เรียน อ.วสันต์ครับ
เรียน อ.วสันต์ครับ
ผมติดตามอ.วสันต์มานาน จำได้ว่าตั้งแต่ที่ยังโต้วาทีกับทีม อ.กรรณิการ์
อ.พะเยาว ตั้งแต่สมัยที่อ.จตุพล ยังไม่มา
พอดีมีเรื่องอยากสอบถามครับ เกี่ยวกับประวัติอ.ครับ บางข้อครับ

1.จำได้ว่าตอนนั้น อ.วสันต์ออกโต้วาทีกับทีมอ.กรรณิการ์ แล้วอ.กับอ.ปรีดี พนมยงค์
ได้แยกออกมาจัดกันที่ช่อง 3 แล้วเลยทะเลาะกันหรือเปล่าครับ
เพราะจากนั้นก็ไม่เห็นออกรายการของอ.กรรณิการ์ อีกเลย
แล้วพอที่ช่อง 3 เลยไปก็ไม่เห็นอ.วสันต์กลับมาอีก

2.ตอนที่ดูสมัยก่อน อ.เสรีมาออกบ่อย แล้วมีคนชอบไปแซวแกเรื่องเพศที่ 3
หรือเปล่าครับ เพราะดูแกโกรธๆอยู่ แล้วจากนั้นอ.เสรีก็ไม่เห็นมาออกรายการโต้วาทีอีก

3.ตอนนี้ทีมนักโต้วาทีเก่ายังติดต่อกันอยู่ไหมครับ อ.วสันต์ อ.ปรีดี อ.พะเยาว์
อ.อะไรอีกคนที่หน้าหมวยๆใส่แว่นที่ตอนนี้เห็นเป็นพิธีกรรายการอะไรสั้นๆ
ที่สอบถามเพราะรู้สึกผูกพันกับอ.เหล่านักโต้วาทีรุ่นเก่า

ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ถามเกี่ยวกับหนังสือ
ชื่อผู้ส่ง : nut ถามเมื่อ : 03/09/2008
 


คุณ nut ครับ

เข้าใจว่าคุณคงจะหมายถึง อ.พนม ปีย์เจริญ นะครับ (ไม่ใช่ อ.ปรีดี พนมยงค์ ถ้าชีวิตนี้ ผมได้มีโอกาสพูดเวทีเดียวกับ อ.ปรีดี ละก็ ขอแค่สักครั้งเดียว แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิตจริงๆ)

ใช่ครับ มีความขัดแย้งกันทางความคิดอยู่ (ไม่มีเรื่องผลประโยชน์เลย) เป็นความขัดแย้งทางความคิดระหว่างผม,อ.พนม กับคุณแอ้ กรรณิกา ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างนักพูดทั้งหมด ยังคงแน่นแฟ้น พบปะสังสรรค์กันอยู่เป็นประจำ แม้จนกระทั่งบัดนี้ เมื่อคืน (2 ก.ย.51) พวกเราสิบกว่าคนก็นัดคุยกัน โดยไม่สนใจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ประกาศโดยคนบ้า! แต่ว่าในที่สุดในเวลาต่อมา ความขัดแย้งนั้นก็ได้ปราสนาการไปหมดแล้วครับ และโดยส่วนตัวของผม ไม่ว่าเมื่อใด แม้แต่ตอนที่ขัดแย้งกันอยู่ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ผมยกย่องสรรเสริญคุณแอ้มาโดยตลอด ว่าเป็นผู้มีคุณูปการอันดีเลิศกับวงการนักพูดอย่างยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ปัจจุบันนี้ คุณแอ้เธอหันไปปฏิบัติธรรมอย่างเอาจริงเอาจัง และมีหนังสือเรื่องราวของตัวเองชื่อ "จะมืดกี่ด้านก็ผ่านมันไปได้" ออกมาวางจำหน่ายอยู่ คุณ nut ช่วยอุดหนุนเธอหน่อยก็ดีนะครับ (ไม่ได้ถามเรื่องหนังสือ ผมก็ลากมาเรื่องหนังสือจนได้)

ผมกับ อ.พนม ร่วมกันจัดรายการที่ช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 รวมทั้งช่อง 11 บ้างในระยะหลังๆ ก่อนที่จะเลิกร้างจากการเป็นผู้จัดไปในที่สุด ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลว่ามันไม่ใช่งานถนัดครับ เป็นการจับพลัดจับผลู ตกกระไดพลอยโจนเข้ามาทำมากกว่า งานถนัดของพวกผมก็เนี่ยครับ คือรับจ้างพูด!!

