ผมตามหาหนังสือเล่มนึงครับ ...ใครรู้ช่วยผมหน่อย
ผมเคยไปเห็นหนังสือเล่มนึง ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับคำสอนที่เค้าใช้สอนฮ่องเต้
ผมจำชื่อจริงๆของมันไม่ได้ แต่เหมือนกับเป็นคัมภีร์โบราณแล้วแปลมาเป็นภาษาไทย
ทีที่เจอคือ ร้าน B2S แต่หลังจากนั้นผมก็หาไม่มันไม่เจอ ผมลองถามพนักงานก็ไม่มีใครรู้ ผมลองโทรไปที่สำนักพิมพ์ ที่คาดว่าน่าจะจัดพิมพ์ คือสำนักพิมพ์เต๋าประยุกต์ ซึ่งมักจะมีผลงานเขียนทางด้านนี้ เค้าก็ยืนยันว่าไม่มี ผมจนปัญญาไม่รู้จะไปหาจากไหน
เท่าที่เคยลองอ่านดูแล้วดีจริงๆ เป็นปราชญ์คำสอน จีนโบราณ แต่บางข้อมันก็ค่อนข้างหมิ่นเหม่ บ้าง เพราะใช้สอนชนชั้นปกครอง และสอนเป็นการภายในราชสำนักจีน
จึงไม่รู้ว่าจะถูก ban หรือเรียกเก็บหรือเปล่าครับ

ผมแน่ใจว่าผมไมได้ตาฝาดแน่นอน แต่หาไม่เจอแล้ว อยากอ่านต่อมาก ถ้าใครรู้ ก็ช่วยบอกผมหน่อย หรือใครแนะนำวิธีการหาได้ บอกผมหน่อย ครับ

ปล.เคยไปเดินหาในงานหนังสือแล้วก็ไม่มีครับ TT
ชื่อผู้ส่ง : ผู้อ่าน ถามเมื่อ : 06/10/2008
 


เหมือนเคยเจอ ใช่ที่เล่มหนาๆราคา350- รึเปล่าครับ ที่คุณอธิคม เรียบเรียงรึเปล่าคับ ผมเคยเห็นที่B2Sสาขาโรบินสันลาดหญ้าอะคับ
ชื่อผู้ตอบ : พีระพงศ์ ตอบเมื่อ : 06/10/2008
ผมไม่ชัวน์ ว่าใช่หรือเปล่า ในราคานี้ แต่ความหนาน่าจะใช่
ไม่ทราบว่าชื่ออะไร ถ้ารู้ชื่อผมว่าผมนะจะทราบครับ
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 06/10/2008
+เจินกวงเจิ้งเย่า : ยอดกุศโลบายจีน (ปกแข็ง)
-เนื้อหาโดยสังเขป
การบริหารชาติบ้านเมืองให้ดำรงคงอยู่ และเจริญรุ่งเรืองสืบเนื่องตลอดไป หรือแม้แค่สร้างองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก และบริหารให้เจริญเติบใหญ่คงอยู่ได้ภายใต้สภาวะการแก่งแย่งแข่งขันอันดุ เดือดนั้น ดูจะมิใช้เรื่องง่ายเลย ดังสำนวนที่ว่า "การสร้างอาณาจักรนั้นไม่ง่าย การรักษาอาณาจักรยากยิ่งกว่า" ผู้นำอาณาจักรหนือผู้นำองค์กร จึงไม่เพียงต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความกล้าหาญ มีเมตตาคลองธรรม มีสัจจะวาจา และใจคอกว้างขวาง ยังต้องเข้าถึงอารมณ์จิตใจและความรู้สึกนึกคิดของลูกน้องและคนดีมีผีมือ จะได้ช่วงใช้พวกเขาอย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งปมเงื่อนสำคัญคือ ผู้นำต้องมีคุณธรรม นอบน้อมถ่อมใจ รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างได้ และยืนหยัดบำเพ็ญคุณธรรมดังกล่าวอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
หรือ
+เฉางต่วนจิง : ศาสตร์แห่งการยืดหยุ่นฯ (ปกแข็ง)
เนื้อหาโดยสังเขป
ฉางต่วนจิง เป็นคัมภีร์ชุมนุมภูมิปัญญาการปกครองแบบจีนสมัยโบราณ ๙งนักวิชาการบางท่านเห็นว่า เป็นคัมภีร์รวมกโลบายอันชั่วร้ายแบบตะวันออกที่คลาสสิกที่สุด คัมภีร์เล่มนี้ได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ และกรณีบุคคลจำนวนมากในประวัติศาสตร์ เพื่ออธิบายศาสตร์และศิลป์แห่งการยืดหยุ่นวิถีแห่งธรรมและอธรรม
+ทั้งสองเล่มราคา 350- หนา ปกแข็ง สีดำ ปกมีชื่อเป็นภาษาจีนด้วยคับ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่http://www.se-ed.com/eShop/Book/BookDetail.aspx?No=9789749468661&TypeMCode=BK&ProdMCode=%BA%B8
กับที่http://www.se-ed.com/eShop/Book/BookDetail.aspx?No=9789749468678&TypeMCode=BK&ProdMCode=%BA%B8
ใช่หรือไม่ ลองดูนะครับ(ขอบคุณบริการse-edเช่นเดิมครับ)
ชื่อผู้ตอบ : พีระพงศ์ ตอบเมื่อ : 06/10/2008
คุณพีระพงศ์ นี่นับเป็นหนึ่งในยอดนักอ่านและมีความรู้กว้างขวาง ขอบคุณนะครับที่มาแบ่งปันกันครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 06/10/2008
ขอบคุณคุณนันท์ที่ชมนะครับ แต่ผมก็ลอกเขามาทั้งหมดล่ะครับ (ไม่ได้มีความรู้กว้างขวางหรอกครับ และก็เป็นยอดนักซื้อด้วยครับ ไม่ใช่ยอดนักอ่านแต่ชอบคิดคับ) แล้วผมก็ขอขอบคุณเว็บของคุณนันท์ และคุณนันท์มากเลยครับที่แบ่งปันให้ความรู้ผมมากมาย และให้ผมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ
ชื่อผู้ตอบ : พีระพงศ์ ตอบเมื่อ : 06/10/2008
ขอชื่นชม คุณพีระพงษ์ด้วยคนครับ
ก่อนจะเป็นยอดนักอ่าน ก็ต้องเป็นยอดนักซื้อแบบนี้ก่อนหละครับ
ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 07/10/2008
ขอชื่นชมคุณพีรพงศ์ ซ้ำด้วยอีกคนครับ (ไม่น่ามีคำว่ามากเกินไป สำหรับความชื่นชมในสิ่งดีๆ ที่ผู้อื่นกระทำ!)

