คัมภีร์สมใจนึก
เห็นอาจารย์วะสันต์ และคุณนันท์ ได้เขียนถึงคัมภีร์สมใจนึก
อยากถามทั้ง 2ท่านว่า อ่านแล้วรู้สึกว่า 80-90%มันคือ มงคล38ประการของพุทธมั้ยคะ?(ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง)
และอีกที มันใกล้เคียง law of success ของ นโปฮิลล์ สมัยนู้นนน

คุยกะคนที่อ่านเล่มนี้ มีน้อยคนมากที่จับในส่วนต้นๆเรื่อง......ว่าทั้งหมดเล่มเป็นหลักการบวกคำสอนจาก....กลุ่ม "พลังไร้รูป"


และสุดท้าย ถามทั้ง 2ท่านว่า
เชื่อและมีประสบการณ์ " พลังไร้รูป " มั้ยคะ?
ชื่อผู้ส่ง : แฟนพันธุ์แท้ ถามเมื่อ : 10/07/2008
 


ผมอ่าน คัมภีร์สมใจนึก
ไปแล้วส่วนหนึ่ง

อ่านขำมาก
เพราะอ่านแล้วก็นึกถึง

ร่างทรง ในบ้านเรา
ว่าฝรั่งมันก็เชื่อร่างทรงเหมือนกัน

แต่ถ้าตัดประเด็น เรื่องวิธีการถ่ายทอดที่ถ่ายทอดผ่านร่างทรง เอาเฉพาะแก่นมาจริงๆ ผมว่า โอเคนะครับ
แต่ผมรู้สึก Anti ตั้งแต่แรกอ่ะ เลยอ่านแล้วไม่เคยศรัทธาเท่าไร
เพระมันเหมือนหลอกลวง ว่าตัวเองมี ร่างทรง

ดังนั้นตอนนี้เลยวางเล่มนี้ก่อนแล้วไปอ่านเล่มอื่น
เดี๋ยวมีฉันทะ ขึ้นมาใหม่แล้วค่อยอ่าน

ขออภัยนะครับที่ตอบไม่ตรงคำถาม บังเอิญว่าเคยอ่านมาครับ
เลยเข้ามา แชร์เฉยๆ

รอท่านผู้รู้ ตอบดีกว่าครับ

:)
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 11/07/2008
จำได้ว่า ซื้อ"สนทนากับพระเจ้า" มาอ่าน เพราะอยากจับผิดว่า คนแต่งเขียนเอง แต่อ้างพระเจ้าหรือเปล่า แต่เมื่ออ่านจบแล้ว ใช่พระเจ้าจริงหรือเปล่าก็ไม่แคร์แล้ว เพราะหนังสือได้เยียวยาเรามากมาย

เรื่องไม่เชื่อร่างทรง ของ"ผู้อ่าน" คงคิดว่า ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ หรือไม่มีจริง แต่จะแปลกใจไหมครับ ว่า หนังสือของหมอประสาน ต่างใจ ที่เขียนหลายเล่ม โดยค้นจากงานนักวิทยาศาสตร์ทางเลือกทั้งหลาย โดยเฉพาะความรู้เรื่องควอนตัม สามารถอธิบายเรื่องชาติภพ เรื่องภูมิต่างๆ .....

ประสบการณ์ผมเคยไปเรียนสะกดจิต และก็รับการสะกดจิตระลึกชาติ ได้เห็นภาพภพต่างๆ ที่น่าฉงนสงสัย แต่เมื่อนำมาสะกดจิตกับคนอื่นก็ได้ผลเช่นกัน

สรุปส่วนตัวผม เชื่อเรื่อง "พลังไร้รูป" แน่ๆ แล้วจริงๆก็ไปกันได้ด้วยกับศาสนาพุทธ ทั้งมหายาน และวัชรยาน(ธิเบต)
ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 11/07/2008
ผมว่าดีจัง ที่ทั้งคุณผู้อ่านและคุณคนขอนแก่น มาแสดงแง่มุมของตัวเอง ให้เราชวนคิดกัน
ผมอ่าน "คัมภีร์สมใจนึก" นานแล้วเหมือนกัน และขณะนี้จำไม่ได้ว่าหนังสือ มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
ขอเวลานิดนึง คงต้องกลับไปทบทวน แล้วจะรีบมาร่วมแสดงความเห็นดวยคน

