แพทย์...แผนอนาคต
ไม่ได้เป็นศัพท์แสงที่แฟนพันธ์แท้คิดเองหรอกนะ
แต่เป็นคำ ของผู้มีประสบการณ์ดูแลการเจ็บป่วยของตัวเอง
(ปางตาย)และเป็นผู้ซึ่งเล่าเรียนจนจบแพทย์แผนปัจจุบัน
และเรียนเพิ่มจนจบแพทย์เฉพาะทางที่ถูกขนานนามว่า
...ผู้เชี่ยวชาญ(Uro-surgery specialist)
ได้ปฏิบัติตามแนวทางที่ โชปรา
บอกไว้ในหน้า 79 ที่ว่า

หนทางที่สาม ที่จะจัดการกับกรรม คือ การก้าวขึ้นอยู่เหนือกรรม
การก้าวขึ้นอยู่เหนือกรรม คือการทำให้เป็นอิสระจากกรรม
วิธีในการก้าวขึ้นอยู่เหนือกรรมทำได้โดย การหมั่นที่จะมี
ประสบการณ์ถึง"ช่วงว่าง" ระหว่างความคิด หรือ สภาวะจิตว่าง
การหยั่งถึงสภาวะแห่งตัวตนที่แท้ และจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์

...เป็นผู้หาคำ ที่น่าจะเหมาะสม หรือใกล้เคียงนี้ขึ้นมาค่ะ


เรื่องราวที่เกิดก้อคือ เมื่อกลางปี 2551 ครอบครัวของนายแพทย์
ท่านนี้ ได้รับหนังสือจากแฟนพันธ์แท้ 2เล่ม คือภูมิปัญญาแห่ง
กาลสมัย และ 7กฏฯ นายแพทย์ท่านนี้เลือกอ่าน 7กฏฯ ก่อน
เหตุผลเพราะเล่มเล็กๆ ดี สะดวกเวลาหยิบติดไปด้วยตอนอยู่เวรฯ
อ่านจบแล้วค่อยสลับ กับภรรยา(จบแพทย์เหมือนกัน) ซึ่งภรรยา
เป็นแฟนคลับของ เวย์น ไดเออร์ และยังไม่เคยรู้จักชื่อ
ดีพัค โชปรา ก็ยินดีอยู่แล้วที่จะอ่านของ เวย์น ไดเออร์ ก่อนน่ะ

ช่วงที่เริ่มอ่าน....ก็ชอบใจมากกับข้อมูล
ไม่ตัดสินผู้ใด

ทำให้ครอบครัวนี้ รู้จัก ดีพัค โชปรา ในฐานะแพทย์ผู้เชื่อมโยง
ผ่านไป 1 ปี....ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มาปลายปี 2552 อยู่ๆก้อมีความผิดปกติในสุขภาพของตัวเอง ตรวจคนไข้อยู่ดีดี มีอาการ
วูบ แบบไม่มีสาเหตุ, ขับรถอยู่ดีดี วูบกลางสี่แยกไฟแดง
ไม่สามารถขับต่อไปได้ เป็นเหตุให้การจารจรติดขัด
แพทย์ผู้บริหารโรงพยาบาลอนุมัติ ให้การรักษาอย่างเต็มความ
สามารถ แต่ขบวนการตรวจวินิจฉัยโรคที่ เครื่องมือทันสมัยที่สุด
ทั้งภาครัฐและเอกชน......ไม่สามารถ...ค้นหาสาเหตุของโรคได้!
พี่ชายของนายแพทย์ท่านนี้ เป็นแพทย์เฉพาะทางและเป็นอาจารย์
สอนในโรงเรียนแพทย์ พอจะรู้แนวทางในการขอความช่วยเหลือ
จากผู้เชี่ยวจากต่างประเทศ และหาข้อมูลใหม่ๆ เพื่อ การวินิจฉัย
สาเหตุที่แท้จริงให้ได้......
..........แต่ก็....ไม่สามารถตรวจ และวินิจฉัยได้

