แนะนำหนังสือที่ชอบครับ
แนะนำหนังสือที่ชอบครับ
ทุกวันนี้มีหนังสือเยอะมาก ทำให้ไม่รู้จะอ่านเล่มไหนดี
เพราะบางเล่มอาจจะตรงใจแค่ชื่อหนังสือ แต่เนื้อหาไม่ดีเท่าที่ควร
เลยอยากให้ทุกท่าน
แนะนำหนังสือที่ตัวเองชอบ และคิดว่าเป็นหนังสือที่ดี
เรียกว่าซื้อแล้วไม่ผิดหวัง
เพื่อเป็นแนวทางให้ท่านอื่นที่ชอบในแนวเดียวกัน
ได้หาเก็บมาอ่าน ครับ
ชื่อผู้ส่ง : nut ถามเมื่อ : 10/09/2008
 


ชอบที่สุดของผม คือ ชนะมิตรและจูงใจคน ของเดล คารเนกี้ครับ

ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 11/09/2008
ถ้าจะแถมอีกซัก 2 เล่มคือ
seven spritual laws of success
และก็พลังพูดพลังเพิ่ม ครับ

ผมไม่ได้เขียนเอาใจใครนะครับ

ผมมีเหตุผลของผม แต่มันยาว เดี๋ยววันหลังผมจะเล่าให้ฟังครับ คุณnut
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 11/09/2008
การเลือกซื้อหนังสือในร้ายนหรือตามที่ต่างๆเป็นประสบการณืส่วนตัวที่วิเศษนะครับ เพราะพอเค้ามาอยู่กับเราแล้ว เราจะจำได้เสมอว่าพบเค้าที่ไหน มาได้ยังไง และชอบหรือเซ็งหรือเบื่อเค้าแค่ไหนตอนอ่าน หรือบางทีก็ไม่ได้อ่านด้วยซ้ำแต่มาอยู่กับเราเป็นปีๆแล้ว และที่สำคัญครับ เวลาที่เรารู้สึกสนใจเล่มไหนจนซื้อมาแล้ว แต่พออ่านกลับพบว่าไม่ชอบหรืออ่านไม่จบนั้น เชื่อเถอะครับ วางไว้แบบนั้นแหละ เมื่อเวลาหนึ่งมาถึง ทเล่มเก่าๆเล่มนั้นจะกลับมาตอบความสงสัยในใจบางอย่างของเราได้ครับ เพราะตอนซื้อเราก็ซื้อจากตัวตนเรา ยังไงเราก็คือส่วนหนึ่งของหนังสือครับ ว่ามายาวเพราะอยากให้คุณnut ได้ความรู้สึกดีๆน่ะครับ

แต่อย่างไรก็ดี แนะนำ สามเล่ม แนวอ่านแล้วสนุก สุขใจ ไม่เหนื่อย แต่ดีมีประโยชน์นะครับ
the alchamist โดย Paolo Coelho
ชื่อไทยว่า ขุมทรัพย์สุดปลายฝันครับ
high fidelity โดย nick hornby
ชื่อไทยว่า รักตกร่องครับ

และ แนวคิดๆมากขึ้นหน่อย แต่ก็ยังอ่านสนุก
"ผ่านพ้นจึงค้นพบ" ของ อใสกสรรค์ ประเสริฐกุลครับ

อ้อ ประสบการณ์เวลางบร่อยหรอ แล้วต้องทำงานเพิ่ม หรือเก็บตังค์มาซื้อเล่มที่อยากได้นั่นก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่วิเศษนะครับ ขอให้มีความสุขครับ








ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 11/09/2008
เมื่อก่อนไม่เคยอ่านหนังสือแนว spritual สักเท่าไหร่เพราะบางครั้งก็ติดอยู่กับคำว่า How to แต่หลังจากได้อ่าน seven spritual laws of success ก็เรียกได้ว่าชีวิตดึงดูดหนังสือแนวนี้ขึ้นเรื่อยๆ และแค่ตามอ่านหนังสือที่อ.วสันต์ คุณแฟนพันธ์แท้ คุณนันท์ และท่านอื่นๆ ที่คุยกันในเว็บบอร์ดนี้ก็แทบจะตามเก็บตามอ่านไม่ทันแล้วล่ะค่ะ

ดังนั้น ถ้าเป็นหนังสือแนว spritual นี้ที่ชอบแต่ไม่อาจยกให้เล่มใดขึ้นหิ้งเป็นที่ 1 ได้เพราะแต่ละเล่มล้วนมีสิ่งดีดีที่มีเสน่ห์แตกต่างกันไป หยิบมาอ่านบ่อยพอพอกันแล้วแต่อารมณ์ของตัวเองมากกว่า ซึ่งก็น่าจะเป็น seven spritual laws of success ของคุณหมอดีพัค โชปรา, พลังแห่งจิตปัจจุบันของเอ็กค์ฮาร์ท โทลเลอ 10 เคล็ดลับเพื่อความสำเร็จและความสงบสุขภายใน ของ ดร.เวย์น ไดเออร์ และหนังสือชุดของโนวาอนาลัยค่ะ