กรณี อ.เสรี ถ้าแซวท่านโดยไม่ให้เกียรติ หยาบคาย ท่านโกรธแน่ แต่ถ้าแซวอย่างมีศิลปะหน่อย สุภาพ แนบเนียน ท่านไม่โกรธหรอกครับ ที่ท่านหายหน้าหายตาไปบ้าง ก้ไม่ใช่เรื่องพวกนี้หรอกครับ ท่านมีภาระกิจมากเหลือเกิน

อย่างที่บอกแล้ว พวกเรานักพูดยังเจอกันอยู่สม่ำเสมอ นักพูดหน้าตาหมวยๆ ใส่แว่นที่คุณเอ่ยถึง คงจะเป็น อ.นันทนา นันทวโรภาส ตั้งแต่สำเร็จปริญญาเอกมาเมื่อหลายปีก่อน ตอนนี้เธอเป็นนักวิชาการไปแล้ว บริหารหลักสูตรปริญญาโท สาขาสื่อสารทางการเมือง อยู่ที่มหาวิทยาลัยเกริก (ตอนนี้ อ.อภิชาติ ดำดี ก็เป็นดอกเตอร์ไปแล้วหมาดๆ เพราะตั้งแต่รัฐประหาร 19 กันยา 49 แกว่างงานมาก เป็น สว.ได้แป๊บเดียว เขาก็ยึดอำนาจ เลยไปเรียนปริญญาเอกหลักสูตรทางไกลกับมหาวิทยาของฟิลลิปปีนส์ แห่งหนึ่ง เมื่อคืนเพิ่งเลี้ยงแสดงความยินดีกันไป อ.พนม ก็กำลังทำปริญญาเอกอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เป็นลูกศิษย์ของ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ส่วนผมนั้น ไม่เผาผีกับการเรียนปริญญาเอกมาหลายปีแล้ว หลังจากเคยหลวมตัวไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจนจบ course work แล้วด้วยซ้ำ เหลือแต่ทำดุษฎีนิพนธ์เท่านั้น ก็จะได้เป็นด๊อกเตอร์ ด๊อกตูดอะไรกับเขาแล้ว ผมเบื่อนักวิชาการที่อาจจะพูดได้หลายภาษา แต่พูดภาษาคนกันไม่รู้เรื่อง เลยสะบัดก้นหนีจากมา ยังความดีใจให้กับพวกเขาเป็นอันมาก)

ณ ปัจจุบัน นักพูดแต่ละคนก็ยังคงทำกิจกรรมการพูดของตนเป็นสัมมาอาชีวะกันอยู่ เพียงแต่แต่ละคนก็เน้นไปที่ความถนัดของแต่ละคน ไม่ได้มาพูดโต้วาที แซววาที ยอวาที อะไรกันอีกแล้ว รายการโทรทัศน์ก็ไม่มีรายการแนวนี้อีกแล้วครับ สภาโจ๊กนั่นก็เป็นรายการตลก ไม่ใช่รายการพูด

ต้องขออภัยคุณนันท์ด้วยนะครับที่ใช้เนื้อที่ตรงนี้มาพูดเรื่องส่วนตัว นานๆ ถึงจะเจอแฟนพันธุ์แท้ของนักพูด เลยต้องเล่ากันยาวนิดนึง

ขอบคุณ และยินดีอย่างยิ่งครับที่ได้สนทนากับคุณ nut

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 03/09/2008
ขอแถมอีกนิดครับว่า คุณแอ้ และนักพูดบางท่านเพิ่งไปบันทึกเทปรายการ "เจาะใจ" มา ไม่แน่ใจว่าเขาจะเอาออกอากาศเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 วันไหน แต่เข้าใจว่าคงเร็วๆ นี้แหละ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 03/09/2008
ด้วยความยินดีครับท่านอาจารย์ อ่านแล้วทำให้รำลึกถึงภาพเก่าๆ ตอนผมยังเยาว์ดีครับ

