แรงดึงดูด
ก่อนอื่นขอขอบคุณคณะผู้จัดพิมพ์ และ นักเขียน หนังสือ7 กฏ ครับที่ทำให้ผมได้พบเจอ และใช้เวลา อันเหมือนไร้เวลากับสิ่งที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้อย่างมีความรู้สึกอิสระ ผมขอใช้คำว่าอิสระนะครับเพราะรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

โดยนิสัย ผมจะเลือกหนังสืออ่านจากแรงดึงดูดบางอย่างที่เกิดจากแว่บแรกที่พบเจอหนังสือ แรงที่ว่านี้เหมือนแสงครับ มนจะแว่บๆเข้ามา แล้วก็ซื้อมัน และจะเปิดอ่านอีกทีเมื่อ เกิดแรงที่ว่านั้นอีกหรครับ สำหรับเล่มนี้ ผมเจอกลางดึกที่ร้านหนังสือในฟู้ดแลนด์ หลังจากนั้นก็นำมานอนนิ่งที่ห้องอยู่หลายสัปดาห์ครับ ต่อมา เกิดแรงบางอย่างให้ผมตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิต แรงที่ว่านั่นก็คล้ายๆแสง และความรู้สึกที่อบอุ่นครับ วันต่อมา ผมไม่ไปทำงานที่ออฟฟิศอีกเลย และละทิ้งเงินเดือนค่อนแสนอย่างมั่นใจ ต่อมาไม่นานผมตัดสินใจไปประเทศเนปาล เพื่อทำงานเขียนที่มีคนชวนมานานแล้วแต่ไม่ได้ไปซะที ก่อนเดินทางผมตั้งใจนำหนังสือไปหลายเล่ม แต่สุดท้ายเล่มเดียวที่สร้างแสงดึงดูดผมได้ก็คือเล่มนี้ ผมเลยไปและใช้7กฏเป็นเพื่ออ่านอยู่เสมอเวลาอยากอ่านภาษาไทย ผมอยู่ที่นั่นหนึ่งเดือนครับ ได้ความคิดใหม่ๆจากสิ่งที่พบเจอ ได้หนังสือของโชปราภาษาอังกฤษมาอีกสองเล่ม และกลับมาเมืองไทยพร้อมกับท้องเสียอย่างหนัก แต่ตอนที่ถ่ายท้องผมไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรเลย หลังจากหายดี ความรู้สึกในทุกๆเรื่องของชีวิตผมดีขึ้นครับ ความสัมพันธ์กับทุกคนดีขึ้น และคนรอบๆข้างก็เปลี่ยนแปลงไปเองอย่างธรมชาติ ตอนนี้ทุกอย่างดีมากครับ ยกเว้นเรื่องระบบเงินรายได้ประจำที่เปลี่ยนๆไป แต่ในขณะเดียวกัน โอกาสที่จะได้รายได้มากกว่านั้นก็ปรากฏขึ้น ความลังเลสงสัยหายไป แต่ยังไม่หมดครับ ทแต่ก็ดีมากๆ

ผมแค่อยากขอบคุณทุกอย่างที่อยู่ร่วมกันในหนังสือที่ดีเล่มนี้ครับ ขอบคุณนักแปล และสำนักพิมพ์ด้วย ใครมีความเห็นอะไร อยากแชร์ความรู้สึก ผมยินดีนะครับ

ขอบคุณมากๆครับ
ชื่อผู้ส่ง : Karn ถามเมื่อ : 17/08/2008
 


ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ

....ความคิดสร้าวสรรค์ อาจอธิบายได้ดีที่สุดว่าเป็นการปล่อยวาง
จากความแน่นอน.....

คนที่มั่นใจในผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้น สามารถรอได้ โดยไม่มีความกังวล
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/08/2008
คุณ Karn ครับ
ผมอ่านข้อความที่เขียนมาด้วยความรู้สึกประทับใจและด้วยความระมัดระวังที่จะไม่ให้พลาดบางสิ่งบางอย่างไปแม้แต่นิดเดียว

ผมไม่มีอะไรจะแสดงความเห็น เพราะ"ได้เห็นสิ่งที่อยากเห็น" ในข้อความของคุณ Karn แล้ว

มีเพียงแต่คำขอบคุณ ที่นำหนังสือ 7 กฎฯ ร่วมเดินทางไปด้วย และขอบคุณถึงพลังที่ส่งผ่านมาทางตัวหนังสือของคุณ Karn ครับ