ขอเล่าถึงที่มาของ seven spritual laws of success ว่า เป็นม้านอกสายตามากมาก คือเข้าร้านหนังสือแบบต้องเข้าเป็นปกติน่ะค่ะ ไม่มีเป้าหมายใดๆ ชัดเจนว่าอยากได้หนังสือเล่มไหนเป็นพิเศษ แล้วก็เหลือบไปเห็น seven spritual laws of success เข้า ปกหนังสือ ชื่อผู้เขียน-ผู้แปลเนี่ยไม่ได้เรียกร้องให้ซื้อหรอกนะคะ แต่พอดีว่าตอนนั้น B2S เค้าจัดหนังสือไว้ค่อนข้างเด่นทีเดียว ลองพลิกๆ อ่านเนื้อหาก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ที่ตัดสินใจซื้อภายในวินาทีเดียวก็เพราะโครงการหนังสือส่งต่อน่ะค่ะ รู้สึกว่าเป็นวิธีการที่น่ารักมากๆ เลย อ่านโครงการหนังสือส่งต่อจบปั๊ปก็ตัดสินใจทันที พร้อมกับนึกถึงคนที่เราจะส่งหนังสือให้เค้าทันทีเป็นอัตโนมัติ ดังนั้น ถ้าจะบอกว่าซื้อ seven spritual laws of success เนี่ยเป็นเพราะโครงการหนังสือส่งต่อโดยแท้ค่ะ

แต่ถ้าเป็นหนังสือที่หลุดนอกแนว spritual ไปเลยก็ชอบ ความสุขของกะทิ ของงามพรรณ เวชชาชีวะ ที่อ่านแล้วหัวใจเราจะระบายยิ้มอ่อนๆ เหมือนๆ ฉาบทาความเศร้าเหงาซึ้งไว้ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเศร้าที่แสนสุข เศร้าที่โอบกอดไว้ด้วยความรักและความอบอุ่นใจอ่ะค่ะ อีกเล่มก็ยกให้ Tuesdays with Morie หรือ วันอังคารแห่งความทรงจำกับครูมอร์รี ค่ะ เขียนโดยลูกศิษย์ครูชื่อ Mitch Albom หนังสือที่จะได้ร่วมค้นหาแก่นแท้ของชีวิต ทั้ง 2 เล่มนี้อ่านจบปิดหน้าหนังสือแล้วจะรู้สึกว่าอิ่มลึกอยู่ภายในน่ะค่ะ อ้อ ขอแถมหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจใฝ่ฝันให้กระทำตามในเรื่องราวการผจญภัยกะชีวิตสักหน่อยนะคะ เล่มนี้เลยค่ะ หนุ่มนักโบกกับสาวขี้ข่น ของพี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง ตอนอ่านจบรู้สึกตื่นใจมาก บอกกับตัวเองว่าฉันจะต้องโบกรถเที่ยวให้ได้ แล้วก็นำไปเป็นประเด็นสนทนากับเพื่อนฝูงเสมอๆ สุดท้ายชีวิตนี้ก็ได้ผ่านประสบการณ์โบกรถเที่ยวจริงๆ ทั้งแบบเดี่ยว คู่ กลุ่ม เรียกได้ว่าหนังสือเล่มนี้เปิดไฟในใจวัยรุ่น (ตอนนั้น) ให้ลุโชนได้ดีทีเดียวค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 11/09/2008
บังเอิญกำลังคุยกันเรื่องหนังสือ กับท่านอาจารย์วสันต์ และคุณแฟนพันธุ์แท้ อยู่ที่กระทู้ เทพไท้เทวา พูดถึงหนังสืออยู่ 2 เล่ม ที่ชักชวนให้คุณแฟนพันธุ์แท้อ่าน เลยขอนำมาแนะนำไว้ตรงนี้ด้วย ครับ

เล่มแรก คือ "Conversation with God สนทนากับพระเจ้า" เขียนโดย Neale Donald Walsch ของสำนักพิมพ์ โอ้พระเจ้า และ "The Power of Now พลังแห่งจิตปัจจุบัน" เขียนโดย Eckhart Tolle ของสำนักพิมพ ต้นไม้ เล่มที่ 2 นี้ ผมเคยพูดถึงมาบ้างแล้วในกระทู้ก่อนๆ

ในรสนิยมและความเห็นของผม ทั้ง 2 เล่มนี้ เป็นหนังสือแนวจิตวิญญาณที่น่าอ่านมาก สำหรับหนังสือที่ออกมาในระยะ 3-4 ปีนี้ ที่มีแปลออกมาในบ้านเรา

"Conversation with God สนทนากับพระเจ้า" ต้นฉบับภาษาอังกฤษมี 3 เล่ม มีแปลออกมาแล้ว 2 เล่ม ส่วน"The Power of Now พลังแห่งจิตปัจจุบัน" นั้น มีเล่มฉบับกึ่งย่อ ที่ Eckhart Tolle เขียนขึ้นมาเป็นฉบับ apply จากเล่มหลัก ใช้ชื่อว่า " Practicing the power of now การฝึกปฏิบัติพลังแห่งจิตปัจจุบัน" ซึ่งก็น่าสนใจมากๆ เช่นกัน

เพิ่มเติมเกร็ดครับ คนเขียนทั้ง 2 คน เล่าเหตุของการที่เขาทั้งสอง สามารถบรรลุซึ่งตัวรู้ หรือจะเรียกว่าสนทนาก็แล้วแต่ คล้ายๆ กันคือ เกิดจากเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นวิกฤตตกต่ำที่สุดของชีวิต แล้วหยั่งถึงได้รับข่าวสารหรือความรู้อันนั้น