หากมีโอกาส ผมขอฝากความระลึกถึงให้ อ.พนม ปีย์เจริญ ด้วยครับ ท่านเป็นพี่ที่เคารพ และน่ารักของผมครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 03/09/2008
โอ้..ต้องรำพึงเป็นชื่อหนังสือเสียหน่อยว่า "The world is (really) flat!" เป็นไปตามหลักการสากลแห่งจักรวาลจริงๆ ทุกคนย่อมเป็นหนึ่งเดียวกัน เอาไว้เจอ อ.พนม แล้วผมจะบอกให้แกทราบ ไปรู้จักกันได้ไง? เพราะเหมือนจะอยู่กันคนละภพ คนละภูมิเลยนะเนี่ย ยังอุตส่าห์ไปรู้จักกันได้ ชีวิตนี้นี่เห็นทีจะยืมเงินใครแล้วชักดาบไม่ได้เอาเลยจริงๆ !?! (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 05/09/2008
ผมเริ่มจากรู้จักท่าน อ.พนม ข้างเดียวทางโทรทัศน์ ก่อนครับ แต่เมื่อ 10 ปีก่อน มีเหตุให้ผมได้มีโอกาสรู้จัก ด้วยการร่วมงานกันเป็นกลุ่มใหญ่(เกี่ยวกับวงการโทรทัศน์) แล้วเลยไปถึงการร่วมกอล์ฟ ร่วมคลุกคลี ร่วมสนุก ร่วมเครียด ร่วมอกร่วมใจ กันอยู่หลายปี จนผมสรุปไว้ ให้เป็นพี่ที่เคารพ และน่ารักของผมครับ

ช่วง 3-4 ปีมานี้ ได้พบกันน้อย โทรหาทีไร ผมเป็นต้องรบกวนขอความช่วยเหลือทุกที และไม่เคยไม่เป็นพี่ที่เคารพ และน่ารักของผมเลยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 05/09/2008
เข้าใจละ คงจะเป็นช่วงที่ อ.พนม เข้าไปร่วมเป็นหนึ่งใน เทเลไฟฟ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ผมถอนตัวจากยุทธจักรทีวีอย่างเด็ดขาด แต่ อ.พนม แกยังสนุกอยู่ จึงยังผาดโผนอยู่ต่อไป ทว่าตอนนี้คงจะล้างมือในอ่างทองคำ ถอนตัวจากยุทธภพแล้วเช่นเดียวกัน หันมาเอาดีทางการรับจ้างพูดอย่างเดียว เช่นเดียวกับผมไปแล้ว

อภิชาติ ดำดี ก็ดูว่าจะเบื่อหน่ายการเมืองอยู่ครามครัน เจอกันเมื่อคืนก่อน เห็นว่าอาจจะต้องกลับมายึดอาชีพเดิม คือรับจ้างพูดเช่นเดียวกัน

นี่ก็เป็นการยืนยันในสัจธรรมที่ว่า "เราไม่สามารถที่จะเป็นในสิ่งที่เราไม่สามารถเป็นได้ และเราจะสามารถเป็นได้ดีที่สุด ก็แต่เฉพาะในสิ่งที่เราจะเป็นได้เท่านั้น"

กีฬากอล์ฟ เป็นกีฬาที่ทำให้ผมถูกเพื่อนเลิกคบมาแล้วหลายต่อหลายคน เพราะผมเล่นไม่เป็น และไม่เคยคิดที่จะเล่นให้เป็น มีแต่ อ.พนม เท่านั้น ที่อดทนเรื่องนี้กับผมได้ ผมเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่ทำให้การ "ตีกอล์ฟ" กับการ "ขุดดิน" เป็นเรื่องเดียวกันได้ (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 05/09/2008
ข้อมูลท่านอาจารย์ถูกต้องครับ ส่วนตัวผมยังล้างมือไม่ได้ กลัวว่าล้างอย่างไรก็ไม่สะอาด เพราะมันเป็นอาชีพเดิม และพูดก็ไม่เป็น จะหนีไปมีอาชีพใหม่กับท่านอ.พนม ก็ไม่ได้ ถ้าตามสัจธรรมของท่านอาจารย์ ผมชักสงสัยตัวเอง ว่าตัวผมเป็นได้ดีที่สุด ในสิ่งที่ผมจะเป็นได้แล้วหรือยังเหมือนกัน

เรื่องกอล์ฟนี่ ผมก็ห่างไปเท่ากันกับการห่างจากท่าน อ.พนมเลยครับ แต่ยอมรับว่าพอเล่นเป็นแล้วจะพบว่ามีเสน่ห์มาก ด้วยเป็นเรื่องของวิถี แต่ต้องอดทนมากกว่า เพราะกว่าจะพอตีได้และเริ่มเห็นเสน่ห์ มันก็น่าเบื่อมากๆ และอีกอย่างเป็นกีฬาที่ใช้เวลามากพอๆ กับความอดทน ออกรอบแต่ละครั้งใช้เวลาไปค่อนวัน ผมโชคดีที่แค่เห็นเสน่ห์ แต่ยังไม่ทันหลง ครับ