ถ้ามีโอกาส อยากได้รับข้อความจาก คุณ Karn อีกนะครับ
ขอบคุณเช่นกันครับ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 17/08/2008
แปลกมากนะคะเพราะประสบการณ์เกี่ยวกับหนังสือ 7 กฏฯคล้ายกับคุณKarnมากคือซื้อตอนกลางดึกจากฟูดแลนด์เหมือนกัน ไม่ทราบว่าทำไมจึงรู้สึกสดุดตาและสดุดใจอะไรบางอย่างจากปกและแค่เปิดอ่านเล็กน้อยก็ซื้อทันที แต่ที่ไม่เหมือนคือพอกลับถึงบ้านก็เริ่มอ่านทันที ใช้เวลาค่อยๆอ่านอยู่หลายวัน ช่วงที่อ่านรู้สึกเบิกบานมีความสุขและเกิดimpactที่ดีต่อจิตใจมากๆ ตอนนั้นเป็นช่วงปีใหม่พอดีก็เลยซื้อแจกเพื่อนฝูงและคนรู้จักไปหลายเล่ม ส่วนเรื่องงานก็คล้ายกันคือเลิกทำงานจากที่เก่า ตอนนี้ไม่มีเงินเดือนประจำอย่างเมื่อก่อนแต่รู้สึกสนุกเพราะมีอิสระในการทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เช่นล่าสุดช่วงวันแม่เพิ่งไปปฎิบัติธรรมมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะต้องกังวลเรื่องงาน แต่คราวนี้รู้สึกปลอดโปร่งปฎิบัติได้สงบมากขึ้น ยินดีนะคะที่ทราบว่ามีคนที่มีประสบการณ์ที่ดีจากการอ่านหนังสือ 7กฏฯเพิ่มอีกท่านหนึ่ง
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 18/08/2008
เช่นกันครับ...ตอนนั้นอยู่ร้านหนังสือแต่ไม่คิดจะซื้อหนังสือซักเล่มแต่...ไปยืนอยู่ตรงหน้าหนังสือ 7 กฎ...รู้สึกว่าเคยผ่านชื่อของโชปรามาก่อน พอลองเปิดดูเนื้อหาแล้วทำใจอยู่พอสมควร..เพราะเนื้อหานั้นชวนคิดและต้องค่อย ๆ อ่าน แต่ยิ่งดูยิ่งมีความรู้สึกว่าไม่ควรปล่อยให้หนังสือเล่มนี้ผ่านไป เลยตัดสินใจ ซื้อกลับไปอ่านที่บ้าน อ่านทั้งวันเต็ม ๆ วันนั้นรู้เลยว่าสิ่งที่สงสัยต่าง ๆ หลาย ๆ ข้อเริมพบคำตอบอย่างค่อยเป็นค่อยไป และผมเองนั้นทำแบบฝึกหัดท้ายบทด้วย จนมีครั้งหนึ่ง มีความกดดันชีวิตเรื่องต่าง ๆ มากมาย เกิดความคิดแว่บหนึ่งว่าจะต้องหาเวลาไปนั่งริมแม่น้ำ พอมีโอกาสได้ไปแล้วก็รู้สึกว่ามีพลังทางธรรมชาติ แสงแดด ลม เสียงนกต่าง พัดเข้ามาในความคิดว่า ....ปล่อยวางและเชื่อมั่นว่าทุกสิ่งนั้นกำลังดำเนินไปในแนวทางอย่างที่มันควรจะเป็น จงเชื่อมั่น.....วินาทีนั้นรู้ตัวมีสติอยู่ตลอดและเป็นความรู้สึกว่ามั่นใจขึ้นว่ามีบางอย่างกำลังบอกเราจริง ๆ หลังจากวันนั้นเริ่มจริงจังกับการนั่งสมาธิมากขึ้นก็ได้สัมผัสกับความนิ่งและมีความเปลี่ยนแปลงกับตัวเองทางด้านความคิดในหลาย ๆ ด้านหลังจากนั้นหนังสือที่ผมสนใจนั้นเริ่มเกี่ยวกับจิตวิญญาณมากขึ้นอย่างแยกไม่ออกเลย( ทางโลกและทางธรรมนั้นคือทางเดียวกัน )
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 18/08/2008
"เรียบง่าย" และ "ทรงพลัง" จริงๆ ครับ สำหรับเรื่องราวแบบที่คุณ Karn ,คุณนพรัตน์ และคุณนีโอ ได้กรุณานำมาแบ่งปัน ทำให้ยืนยันความเชื่อที่บรรดาคุรุทั้งหลายได้พร่ำสอนพวกเราว่า "จงฟังความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจเถิด อย่ามัวแต่ฟังความคิดที่อยู่ในหัวสมองเพียงอย่างเดียวเลย"