ผมได้อ่านมุมมองเพิ่มเติมของคุณ Karn และคุณ dadeeda อันเกี่ยวเนื่องกับประสบการณ์และเรื่องราว ที่สัมพันธ์ระหว่างหนังสือกับชิวิต ทำให้กระทู้นี้ดูงดงามและอบอุ่นมากๆ ครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่า หนังสือทุกเล่มที่เราอ่าน แท้จริงเรากำลังอ่านชีวิตของเราเอง มันทำให้เราเห็นชีวิตของเราทั้งที่ผ่านมาและทั้งที่เราอยากเห็นมันเป็นไป ดังนั้นหนังสือที่เราเลือกมาสู่ชีวิต ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ มันได้ถูกส่งหรือดึงดูดมันมาสู่เรา ผมชอบมากเวลาที่จิตดีๆ นิ่งๆ และงดงาม แล้วเดินผ่านเข้าไปนร้านหนังสือดีๆ บางทีไม่ได้ซื้อ ให้ใจหยิบขึ้นมา แค่พลิกอ่าน ได้เห็นบางรูป หรือบางบท ไม่จำกัดว่าเป็นหนังสือประเภทใด ก็ได้ข่าวสารดีๆ บางอย่างของชีวิตกลับไปเสมอๆ

และจริงอย่างที่คุณ Karn ว่า เรามักจะจำประสบการณ์ขณะที่เราได้พบหนังสือบางเล่มของเราได้ เหมือนที่เรามักจำประสบการณ์เมื่อแรกพบใครบางคน ที่กลายมาเป็นคนสำคัญในชีวิตของเราได้เสมอ ทั้งคนรัก เพื่อนสนิท ทุกๆ moment ที่มีค่า แม้จะมาโดยที่เราไม่รู้ตัวมันจะรอคอยเราอยู่ในความทรงจำครับ

อยากรอฟังจากผู้อื่นบ้าง ครับ


ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 11/09/2008
ผู้รู้หลายท่านถึงได้บอกไงครับว่า "จงซื้อหนังสือที่เราชอบ แม้เราจะไม่ได้อ่านมันเลยก็ตาม" แค่เพียงแต่ซื้อมันเท่านั้น แม้จะยังไม่ได้อ่าน ก็ยังมีนัยสำคัญบางอย่างบ่งบอกได้

เวนย์ ไดเออร์ ยังได้เขียนไว้ในคำนำหนังสือ "คัมภีร์สมใจนึก" ที่เขียนโดยอีสเธอร์ และเจอร์รี่ ฮิคส์ ว่า "ถ้าคุณยังไม่พร้อม หรือยังไม่สะดวกที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็ไม่เป็นไร แต่ก็จงถือหนังสือเล่มนี้ติดตัวไปด้วยทุกหนทุกแห่งก็แล้วกัน!" สิ่งที่ไดเออร์กล่าวนี้ ก็มีนัยสำคัญอย่างยิ่งยวดทีเดียว

คำพูดเก่าๆ ยังคงใช้ได้ดี และเป็นสัจธรรมเสมอ ที่ว่า "We are what we read!!"

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 11/09/2008
ขอแถมอีกนิดเหอะ.. มาร์ค ทเวน เคยพูดไว้น่าฟังว่า "คนที่ไม่ยอมอ่านหนังสือดีๆ ก็ไม่มีอะไรต่างจากคนที่อ่านหนังสือไม่ออก"


ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 11/09/2008
ได้กลับมาอ่านความคิดเห็นต่างๆแล้วก็อึ้งครับ คือพออ่านแล้วจิตก็สงบแล้วก็มีความอิ่มเอมอยู่ภายใน
นับว่าคุณ Karn คุณ dadeeda ได้ทำให้กระทู้งดงามขึ้นจริงๆ อย่างที่คุณ นันท์ กล่าวไว้
ความจริงตอนตั้งกระทู้ ก็เพราะในร้านมีหนังสืออยู่เยอะ แล้วตัวเองไม่มีเวลาพอที่จะได้พลิกดูทุกเล่ม
จึงอยากทราบว่าเราพลาดหนังสือที่ดีบางเล่มไปหรือไม่
และเห็นด้วยครับกับโครงการหนังสือส่งต่อ มีผลกับการตัดสินใจซื้ออย่างมาก
เพียงแค่อ่านโครงการ เพราะมั่นใจว่าเนื้อหาหนังสือคงจะดีแน่ ผู้แปลจึงมั่นใจอยากให้แพร่หลายกันมากๆ
และทำให้อยากเข้า web มาพูดคุยกับคนแปล ด้วยคิดว่าต้องเป็นคนที่มีจิตใจดีงามมากคนหนึ่ง
จึงสร้างโครงการที่ให้ประโยชน์แก่สังคม โดยไม่เน้นที่ผลกำไร
ที่ คุณ dadeeda แนะนำ ความสุขของกะทิ ที่อ่านแล้วได้ความอบอุ่นในใจ ทำให้ผมนึกถึง
หนังสือเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็กครับ สำหรับผมอ่านแล้วได้ความรู้สึกอบอุ่นในความเป็นอยู่แบบไทยๆในสมัยก่อนครับ
เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแบบพอเพียงครับ
ส่วนเล่มพลังแห่งจิตปัจจุบัน ผมไปตามหาหลายที่หมดครับ
ถ้าหนังสืออ่านเล่นแนวปรัชญา แนะนำ โลกของโซฟีครับ ของสำนักพิมพิ์คบไฟ
ชื่อผู้ตอบ : nut ตอบเมื่อ : 11/09/2008
พูดถึงหนังสือกับชีวิต
สิ่งที่นึกถึงตอนนี้ก็ซ้ำกะ ที่อาจารย์และคุณนันท์บางส่วน
ขอเขียนทั้งหมดเพื่อเป็นอนุกรมเดียวกันก็แล้วกันค่ะ....อิอิ