ผมเคยพบหนังสือที่ ดีพัค โชปรา เขียนเกี่ยวกับการเล่นกอล์ฟเหมือนกัน ชื่อ "Golf for Enlightenment: The Seven Lessons for the Game of Life" แต่ว่ารอต้มเพื่อดื่ม มาร่วมปีแล้วครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 06/09/2008
เห็นชื่อหนังสือแล้วตาโตเพราะไม่เคยคิดว่ากอล์ฟกับEnlightenmentจะเกี่ยวกันได้ คุณนันท์ช่วยเล่าหน่อยได้มั๊ยคะว่าดีพัค โชบราเขียนไว้ว่าอย่างไรบ้าง ขอบคุณค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 06/09/2008
เอาอย่างนั้นเลยเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นต้องขอเวลาพักใหญ่มาก เพราะผมเองตั้งแต่ซื้อมายังไม่ได้อ่านเรื่องเนื้อหาเลย ถึงได้บอกว่า รอต้มเพื่อดื่มจะได้เข้าเลือดไป ไม่เสียเวลาอ่าน

แต่อยากอ่านอยู่เหมือนกันครับ เท่าที่ดูโดยโครงเรื่อง ดีพัค โชปรา แกเล่าเป็นเรื่องสั้น มีตัวละครที่มาฝึกหัดกอล์ฟ กับครูระดับคุรุ ทำนองนั้น
เอาเป็นว่าผมจะหาเวลา เพื่อย่อยมันแบบเร็วๆ มาเล่าให้ฟังครับ

ขอเวลาพักใหญ่ๆ นะครับ ว่าแต่ว่าคุณนพรัตน์ เล่นกอล์ฟ ด้วยหรือครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 06/09/2008
เป็นgolferคนหนึ่งค่ะ ตอนหัดเล่นใหม่ๆผสมหลักการของมวยไทเก็กเข้ามาในวงสวิงด้วย จะรู้สึกว่าเหมือนทำสมาธิไปในตัวเวลาเล่น รวมทั้งexploreแต่สมามใหม่ๆ(ช่วง tick off รายชื่อ เล่นประมาณ 50 กว่าสนามในหนึ่งปี) จีงเหมือนไปเที่ยวอยู่กับธรรมชาติมากกว่าเล่นกอล์ฟ แต่ตอนหลังพอเล่นมากๆเข้าและเล่นแต่สนามประจำเป็นส่วนใหญ่แถมมีการติดปลายนวมเล็กน้อย รู้สึกเกมจะเปลี่ยนเป็นทางโลกมากขึ้น เกิดกิเลสหลายอย่าง จนบางครั้งเคยคิดว่าถ้าเลิกเล่นกอล์ฟได้ก็น่าจะดีเพราะไม่เป็นประโยชย์ต่อการพัฒนาในทางธรรม พอเห็นชื่อหนังสือ Golf for Enlightenment ที่คุณนันท์พูดถึงจึงได้ตาโตไงคะ อยากทราบว่ากอล์ฟจะเกี่ยวกับenlightenment อย่างไร เผื่อจะได้เป็นข้ออ้างให้เล่นกอล์ฟต่อไปได้อย่างสบายใจขึ้น หากคุณนันท์ยังไม่มีเวลาอ่านก็ไม่เป็นไรนะคะ ช่วยแนะนำเท่านั้นว่าไปพบที่ไหน จะลองไปหามาอ่านเองก่อนก็ได้ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 06/09/2008
ผมคิดว่า ความเห็นในการเล่นกอล์ฟของผมน่าจะเหมือนกับคุณนพรัตน์ ว่าเป็นการฝึกหัด การทำสมาธิที่เคลื่อนไหว ซึ่งผมเรียกเอาเองว่าเป็นการก้าวเข้าอยู่ในวิถี

ฟังดูน่าสนใจดีจริงๆ ครับ เรื่องเอาหลักการไทเก็กไปผสม ผมไม่เคยฝึกหัดไทเก็กเลย แต่เคยเดาเอาด้วยความรู้สึก เวลาเห็นคนกำลังร่ายรำท่าทางเหล่านั้นว่า มันน่าจะเป็นการเคลื่อนไหวไปในอริยาบทต่างๆ ด้วยการมีสติเต็ม ทั่วทั้งตัว หรือด้วยอาการรู้ตัวทั่วพร้อม ด้วยจิตอันสงบนิ่ง ความคิดหยุดและหายไป ซึ่งน่าจะเป็นอาการเดียวกับการเล่นกอล์ฟได้สมบูรณ์แบบ