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 11/07/2008
คุณ "แฟนพันธุ์แท้",คุณ "ผู้อ่าน",คุณ "คนขอนแก่น" และคุณนันท์ ครับ

ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า ในบรรดาศาสตร์แห่งความสำเร็จ ศาสตร์เกี่ยวกับจิตวิญญาณต่างๆ ที่ "ผู้รู้ตัวจริง" (เช่น นโปเลียน ฮิลล์ , ดีพัค โชปรา ฯลฯ เป็นต้น) เป็นผู้นำเสนอทั้งการเขียนและการพูดนั้น "เป็นเรื่องเดียวกัน" ทั้งหมดครับ เพียงแต่แต่ละท่านอาจจะมุ่งเน้นนำเสนอด้วยจุดมุ่งหมายใด ในมิติใด ในแง่มุมใด ในประเด็นใด และในระดับใด รวมทั้งท่วงทำนอง ลีลาในการนำเสนอเป็นแบบใด ฯลฯ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ ผมถือว่าเป็นการนำผู้ฟัง ผู้อ่าน ไปสู่การค้นพบ "ความจริงสูงสุด" ไปด้วยกันทั้งสิ้น อย่างที่ Echart Tolle เขียนไว้ในหนังสือ "The Power of Now" ของเขานั่นแหละครับว่าไม่ว่าศาสนาใด องค์ศาสดาใด สานุศิษย์และหรือสาวกจะเขียนบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร หรือพร่ำสอนกันมาในวิธีใด แบบใด สุดท้ายแล้ว มันก็แค่คือ "ป้ายบอกทาง" ที่นำไปสู่ "ราก" เดียวกันทั้งสิ้น รากที่เป็น "ความจริงสูงสุด"

ตรงนี้นี่เองที่ผู้รู้หลายท่านจึงต่างย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าไปติดยึดกับถ้อยคำที่อัตตาเรายึดถือมาตลอด เราจะเรียกว่าอะไรก็ได้ตามที่เราสบายใจ.."พระเจ้า?"/ "ตัวตนสูงสุด?" / "พลังงานไร้รูป?" / "สิ่งสูงสุดในจักรวาล?" / หรือแม้แต่ที่คนไทยชอบเรียกขานกัน "สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในจักรวาล?" / ฯลฯ..

ผมจึงมักไม่ค่อยสบอารมณ์ที่คนไทยหลายคนชอบไปทึกทักเอาว่าพุทธศาสนาดีที่สุด ไม่มีศาสนาอะไรจะประเสริฐเลิศล้ำกว่าศาสนาพุทธอีกแล้ว พระพุทธเจ้าของฉันนั้นเลอเลิศประเสริฐศรีที่สุด ฯลฯ ผมกลับมีความเห็นส่วนตัว (ที่เห็นด้วยกับ Tolle) ว่ามันก็นำไปสู่ "ราก" เดียวกันนั่นแหละ และ "ความจริงสูงสุด" ที่องค์ศาสดาต่างๆ มหาคุรุต่างๆ ได้ค้นพบนั้น มันก็เป็น "ความจริงอันป็นหนึ่งเดียว" เป็น "ความจริงแห่งจักรวาล" เป็น "สัจธรรมสากล" เดียวกันทั้งสิ้น เพียงแต่องค์ศาสดาแต่ละท่าน มหาคุรุ แต่ละท่าน ท่านก็เลือกวิธีการในการนำเสนอที่แตกต่างกันไปให้สอดคล้องกับสภาพของภูมิศาสตร์ สภาพของวัฒนธรรมประเพณีในพื้นที่นั้นๆ รวมทั้งให้สอดคล้องกับ "จริต" ของผู้คนในพื้นที่นั้นๆ เพียงแต่พอระยะเวลามันผ่านไปเป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพันปี ผู้คนในรุ่นหลังๆ ก็อาจเกิดการยึดมั่นถือมั่น เริ่มแบ่งแยก ว่านี่ศาสนาของฉัน นั่นศาสนาของเธอ คำสอนหลายอย่างก็เริ่มวิปริตบิดเบี้ยวไปหลายอย่างหลายประการ จนผู้คนเริ่มไม่รู้ ไม่เข้าใจ และเข้าไม่ถึงแก่นของคำสอนต่างๆ เหล่านั้น ครั้นไปอ่านโน่นนิดนี่หน่อย ก็สับสน บูรณาการไม่ถูก เชื่อมโยงไม่ได้ คิดแต่ว่ามันคนละเรื่องเดียวกัน ?เห็นแค่ต้นไม้ทีละต้น แต่ไม่เห็นป่าทั้งป่า เอาความรู้ ความจริงต่างๆ ที่กระจัดกระจายมาผสมผสานเป็นองค์รวมไม่ได้ โบราณท่านถึงได้กล่าวว่าบางคนนั้น "รู้มากก็ยากนาน" และ "ความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด"