เคยฟังมาจนขึ้นใจ ว่าชีวิตของเราจะป็นอย่างไรใน5-10ปี ต่อไป มีตัวช่วย ที่จะทำให้แตกต่างจากเดิมดังนี้คือ
1.เพื่อนที่คุณคบ(และรวมคู่ชีวิต)
2.หนังสือที่คุณอ่าน
3.เพลงที่คุณฟัง
4.หนังที่คุณดู
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 13/09/2008
น่าสนใจครับ คุณแฟนพันธุ์แท้ เรื่องอื่นๆ เปลี่ยนหรือหาใหม่ เพื่อให้เกิดความแตกต่างได้หมด ยกเว้นคู่ชีวิต ใครจะไปกล้าครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 13/09/2008
ต้องบอกขอประยุกต์จากวิธีการแพทย์ทางเลือกดังนี้ค่ะ
หนังสือสามารถเปลี่ยนความคิด
ความคิดเปลี่ยน.....ชีวิตก็เปลี่ยนค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 14/09/2008
ต้องมีข้อ 5 อีกข้อครับคุณแฟนพันธุ์แท้ คือ "อาหารที่คุณกิน"

และฝากถึงคุณ nut ครับ ผมซื้อหนังสือ "โลกของโซฟี" มานานหลายเพลาแล้ว แต่ด้วยความหนาของมันถึงกว่าห้าร้อยหน้า และพลิกดูเนื้อหาคร่าวๆ แล้ว ก็เห็นว่าเป็นเรื่องปรัชญา จึงยังคง "โรยเกลือ" ดองเค็มเก็บไว้ แต่เมื่อมาอ่านที่คุณบอกว่าเป็น "หนังสืออ่านเล่นแนวปรัชญา" ก็เลยทำให้เกิดกำลังใจว่าไม่น่าจะยากเย็นอย่างที่คิด อาจได้อ่านเร็วๆ นี้แหละ (ผมก็เชื่อว่าน่าจะเป็นหนังสือดีมากเล่มหนึ่ง มิฉะนั้น คงจะไม่พิมพ์ซ้ำมาถึงครั้งที่ 10 แล้วกระมัง) ขอบคุณนะครับ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 14/09/2008
อาจารย์ครับเมื่อ 2 วันก่อนผมไปหา สนทนากับพระเจ้า 1 มาแล้วครับ โอ้โห อ่านแล้วต้องอุทานออกมาว่า พระเจ้า ....( เสียงสูง) วางไม่ลงจริงครับ ผมน่ะนึกขอบคุณพระเจ้าเวลาอ่าน และก็นึกขอบคุณอาจารย์และคุณนันท์ตลอดเลยครับที่ได้เเนะนำว่าต้องอ่านหนังสือเล่มนี้.....ยากจะบรรยายว่าตื้นตันจริง ๆ ครับ...
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 15/09/2008
ยินดีด้วยครับคุณนีโอ . .

ขอนอกเรื่องหน่อยครับ ผมได้มีโอกาสเข้าไปชื่นชมและพูดคุยกับน้องๆ เจ้าของสำนักพิมพ์ โอ้พระเจ้า ตอนที่เขาเอาหนังสือเล่มนี้มาออกร้านในงานสัปดาห์หนังสือครั้งแรก เข้าใจว่าน่าจะเป็นเล่มแรกๆ ของสำนักพิมพ์ (ตอนนั้นผมยังไม่ได้แปลหนัสือ 7 กฎ) และได้แวะถามไถ่ ทักทายทุกครั้ง จนครั้งหลังสุดเมื่อต้นปี น้องๆ เขาได้กรุณาเอาหนังสือ 7 กฎฯ ไปออกร้านด้วย (ซึ่งเท่าที่ทราบ เขาได้อ่านและชอบเช่นกัน)

จากที่ได้พูดคุยกัน เป็นกลุ่มคนหนุ่มต้นๆ (จนผมต้องเรียกว่าน้องๆ) ที่น่ารักมาก และสังเกตเห็นว่าหนังสือที่เลือกแปลออกมาเล่มหลังๆ เป็นงานที่มีแนวทางดีครับ เลยขออนุญาตเชียร์กันหน่อย ลองแวะไปดูในเวบไซด์ของพวกเขาก็ได้ ผมเชื่อว่าอาจจะมีบางเล่มที่ถูกใจ ครับ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 15/09/2008
การมีหนังสือแนวนี้ออกมาเพิ่มมากขึ้น
จากการสังเกตุ ทั้งระยะใกล้และระยะไกล ทำให้ผู้คนเป็นมิตรกันมากขึ้นซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีมากๆค่ะ

หลายๆทีเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ยิ่งกว่าญาติสนิท
และทำลายกำแพง/ช่องว่าง ระหว่างอาชีพ , วัย และฐานะทางสังคม
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 16/09/2008
เป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักทีเดียวครับ ก็อาจเป็นเครื่องหมายแสดงว่า ผู้คนในโลกนี้ เริ่มรู้แล้วว่าไม่สามารถค้นหาความจริงจาก "ข้างนอก" ได้ จึงหันมาค้นหาความจริง "ข้างใน" กันมากขึ้นทุกที เป็นสิ่งที่เราสามารถจับสัญญาณได้ว่าเป็นเช่นนี้กันไปทั้งโลก (แม้แต่ตัวของเราเอง)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 16/09/2008
ผมสนับสนุนด้วยคน

เราเกิดมา เพื่อจดจำให้ได้ว่า แท้จริงแล้วเราเป็นใคร . . พระเจ้ากล่าวไว้เช่นนั้นในหนังสือ "Conversation with God"

และความทรงจำถูกต้องอันแรก ที่จะช่วยนำทางเราเข้าสู่ส่วนลึกที่สุดที่เราได้หลงลืม คือ การจำได้ว่าตัวตนที่แท้ของเราไม่ใช่กายภาพภายนอก แต่เป็นนามธรรมที่อยู่ภายใน

เชิญช่วยกันมารื้อฟื้นความทรงจำนี้ร่วมกัน เราจะได้นับญาติกัน ให้ทั่วทั้งโลกเลยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 16/09/2008
ผมชอบหนังสือแนวนี้มากๆครับและยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆทุกคนครับ หนังสือของดีพัค โชปราอีกเล่มที่ผมแนะนำคือ โชคดวงความบังเอิญคุณกำหนดได้ ของสนพ.ต้นไม้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการลิขิตชีวิตอย่างประจวบเหมาะ Synchrodestiny คือถ้าเราดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับสภาวะธรรมชาติหรือจิตวิญญาณ ทุกอย่างในชีวิตจะประจวบเหมาะลงตัวไปหมด แต่ผมยังไม่รู้จะเริ่มยังไงเหมือนกัน ยังไงใครอ่านแล้วช่วยแนะนำด้วย อ้มีที่จะบอกคือ สนพ.ต้นไม้ออกหนังสือใหม่ล่าสุดชื่อเท่ห์ชื่อว่า ทุกคำพูดมีพลัง(EVERY WORD HAS POWER) ลองอ่านดูนะครับ แล้วก็ผมอยากคุญเรื่องพวกนี้ให้มากขึ้นยังไงถ้าเพื่อนๆว่างเรามาแชทกันดีกว่า เว็บไหน เวลาไหน นัดกันมาเลยนะครับ สำหรับผม ว่างถึง ถึงเดือนหน้า ปิดเทอมตั้งเดือนนึง แล้วเจอกันนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 17/09/2008
ยินดีรู้จักครับ คุณนิก

หนังสือ "โชคดวงความบังเอิญคุณกำหนดได้" ความจริงเคยมีพูดถึงกันอยู่ ในกระทู้ก่อนๆ แต่ที่น่าสนใจมาก คือ หนังสือ "ทุกคำพูดมีพลัง(EVERY WORD HAS POWER)" เพราะแค่ชื่อก็ตรงใจมาก ลองค้นข้อมูลดูจึงรู้ว่าคนแปลคือ คุณพรรณี ชูจิรวงศ์ ยิ่งตรงใจ ด้วยชื่นชอบการแปลของเธอ ซึ่งพักหลังหายไป สงสัยไปซุ่มแปลเล่มนี้ คงต้องไปตามหาอ่านดูครับ

ยินดีแลกเปลี่ยนคุยกันเรื่องพวกนี้เช่นกัน แต่เรื่องแชท คงสู้ไม่ไหว ไม่อย่างนั้นคงต้องไปให้ลูกสาวสอนก่อน เอาเป็นว่าสำหรับผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้แลกเปลี่ยนกันแทน คนแถวนี้ก็อาจพอมีที่ชำนาญการแชท เช่น คุณแฟนพันธุ์แท้ ผมว่าน่าจะได้ เห็นแกออกแนวๆ อยู่