(มีต่อ)
ชื่อผู้ส่ง : แฟนพันธ์แท้ ถามเมื่อ : 03/05/2011
 


ทิ้งท้ายแบบนี้ คนอ่านโกรธนะถ้าไม่มาต่อให้จบ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 04/05/2011
ขอข้ามช็อตไปเล่าที่ บทสนทนาของผู้ใหญ่(ในวงการแพทย์)
ที่เคยมีบทบาทสูงสุดทั้งเรื่องทางให้การรักษาและบริหาร
(อดีต คณบดีคณะฯ, และอธิการบดีมหา'ลัย) ว่าแพทย์แผน
ปัจจุบัน เรายังทำการรักษาที่มุ่งเน้น หรือแยกเป็นระบบ
เป็นส่วนๆ จนลืมไปว่าร่างกายของคนเราแต่ละระบบนั้น
เชื่อมโยงกัน และสำคัญการแพทย์ที่เรียกตัวเองว่า การรักษา
แบบองค์รวม/แพทย์ทางเลือกเอง ก็แยกออกไปแบบสุดขั้วของ
รั้ว รพ. อาจารย์ท่านนี้บอกว่าจะต้องมีอะไรซักอย่างที่มาอยู่
ตรงกลางๆที่เชื่อม ทุกๆ จุดนั้น เอื้อไปที่เป้าหมายเดียวคือ
รักษาคนหนึ่งคน ทางตะวันตกเริ่มมีทางออกที่เรียกการแพทย์
แบบผสมผสาน ซึ่งตอนนี้เริ่มเป็นที่รู้จักบ้างในเมืองใหญ่ๆ
(บ้านเรา)แต่ก็ยังเป็นอะไรที่ มีไว้สำหรับ เศรษฐีมีตังค์เยอะๆ
เพราะแพทย์ที่ศึกษาทางนี้มีน้อยมากๆ แพทย์ที่สนใจทางออก
ใหม่ๆและมีอุดมการณ์ในการเผยแพร่ในวงกว้าง ก็ยังไม่เจอ
ผู้ร่วมทุน/นายทุนในอุดมคติ จึงทำให้คนระดับกลางๆ และระดับ
ล่างๆยังไม่มีโอกาสใช้บริการ

........ทั้งหมดนี้ฟังท่านผู้เกี่ยวข้อง..ท่านสนทนากันค่ะ

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 05/05/2011
เมื่อเล่าข้ามช๊อตแล้ว ขอเล่าย้อนความทรงจำ ที่เกี่ยวข้อง
ความหวังทางการรักษาของผู้ป่วยและญาติค่ะ
ตอนจบการศึกษาใหม่ๆ ก็ได้ทำงานในตึกผู้ป่วยก่อนและหลังผ่าตัด
มีทั้งผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดจากการเจ็บป่วย(ส่วนใหญ่จากมะเร็ง..
มาจากทั่วทุกภูมิภาค/เหนือ) และอุบัติเหตุ

การรักษาหลังผ่าตัด หากสาเหตุมาจากอุบัติเหตุ เราก็เห็นการ
พยากรณ์ของการหายจากโรคได้เลยตอนผู้ป่วยกลับบ้าน
แต่หากเป็นจากเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง เราไม่สามารถพยากรณ์ได้
เพราะต้องส่งผู้ป่วยไปรักษาต่อ ยังแผนกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ก็เลยไม่สามารถเห็นความก้าวหน้าผลการรักษาได้

แต่มีมะเร็งชนิดหนึ่งที่ ผ่าตัดรักษาแล้ว เราเห็นได้ด้วยตาเลยว่า
ทุกเคสนั้น....หายจากโลกคือ มะเร็งหลอดอาหาร(ca-esophagus)
ทุกๆ บทบาท ที่เกี่ยวข้องนั้น...มีความมุ่งมั่นและทำงานหนัก
แพทย์ต้องเตรียมตัวหนักมาก ต้องอ่านตำรากันเกือบไม่ต้องนอน
ต้องยืนผ่าฯ ในห้องผ่าฯ กันหลายชั่วโมง
พยาบาลต้องเตรียมผู้ป่วยอย่างเข้มงวด เพราะเป็นผ่าตัดใหญ่
เตรียมกันเกือบเดือน ช่วงทำความสะอาดทางเดินอาหาร ผู้ป่วย
ทรมานมาก และส่วนใหญ่มะเร็งชนิดนี้ร่างกายจะผ่ายผอมมาก


