...ว่าด้วยเรื่องการให้อภัย...
ถ้าจะปลดปล่อยอดีต เราต้องเต็มใจให้อภัย

เราต้องเลือกที่จะปลดปล่อยอดีตและให้อภัยทุกคนรวมทั้งตัวเราเอง เราอาจไม่รู้ว่าจะให้อภัยได้อย่างไร และอาจไม่ต้องการให้อภัย แต่จริง ๆ แล้วการที่เราพูดว่าเราเต็มใจให้อภัยก็เป็นการเริ่มกระบวนการบำบัดรักษาแล้ว ในการบำบัดรักษาตัวเองนั้น “เรา” จำเป็นต้องปลดปล่อยอดีตและให้อภัยทุกคน

“ฉันให้อภัยคุณที่คุณไม่เป็นอย่างที่ฉันต้องการ และยินดีปล่อยคุณเป็นอิสระ”

การยืนยันเช่นนี้ทำให้เราเป็นอิสระเช่นกัน

ลูอิส แอล เฮย์
"ชีวิตนี้ลิขิตได้"
ชื่อผู้ส่ง : tik ถามเมื่อ : 17/01/2011
 



ความไม่สบายทุกอย่างมาจากการไม่ยอมให้อภัย

เวลาที่เราไม่สบาย เราต้องค้นลงไปในจิตใจของเราเพื่อดูว่ามีใครบ้างที่เราจะต้องให้อภัยเขา

หนังสือ The Course in Miracles กล่าวไว้ว่า “ความไม่สบายทุกอย่างล้วนมาจากการไม่ยอมให้อภัย” และ “ทุกครั้งที่เราไม่สบาย เราจำเป็นต้องมองดูรอบตัวว่ามีใครบ้างที่เราต้องให้อภัยเขา”

ดิฉันอยากจะเสริมความคิดในเรื่องนี้ว่า คนที่คุณเห็นว่าไม่น่าให้อภัยมากที่สุดก็คือ คนที่คุณจำเป็นต้องตัดอกตัดใจให้อภัยเขามากที่สุด การให้อภัยหมายถึงการยอมปล่อยไป ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมแหยคน แต่เป็นเพียงการปล่อยวางทั้งหมด เราไม่ต้องรู้วิธีให้อภัยก็ได้ สิ่งที่จำเป็นต้องทำก็คือเต็มใจให้อภัย ส่วนวิธีการนั้นจักรวาลจะไปจัดการเอง

เราเข้าใจความเจ็บปวดของเราเป็นอย่างดี แต่แปลกที่มันช่างยากเย็นสำหรับพวกเราส่วนใหญ่ที่จะเข้าใจว่าคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เราจำเป็นต้องให้อภัยมากที่สุดนั้น ต่างก็ตกอยู่ในความเจ็บปวดด้วยกันทั้งสิ้น เราต้องเข้าใจว่าคนเหล่านั้นกำลังทำดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ด้วยความเข้าใจ ความตระหนักรู้ และความรู้ที่เขามีในขณะนั้น

ลูอิส แอล เฮย์
"ชีวิตนี้ลิขิตได้"

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 17/01/2011
มาในจังหวะที่ดีมากเลยเนี่ย
อภัยได้!
ยังอภัยไม่ได้!
ข้องเกี่ยวกับกระทู้ จังหวะ..และเรื่องราวการดลใจของแฟนพันธ์แท้เลยง่ะ!