ว่าแต่ที่คุณนิก พูดถึงว่างเพราะปิดเทอม หมายถึงว่างในฐานะ ครู อาจารย์ นักเรียน หรือนักศึกษา ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 18/09/2008
นักศึกษา แผนกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ชั้นปวช.3(เทียบเท่า ม.6)วิทยาลัยสารพัดช่างปราจีนบุรี แต่อายุผม20เท่ากับอยู่มหาวิทยาลัย ปี 2 แต่เนื่องจากตอนนั้นมีปัญหาทางจิตใจนิดหน่อยจึงทำให้เรียนช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันไป2ปีครับ จนได้มารู้จักคุณอาวันชัย ซึ่งเคยเป็นเพื่อนแม่ผมสมัยเรียนประถม ที่บูธสนพ.ต้นไม้ ทำให้สภาวะจิตใจผมเปลี่ยนไปอย่างเยอะมากทีเดียว ต้องขอบคุณคุณอาเขาอย่างมากทีเดียวครับ แต่ปัญหาของผมตอนนี้คือ ยังไม่รู้จะเริ่มปฏิบัติตามหนังสือพวกนี้ยังไง ซึ่งก็กำลังหาวิธีทำตามอยู่
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 18/09/2008
หนังสือที่ชอบสุดๆ เอา TOP FIVE เลยนะครับ เรียงลำดับดังต่อไปนี้
1. โชค ดวง ความบังเอิญ คุณกำหนดได้ ของ ดีพัค โชปรา ชอบตรงที่เนื้อหาลึกซึ้ง และ CONCEPT การลิขิตชีวิตอย่างประจวบเหมาะ(SYNCHRODESTINY) คำว่าSynchro- เป็นนำหน้าสำหรับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นอย่างสอดคล้องกัน นำหน้าคำว่า Destiny ที่แปลว่าโชคชะตา ก็คือ โชคชะตาที่เป็นของเราในดวงวิญญาณตั้งแต่ดวงแรกที่จุติ ผ่านไปไม่รู้กี่ล้านชาติจนกระทั่งนิพพาน เนี่ยดูเหมือนเราจะกำหนดเองทั้งหมด แต่จริงๆแล้ว ความปรารถนาจากจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นความปรารถนาที่แท้จริงของเราเนี่ยแหละ คือแผนการหนึ่งของพระเจ้าซึ่งออกแบบไว้อย่างเป็นระเบียบซ่อนเร้น โดยถ้าเราไม่มีสมาธิระดับสูงพอเราจะไม่เห็นบทละครชีวิตทั้งหมดของเราเลย
2. สนทนากับพระเจ้า (หมายถึง3เล่มเลย) ชอบตรงเป็นสัจธรรม และอภิปรัชญา ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้อ่าน
3. รวยด้วยคุณธรรม: จิตวิญญาณแห่งความสำเร็จ ชอบตรงที่ผู้เขียนมันส์สะใจมาก
4. QUANTUM SUCCESS ยังไม่ได้แปลเป็นไทย(จะแปลเป็นไทยโดย สนพ.ต้นไม้ ซึ่งคุณวันชัยเจ้าของจะแปลเอง) ชอบตรงที่กฏและหลักการและกฏในหนังสือเล่มนี้คลอบคลุมทุกทฤษฎีของจักรวาล ตั้งแต่ทฤษฎีนิวตัน(กริยา=ปฏกิริยา) ทฤษฎีกฏแห่งการดึงดูด ทำทุกสิ่งด้วยความรัก จุดมุ่งหมายของชีวิต ทฤษฎีสสารและพลังงานคือสิ่งเดียวกัน ทฤษฎีสิ่งใดก็ตามสามารถเป็นทั้งคลื่นและอนุภาคขึ้นอยู่กับเราสังเกต และทำให้เราไม่ต้องอ่านหนังสือกฏแห่งการดึงดูดแบบ The secret อีกเลย อ่านเล่มนี้ แล้วหนังสือพวกนั้นปัดทิ้งได้หมดเลย
5. MIND MAGIC เล่มนี้เนื้อหาเกี่ยวกับจิตใต้สำนึกล้วน อธิบายว่าทุกอย่างมีความสำนึกรู้ในตัวมัน ตั้งระดับเซลล์ ก้อนหิน ต้นไม้ สัตว์จนกระทั่งถึงคน หรืออธิบายว่าทุกสิ่งคือพระเจ้า!!!!
5 เล่มนี้ ในความเห็นของผม เป็น5 เล่มที่ดีที่สุดในโลก!!!
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 19/09/2008
2 เล่มแรก ได้เคยอ่านแล้ว 3 เล่มหลัง ยังไม่เคย ครับ งานสัปดาห์หนังสือฯ ในเดือนตุลาคม คงได้ตามเก็บกันครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 19/09/2008
คุณนันท์ครับ ....

-Practicing the power of now เนื้อหาที่ว่าถึงการคงอยู่กับปัจจุบันเนี้ยใช่เป็นอย่างเดียวกับ การปล่อยวางไหมครับ คือให้ยอมรับกับสิ่งที่เป็นอยู่อย่างที่มันได้เกิดขึ้น.....
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 22/09/2008
คุณนีโอคะ....ตอนนี้เรากำลังอ่านเล่มเดียวกันค่ะ
กำลังอ่านถึงบทที่2ละ.....ยังแลกเปลี่ยนอะไรไม่ได้ตอนนี้
ว่าแต่เรื่องสวดมนต์....คุณนีโอพร้อมจะสวดบทยากรึยังคะ?