คนเล่นกอล์ฟส่วนใหญ่คงเป็นเหมือนกับคุณนพรัตน์ รวมทั้งตัวผมที่บางครั้งมีติดปลายนวม และเกิดปัญหาเดียวกัน คือ มันกลายเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคทางจิต ที่เราต้องก้าวข้าม นอกเหนือจากบรรดาความกลัวที่เกิดจากอุปสรรคของสนามแล้ว แต่บางครั้งผมก็เคยคิดฝึกเอาชนะอุปสรรคชนิดนี้ให้ได้เหมือนกัน

หนังสือ Golf for Enlightenment นั้น ผมไม่แน่ใจว่าจะยังพอหาได้ในบ้านเราหรือไม่ ผมได้เล่มนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว จากร้าน Kinokuniya ซึ่งตอนนี้มีหลายสาขา เช่นที่ เอ็มโพเรี่ยม พารากอน เวิร์ลเทรด(ฝั่งอิเซตัน) ใช้โทรศัพท์ไปสอบถามเขาก่อนได้ครับว่ามีไหม ให้เขาเช็คสาขาต่างๆ และให้เก็บไว้ แล้วเราค่อยไปรับได้ครับ

เบอร์ติดต่อได้ดังนี้ครับ Kinokuniya โทร. 02 255 9834-6 หรืออีกที่คือ asiabook โทร. 02 714 0740 , 02 715 9000

เมื่อวานผมพลิกอ่านคร่าวๆ ได้คำน่าสนใจที่อยู่ในหนังสือ มาฝาก มีบทเรียนที่ครูในเรื่องได้สอนการเล่น เกี่ยวกับ "non-doing"

Non-doing happens when you put your trust in a higher intelligence than your individual mind, a higher will than your individual will, and a higher power than your individual power..

It was a stage in which struggle and effort were not need. When you fight against your swing and struggle to keep your nerves in check, you are far from innocence..

Non-doing is just the way of remembering who you really are. You are not the struggle and you never have been.

.. it was like to play as a child. True play is effortless, enjoyous, alive .. it is non-doing in action.

มันเป็นเรื่องวิถีจริงๆ สำหรับผมแล้ว มันคือเรื่องเดียวกับที่ ดีพัค โชปรา บอกไว้ในหนังสือ 7 กฎฯ ที่ว่า ความสำเร็จ คือ วิถีแห่งการเดินทาง มันไม่ใช่จุดหมายปลายทาง

การไปพ้นซึ่งความพยายาม ความคิดในระหว่างสวิง เพื่อให้ศักยภาพอันสูงสุดที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในเรา ได้กระทำการแทน

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 08/09/2008
ขอบคุณคุณนันท์มากนะคะที่ช่วยกรุณายกข้อความบางส่วนในหนังสือมาให้เป็นตัวอย่าง ฟังดูคุ้นๆคล้ายกับเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนเหมือนกัน หากสามารถเข้าถึงสัจธรรมได้จากการตีกอล์ฟ คงจะเป็นวิถีที่น่าสนุกสนานเบิกบานไม่น้อยทีเดียว ต้องลองไปหาหนังสือมาอ่านดูแล้วค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 09/09/2008
ถ้าคุณนพรัตน์ อ่านจบก่อนผม อย่าลืมมาเล่าสู่กันนะครับ
อย่าแอบเข้าถึงวิถี อยู่คนเดียวหละ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 09/09/2008
กอล์ฟเป็นทั้ง technical game, mental game และ spiritual game ก็ได้ด้วย อย่างที่ ดีพัค โชปรา บอก...passion with detachment คือต้องมีไฟอย่างปล่อยวาง ซึ่งตรงกับกฏข้อ 5 และข้อ6 ใน 7 กฎฯ นั่นเอง เพียงแต่อาศัยสิ่งที่ tangible เช่นเกมกอล์ฟที่คนจำนวนไม่น้อยคลั่งไคล้หลงไหลมาเป็นวิถี หนังสือ Golf for Enlightenment ที่คุณนันท์แนะนำหาซื้อที่kinokuniya กับ Asia Books ไม่มีแล้ว ก็เลยสั่งซื้อจากเมืองนอก กว่าจะได้อ่านคงต้องเป็นเดือนหน้าแน่ะค่ะ เป็นการฝึกการปล่อยวางในสิ่งที่มุ่งมั่นได้อย่างนึง เผลอๆคุณนันท์อาจจะอ่านจบแล้วมาเล่าสู่กันฟังก่อนก็ได้