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/01/2011

ความสบายใจจากการให้อภัย

ลองมาดูเรื่องของการให้อภัยกันบ้าง

“ให้อภัยไม่ได้” คือสภาพจิตใจที่ยึดติดกับอดีต และนึกเกลียดใครบางคนอยู่ตลอดเวลา คุณเอโกะยึดติดอยู่กับคำพูดและการกระทำในอดีตของพ่อ ด้วยเหตุนี้เธอจึงเกลียดพ่อมาตลอด และโยนความผิดให้พ่อโดยไม่รู้ตัว

เมื่อใดที่เราเกลียดคนอื่นและ “ไม่ให้อภัย” เราจะรู้สึกไม่สบายใจ ร่างกายจะทำงานไม่ได้ดั่งใจคิด ทั้งยังกระวนกระวาย ถ้ามีอาการเช่นนี้อย่างต่อเนื่องเราก็จะเป็นทุกข์

อาการนี้ทรมานมาก ผมเองก็เคยประสบมาแล้วหลายครั้ง
ทุกคนมีสิทธิ์เลือกที่จะ “ให้อภัย” หรือ ไม่ให้อภัย”
ถ้ามีคนทำเราเสียใจ เรา เลือกที่จะ “ไม่ให้อภัย” เขาได้

แต่นั่นหมายความว่าเราเลือกที่จะจมปลักอยู่กับอดีต การอยู่กับอดีตทำให้เราละทิ้งอนาคตที่อาจเปี่ยมความสุขไป

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราเลือกที่จะ “ให้อภัย” เราจะรู้สึกผ่อนคลาย เบาสบายทั้งร่างกายและจิตใจ
ได้รับการปลดปล่อยจากความแค้นในอดีต สบายอกสบายใจและรู้สึกเป็นอิสระ

การให้อภัยนั้นไม่ได้หมายถึงการยอมรับการกระทำของคนอื่น ไม่ได้หมายถึงการมองข้ามความผิดของเขา และไม่ได้หมายความว่าเราต้องอดทนทั้ง ๆ ที่คิดว่าเขาผิด

การให้อภัยหมายถึงการปล่อยวางจากการยึดติดอยู่กับอดีตเลิกโทษว่าเป็นความผิดของใคร และเลือกที่จะมีแต่ความสบายใจ

ตอนนี้คุณเกลียดใครอยู่หรือเปล่าครับ
และคิดว่าอยากให้อภัยเขาเพื่อความสุขในชีวิตของคุณเองบ้างไหม
การให้อภัยไม่ได้เป็นการทำเพื่อคนอื่น แต่เพื่อตัวคุณเองต่างหาก

มาให้อภัยตัวเองกันเถอะ

หลายคนรู้สึกว่า “ถึงอย่างไรก็ให้อภัยไม่ได้”
ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ขออย่าได้โทษตัวเองว่า “ฉันนี่แย่มาก แค่ยกโทษให้คนอื่นยังทำไม่ได้เลย” หรือ “ฉันคงไม่มีความสุขเหมือนคนอื่นเขาหรอก”

ขอให้เข้าใจว่าจิตใจของคุณบอบช้ำมาก ขอให้มองตนเองตามความเป็นจริง ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่พร้อม แต่ขอให้เริ่มฝึกยอมรับตัวเองให้ได้ก่อน

ก่อนอื่นคุณต้องให้อภัยตัวเอง ในสาขาจิตวิทยาเราเรียกสิ่งนี้ว่า การยอมรับตัวเอง

ยอมรับว่าคุณกำลังเจ็บช้ำ แล้วให้อภัยตัวเองที่ให้อภัยคนอื่นไม่ได้ ถ้าคุณยอมรับตัวเองได้ จิตใจก็จะมีที่ว่างพอสำหรับการให้อภัยคนอื่น

เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว ขอให้คุณมองหาสิ่งที่เรียกว่า Belief ของตัวเอง Belief คือสิ่งที่คุณเชื่อมั่นโดยไม่มีข้อสงสัย ซึ่งก็หมายถึง “ความเชื่อ” นั่นเอง ตัวอย่าง Belief ที่ทำให้เราอภัยให้ผู้อื่นได้ยาก ได้แก่
- การให้อภัยทำให้เราเสียผลประโยชน์
- การที่เราต้องรู้สึกแย่ก็เพราะเขาแท้ ๆ เราไม่ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์
- การเป็นผู้เสียหายย่อมสบายกว่าการยอมรับว่าเป็นคนผิด
- เขาต้องได้รับโทษอย่างสาสม
- แค้นนี้ต้องชำระ
- เราให้อภัยไม่ได้ เราต้องปกป้องตัวเอง
และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ขอให้ลองคิดดูให้ดีว่า Belief เหล่านี้ทำให้คุณมีความสุขหรือไม่