ในอีกกระทู้หนึ่ง ผมขอให้คุณแฟนพันธุ์แท้เธอปลดผมออกจากตำแหน่ง "กูเกิลสำหรับนักอ่าน" ได้แล้ว เพราะในเว็บบอร์ดนี้ มีหลายคนที่ควรได้รับตำแหน่งนี้ไป (เช่นคุณพีรพงศ์ , คุณนิก , คุณผู้อ่าน และอีกหลายท่าน) นอกจากจะเป็นกูเกิลแล้ว ยังต้องบวกวิกิพีเดีย บวกยูทูบ บวกอะเมซอนด็อทคอม ฯลฯ เข้าไปด้วย (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 07/10/2008
ขอบคุณคุณkarnและ อ.วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ มากครับที่ชื่นชมผม ผมรู้สึกยินดีมาก โดยส่วนตัวแล้วผมชื่นชอบทั้ง 2 ท่านมาก(จากการอ่านกระทู้คำถาม-ตอบที่ผ่านมา) ขอบคุณคุณkarnอีกอย่างครับ ผมทราบว่า The Alchemist แปลไทยแล้วก็เพราะคุณKarn เขียนแนะนำนะครับ และขอบคุณอ.วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์มากๆเลยนะครับ ที่แบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์และลึกซึ้ง ในเว็บไซต์แห่งนี้ และในเว็บอาจารย์ด้วยครับ ( ผมเคยไปอ่านเจอครับ )
ชื่อผู้ตอบ : พีระพงศ์ ตอบเมื่อ : 07/10/2008
พูดถึงเรื่องการซื้อ กับการอ่าน บางทีผมว่าก็นของคู่กัน
โดยส่วนตัวแล้วที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย มีหนังสื่อดีๆ อยู่มากมายแม้ในหมวดการพัฒนาตนเอง และจิตวิญญาณ นั้นก็มีเยอะมาก มากกว่าร้านหนังสือใหญ่ๆ ในประเทศนี้อีก
แต่หลายๆครั้งที่ผมจะอ่านหนังสือผมก็เลือกจะ "ซื้อ" มากกว่า เพราะผมเองเป็นคนชอบขีดเส้นและ highlightแนวคิดสำคัญๆ หรือแม้แต่เขียน comment ลงไปในหนังสือ ในแต่ละบท และนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ชอบอ่านหนังสือใน Internet หรือเป็นไฟล์ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือเรียน หรือหนังสืออื่นๆผ่านจอ monitor แต่ผมเลือกที่จะ Print out ออก มา ไม่ว่าจะกี่ร้อยแผ่นก็ตาม
การทำแบบนี้ทำให้ผมเข้าใจในเนื้อหาลึกซึ้งมากขึ้น จำได้มากขึ้น
อีกทั้งการซื้อจะทำให้ผมมีเวลาอ่านได้อย่างจุใจ ไม่บีบคั้นเรื่องของเงื่อนเวลา และยังสามารถนำไปให้คนในบ้านอ่านได้ ดังนั้นผมเองก็เป็นนักซื้อเหมือนกันครับ มีดองไว้ที่บ้านหลายเล่ม เดี๋ยวงานหนังสือปีนี้จะไปซื้อมาดองอีก อยากเจอทุกท่านในเว็บเหมือนกัน จะได้กราบขอคำแนะนำเรื่องการอ่านหนังสือ และความรู้ต่างๆด้วยครับ ไม่ทราบจะไปกันวันไหน

เดี่ยวผมกะว่าในงานหนังสือผมจะไปดูหนังสือ ทั้ง 2 เล่มที่คุณพีระพงศ์ บอกไว้ครับ
ท้ายนี้ ผมขอลสะสิทธิ์การเป็น กูเกิลสำหรับนักอ่าน จากอาจารย์วสันต์ ครับด้วยเหตุที่ว่าเทียบชั้นแล้ว ความรู้ที่ผมมีเล็กน้อยกว่า เศษเสี้ยวขี้ตาแมลงหวี่ อีกครั้บ (....เล็กจริงๆ)