ยังไงก็ลองหาเวลามาสวิงบ้างนะคะ ถ้าสนใจจะยินดีมากถ้าคุณนันท์จะมาjoinด้วยสักครั้ง จะเอาเฮฮาไม่ค่อยseriousนักแบบweekend golfer หรือweekday golferที่เป็นเรื่องเป็นราวหน่อยก็ได้นะคะ

ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 10/09/2008
เวลาไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับคุณนพรัตน์ เรื่องที่ยังไม่ถึงกับใหญ่แต่ต้องอดทน งดเรื่องกอล์ฟ คือ เมื่อประมาณ 6 เดือนที่แล้ว ไป x-ray แล้วพบว่ากระดูกต้นคอข้อที่ 4 เขาห่างจากข้อที่ 5 มากกว่าปกติไปนิดหน่อย ที่ว่าไม่ใหญ่เพราะ ไม่ได้มีปัญหาไปทับเส้นประสาทอะไรทำนองนั้น แต่เป็นเหตุให้ไม่มั่นใจกับการใช้วงสวิง ผมก็ไม่ได้ถามคุณหมอว่าเล่นได้ไหม แต่แกก็พูดรวมๆ ให้ระวังการใช้คอ เช่น ห้ามสะบัดหรือโยกศรีษะแรงๆ บังเอิญผมก็ยังเป็นพวกนักกอล์ฟ หน้าไม่นิ่ง เลยงดไปโดยปริยาย เพื่อนที่เคยโทรมาชวน ตอนนี้เลิกชวนไปแล้ว แต่ยังตั้งใจว่าสักวันต้องขอกลับมาเล่น ให้ลืมๆ เรื่องที่เป็นอยู่นี้ไปก่อน พร้อมเมื่อไหร่คงได้เห็นวงสวิง ซึ่งเชื่อว่าต้องสวยนิ่งของคุณนพรัตน์แน่นอน

คุณนพรัตน์ครับ ผมเชียร์ให้คุณนพรัตน์อ่านและแปลหนังสือ Golf for Enlightenment ครับ ผมมีความเชื่ออย่างไรก็ไม่รู้ ว่าคุณนพรัตน์ทำได้ ลองดูซิครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 11/09/2008
เสียดายนะคะ เลยยังไม่มีโอกาสได้ผู้รู้อย่างคุณนันท์มาเล่นกอล์ฟและช่วยถกหรือชี้แนะในด้านspiritualของกอล์ฟด้วยกัน ก็หวังว่ากระดูกต้นคอที่ห่างกันจะกลับเข้าที่เป็นปกติไม่เป็นปัญหาต่อการเล่นกอล์ฟในเร็ววันนะคะ หากคุณนันท์ไม่กลัวเรื่องจัดกระดูกหรืออยากลองปรึกษาหมอด้านchiropracticดู มีอยู่ท่านหนึ่งที่สามารถแนะนำให้ได้นะคะ

สำหรับเรื่องแปลหนังสือต้องขอขอบคุณคุณนันท์มากนะคะที่เชียร์ โดยส่วนตัวแล้วไม่มั่นใจว่าแปลแล้วคนอ่านจะเข้าใจได้แค่ไหน แต่ถ้าคุณนันท์แปลล่ะก็...มั่นใจ 100% เลยค่ะ คุณนันท์น่าจะแปลหนังสือของดีพัค โชปราเพิ่มนะคะ คิดว่ามีคนรอหนังสือออกใหม่ของNantbookอยู่ไม่น้อย
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 11/09/2008
คุณนพรัตน์ครับ ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะครับว่า นักแปลที่เก่งหรือดี ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง แต่ผมคิดเอาเองว่า มันไม่น่าจะเริ่มต้นจากการไปวัดความมั่นใจของตนเอง ว่าแปลแล้วคนอ่านจะเข้าใจได้แค่ไหน

ผมคิดว่ามันน่าจะเริ่มต้นจาก เรามั่นใจว่า เราเข้าใจถึงต้นฉบับนั้นแค่ไหน ซึ่งนั่นเป็นความมั่นใจเดียว ที่ผมพอจะมีในการแปลหนังสือ 7 กฎฯ เมื่อผมมั่นใจว่าผมมีความเข้าใจถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการเขียนของ โชปรา ผมก็ตัดสินใจว่า ผมน่าจะหาวิธีให้คนอื่นได้รู้เช่นกัน