จะได้มีเรื่องพิสดารมาแลกเปลี่ยนกันค่ะ
ขอบอกว่า....อุปปาตะสันติ...อานุภาพมากมายเกินบรรยายจริงๆ(เดี๋ยวให้สิ้นสุดการสัมนาจะเล่าละเอียดอีกที)....ถ้าหาบทสวดไม่ได้ยินดีจัดส่งให้ค่ะ

สนใจชีวิตและการทำงานของคุณลุง วอร์เรน บัปเฟตต์ ที่บอกว่าวิถีชีวิตกับลักษณะธุรกิจดูเหมือนไปคนละทาง

ส่วนตัวมองว่าคนนี่แหละ....คือมนุษย์ที่มีพลังดึงดูด(ทุกเรื่องราวที่เป็นเป้าหมาย)ตัวจริง ที่สื่อสารกับผู้คนโดยไม่จำเป็นต้องประชิดตัว หรือใช้เสียง
และเคยอ่านผลการวิจัยและสรุปเกี่ยวกับ ...การตัดสินใจซื้อสินค้า...ก็ดูแล้วว่าไปในทางเดียวกัน.....เค้าบอกไว้แบบนี้

ปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ
1.บทเจรจาการขาย 7%
2.บุคลิคและน้ำเสียง 38%
3.ที่เหลือ 55% เป็นเรื่องของความจริงใจทั้งหมด....ตั้งแต่เชื่อว่าสินค้าดี .... เชื่อว่ามีประโยชน์กับคุณลูกค้า....
สรปว่าคะแนนเกินกว่าครึ่ง เป็นเรื่องพลังไร้รูปหมด


เรามาช่วยพิสูจน์ การส่งพลัง(ที่ไร้รูป)กันเถอะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 22/09/2008
สนใจและยินดีเป็นอย่างมากเลยครับ แต่ผมคงไม่มีบทนี้แน่ๆ เลยครับ
ถ้ายังงัย รบกวนส่งให้ผมที่ 11 ม.11 ถ.พหลโยธิน ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี 15000 ( วิชยะ คุ้มสุด ) หรือ May_neo@hotmail.com ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 22/09/2008
พรุ่งนี้จัดการให้ค่ะ
คือช่วงนี้....สวดบทนี้...นึก(แค่นึก)ถึงอะไร....ได้อย่างนั้นเลย

คุณนีโอนี่.....ยิ่งมีเชื้อสายทางนี้อยู่แล้ว...อิอิ
งานอดิเรกที่ทำตอนนี้ กลับกลายเป็นเวทีการทดลอง กฏแห่งจิตวิญญาณที่ดีมากๆ มีเรื่องที่หลุดเหมือนกันที่บางทีเผลอพูดคุยเรื่องราว หรือฟังเรื่องราวของคนที่เรายัง "อภัย" ได้ไม่หมดเนี่ย

มาดูบันทึกการตอบรับ(สมัครอบรม)มีหายไป2-3วันก็มี พอวันไหนไม่มีคลื่นรบกวน....เล่นรัวมากันเป็นเกือบ 10คน/วัน ก็มี คนที่สมัครเข้ามานี่ จากคนละทิศทาง(แจ้งทางจดหมายข่าว...ไม่เคยเจอหน้ากัน)

มีเพื่อนอยู่ กทม เค้าอยากนึกสนุกจัดอย่างเราบ้าง วีธีการประชาสัมพันธ์แตกต่างออกไปเล็กน้อย ใช้วิธีจัดเสวนา แล้วขายความคิดขายหลักสูตรรวมทั้งปิดการขายในงานเลย.....ปรากฏว่ายังไม่ได้ผล
คนมางานเสวนาร่วม200คน ปิดการขายได้เพียง 4คน

ทำให้เห็นภาพการสื่อสารพลังไร้รูป
ตามรอยคุณลุง วอร์เร็น บัฟเฟตต์บ้างแล้วล่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 22/09/2008
ลืมบอกไปครับ ว่า ส่งทางfax ได้ที่ 036-499505 บางทีอาจจะสะดวกกว่า ขอบคุณมากครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 23/09/2008
สงสัย..เรา2คนจะสื่อสารผิดพลาดทำให้..คาดคะเนบางอย่างผิดไปค่ะ
หนังสือสวดมนต์บท"อุปปาตะสันติ" เป็นเล่มค่ะ คงไม่สะดวกแฟกซ์ค่ะ

สวดครั้งแรกอาจใช้เวลาถึง 2ชั่วโมง........ยังจะไหวอยู่มั้ยเนี่ย?????
ไปร่วมสวดครั้งแรก......แบบนั่งเฉยๆไม่ได้ออกเสียงแม้พยางค์เดียว....เพราะอ่านไม่ออกซักตัว...แค่ใช้สายตามองตามที่เค้าสวดกันยังหลุดเลย.....ก็เลยนั่งเฉยๆ ฟังเสียงสวดอย่างเดียว

พอตอนหลังก็ค่อยๆอ่านที่ละพยางค์.....จากนั้นมาก็ไม่มีอะไรที่ยาก
ตอนนี้ใช้เวลาเฉพาะบทนี้ 1ชั่วโมงครึ่ง

ยังไหวมั้ยคะ?????
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 23/09/2008
เรียนคุณนีโอ ผมจำเรื่องในหนังสือที่ถามไม่ได้ ขอไปเปิดหาดูก่อนแล้วจะกลับมาตอบเรื่องที่ถามอีกรอบนะครับ

แต่โดยรวมหนังสือ "The power of now" หรือ "Practicing the power of now" นั้น สำหรับผมแล้ว มีเนื้อหาสอดคล้อง เป็นเรื่องเดียวกันกับข้อธรรมะ ทุกข้อ และเป็นฐานสำคัญของทุกสิ่ง ทุกเรื่อง ในทุกกฎ ไม่ว่าจะใช้กับกฎข้อไหนๆ ซึ่งตั้งชื่อต่างๆ กันไป ในหนังสือแต่ละเล่ม