ขอบพระคุณครับ
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 07/10/2008
ขอบคุณคุณพีระพงษ์เช่นกันครับ
และจาก the Alchemist แล้ว ผมยังคงอยากย้ำและแนะนำ Silk หรือ ไหม ของ อเล็กซานโร บาริกโก อีกครั้งนะครับ รับปากว่าไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆจากสองเล่มนี้จริงๆ แต่จากที่อ่านหนังสือมา ซึ่งก็ไม่ได้มากนัก สองเล่มนี้ รวมถึง สิทธารถะ เล่มโปรดนั้นคืองาน เรื่องเล่า ที่สัมผัสได้ถึงการ หยั่งถึง และการเจอภาวะ รวมเป็นหนึ่งกับสิ่งที่ใหญ่กว่าของผู้เขียนอย่างแน่นอน

อะไรแนวๆนี้ อาจไม่ได้เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ แบบกลั่นกรองและแยกแยะแนวทางมาแล้วชัดเจนแล้วนะครับ เพราะผู้เขียนเองก็อาจมีเพียงการสัมผัสและเข้าใจภาวะบางอย่าง แต่ไม่ได้สนใจ หรือไม่ได้ถนัดที่จะแยกยะ จำแนก สารอาหารนั้น ออกมาเป็นเนื้อหาโดยตรงหรือบรรณาธิการใหม่เป็นเนื้อหาเน้นๆให้ผู้อ่าน แต่อย่างไรก็ดี สำหรับผมหนังสือจำพวกนี้เป็นเพื่อนที่น่ารักอีกจำพวกครับ เพราะอย่างน้อยก็อ่านสนุก และความไม่ตั้งใจอ่านเพื่อค้นหาอะไรโดยตรงนั้น ยังไงมันก็ยังมีภาวะบางอย่างทำงานอยู่เบื้องหลังการอ่านนั้นเสมอ เรียกได้ว่าบางเล่มตอนอ่านก็สงบๆ เพลินๆไม่ได้คิดอะไร แต่พออ่านจบ อีกสอง-สามวันออกไปเดินเล่นทานกาแฟ จูๆตอนที่จิบกาแฟนั้นเอง หนังสือทั้งเล่มก็ประมวลใหม่ แล้วไหลมาเป็น text ที่มีเนื้อหาที่น่าสนใจไม่ต่างกับอ่านหนังสือหลายๆเล่มที่เราสนทนากันอยู่ในที่นี้เลยครับ ถ้าเป็นอาหาร อะไรแบบนี้ก็น่าจะเป็นอาหารแปลกๆที่ไปเจอในบ้านเพื่อน ทานๆเพลินๆกับเพื่อน อีกไม่นานก็พบว่า เออ นะ อาหารพวกนี้เองคือที่มาที่ทำให้เพื่อเรามีสุขภาพดีจริงๆ อะไรทำนองนี้ครับ

ยังไงก็ตาม สำหรับคุณนันท์ที่เคารพ ผมเป็นคนชอบจัดtop 5 ส่วนตัวเล่นๆครับ จัดไปเรื่อยเปื่อยสนุกๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า 7 กฏยังคงรักษา Ranking ได้ดีในชาร์ต Flowing Book ของผมครับ แรงไม่มีตกจริงๆ

ขออนุญาตินอกเรื่องหน่อยนะครับ ตอนนี้ใกล้ถึงช่วงท้ายของ ATP tennis tournament 2008 แล้ว ใครรักเทนนิสก็คงกำลังตื่นเต้นว่า ใครจะเป็น 8 นักเทนนิสที่มีคะแนนสูงสุดที่จะได้เข้าร่วมแข่งขัน Master Cup รายการปิดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดปลายปีนะครับ Allez!





ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 08/10/2008
ยอดเยี่ยม . . เช่นเคยครับคุณ Karn

สำหรับ the Alchemist และ Silk จะลองไปตามหาในงานหนังสือดูครับ แต่ สิทธารถะ นั้นเป็นหนึ่งในความทรงจำที่งดงาม เมื่อครั้งเริ่มต้นเข้าสู่วัยค้นหาของผมเลยละครับ

ดีใจครับที่ 7 กฎฯ ยังอยู่ใน Ranking ก็เหมือนกับที่รู้สึกดี ที่วันนี้ยังได้เห็น เฟดเดอร์เรอร์ กับ นาดาล ยังคงเล่นเทนนิสให้เราดูครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 08/10/2008
ผมเล่นเทนนิสไม่เป็น แต่ชอบดูครับ (รวมทั้งฟุตบอลล์ และกอล์ฟ) ลงทุนทุบกระปุกซื้อจออแลซีดี สี่สิบกว่านิ้วมา ก็เพื่อการนี้

ดูผลการจัดอันดับโลกของนักเทนนิส ครั้งล่าสุดแล้วก็ประหลาดใจ ผมว่าเฟดเอ๊กซ์ ก็ไม่ได้แพ้มากมายอะไรในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา แถมครั้งล่าสุด ก็ยังได้แชมป์แกรนด์สแลมเสียอีกด้วย แต่ทำไมแต้มถึงห่างนาดาล ตั้งห้าร้อยกว่า แสดงว่าที่ผ่านมา แต้มของเขาไม่ได้ทิ้งห่างนาดาลมากมายสักเท่าไหร่ ยังงั้นใช่ไหมครับ คุณ Karn

ส่วนประเภทหญิงนั้น เท่าที่เห็นอยู่ก็ดูจะพลิกผันไปมา ไม่มีใครจะยิ่งใหญ่ได้เท่าคนเก่าๆ อีกเลย ในสายตาของคุณ Karn คิดว่าใครจะสามารถยิ่งใหญ่ได้เท่าสเตฟี่ กราฟ, มาร์ติน่า ฮินกีส, จัสติน เอแนง หรือเอาที่เก๋ากึกส์หน่อยอย่าง คริส เอฟเวิร์ด ลอยด์, มาร์ติน่า นาฟราติโนว่า ฯลฯ ได้บ้างหรือไม่ครับ