ต้องบอกว่าผมไม่ได้เชียร์เล่นๆไปอย่างนั้นนะครับ แต่หลังจากคุณนพรัตน์ได้หนังสือต้นฉบับมาอ่านแล้ว ค่อยลองทบทวนดูอีกที ว่ามีแรงบางอย่างเกิดขึ้นในใจ.. แรงอันเกิดจากความรู้สึกว่าเรา "หยั่งถึง" สิ่งที่ผู้เขียน บอกไว้หรือไม่ และจากจุดนั้นมันทำให้เราอยากให้คนอื่นๆ ได้รู้เหมือนเราไหม ถ้ามันชัดเจนมากพอ ก็แค่ลงมือ

การเกิดความเชื่อของผมมีเหตุผลประกอบอยู่ด้วยคือ จากมุมมองที่มีต่อเกมกอล์ฟข้างต้นที่คุณนพรัตน์เล่ามาก็ดี จากทักษะภาษาอังกฤษที่แอบมีให้เห็นก็ดี (ซึ่งรับรองว่ามีมากกว่าผมแน่นอน) และสุดท้ายจากวิธีสื่อสารในการเขียนแต่ละกระทู้ ที่ผมสังเกตเห็นมาตลอด และอีกอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกก็คือ คุณนพรัตน์ มีความกระตือรือล้นต่อหนังสือเล่มนี้ เหมือนกับอยากเจอใครสักคนที่ถูกใจ ผมว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ

ส่วนเรื่องการแปลหนังสือ สำหรับผมเป็นความสุขมากอย่างหนึ่ง เพียงแต่ผมใช้เวลามากจริงๆ ขออย่ามามั่นหมายเลยครับ

ต้องขอขอบคุณคุณนพรัตน์ เรื่องคุณหมอด้านจัดกระดูก ผมเคยได้ไปใช้บริการที่คลีนิกแถวซอยประสานมิตร สุขุมวิท ตอนที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีก่อน แต่กับกรณีนี้ ผมใช้วิธีฝังเข็มอยู่ครับ ถ้าอย่างไรอาจได้รบกวนกันก็เป็นได้ และขอขอบคุณในความกรุณาไว้ล่วงหน้าครับ

ได้หนังสือมาอ่านแล้วอย่าลืมมาแลกเปลี่ยนและเล่าสู่กันตรงนี้นะครับ ผมจะรอ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 12/09/2008
ขอบคุณคุณนันท์มากนะคะสำหรับข้อคิด และคำแนะนำในการเป็นนักแปลที่ดี รวมทั้งข้อสังเกตุต่างๆ (ที่ทำให้ตัวแทบลอย) เอาเป็นว่าจะลองคิดดูอีกทีนะคะหลังจากได้อ่านต้นฉบับแล้ว เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเนื้อหาในหนังสือจะตรงกับสิ่งที่กำลังมองหาอยู่แค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไงเมื่ออ่านจบแล้วจะต้องมาแลกเปลี่ยนเล่าสู่กันที่นี่ก่อนแน่นอนค่ะ

สำหรับเรื่องการรักษากระดูกต้นคอ ไม่ทราบคุณนันท์เคยลองฝึกชี่กงดูบ้างหรือเปล่าคะ น่าจะเสริมการรักษาโดยใช้วิธีฝังเข็มได้เพราะเป็นการทำให้ชี่หรือลมปราณหมุนเวียนดีขึ้น อีกวิธีคือกายภาพบำบัดบริหารกล้ามเนื้อต้นคอให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งที่เคยได้รับคำแนะนำมาคือให้ใช้หน้าผาก ท้ายทอย และศีรษะด้านข้าง สู้กับแรงต้านของฝ่ามือในทิศทางตรงกันข้าม ลองปรึกษาคุณหมอดูนะคะว่าจะใช้ในกรณีของคุณนันท์ได้หรือเปล่า ขอให้โชคดีหายไวๆนะคะ


ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 14/09/2008
ผมเคยได้เรียนชี่กงเหมือนกันครับ แต่เรียนแค่ลำดับขั้นต้นๆ จากอาจารย์ 2 ท่าน (ช่วงเวลาห่างกัน) ซึ่งพบว่าใช้หลักการเดียวกัน แต่ขั้นตอนรายละเอียดของท่าที่ฝึกต่างกัน เช่น ท่าหลักขั้นต้นๆ คือ ท่ายืนย่อขา แต่รายละเอียดท่ามือและการกำหนดการหายใจ ไม่เหมือนกัน ของอาจารย์ท่านที่ 2 เห็นผลเชิงรูปธรรม (ที่อาจดูประหลาดสำหรับคนทั่วๆ ไป) ค่อนข้างเร็ว และนำมาฝึกต่อเองก็ยังคงเกิดผลเช่นนั้นอยู่