เราไม่รู้สึกประหลาดใจเลยหรือว่าเป็นไปได้อย่างไรที่คนบ้านนอกคอกนา ซึ่งแทบจะอ่านไม่ออก เขียนก็ไม่ค่อยจะได้ ความรู้ก็อาจจะเทียบได้แค่คนที่จบ ป.4 บ้านเรา อย่าง Esther และ Jerry Hicks สองสามีภรรยา จะสามารถคิดเขียนอะไรที่มันลึกซึ้งได้มากมายไปได้ถึงขนาดนี้ และไม่รู้สึก "อึ้งบวกทึ่ง" เลยหรือ ที่คนอย่างนีล โดนนัลด์ วอลส์ช (ผู้เขียน "Conversations with God") ซึ่งไม่ได้มีปูมหลังเป็นนักศาสนา หรือนักอภิปรัชญา หรือนักคิด ฯลฯ อะไรทั้งสิ้นมาก่อน มิหนำซ้ำชีวิตก็ออกจะเหลวแหลกบัดซบอย่างชนิดที่ไม่น่าเข้าใกล้เรื่องดีๆ อะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับเขียนหนังสือเล่มนี้ได้อย่างหมดจดงดงามอย่างที่สุดได้ แล้วเราจะไปสนใจอะไรกับการที่พวกเขาจะ "เข้าทรง" หรือไม่?!!? แค่คิดให้เป็นมงคลหน่อยว่านี่อาจจะเป็น "กุศโลบาย" ในการนำเสนองานเขียน แนวคิดของเขา ก็ยังแทบไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาที่มีพื้นเพอย่างนี้จะทำมันขึ้นมาได้ และแทบไม่ต้องไปคิดว่าพวกเขาไปลอกงานเขียนของใครมาเล่นแร่แปรธาตุเอาเป็นของตัวเองหรือเปล่า? เพราะถ้าใช่ ป่านนี้พวกเขาก็คงต้องเดินวนเวียนขึ้นศาลกันจ้าละหวั่นแล้ว!! ในประการนี้ ผมจึงเห็นไปในแนวเดียวกับคุณ "คนขอนแก่น" ว่าเราจะไปสนใจอะไรถึงที่มาของมัน ถ้าเนื้อหาอันเป็นแก่นของหนังสือมันใช่ตามที่หัวใจของเราบอกแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ต้องใส่ใจอะไรทั้งสิ้น เหมือนดังคำพระที่กล่าวว่าเราต้องรู้จัก "ลอกเปลือก เลือกแก่น"

อย่าลืมว่าเรื่องที่เรายังไม่รู้ หรือยังไม่อาจรู้ได้นั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง!!