เที่ยวนี้ ขอคุยเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับหนังสือหน่อยนะครับ อยากถามคนที่คลุกคลีตีโมงคลุมโปงห่มผ้าผวยอยู่ในวงการเทนนิส อย่างคุณ Karn หน่อย (เพราะบางทีอ่านจากพวกคอลัมนิสต์กีฬาแล้ว ก็ได้ข้อมูลเพียงบางด้าน)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 09/10/2008
ขออภัย ลืมไปอีกคน ลืมขวัญใจของผมไปได้อย่างไร แล้วโมนิกา เซเลส ละครับ คุณ Karn จัดระดับฝีมือของเธอไว้ในระดับใด เทียงเคียงกับคนที่ผมเอ่ยๆ ชื่อไปแล้ว เธอเก่งในระนาบใครได้บ้าง ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 09/10/2008
ยินดีมากครับที่ได้รู้ว่ามีคนสนใจ The Game Of Life หรืออีกชื่อคือ เทนนิส อีกคนครับ ก่อนอื่นขอบอกท่านอาจารย์ก่อนนะครับว่า ข้อสนทนาของอาจารย์นั้นทำให้ผมหายง่วงจากฤทธิ์เดชของมื้อบ่ายทันทีเลยครับ ตอนแรกบ่ายนี้เป็นเวลาของการเรียบเรียงและหาข้อมูลบางอย่าง แต่จากประสบการณ์ การยืดหยุ่นความคิดและเรียบเรียงข้อมูลอีกอย่างใกล้ๆตัวที่มากระตุ้นให้เราเร้าใจนั้น ไปๆมาๆมันมักจะเป็นการทำงานที่ส่งผลที่ดี และทำให้เรื่องต่างๆกลายเป็นเรื่องเดียวกัน ทั้งเมื่อลงมือทำแล้วยังได้พบคำตอบใหม่ที่ดีกว่าเดิมครับ ดังนั้น ขอตอบนะครับ

ในความคิดเห็นของผม วงการเทนนิสหญิงตอนนี้ อยู่ในภาวะ มงกุฏไร้ราชินีจริงๆอย่างที่อ.ว่าครับ ทั้งนี้ไม่เพราะนักเทนนิสหญิงเดี๋ยวนี้ไม่เก่งนะครับ แต่มันน่าจะเป็นเพราะผลพวงจากgloblelization หรือโลกที่แบนราบลง ที่ทำให้นักเทนนิสไม่ว่าจะใครหรืออยู่ในมุมโลกไหนก็สามารถเรียนรู้วิชาของค่ายฝึกเทนนิสหลักๆในโลกนี้ (ซึ่งมีสไตล์สอนแตกต่างกัน)ได้อย่างไม่ยากเย็น จำนวนโค้ชจากค่ายเหล่านี้ทุกวันนี้ต่างก็ออกเดินทางไปต่างที่ต่างๆทั่วโลกแลกเปลี่ยนและศึกษาศาสตร์ของกันและกัน นอกจากนั้น นักเทนนิสทุกคนสามารถหาแผ่นการแข่งขันของคนอื่นๆได้แค่เปิดคอมพิวเตอร์ และมากกว่านั้นยังสามารถเปิดyoutube ดูภาพslowmotion การตีเจ๋งของคนจอื่นๆที่อยากศึกษาได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

ตรงนี้เองครับที่ทำให้ เอกลักษณ์ ของนักเทนนิสส่วนใหญ่หายไป เนื่องจากรู้มาก รู้หมด และรู้เท่ากัน ซึ่งต่างจากนักเทนนิสแต่ก่อนที่มักจะฝึกมากันคนละแบบ ฝึกแบบที่เข้ากับตน และที่สำคัญคือส่วนใหญ่ระดับตำนานนั้นมักจะฝึกกับโค้ชคนเดิมมาตลอด (น้องเซกับพี่วี ก็มีคุณพ่อวิลเลี่ยม กราฟก็คุณพ่อปีเตอร์ ฮินกิสก็แม่สอน เอแน็ง ก็มีโค้ชที่สอนกันมาแต่เด็ก) ซึ่งทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงและร่วมมือกันทดลอง ค้นหา "วิชาเฉพาะตน" เพื่อเป็น "ผู้เล่น" ที่มีลักษณะพิเศษได้อย่างแท้ จะว่าไปตรงนี้เองไม่ต่างกับที่ทุกวันนี้เราสามารถหาหนังสือที่มีประโยชน์จากมุมต่างๆของโลกได้ง่ายดายกว่าสมัยก่อนเยอะ เด็กๆหาดนตรีจากมุมต่างๆของโลกได้เพียงเข้าเน็ทไปโหลดมาฟัง แต่อย่างไรก็ดี หากไม่เกิดการประมวลเพื่อสร้างความเข้าใจใหม่ที่เหมาะกับตน ก็อาจเป็นแบบทุกวันนี้ครับคือเกิดอาการรู้มากจนมึน วงไหนก็เล่นเพลงคล้ายกันไปหมด และ งานศิลปะหรืองานคิดก็ยิ่งยากขึ้นมาการตามหาความเป็น unique