โยชิโนริ โนงุจิ
“กฎแห่งกระจก”

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 18/01/2011

“ทุกปัญหาในชีวิตเกิดขึ้นเพื่อให้เรารู้ซึ้งถึงความสำคัญของบางสิ่ง

“ปัญหาที่เราแก้ไขด้วยตนเองไม่ได้จะไม่มีวันเกิดขึ้น

“เราแก้ไขได้ทุกปัญหา และการพยายามแก้ไขปัญหานั้นจะทำให้เราได้รับรู้ถึงสิ่งสำคัญ”

โยชิโนริ โนงุจิ
“กฎแห่งกระจก”

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 18/01/2011

เราเห็นจิตใจของตนเองได้ด้วยการมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการมองกระจกนั่นเอง

โยชิโนริ โนงุจิ
“กฎแห่งกระจก”



ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 18/01/2011

การแก้ปัญหาชีวิตตั้งแต่รากฐานนั้นจำเป็นต้องแก้ที่ต้นเหตุในจิตใจตัวเอง

โยชิโนริ โนงุจิ
“กฎแห่งกระจก”



ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 18/01/2011
ชอบเล่มนี้มากๆ เช่นกันครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 18/01/2011

การให้อภัยเป็นการสกัดความรู้สึกลบอย่างเด็ดขาด ความรู้สึกโกรธแค้นจะหายไป แต่ทั้งนี้ต้องเป็นการให้อภัยจากความรู้สึกไม่ใช่จากความคิด เราอาจจะคิดให้อภัย แต่ความรู้สึกลึก ๆ ยังอาฆาตพยาบาท กรรมเก่านั้นก็ยังฝังตัวอยู่ รอการแสดงผลต่อไปในอนาคต การไม่รู้จักให้อภัยหรือไม่มีเมตตา ก็คือการจองเวรผูกเวร ที่จะต้องกลับมารับกรรมนั้นอีก

ในทางพระพุทธศาสนา การให้อภัยทานจะได้อานิสงส์ผลบุญเท่ากับธรรมทาน เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงจากภายในจิตของตัวเอง เป็นทานที่ยิ่งใหญ่ พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า อภัยทานคือปัจจัยแห่งพระนิพพาน

ทันตแพทย์สม สุจีรา
"เดอะท็อปซีเคร็ต"
ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 19/01/2011

บางคนพูดกับคุณอย่างหยาบคายและตั้งใจทำร้ายคุณ แทนที่จะปล่อยให้เกิดการตอบโต้ที่ขาดสติ และเกิดเรื่องลบ เช่น การโจมตี การป้องกันตัว หรือเกิดอาการหงอ คุณปล่อยให้มันผ่านไป ไม่ตอบโต้ ราวกับว่าไม่มีใครถูกทำร้ายอยู่ตรงนั้น นี่คือการให้อภัย วิธีนี้คุณไม่มีวันถูกทำลาย

คุณอาจอธิบายให้เขาหรือเธอรู้ว่าพฤติกรรมของเขาหรือเธอนั้นรับไม่ได้ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่คุณเลือกจะทำ แต่เขาหรือเธอคนนั้นไม่มีอำนาจที่จะบงการความรู้สึกภายในของคุณอีกแล้ว คุณอยู่กับอำนาจของคุณ ไม่ใช่อำนาจของคนอื่น และไม่ได้ถูกความคิดควบคุม ไม่ว่าจะเป็นเสียงแตรรถ คนหยาบช้า น้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือของหาย กลไกการต่อต้านเหมือนกันทั้งนั้น