อาจจะดูเข้มข้น ก้าวร้าวไปหน่อยก็อย่าถือสานะครับ "สังคมอุดมปัญญา" มันก็ต้องอย่างนี้ จะผิดถูกอย่างไร สาธุชนพึงสดับตรับฟังและพิจารณาด้วยตนเองเทอญ..(ไม่ต้องสาธุนะครับ..ฮา)



ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 11/07/2008
โอ้โฮ แจ่มแจ๋ว กระจ่าง ตรงเข้ากลางเป้า จริงๆ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 11/07/2008
ผมจึงมักไม่ค่อยสบอารมณ์ที่คนไทยหลายคนชอบไปทึกทักเอาว่าพุทธศาสนาดีที่สุด ไม่มีศาสนาอะไรจะประเสริฐเลิศล้ำกว่าศาสนาพุทธอีกแล้ว พระพุทธเจ้าของฉันนั้นเลอเลิศประเสริฐศรีที่สุด ......

เห็นด้วยเป็นที่สุด

ถ้าเปรียบการเติบโตทางจิตวิญญาณเป็นยอดเขา ไม่ว่าจะขึ้นจากทางไหนก็คงถึงเหมือนกัน ยึดติดว่ามีทางเดียวเหนื่อยนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 11/07/2008
ขอบคุณ อาจารย์วะสันต์ค่ะ...ตอบวัยรุ่นมากเลย
จริงๆแล้วถ้าใครอ่าน ผลงานของ เวย์น ไอเออร์ อย่างละเอียดจะพบว่า เค้ามีประสบการณ์ กะ "พลังไร้รูป" อยู่หลายรอบเลยล่ะ

อยากบอกเล่าอาจารย์วะสันต์ว่า วงการแพทย์เอง การรักษาโรคกลุ่ม unknownorigin กลับมามองเรื่อง " สมาธิกับการแก้กรรม" เค้าใช้คำนี้แบบไม่เคอะเคินเลยนะคะ

โรงเรียนแพทย์บางแห่ง มีวิชาบังคับ "วิปัสสนา"แล้วค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 11/07/2008
ผมได้กลับไปอ่าน "คัมภีร์สมใจนึก" แบบผ่านๆ เพื่อทวนความทรงจำ ก็ยังคงพบว่า ผมมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสืออยู่มากๆ

หลังจากนั้นก็ไปค้นดูแบบผ่านๆ ว่า "มงคล 38 ประการ" คืออะไร
จับใจความได้ว่า คือ คุณธรรม ที่เป็นเหตุทำให้ชีวิตประสบความเจริญ เช่น การไม่คบคนพาล การคบบัญฑิต การบูชาบุคคลที่ควรบูชา การอยู่ในถิ่นอันสมควร เป็นต้น

ผมลองพยายามเชื่อมโยงดู แต่ไม่สำเร็จ เลยไม่แน่ใจต่อความเห็นของ คุณแฟนพันธุ์แท้ ที่ว่าไว้ อาจเป็นเพราะผมยังไม่ได้เข้าไปศึกษาดูรายละเอียดของ "มงคล 38 ประการ" อย่างเพียงพอก็เป็นได้ หากช่วยอธิบายเพิ่มเติมก็คงดี จะได้เห็นภาพด้วยคน

ส่วนเรื่องเนื้อหาของ law of success ของ นโปเลียน ฮิลล์ รวมทั้งเรื่องที่ คุณแฟนพันธุ์แท้ เรียกว่า "พลังไร้รูป" นั้น ผมเห็นด้วยกับที่ท่านอาจารย์วสันต์ ได้ให้ความเห็นไว้ ชัดเจนอย่างยิ่ง

ต่อคำถามที่ว่า เชื่อและมีประสบการณ์ " พลังไร้รูป " ไหม
ถ้าคำว่า "พลังไร้รูป" เป็นสิ่งเดียวหรือมีความหมายเดียวกับ "ศักยภาพอันบริสุทธิ์ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน" ในกฎข้อที่ 1 ของ ดีพัค โชปรา ผมย่อมเชื่ออย่างแน่นอนครับ

แล้วเคยมีประสบการณ์ไหม ?
ผมว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน หรือไม่ก็เป็นแบบพี่น้องท้องเดียวกัน กับเรื่อง "สภาวะไหลคล่อง" ตามคำเรียกของคุณแฟนพันธุ์แท้ ที่ได้พูดไว้ในกระทู้ "กฎแห่งความพยายามให้น้อยที่สุด" ที่เคยได้แสดงความเห็นกันไว้