แต่สำหรับผมที่เบื่อเหมือนกันบางครั้ง แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีนะครับ ผมว่ามันเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นทุกข้อต่อใหม่ของความเปลี่ยนแปลง มันจะเป็นแค่อีกช่วงหนึ่งเท่านั้น แต่หลังจากนั้นสีสันของโลกใหม่ก็จะเกิดขึ้นแน่นอน คือตอนนี้เกิดจริงๆยากก็เลยต้องบ่มนานกันอีกนิด แต่ถ้าบ่มจนเจอเมื่อไหร่ละก็ ตอนนั้นเราคงมีนักเทนนิสหญิงเจ๋งๆซึ่งก็คงมาจากหน้าเก่าๆที่เห็นกันอยู่ตอนนี้ล่ะครับ มาช่า (ชาราโปวา) อะนะ (อนาอิวาโนวิช) ซาฟินา แยนโควิช ดีดี้(เดเมนเทียว่า) และที่น่าจับตาครับ สำหรับผมนะ แอนน เขียวท่าวงษ์ ลูกครึ่งลาวอังกฤษ ให้เวลาพวกเธออีกสักนิดนะครับรับรองได้มีเทนนิสมันส์ๆแน่

ส่วนคนที่จะยิ่งใหญ่ได้แบบ steffi graf หรืออีกหลายที่อาจารย์ว่ามานั้นแทบจะหวังยากครับด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน สำหรับคนที่จะทำได้แบบกราฟนั้น ผมว่าหาได้ยากที่สุดครับ (นอกจากลูกสาวของกราฟกับอากัสซี่เอง) เพราะกราฟนั้นทำไว้สูงมาก คือ golden Slam นั่นคือ ได้ 4 แสลมป์ในปีเดียวกันรวมกับเหรียญทองโอลิมในปีนั้นด้วย ยากมากครับ และก็ยากพอกันกับการที่จะมีนักเทนนิสที่มี charisma ดึงดูดผู้คนได้อย่างลอยด์ นาฟาติโลวา ยากมากๆที่จะมีคนเล่นเบาแต่ฉลาดหลักแหลมแปรเปลี่ยนเกมส์ได้ไม่จำกัดแบบฮินกิส ส่วนพี่น้องวิลเลี่ยมส์ กับ เอแน็งนั้น ผมถือว่าเป็นบทสรุปของสุดยอดรูปแบบเทนนิสแนวใหม่ ที่เรียกว่า all court และ power game ไปเรียบร้อยแล้วครับ สาวๆยุคนี้ท่ตามมาจึงต่างต้องค้นหาสิ่งใหม่ที่เป็นของตัวเองและทำให้พวกเธอต่างกับนักเทนนิสร่วมยุคที่ตอนนี้มีมาเป็นแพ็คเกจใหม่เลยครับ

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา เราเคยมีนักเทนนิสหญิงที่ครบเครื่อง(ไม่ใช่เรื่องผู้หญิง) มาแล้วอีกคนนั่นคือ มอนิก้า เซเลส ขวัญใจอาจารย์ครับ เซเลสนั้นตอนแรกมีทีท่าว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ ที่มากำราบกราฟ แต่โชคไม่ดีที่เธอโดนแฟนเทนนิสของกราฟลอบทำร้ายแทงคอ ระหว่างพักแข่งขันเมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้นแม้เธอรักษาเยียวยา และตั้งต้นใหม่เพื่อกลับมาท่ามกลางการต้อนรับของผู้ชมที่รักเธอ แต่เธอก็ทำได้ดีแค่ระดับtop tenครับ ไม่เหนือชั้นแบบแต่ก่อน แต่นั่นก็ถือว่าสุดยอดแล้วครับ ตอนนี้มอนิก้าเซเลส ทำงานเป็นผู้บรรยาเทนนิส เล่นโชว์ และดูแลสอนเด็กนักเทนนิสเยาวชนครับ เท่าที่เห็นตามข่าว เธอมีความสุขดีและมีเปียใหญ่ยาวเช่นเดิม

