความสำเร็จร่วมกันเป็นเป้าหมาย

วันที่เราเจอกันวันนั้นเป็นวันพุธครับ ทันทีที่ตกลงร่วมทำงาน ผมก็รู้สึกได้ค้นพบตารางงานรูปแบบใหม่ที่พอใจทันที นั่นคือ ทุกวันพุธผมจะหยุดทำงานทั้งสามประเภทที่ว่ามา เพื่อมาทำงานชนิดที่สี่ที่ผมเรียกเล่นว่า "งานชาวบ้าน"ครับ งานชาวบ้านคือ งานที่ผมจะไม่หวังผลใดๆกลับมาเป็นอันดับแรก แต่จะหวังผลที่ความสุข หรือการดีขึ้นของคนอื่นเป็นสำคัญ ตอนนี้วันพุธเลยมีชื่อเรียกเล่นๆใหม่ครับว่าเป็น "วันชาวบ้าน"
และกิจกรรมที่เกิดในวันพุธนั้นก็เริ่มน่าสนุก นั่นคือผมเลือกจะรวบรวมนัดต่างๆมารุมๆกันในวันนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้า ตกบ่ายถึงเย็นก็เป็นเวลางานใหม่ที่ว่า และตกกลางคืนก็มีนัดได้อีก หากมีงาน หรืออยากรื่นเริงบนเทิงใจกับพรรคพวก เรียกได้ว่าผมลดเวลาทำงานของตนเองลงอาทิตย์ละหนึ่งวัน เพื่อมาทำงานชาวบ้านครับ แต่อย่างไรก็ดีทำๆไปผมก็พบว่ามันไหลลื่น งานอื่นๆไม่ได้ช้าลง แถมมีอะไรดีๆมากขึ้นด้วยซ้ำ มากกว่านั้น วันพุธทั้งๆที่มีนัดเพียบๆ แต่กลับเป็นวันที่คึกคักไม่เหนื่อย และรู้สึกเบาๆเพลินๆด้วย

ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันพุธอีกแล้วครับ ผมเพิ่งกลับมาจากการนั่งพูดคุย ถกเถียง ปลอบโยน หลอกเตือน ให้กำลังใจ อะไรต่างๆนานานานกว่า7 ชั่วโมงตั้งแต่บ่าย และแวะกลับไปทานอาหารฝีมือแม่ก่อนจะกลับมาที่ห้องพักในคืนนี้ ผมไม่เหนื่อยเลยครับ และยิ่งมีพลังมากขึ้นอีกด้วยครับ เพราะเมื่อครู่หลังอาบน้ำอาบท่า แล้วมานั่งเล่นที่เตียง เปิดโทรทัศน์ไปมา จู่ๆโทรศัพท์มือถือ ก็ร้องบอกว่ามี sms เมื่อเปิดดู พี่ที่เพิ่งแยกกันได้ส่งข้อความมาว่า hey..thank u 4 doing xxxxx for me na , And i could see how much u mean to it ,thank much brother

วันชาวบ้านนี่ดีแฮะ


ชื่อผู้ส่ง : Karn ถามเมื่อ : 16/10/2008
 


เชื่อว่าวันชาวบ้านของคุณ karn คงขยายเวลาออกไปเรื่อยๆ จนอาจต้องรับจ๊อบรอบดึกของวันอื่น แต่คุณ karn อาจแปลกตัวเองที่ทำไมทำงานของชาวบ้านแล้วไม่เหนื่อยเลย

อ้อ... ความปลื้มในอกคงเป็นพลังงานชั้นดีนี่เอง :-)
ชื่อผู้ตอบ : พรรณี ตอบเมื่อ : 16/10/2008
มีบทเรียนดีๆ มาเล่าสู่ ให้ความรู้สึกผมได้เรียนรู้กันอีกแล้ว ขอบคุณครับ คุณ Karn
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 16/10/2008
ขอบคุณและยินดีครับ คุณพรรณีและคุณนันท์
ขอให้เดินทางอย่างมีความสุขครับ
ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 17/10/2008


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code