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 18/08/2008
วันนี้ ผมรู้สึกขอบคุณความคิด ที่ไม่ได้คิด ที่คืนวานก่อนได้ปล่อยให้ตัวเอง เขียนข้อความมาทางบอร์ดนี้ครับ ผมยินดีมากที่ได้ลองปล่อยมิตรภาพออกไปและเห็นมันมีพลังกลับมา ไว้มีอะไรดีๆแชร์กันอีกนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 18/08/2008
ผมพึ่งดูสารคดีทางช่อง x-zyte : true vision จบลงเรื่องหนึ่ง ซึ่งดูจบแล้วชวนให้คิด เลยขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

เป็นเรื่องราวของผู้ชายชาวอังกฤษ อายุประมาณ 70 ปี ที่ป่วยเป็นโรคความจำสั้นที่น้อยคนในโลกจะเป็นกัน คือ ความสามารถในการจำของแก จะย้อนหลังกลับไปได้แค่ประมาณ 7 วินาที
ซึ่งในสารคดีบอกว่า แกไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด แต่เป็นภายหลังจากการป่วยเมื่อหลายปีก่อน

แต่แปลกตรงที่ แกยังคงสามารถเล่น piano ได้อย่างดี (เนื่องด้วยแกเคยเป็นวาทยากรมาก่อน) ยังอ่านหนังสือได้ และทำกิจวัตรต่างๆ เช่น รับประทานอาหาร เปิดประตู ใส่เสื้อผ้า ฯลฯ ได้ตามปกติ
แต่ว่าจำสิ่งของ สถานที่ ผู้คน ไม่ได้ และที่สำคัญ แกไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของเวลา คือไม่รู้กาลเวลา ไม่รู้วัน รู้ชั่วโมง

สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดคือ ดูเหมือนว่าทุกสิ่งที่แกได้พบเห็น(หากสิ่งนั้น พ้นสายตาแกไป 7 วินาที) มันดูเหมือนจะเป็นสิ่งแปลกใหม่ หรือสดใหม่ สำหรับแกเสมอ เพราะแกจะรู้สึกเหมือนกับว่า พึ่งได้พบเห็นมันเป็นครั้งแรก

ที่เล่ามา ก็เพราะว่าผมลองคิดเล่นๆ ว่า หากผมขโมยเอา สิ่งที่เรียกว่าความจำสั้นนี้ ไปเป็นเทคนิคใช้กับบางเรื่องที่ไม่ควรจดจำได้
โดยเฉพาะ ถ้าหากว่ามันช่วยทำให้ ผมเห็นทุกสิ่งอย่างมีความสดใหม่อยู่เสมอ ไม่ได้เห็นมันผ่านความทรงจำ หรือผ่านทางความคิด ถ้ามันทำให้ผมเห็นต้นไม้หน้าบ้าน เป็นต้นใหม่เอี่ยมทุกเช้า วิวทิวทัศน์ระหว่างเส้นทางไปทำงานเป็นของแปลกใหม่ ไม่มองมันผ่านๆ เพราะความเคยชิน และหากมันช่วยหยุดความคิดปรุงแต่งให้น้อยลงได้ เพราะมีฐานของความทรงจำเดิมที่หดสั้นลง . . ผมกำลังฝันว่า ผมคงมีชีวิตที่สดใหม่และตื่นตาตื่นใจไปกับความมหัศจรรย์ของชีวิตจริงๆ

หากชวนให้ฟุ้งซ่านมากไปหน่อย ก็ขออภัยด้วยครับ

ยินดีที่ได้อ่านข้อความของ คุณนพรัตน์ คุณนีโอ คุณ karn (อีกครั้ง) และสวัสดีท่านอาจารย์ ด้วยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 18/08/2008
ผมอ่านเรื่องของคุณนันท์แล้วทำให้คิดถึง ภาพยนต์ เรื่องหนึ่ง ที่นางเอกของเรื่อง ประสพอุบัติเหตุจนมีปัญญาทางสมอง ทุกวันที่เธอตื่นมาเธอจะคิดว่าเป็นวันอาทิตย์ก่อนวันเกิดของพ่อเธอ เสมอเธอจะทำกิจกรรมซ้ำๆกันทุกวัน และหลังจากหมดวันเธอก็จะจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นไม่ได้ พอตื่นเช้ามาใหม่เธอก็คิดว่ามันคือวันอาทิตยืก่อนวันเกิดของพ่อเธออีกครั่ง ถ้าจำไม่ผิดจะเรื่อง 50 first dates นะครับ

ชื่อผู้ตอบ : BOOK ตอบเมื่อ : 19/08/2008
ขอบคุณ คุณ BOOK ครับ น่าสนใจมาก
ชื่อหนัง คุ้นๆ หู ว่าเคยได้ยิน อยู่ในประเภทเป็นหนังที่น่าดู
แต่คิดว่าไม่เคยดูแน่นอน เท่าที่อ่านจากพล็อตที่กรุณาเล่ามา
คงไม่พลาด ต้องไปหามาดูเสียแล้วครับ


ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 19/08/2008


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code