สำหรับผมนั้น ผลกระทบจากโลกแบนราบนั้น จริงๆแล้วก็เกิดกับนักเทนนิสชายด้วยครับ เพียงแต่ว่า มีชายหนุ่มอยู่สองคนที่เกิดมาเพื่ออยู่ในข้อยกเว้น แน่นอนครับ เฟด กับ นาดาล ส่วนตามความเห็นของผมนั้นความแตกต่างที่ทำให้สองคนนี้ลอยอยู่เหนือนักเทนนิสคนอื่นนั้นทั้งสองมีแตกต่างกันแบบนี้ครับ คือสำหรับเฟดเอ๊กซ์ นั้น เฟดมีสไตล์การเล่น หรือรูปแบบเกมส์เหมือนนักเทนนิสยุคเก่า นั่นคือเฟดเดอเรอร์มีลูกสั้นยาว และพึ่งพาลูกcross court เลียดสั้นสปินน้อยเหมือนนักเทนนิสโบราณ มากกว่านั้นเฟดยังใช้ไม้เทนนิสแบบคอนโทรล รูปทรงเก่า และใช้การถ่านเทน้ำหนักของโมเมนตั้มตัวมากกว่าจะออกแรงหวดแรงครับ ที่สำคัญคือรูปเกมส์นั้น เฟดเดอรเรอร์ใช้เกมส์การเล่นในลักษณะคลาสสิค แบบเทนนิสยุคก่อนนั่นคือ ค่อยๆบีบ รอคอย และมีวิถีของลูกที่แทยงไปมา (ลายเส้นของลูกที่วิ่งไปมา เหมือนวาดรูปบนเฟรมคอร์ทนะครับ) และรอคอยการสร้างช๊อตซอร์ไพรส์ ทีทำให้คนดูจดจำ พอมารวมกับบุคลิกและนิสัยแบบนักการฑูต สุขุมแบบนักคิด นักเขียน เจนเทิลเฟดเลยไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ครับ
ส่วน นาดาลนั้น นาดาลเป็นอีกขั้วเลยครับ นาดาลใช้สโตรคการตีแบบใหม่ยิ่งกว่าใหม่ ใหม่ยิ่งกว่าใหม่นี้คือนาดาลหาการตีที่เหมาะกับตนเองโดยไม่สนใจท่าทางเบสิคครับ แต่อย่างไรก็ดี ท่าที่เขาสร้างนั้น มันยังมีสมดุลของเบสิคที่จำเป็นอยู่ครบถ้วน แค่นั้นยังไม่พอ นาดาลยังวาดรูปลายเส้นบนคอร์ทแบบแหกกฏอีก คือเขาชอบใช้ลูกตีตรงเป็นอาวุธหลัก ซึ่งลูกdown the line หรือตีตรงนี้ปกติใครๆไม่จำเป็นไม่ใช้กันเพราะมันเป็นลูกตียาก เนื่องจากตีทางตรงระยะคอร์ทจะสั้นกว่าทางขวาง แปลว่าตีออกง่าย แถมเน็ทตรงแนวข้างๆนั้นยังสูงกว่าตรงกลางอีก แปลว่าตีติดเน็ทได้ง่าย รวมถึงถ้าอีกฝ่ายรับได้คอร์ทมักจะเปิดว่างอีกฟากทำให้ตีมาแล้วเราไปรับยาก แต่นาดาลไม่สนใจครับ เขาหาวิธีตีให้ได้ชัวร์ แรง และวิ่งให้เร็ว ร่างกายตรงไหนที่เขาไม่ออกแรงกันนาดาลก็หาวิธี หาท่าทางนำส่วนนั้นมาออกแรงเพิ่มการหมุนให้ลูก สิ่งเหล่านี้ เมื่อนำมารวมกับการตีแบบนักเทนนิสยุคใหม่คนอื่นที่นาดาลทำได้ เขาก็ลอยออกมาเคียงคู่เฟดครับ

แต่อย่างไรก็ดี สองคนนี้มีอีกอน่างที่เหมือนและต่างครับ คือ หัวใจพิเศษ เฟดเดอรเรอร์นั้น มีจิตใตสงบเย็นมาก(ทั้งๆที่แรงมาก่อน) และแม้จะนิ่งซะคล้ายกัยดูไม่ก้าวร้าว ไม่ดุดัน แต่การเปลี่ยนรูปเกมส์ราวกับอ่านใจคนอื่นได้ล่วงหน้านั้น คือความเข้าใจในวิถีโต้ตอบแบบถ่องแท้ครับ เฟดจะวิ่งไปถูกที่ถูกทางเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแต้มสำคัญ
ส่วนนาดาลนั้น จิตใจดีมากครับ ผมไม่เคยเห็นนักเทนนิสคนไหนดื่มด่ำกับทุกลูกทุกแต้มแบบเขามาก่อน เหมือนเขาอยากเล่นตลอดเวลาไม่มีวันหยุด และที่พิเศษสุดจริงคือ (เวลาตีได้ไม่ดี หรือโมเมนตั้มเกมส์ไปอยู่ทึ่คนอื่น) ซึ่งนักเทนนิสทุกคนจะมีสิ่งนี้จะเกิดเป็นช่วงๆเสมอระหว่างการแข่งขันนั้น นาดาลเป็นคนที่ลืมเรื่องเก่า และกลับมาใหม่ได้เร็วมากครับ บางคนอาจแผ่วไปสองสามเกมส์ บางคนโมโหแล้วหลุดไปทั้งเซ็ท แต่นาดาลบางครั้ง แค่เกมส์ต่อไปเขาก็กลับมาได้ดีแบบเดิมครับ ซึ่งนี่คือหัวใจที่มีชีวิตมากๆในความคิดผมครับ

อย่างไรก็ดี ตอนนี้คึกคักแล้ว สำหรับทุกท่านที่สนใจขบคิดชีวิตผ่านสิ่งที่เรียกว่าเทนนิสนั้น ผมมีเรื่องราวเทนนิสกับความเห็นบางอย่าง ฝากไว้ในหัวข้อใหม่นะครับ ส่วนพื้นที่ตรงนี้ขอบคุณเจ้าของพื้นที่ด้วยครับ

ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 09/10/2008
ขอบคุณมากๆ ครับ คุณ Karn ผมถามได้ถูกคนแล้วจริงๆ ผมไม่เคยได้รับข้อมูลที่น่าตื่นเต้น เร้าใจ ลึกซึ้ง ละเอียดละออ จากคอลัมนิสต์กีฬา คนไหนเช่นนี้มาก่อนเลย ถ้ามีคนมาอธิบายข้อมูลในลักษณะนี้ ผมจะดูเทนนิสได้อย่างมีอรรถรส มากขึ้นเป็นทวีคูณเลย