เรื่องที่ทรมาน"จิตใจ" ทั้ง พยาบาล,ผู้ป่วย และก็ญาติ นั้นก็คือ
ผู้ป่วย .... ไม่ต้องการผ่าตัด
ญาติ....ต้องการ รักษา ขอฝากความหวัง(แม้ว่าจะริบหรี่)ไว้ที่แพทย์
และขอการ ยืนยันว่าผ่าแล้วจะหาย จากพยาบาล


คำถามที่เจอประจำ....โรคนี้ผ่าแล้วจะหายมั้ย??
ไม่ว่าเราจะตอบไปตามบทบาทที่ถูกมอบหมายยังไง
เรามักจะเจอคำพูดของผู้ป่วย "ยายอยากกลับบ้าน! ไม่ต้องการผ่า"

......หากจะเอากฏทางจิตวิญญาณกฏที่ 7 ว่าด้วยกฏแห่งกรรม
อะไรที่เป็นภาระกิจของชีวิตที่ฉันทำได้ดีที่สุด ในการรับใช้ผู้อื่น
ก็คงจะออกมาว่า
.........นี่คงไม่ใช่ภารกิจของฉันแน่เพราะมันทำให้อึดอัดใจ


อ้าว! ยังไม่เข้าเรื่องคุณหมอมีวูบ แล้วหายได้ไง...เลยนะเนี่ย!


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 07/05/2011
การก้าวขึ้นอยู่เหนือกรรม
ของหมอที่กลับกลายเป็นคนไข้ท่านนี้
ได้ใช้วิธีนั่งสมาธิเพียงวันละ 15 นาที เช้า/เย็น
จากเริ่มทำผ่านไป 2-3 สัปดาห์ อาการผิดปกติดังว่าค่อยๆ หายไป
จนกระทั่งมาปีนี้ ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่.....อีกเลย!


จะมีก็แต่เรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่โรคภัย เช่น อาการเจ็บแปล็บของ
การฉีกขาดของเอ็นกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นจากการเล่นกีฬา ตั้งแต่
สมัยเด็กๆ
ถึงไม่ใช่อาการที่จะต้องเป็นโรคภัย แต่หากอาการดังกล่าวหายได้
คงดีไม่น้อย

ด้วยความอัศจรรย์ของการหายจากอาการวูบ
ทำให้คุณหมอท่านนี้เปิดใจสุดๆ กับความรู้ที่มีอยู่นอกตำราแพทย์
จึงอยากขจัดอาการเจ็บแปล็บดังกล่าว
และใช้การนั่งสมาธิ ร่วมกับ หลักการ"ทวนวิถีคือการเคลื่อนไหวของเต๋า"

อาการที่มีมาร่วม 30ปี หายยยยยยอีกแล้ว
จุลจักรวาลกับมหาจักรวาล เชื่อมกันได้ และปลดปล่อย
"พลังมหาศาล"เพื่อการเยียวยา ในราคาที่แสนถูก(คือมีค่าใช้จ่าย 0 บาท)
และใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที ไม่มีการต้องพึงพาผู้อื่น


จึงขอตั้งชื่อ(เป็นส่วนตัว)นี้ว่า
แพทย์แผนอนาคต!