ผมว่าสิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นได้กับหลายๆ คน ดังที่ท่านอาจารย์วสันต์ ได้พูดถึง ผู้รู้ตัวจริง ทั้ง นโปเลียน ฮิลล์ , ดีพัค โชปรา หรือ เอสเธอร์ ฮิคส์
และผมยังมีความเห็นว่า เกิดได้ทั้งกับคนที่อยู่ในสาขาอาชีพอื่น ดังที่ผมเคยแสดงความเห็นไว้ในกระทู้ก่อนๆ หน้านี้ เช่น ไทเกอร์ วูดส์ . โรเจอร์ เฟดเดอร์เรอร์ หรือ เอลวิส เพรสลี่ย์ หรือ แม่ค้าส้มตำรางวัลครกทองคำบางคน ก็แล้วแต่
ซึ่งทุกคนล้วนมีประสบการณ์นั้นได้เช่นกัน อาจมาแบบยาวๆ หรือมาแบบแวบๆ ก็ตาม
แต่ในภาวะนั้นผมว่าเขาได้ก้าวข้ามพ้นจาก สภาวะในระดับของการมีความคิด หรือความคิดได้ยุติลง พ้นจากอัตตา การแบ่งแยกใดๆ และไปพ้นจากระดับทางกายภาพ
แล้วสื่งที่ คุณแฟนพันธุ์แท้ เรียกว่า "พลังไร้รูป" ก็จะทำงานผ่านเราได้ มากขึ้นๆ ซึ่งขึ้นอยู่ว่า เราเปลือยตนเองลงได้อย่างหมดจดแค่ไหน จนเข้าใกล้หรือเข้าถึงระดับสูงสุด ที่เรียกว่า พุทธิปัญญา หรือ จิตเดิมแท้ หรือ ตัวตนที่แท้ หรือ ธาตุรู้อันบริสุทธิ์ หรือ ฯลฯ แล้วแต่จะเรียกกัน ได้แค่ไหนครับ

ทั้งหมดเป็นความเห็นที่ไม่รู้ว่าตรงคำถามที่ตั้งใจ ของคุณแฟนพันธุ์แท้ หรือเปล่า
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 12/07/2008
ความหมาย"พลังไร้รูป" คุณ คนขอนแก่น น่าจะเข้าใจตรงกันหรือใกล้เคียงที่สุด
ส่วนพลังไร้รูปที่หมายถึง กฎข้อ 1 ใน 7กฎฯเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องที่กำลังถกกันค่ะ เพื่อให้เห็นภาพชัด ขอเอ่ยถึงบุคคลที่น่าจะพอรู้จักคือคุณน้อง ริชชี่ /พีราวัฒน์ อริยทรัพย์กมล (น.ศ วิศวะ มช.) หนุ่มน้อยพลังจิต ที่เค้าสวดมนต์/ภาวนา จนสามารถ สื่อกะพลังไร้รูปได้ และนำคววามสามารถพิเศษนี้ไปช่วยเหลือผู้คนมากมาย

และตัวเค้าเองก็ได้พูดเป็นแนวทางเดียวกะกฎข้อ 1 คือ ทุกคน(ต้องบอกว่าเกือบทุกคน)สามารถเป็นแบบ อย่างที่ตัวเค้าเป็นได้ถ้าสวดภาวนามากถึงระดับหนึ่ง

ส่วนตัวมีมุมมองเรื่อง มงคล38ประการดังนี้
มงคล1-2 ให้คบคนดี....law of success พูดเรื่องอภิจิต

มงคล14 การงานไม่คั่งค้าง....คัมภีร์สมใจนึก พูดเรื่อง เคลียร์ความยุ่งเหยิงเพื่อความปลอดโปร่ง

มงคล 19งดเว้นจากบาป คัมภีร์สมใจนึก.การขัดขวางอิสรภาพของคนอื่นจะทำให้คุณสูญเสียอิสรภาพเสมอ