ผมแน่ใจลึกๆ อยู่ในใจว่า ถ้าคุณ Karn จะเขียนหนังสือ หรือบทความเกี่ยวกับเทนนิส แล้วละก็ มันอาจเป็นหนังสือที่อยู่ในแนวเดียวกับที่โชปราเขียนเกี่ยวกับกอล์ฟ (Golf Enlightenment : ซึ่งคุณนพรัตน์ และคุณนันท์ เขากำลังแลกเปลี่ยนความเห็นกันในอีกกระทู้หนึ่ง) เพราะคุณ Karn ไม่ได้วิเคราะห์เกม หรือผู้เล่น ไปในเชิงของกีฬาแบบเพียวๆ (อย่างกรณีคุณพิษณุ นิลกลัด เขาวิเคราะห์ วิจารณ์กอล์ฟ) แต่คุณไปไกลกว่านั้น มีโทนของเรื่องราวทางจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง แฝงฝังอยู่ด้วย ยอดเยี่ยมจริงๆ ครับ ออกจะละอายใจอยู่เหมือนกันที่คุณ Karn สละเวลาอธิบายให้ผมฟังอย่างกับผมก็เป็นผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่เป็นแค่ "ผู้ชมทั่วไป" คนหนึ่งเท่านั้นเอง

เอ้อ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว แล้วพี่น้องตระกูลวิลเลี่ยมส์ละครับ ถ้าให้เปรียบเทียบสองคนนี้ในหลายๆ มิติ คุณ Karn มีความเห็นว่าไงครับ



ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 09/10/2008
The William Siser เป็นพี่น้องสองสาวที่น่ารักนะครับ โดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับเธอทั้งสอง อย่างมาโดยเฉพาะ ตั้งแต่แรกได้ยินชื่อของพวกเธอ ซึ่งเชื่อว่าถูกครอบครัวบรรจงตั้งขึ้นด้วยความฝันอันยิ่งใหญ่ เพราะมาจากชื่อของเทพีกรีกอย่าง เทพี วีนัส (หรือ อะโพรไดซ์ Aphrodite) ซึ่งเป็นเทพีแห่งความรักและความงามของหญิงสาว กับ เทพี เซเรน่า (หรือ ลูน่า Luna) เทพีแห่งดวงจันทร์ เทพีผู้ลึกลับอีกองค์ที่ทรงพลังและมีมนต์ขลังอย่างมาก ด้วยชื่อแบบนี้ ผมรู้สึกได้เลยครับว่า เธอและครอบครัวย่อมไม่ธรรมดาแน่ๆ

ซึ่งก็จริงครับ พี่วี (ไม่เกี่ยวกับน้องนกนะครับ) คนพี่นั้น เป็นนักเทนนิสผิวสีที่มีรูปร่างสูง เพรียวงดงาม ดูเธอดีๆนะครับ จริงๆแล้วหุ่นเธอเป็นบอดี้แบบนางแบบเลย ที่สำคัญในเชิงเทนนิสนั้น วีนัส วิลเลี่ยมส์ ยิ่งเหมือนเทพีวีนัสเข้าไปใหญ่ เทพีวีนัสนั้นฉลาด แสนกลและมีความช่างคิดแยบยล ซึ่งต่างจากเทพกรีกทั่วไปที่มักจะอารมณ์รักดูดดื่มรุนแรงและแปรปรวนง่าย วีนัสเองแม้จะเป็นหนึ่งในนักเทนนิสผู้เปิดศักราชของเทนนิสหญิงยุคใหม่ที่เล่นpower game แต่เธอก็ยังมีลีลาการสร้างเกมส์ที่สวยงามในแบบยุคเก่าอยู่มาก เรียกได้ว่าเป็นนักเทนนิสที่สุขุมใจเย็น และมีทิศทางสวยงาม เป็นลูกผสมและเป็นจุดเชื่อมต่อสู่ยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง การผสมผสานแบบนี้เองครับที่ทำให้วีนัสผู้พี่แจ้งเกิดเร็วกว่าเซเรน่าคนน้อง อย่างไรก็ตาม พอเธอเกิดมาได้ไม่นานก็ดูแผ่วๆไปบ้าง ซึ่งเป็นเพราะว่ารูปแบบเกมส์ของเธอนั้นเกิดสับสน อยากใหม่ แต่ก็พะวงเก่า ไปๆมาๆเลยซาไปพักหนึ่ง อย่างไรก็ดีในเรื่องบุคลิกส่วนตัว ผมว่าเธอน่ารักนะครับซึ่งต่างเทพีวีนัส เทพีวีนัสนั้นแม้สวยแต่ก็ไม่ใสซื่อเท่าไหร่ เพราะภายใต้ความงามและห่วงแขน(จำชื่อไม่ได้)ที่ปล่อยแสงสเน่ห์ออกมานั้น เธอก็เจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นกัน และเรียกได้ว่าต้องการเอาชนะอยู่เสมอจนทำให้เกิดเรื่องมากมายบนโลกมนุษย์ อย่างน้อยความงามของเธอก็เป็นต้นตอให้ เจ้าชายปารีส(แห่ง ทรอย)โดนสาป จนทำให้เขาต้องไปหลงรักเฮเลน ทำให้เกิดรักสามเศร้า และเกิดศึกจามมาจนทรอยแตกสลายมาแล้ว แต่วีนัส วิลเลี่ยมส์ต่างกันครับ เท่าที่ผ่านมา วีนัสเองไม่เคยมีข่างเรื่องส่วนตัว หรือเสื่อมเสียเลย ความสนใจของเธอนั้นมุ่งไปที่สิ่งที่เธอรักคือ ครอบครัว เทนนิส และศิลปะ โดยเฉพาะการดีไซน์เสื้อผ้าที่เธออุทิศเวลาเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ปัจจุบัน ตอนนี้วีนัสเปิดแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาเป็นของตนเองแล้วครับ ในชื่อว่า “EleVen” แค่ชื่อก็เซอร์แล้วครับ และเราจะเห็นเสื้อยี่ห้อนี้ได้จากชุดที่เธอดีไซน์เอง และใส่เองลงสนามแข่งครับ

