คำถามของคุณผู้อ่าน ทำให้ย้อนคิดไปถึงระดับของการเรียนรู้
ที่คุณนันท์เคยเขียนไว้ว่ามี
1.รู้
2.เข้าใจ
3.ตระหนักรู้
4.หยั่งรู้
นิทานที่อาจารย์วสันต์ได้เขียนเล่ามานั้นเป็นการเล่าเชิงอุบายให้ใช้จินตนาการเพื่อให้ได้ข้อคิด.......ซึ่งคิดว่าน่าต้องใช้ระดับการเรียนรู้ระดับ...ตระหนัก....หรือ....หยั่งรู้...
ส่วนเรื่องหลวงปู่มั่น.....เข้าใจว่าที่ท่านต้องการสื่อคือ....การเป็นผู้ทรงศีล(ในความเข้ม...และบริสุทธิ์)เราสามารถสื่อ/เป็นมิตรกับจิตวิญญาณอื่นๆได้....ซึ่งในความเป็นไปได้มันมีอยู่แล้ว สำหรับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรนั้น คงมีเพียงหลวงปู่มั่นกับลูกศิษย์คนดังกล่าวเท่านั้นที่รู้ ซึ่งคงต้องใช้ดุลยพินิจของแต่ละคนในการชั่งอีกที หรือไม่ก็ต้องไปตั้งคำถามว่าระหว่างหลวงปู่มั่นกับลูกศิษย์ใครน่าจะเป็นผู้ ...ทรงศีล...มากกว่ากัน
และอื่นๆสำหรับการตั้งข้อสงสัยของคุณผู้อ่านคงด้องกลับไปที่...หยุดคิดให้จิตเงียบ....คำถามต่างๆเหล่านี้จะลดลง
ขออนุญาตคัดลอกข้อความใน The power of intention ,มาให้อ่านดังนี้ค่ะ
การทำสมาธิเป็นหนทางเดียวที่คุณสามารถเติบโต ไม่มีทางออกอื่นอีกแล้ว เพราะเมื่อคุณทำสมาธิ เมือคุณอยู่ในความเงียบ คุณจะตระหนักรู้ได้โดยไม่ต้องคิดหาเหตุผล แล้วการตระหนักรู้นั้นจะเติบโตขึ้น
หากเรายังชลอเรื่องนี้ จะโดยความไม่พร้อม หรือเรื่องของวัย
ก็จะยังคงมีคำถามทำนองนี้อีก.....ไม่สิ้นสุด
ซึ่งอาจพอเปรียบได้กับนักแปลฯ ที่เค้ายังมีอัตตามากมาย แต่ต้องได้รับมอบหมายให้แปลหนังสือแนวจิตวิญญาณ ผลออกมาคือขัดแย้งกันคนอ่านก็เลย....อ่านไม่รู้เรื่อง |
ชื่อผู้ตอบ :
แฟนพันธุ์แท้ |
ตอบเมื่อ :
25/08/2008 |