มงคล36-37-38 จิตไม่เศร้าโศก จิตปราศจากธุลี จิตที่เกษม-ปลอดโปร่ง....คัมภีร์สมใจนึก ....ทุกๆความคิด มีการสั่นสะเทือนทั้งสิ้น ความคิดไหนให้ความรู้สึกดีกว่ากัน การชื่นชมยินดีแบบอุดลุตสุดเหวี่ยง

รวมๆ จะเป็นการรักษาปัจจุบันขณะให้อยู่คลื่นพลังงานความถี่ที่เกิดความเบิกบาน

ในเรื่องประการณ์"การสื่อกับพลังไร้รูป" ขออนุญาต เปิดชวนสำหรับผู้มีความเชื่อแบบไม่สงสัยอย่างคุณ คนขอนแก่น และคนที่มีใจกว้างเปิดรับ เจ้าของวาทะ"เรื่องที่เรายังไม่รู้ และยังไม่อาจรู้ ไม่ได้หมายความไม่มีอยู่จริง" อย่างอาจารย์วะสันต์ ถ้าสนใจแนวนี้ มีที่แนะนำ หรือให้พาไปได้

แล้วถึงจุดหนึ่งจะไม่อยากเปิดตำราดูดวง(อิอิ...อันนี้เอาเรื่องจริงมาพูดเล่น)

และท้ายสุดจริงๆจะพร้อมใจยอมรับว่า ทางโลกและทางธรรมคือเรื่องเดียวกัน
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 12/07/2008
ผมเข้าใจประเด็นมงคล 38 ประการของคุณแฟนพันธุ์แท้ แล้วครับ

ส่วนเรื่องคำว่า "พลังไร้รูป" หมายถึงอะไร
จากการประเมินดู คิดว่าผมคงพอจะเข้าใจได้ไม่คลาดเคลื่อนกันนัก เพียงแต่ว่าเรากำลังพูดถึง รูปธรรมที่แสดงออกมานั้น มันเกี่ยวข้องกับเรื่องไหน
เช่น เรื่องเกิดความรู้บางอย่างขึ้นมา หรือเรื่องทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำโดยง่าย หรือถึงขนาดทำบางสิ่งเหนือสามัญปกติ

ถ้าพูดเฉพาะเรื่อง การเกิดความรู้บางอย่างขึ้น ก็คงต้องมาแยกอีกว่าเกิดตัวรู้เรื่องอะไร เช่น รู้เหตุการณ์ รู้จิตใจ หรือรู้สัจจะธรรม จนถึงรู้แจ้งแทงตลอด
ทั้งหมดคงเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กับระดับสภาวะจิตของผู้รู้ ในขณะนั้น และก็คงน่าจะขึ้นกับการฝึกปฏิบัติ กับจริตเดิมที่พาไป ประกอบอยู่ด้วย

ความรู้นั้นคงมีทั้งเรื่องหลักทางธรรมแท้ และเรื่องรายปลีกที่ได้พบระหว่างทาง ซึ่งคิดว่าทุกคนคงมีเป้าหมายระดับสุดท้าย ที่น่าจะหมายถึงความรู้อันบริสุทธิ์ หรือรู้แจ้ง เช่นเดียวกัน เพียงแต่บางทีก็แวะเพลิดเพลินกับความรู้บางเรื่องในระหว่างทาง

แล้วยังมีวิธีรับรู้มาของผู้รู้อีก ก็คือ เกิดความรู้ผุดที่ขึ้นมาเอง หรือแบบที่บอกว่ามีผู้รู้ที่ไร้รูปมาบอก ตามตัวอย่างที่เราพูดถึง

ซึ่งทั้งหมดผมมิได้สงสัยใดๆ ว่าการรู้เหล่า(แบบ)นั้นย่อมเกิดขึ้นได้หรือไม่ เพียงแต่ถ้าผมได้พบผู้รู้ไม่ว่าแบบไหน ก็แค่รับรู้ไว้ หรือว่ากันไปตามกรรมตามวาระ ตามเหตุตอนนั้นเท่านั้น