ส่วนน้องเซ คนน้อง หรือเซเรน่านั้น เธอมีชื่อเหมือนกับเทพีแห่งดวงจันทร์ ผู้ลึกลับแต่ทรงพลังครับ และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เซเรน่าปรากฏกายในคอร์ทด้วยรูปร่างล่ำสั้น ดำเข้ม เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และมีท่าทางดุดัน แต่อย่างไรก็ดี เซเรน่านั้นก็มีมุมสุดขั้วในตัวเองที่คนอื่นคิดไม่ถึงครับ โดยส่วนตัวแล้วเธอเป็นเลดี้ หวาน กุ๊กกิ๊ก และ ช่างฝันมากๆ ซึ่งแม้เซเรน่าจะมีเกมส์ที่ดุดัน สมัยใหม่ของแท้ และเล่นเกมส์ในรูปแบบใหม่ คือบุกดุดันและหวดสโตรคสุดแรงทรงพลัง(ราวกันนาดาล) แต่เธอก็ชอบเสียงเพลง บันเทิง สนใจศิลปะ ชอบงานสังสรรค์ และสนใจดีไซน์เสื้อผ้าเช่นเดียวกับพี่สาว สำหรับผม เภายในต้ความดุดันนั้น เธอขลังเหมือนพระจันทร์ที่มีทั้งสวยงาม ชวนฝัน แต่ในอีกมุมก็มีความลึกลับและน่ากลัวอยู่ด้วยเช่นกันครับ

ส่วนเวลาที่ต้องแข่งกันเองนั้น ก็เป็นเวลาที่สนุกอีกแบบของคนดูครับนั่นคือ มันจะเป็นแมทช์ที่โหดเสมอ เราจะเห็นว่าสองคนนี้พยายามสร้างเทนนิสที่ดีที่สุดออกมาเพื่อคนดูครับ สองคนจะตั้งใจเต็มที่ และมันก็มักจะกลายเป็นแมทช์ที่มันส์ทุกครั้ง และไม่ว่าใครจะชนะ พวกเธอจะรีบเข้ามากอดกันเสมอเมื่อแมทช์จบลง
ที่สำคัญที่สุดสำหรับความสำเร็จที่สองคนพี่น้องได้มานั้น คือ สองคนนี้ใกล้ชิดและรักครอบครัวรวมถึงรักกันเองมากครับ และพวกเธอมักจะยิ้มแย้มดูสดชื่นมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ ซึ่งผมว่านี้เองหละครับที่ทำให้ ตอนนี้สองคนนี้กลับมายืนแถวหน้าได้อีกครั้งแล้ว
ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 10/10/2008
และจากหนังสือ Golf for Enlightment ที่อาจารย์แนะนำนั้น ทำให้ผมนึกได้ว่า ผมอาจจะมีมันอยู่แล้วที่ชั้นหนังสือที่ห้องทำงานก็เป็นได้ หนังสือเล่มนี้ได้มาโดยบังเอิญครับ คืออยู่ๆก็มีเพื่อคนหนึ่งที่ไม่ได้เล่นกอล์ฟ ยื่นให้และบอกว่าเปิดไปหน่อย แต่นึกถึงผม เลยเอามาให้ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เล่นกอล์ฟ แต่อย่างไรก็ดีครับ ตอนนี้ตื่นเต้นมากที่กำลังเดินทางไปที่ทำงาน เพื่อดูปกหนังสือเล่มนั้น ว่ามีชื่อ มิสเตอร์ โชปรา (ที่หน้าเหมือนเฟดเดอเรอร์มาก) หรือเปล่า?
ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 10/10/2008
ขอบคุณอย่างยิ่งยวดอีกครั้งครับ คุณ Karn ผมจินตนาการไปว่าถ้าคุณเป็นผู้บรรยายเกมการแข่งขันเทนนิส แล้วละก็ ผู้ชมน่าจะได้รับความเพลิดเพลิน ได้รับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย และแง่มุมมต่างๆ มากทีเดียว นอกเหนือจากอรรถรสในการชมการแข่งขันนั้นๆ แค่ชื่อของพี่น้องตระกูลวิลเลี่ยมส์ คุณยังสามารถเล่าโยงไปถึงเรื่องราวของเทพปกรณัม ตำนานเทพเจ้าของกรีก เรื่องราวของโอเดสซีอุส สงครามแห่งกรุงทรอย ไปได้อย่างที่เรียกว่า "ไร้รอยตะเข็บ" เลยจริงๆ ขอคารวะครับขอคารวะ



ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 12/10/2008
วันนี้ไปซื้อหนังสือภาษาอังกฤษ มา2 เล่ม ที่ร้านซีเอ็ด บิ๊กซี สาขา จ ยโสธร พนักเก็บเงินใสแว่น จำชื่อไม่ได้ รู้แต่ว่าบริการห่วยแตกมาก ลูกค้าถามเรื่องส่วนลดก็มีอารมณ์ ทำยังนี้กับลูกค้ามันก็ไม่ถูกต้องแล้ว. ถ้าไม่มีเซอร์วิสมาย ก็ไม่สมควรมาทำงานด้านนี้ ฝากผู้บริหารร้านช่วยอบรมด้วย กริยามารยาททรามเกินรับไหว มาซื้อนะคะไม่ไดมาขอบริจาค
ชื่อผู้ตอบ : คนต่างถิ่น ตอบเมื่อ : 02/06/2012


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code