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 10/06/2011
บทเรียนจากประสบการณ์ครั้งนี้ ทำให้คุณหมอท่านนี้
ตั้งปนิธานในส่วนของการ ....เสนอทางเลือก
ตั้งแต่นี้ต่อไปเวลาคนไข้บอกเล่าถึงการรักษาอื่นที่ใช้ร่วม จะต้อง
เปิดใจให้กว้าง ไม่ใช้ประสบการณ์ของตัวเองไปเชียร์ ไปตัดสิน
เพราะบางคนอาจต้องใช้เงินทองที่เค้าสะสมมาทั้งชีวิต หรือ
แม้แต่ไปหยิบยืมผู้อื่น มาใช้ในวิถีทางเลือกเพราะความไว้วางใจ
ในความเป็น"ผู้รู้" และ status ที่สังคมยอมรับและมอบให้
และเราอาจพบกับความเสียในภายหลังได้ หากเงินทองที่เสียไป
กลับไม่ได้แก้ไขโรคภัยในแบบที่เค้าหวังจะได้รับ
เพราะไม่ว่าวิธีการใด กับคน คนใด ในทั้งโลก
ยังต้องขึ้นกับถูกโฉลก และยังคงเป็นเรื่องของสถิติ


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 10/06/2011
แก้คำค่ะ

และเราอาจพบกับความเสีย......ใจ....ในภายหลังได้ หากเงินทองที่เสียไป
กลับไม่ได้แก้ไขโรคภัยในแบบที่เค้าหวังจะได้รับ
เพราะไม่ว่าวิธีการใด กับคน คนใด ในทั้งโลก
ยังต้องขึ้นกับถูกโฉลก และยังคงเป็นเรื่องของสถิติ

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 12/06/2011
ที่....ทึ่ง!....กับคำ แพทย์แผนอนาคต!

อีกอย่างก็คือการหยุด การไหลของเลือด(cotting time)
เวลาเกิดบาดแผล พอใช้เทคนิควิธีใหม่(จุลจักรวาลกับมหาจักรวาล เชื่อมกันได้ )
cotting time หดสั้นไปเกือบ90% ของที่เคยเกิดตามปกติ

งี้คงต้องเปิดหัวใจให้กว้างงงงงงงงง
ในเรื่องราวใหม่ๆ ที่ไม่สามรถพิสูจน์ได้ ไม่สามารถอธิบายได้
ในกลไกวิทยาศาสตร์


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 15/06/2011
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวอันน่าทึ่งครับ
ตอนนี้มีเรื่อง ทฤฎีโพเพทัส (popatus) ของหมอแกน ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเช่นกันนะครับ เป็นการรักษาโรค (ทุกโรค) ด้วยการดื่มน้ำจากผักผลไม้และธัญพืชตามสูตรของโพเพทัส ควบคู่กับการนั่งสมาธิกระตุ้นคลื่นเซลล์ ท่านที่สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ http://www.morgangaiyasit.com/ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : ธุลีของจักรวาล ตอบเมื่อ : 18/06/2011
มีคนใกล้ตัวไปเรียนการนั่งสมาธิกระตุ้นคลื่นเซลล์ กับหมอแกน
อยู่ 2ท่านค่ะ ในตอนแรกก้อถูกชวนเองแหละ จังหวะนั้นใจไม่
เปิดรับน่ะ(เพราะต่อต้านคนที่ไม่ได้เรียนจบหมอ..แล้วเรียกตัวเอง
ว่าหมอน่ะ) แต่พอฟังเรื่องราวจากคนที่ไปเรียนแล้วก็เลิกต่อต้านค่ะ
หมอแกนเป็นคนนึงที่ Born to be มาช่วยเหลือผู้คน(ทำได้ไง?!)
ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายค่ะ ดูการใช้ชีวิตส่วนตัวแล้ว เป็นตัวอย่าง
ที่ดีในเรื่อง"การดึงดูดความมั่งคั่งลื่นไหล" เลยทีเดียวค่ะ
คือเหมือนไม่มีรายได้ แต่มีเงินที่เกิดจากการเต็มใจส่งมอบจากผู้คน
(ส่วนใหญ่เป็นเศรษฐี) ให้มีความเป็นอยู่ที่ สุขสบาย และมีทุนให้
เดินทางได้ทั่วโลก

รายนี้ก้อน่าจะคอนเฟิร์มได้ ว่ารับใช้เพื่อนมนุษย์จากช่องทาง
ของความรัก!




ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 21/06/2011


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code