สุดท้ายเรื่อง ทางโลกและทางธรรม เป็นเรื่องเดียวกัน ชัวร์ป้าบ.. confirm ครับ
เพียงแต่คำว่า "โลก" กับคำว่า "ธรรม" ของเรา ซึ่งคงอนุมานได้ว่าความรวมคงตรงกัน แต่มันมองจากเหลี่ยมไหนแค่นั้นแหละครับ
ก็ขอแสดงความเห็นรวมๆ ไว้อย่างนี้ครับ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 12/07/2008
ขอบคุณ คุณ "แฟนพันธุ์แท้" ครับ น่าสนใจมากๆ ครับ ไม่ชวนคุณนันท์ด้วยละครับ
ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 17/07/2008
คิดว่าไม่ชวนดีกว่าค่ะ
แบบว่า.......

ลีลาเค้าเยอะน่ะ!
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 18/07/2008
ผมเป็นพวก ขอมีลีลาเอาไว้ก่อน เผื่อเนื้อในแผ่ว จะได้ใช้ถูไถไปนะครับ
แล้วก็.. ขี้ใจน้อยด้วยนะ จะบอกให้
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 18/07/2008
เอสเธอร์,เจอรี่ ฮิคส์ ก็เป็นORIGINAL หนังสือแนวกฏแห่งการดึงดูด
ดีพัค โชปรา เวย์น ไดเออร์ นีล โดนัลด์ วอลช์ ก็เป็น ORIGINAL หนังสือแนวจิตวิญญาณ
ไบรอัน เทรซี่ แอนโทนี่ รอบบิ้นท์ ก็เป็น ORIGINAL หนังสือแนวโปรแกรมจิตใจ เพื่อให้ประสบความสำเร็จร่ำรวยทางโลก
ผมสังเกตว่าฝรั่งนี่เขาถือว่าสุดยอดจริงที่คิด CONCEPT ต่างๆมาเขียนหนังสือขายได้ฟอร์มยักษ์ แต่คนไทยทำไมไม่มีเป็น ORIGINAL หนังสือของตัวเองบ้าง มีแต่ไปอ่านของฝรั่งเขามาแล้วก็มาเขียนหนังสือ ซึ่งชอบเขียนแบบหน่อมแน้ม รักไม่สู้ความเข้าใจ คิดดีแล้วจะได้ดี หรือหนังสือของคุณบัณฑิต อึ้งรังสีเล่มนึงก็ลอก หนังสือ อนาคตอยู่ในกำมือคุณ ของไบรอันเทรซี่ สนพ.ต้นไม้มาทั้งดุ้น ก็เลยอยากให้คนไทยเป็น ORIGINAL หนังสือ HOW TO ของตัวเองบ้าง
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 18/09/2008
อีกอย่าง ทพ.สม สุจิรา เขียนหนังสือที่มีประโยชน์กับคนไทย ผมว่ามีอยู่เล่มเดียว คือเดอะท็อปซีเคร็ต ส่วนเล่มอื่นอย่างไอน์สไตด์อย่างนี้ มีแต่ทฤษฎีล้วนๆเอาไปปฏิบัติไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์หลอกครับ แล้วการที่มาพูดว่าฝรั่งเขาสู้คนตะวันออกไม่ได้เพราะพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้มาตั้งนานแล้วผมไม่เห็นด้วย เช่นหลักการบางอย่างที่พระพุทธเจ้ารู้แต่ก็ไม่มีใครเอาเผยแพร่ ไม่อย่างนั้นเราจะซื้อหนังสือของฝรั่งมาแปลกันทำไม ตั้งกี่สำนักพิมพ์ในเมืองไทย ส่วนคนไทยที่เผยแพร่หนังสือพุทธ ก็มีแต่เอาเรื่องกฏแห่งกรรมมาขู่ให้คนกลัวอกสั่นขวัญหาย บรรยายนรกซะยังกับเคยไปมาอย่างนั้นแหละ ทำให้คนไม่ได้คิดทำดีอยู่กับปัจจุบันมีแต่โลภสวรรค์ กลัวนรก ผมว่าปัญหานี้ควรจะแก้ไขโดยด่วนเพราะว่ามันเรื้อรังมานานแล้ว ขอความเห็นด้วยครับ ขอบคุณครับ
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 18/09/2008


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code