ผมได้นำมาใช้ประกอบการรักษาสุขภาพเฉพาะจุดและโดยรวมอยู่เหมือนกันครับ แต่ผมเป็นพวกหย่อนวินัยและความสม่ำเสมอ เลยไม่ค่อยจะต่อเนื่องนัก ส่วนท่าบริหารกล้ามเนื้อต้นคอ นึกภาพออกเลยครับ เคยได้รับคำแนะนำนานมาแล้วตั้งแต่สมัยประสบอุบัติเหตุ ขอบคุณครับที่ทำให้นึกขึ้นได้ ว่าควรนำมาใช้ประกอบเพื่อฝึกกล้ามเนื้อต้นคอให้แข็งแรงน่าจะดี

ขอบคุณคุณนพรัตน์อีกครั้งสำหรับคำอวยพร ว่าแต่อย่าพึ่งตัวลอยครับเพราะผมพึ่งชมไปแค่เบาะๆ เอง . . ออมมือไว้ตั้งเยอะ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 15/09/2008
มาเวปนี้นอกจากจะได้สาระรวมทั้งคำแนะนำดีๆหลายอย่างแล้ว ยังรู้สึกสบายใจ แถมทำให้หน้าบานอีกด้วย ที่จริงมีเรื่องจะชมคุณนันท์อยู่หลายประการเช่นกัน แต่เดี๋ยวจะกลายเป็นรายการยอวาทีไป เลยต้องออมมือไว้ก่อน.. ขอเปลี่ยนเป็นคำขอบคุณคุณนันท์แทนก็แล้วกันนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 16/09/2008
ทั้งยินดีรับและยินดีต้อนรับครับ โดยเฉพาะคำขอบคุณ ที่ตามกฎแล้ว ย่อมชื่นใจทั้งผู้ให้และผู้รับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 16/09/2008
สวัสตดีครับ คุณนันท์(คุณองุ่นที่ผมคุ้นเคยมากกว่า)
เข้ามาอ่านด้วยความบังเอิญ เพราะวิ่งตามชื่อตัวเองมา
คิดถึงองุ่นและน้องๆมาก ยังไงเสีย..ถ้ามีการนัดกันก็โทรบอกกกันบ้างนะครับ คิดว่าคงไม่มีผลกับกระดูกต้นคอ แต่อาจมีผลต่อคอ.. ว่าคอแข็งหรือไม่แข็ง แต่ก็ขอให้หายไวๆนะ จะได้ไปออกรอบได้
แต่เอ...เวลาDownswing เขาให้หน้านิ่งๆไม่ใช่เหรอ? ไม่แน่นะ? อาจจะทำให้ลูกโดนsweetspot แล้วแม่นขึ้นก็ได้.. อ่านถามตอบเรื่องกอล์ฟกับคุณนพรัตน์แล้วรู้สึกได้เลยว่ากีฬากอล์ฟคือกีฬาที่ต้องค้นหาตลอดชีวิตของการเล่นกอล์ฟ วันหน้าจะมาแจมด้วยครับ..
เพิ่งรู้..ว่าคุณองุ่นแปลหนังสือด้วย ผมว่าคุณองุ่นเอาความรู้และประสพการณ์ของคุณองุ่นที่ผ่านมา มาเขียนรวมเล่ม ก็แทบจะเปิดร้านหนังสือได้แล้วละ..สวัสดีครับ


ชื่อผู้ตอบ : พนม ปีย์เจริญ ตอบเมื่อ : 14/10/2008
กราบสวัสดีครับอาจารย์ครับ ด้วยความระลึกและคิดถึง ปนดีใจครับ
ช่วงที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้พบปะกับน้องคนอื่นๆ น้อยมาก แต่ที่พบบ่อยกว่าคนอื่น เพราะบังเอิญเกี่ยวข้องกับเรื่องงานบางอย่าง ก็คงเป็นน้องรักคนเดิม คุณณัฐ ยมาภัยครับ
ตั้งแต่ไม่ค่อยได้พบกับอาจารย์ ผมก็ห่างกอล์ฟไปเลยเช่นกัน เคยมีบ้างก่อนที่จะมาหยุดไป ก็ไปร่วมตามคำชวนของคุณประภาส เล่นกับพวกเพื่อนถาปัด ครับ

หวังว่าอาจารย์สบายดีนะครับ ขอให้สุขภาพแข็งแรงครับ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันนะครับผม

ด้วยความระลึกถึงและขอบคุณครับ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 16/10/2008
อยากทราบว่าจะเรียนไทยเก็กได้ที่ไหนบ้าง
ชื่อผู้ตอบ : ไม่มี ตอบเมื่อ : 12/11/2008


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code