การเรียนรู้พัฒนาด้านนี้ ล้วนต้องมาจากฐานของ การหยั่งให้ถึงสภาวะแห่งจิตปัจจุบันขณะ ทั้งสิ้น เมื่อใดหยั่งได้ถึง ข้อธรรมะ อันเป็นคำถามก็จะไม่มีอีกต่อไป

คุณแฟนพันธุ์แท้ ช่างเป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่ใช้ตัวเองเป็นหนูทดลอง และสังเกตการณ์ ด้วยตัวเองจริงๆ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 24/09/2008
คุณแฟนพันธุ์แท้
- ไหวครับ เต็มที่อยู่แล้วครับ .... .......( สู้ตาย )
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 25/09/2008
คุณนีโอครับ ผมไปเปิดดูหนังสือ Practicing the power of now พยายามหาประเด็นเฉพาะที่คุณนีโอถาม ไม่เจอ เลยเข้าใจว่าคุณ นีโอ คงหมายถึง เนื้อหาพื้นฐานของหนังสือทั้งเล่ม ที่เน้นสื่อความเข้าใจ ถึงการดำรงอยู่กับปัจจุบันขณะ

ผมขอให้ความเห็นจากคำถามที่ว่า "การคงอยู่กับปัจจุบันเนี้ยใช่เป็นอย่างเดียวกับ การปล่อยวางไหมครับ คือให้ยอมรับกับสิ่งที่เป็นอยู่อย่างที่มันได้เกิดขึ้น" ใช่หรือไม่

ตอบว่า ใช่ครับ เป็นอย่างเดียวกัน หรือจะพูดว่า เป็นสิ่งประกอบกันอยู่ หรือ ได้อย่างใดอย่างหนึ่งก็จะได้อีกอย่างไปด้วยโดยอัตโนมัติ หรือถือว่าเป็น สภาวะ 2 in 1 ก็ได้ครับ

เพราะเมื่อเราดำรงอยู่ในสภาวะปัจจุบันขณะ (ซึ่งในเนื้อแท้ มันเป็นสภาวะที่เคลื่อนไปในทุกขณะ ไม่ได้หยุดนิ่ง) นั้น หมายความว่า "ความคิด" ของเราหยุดลงโดยสิ้นเชิง แค่เห็น รับรู้ การเป็นหรือดำเนินไป

ในสภาวะนั้น จิตก็จะไม่ยึดติด ไม่กลัว ไม่วิตกกังวล เนื่องจากความยึดติด ความกลัว ความวิตกกังวลทั้งหลาย มันมีตัวตนอยู่ก็เฉพาะในความคิด (ที่กำลังปรุงแต่งของเรา)

ในทางกลับกัน ถ้าเรายังไม่ปล่อยวางความคิด (ปรุงแต่ง) ลง เช่น เมื่อเกิดความคิดไม่ยอมรับกับสิ่งที่เป็นที่เผชิญ เพราะมันอาจจะไม่เป็นดังหวัง ก็มีอาการไม่เห็นด้วย ไม่พอใจ หรือเกิดความคิดต่อต้าน ก็แสดงว่าเรายังไม่ได้ดำรงอยู่ในสภาวะปัจจุบันขณะ ที่ความคิดนั้นต้องเงียบลง อย่างแท้จริง

ขอให้ความเห็นโดยรวม ดังนี้ ไม่รู้ว่าจะตรงกับคำถามของคุณนีโอ หรือเปล่าครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 25/09/2008
ได้รับหนังสือสวดมนต์แล้วแจ้งให้ทราบด้วยนะคะ
ส่งให้ 2 เวอร์ชั่น
แบบธรรมดา
และ...แบบแอ็ดวานซ์ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 25/09/2008
คุณนันท์
-ตรงกับความคิดของผมเลยครับ เพียงแต่ถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้น
ขอบคุณมากครับ
คุณแฟนพันธ์แท้
- ถ้าได้รับแล้วจะรีบแจ้งให้ทราบเลยครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 26/09/2008
ตรงกับความคิดของผมเช่นกัน ว่าคุณนีโอ คงคิดเช่นนั้นขณะที่ถาม

คุณแฟนพันธุ์แท้ ครับ ผมได้รับอานิสงค์หนังสือสวดมนต์ ทั้ง 2 เล่ม พร้อมข้อความที่ชักจูงใจเป็นอย่างยิ่งแล้วครับ ด้วยความขอบคุณครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 26/09/2008
หากเป็นการ...เอามะพร้าวมาขายสวน
คงต้องขออภัยค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 27/09/2008
เป็นการ . . เอามะพร้าวมาแจกสวน ต่างหาก
และบังเอิญสวนผม มีแต่มะพร้าวกะทิ ได้มะพร้าวน้ำหอมมาปลูก มีหรือที่จะไม่ชื่นใจครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 27/09/2008
ส่งไป กรุงเทพฯ กับส่งลพบุรี พร้อมกัน
ลพบุรี ทำไมยังเงียบอยู่คะ??? หรือว่าหายระหว่างทาง?
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 28/09/2008
ยังไม่ได้เลยครับ น่าจะได้วันนี้มั้ง แล้วจะรีบแจ้งให้ทราบครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 29/09/2008


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code