เอ็กค์ฮาร์ท โทลเลอ
“การฝึกปฏิบัติพลังแห่งจิตปัจจุบัน”

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 20/01/2011

คุณไม่สามารถให้อภัยตัวเองหรือผู้อื่นอย่างแท้จริงได้ ตราบใดที่คุณยังรับเอาความเป็นตัวตนจากอดีต มีเพียงอำนาจแห่งปัจจุบันเท่านั้นที่ทำให้เกิดการให้อภัยอย่างแท้จริงได้ มันสลายอำนาจของอดีต และคุณรู้ลึกลงไปว่า ไม่มีอะไรที่คุณทำหรือถูกกระทำจะสามารถแตะต้องแก่นแท้ของคุณที่จรัสแสงอยู่ภายใน

เอ็กค์ฮาร์ท โทลเลอ
“การฝึกปฏิบัติพลังแห่งจิตปัจจุบัน”

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 20/01/2011

ให้อภัยตัวเองที่ไม่สามารถเข้าถึงความสงบ จังหวะที่คุณยอมรับเต็มตัวว่าคุณไม่มีความสงบภายในแล้ว ความไม่สงบจะกลายเป็นความสงบ อะไรก็ตามที่คุณยอมรับอย่างเต็มที่ มันจะพาคุณไปถึงตรงนั้น พาคุณไปสู่ความสงบและนี่คือความอัศจรรย์ของการยอมจำนน

เมื่อยอมรับสิ่งที่มันเป็น ทุกขณะคือสิ่งที่ดีที่สุด และนี่คือแสงสว่างแห่งปัญญา

เอ็กค์ฮาร์ท โทลเลอ
“การฝึกปฏิบัติพลังแห่งจิตปัจจุบัน”

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 20/01/2011
เดี๋ยวอ่านการให้ "อภัย" ให้จบก่อน
ค่อยไปเขียน จังหวะ...และการดลใจ
เพราะมันเป็นการดลใจ ที่ให้ผลลัพท์ทั้งทาง บวก และทางลบ
ก็เพราะว่า ยังมีคลื่นที่เกิดจากใจ.......ยังให้อ-ภัย-ไม่ได้!

...ตามที่คุณยอมรับอย่างเต็มที่
จะพาคุณไปสู่ความสงบและนี่คือความอัศจรรย์ของการยอมจำนน....

ความอัศจรรย์ของการยอมจำนน
จากประสบการณ์(จริงไม่ได้อิงนิยาย)ส่วนตัว มันใช้เวลา"พลิกสถานการณ์"
เท่าที่คุณนาย ลีนน์ แกรบฮอร์น และ อับราฮัมบอกไว้เลย
ว่าไม่เกิน 17วินาที


ขอบคุณข้อความที่ค้นมาค่ะ

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 20/01/2011
มีข้อความที่อยู่ในหมวดเดียวที่คุณ tik หามาไม่แน่ใจที่มาค่ะ
(ไม่จากคุณ มาร์ค อัลเลน ก็คงเป็น คุณแจค แคนฟิล)

การให้อภัยคือ ความสำเร็จของมนุษยชาติ
เพราะมันแสดงให้เห็นถึง การรู้แจ้งที่แท้จริง
แล้วยังแสดงให้เห็นว่า

เราได้เข้าไปติดต่อกับพลังงานของความรัก

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 20/01/2011
ด้วยความยินดีครับ คุณแฟนพันธ์แท้
อะไรที่สามารถ “ให้” ได้ ก็ยินดีครับ
อาจไม่มากมายอะไร เมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมได้ “รับ”
จากทุกคน จากพื้นที่แห่งนี้


ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 20/01/2011
จงให้อภัยตัวเองที่ไม่สามารถดึงดูดสิ่งที่คุณคิดว่าคุณต้องการ จากนั้น จงประสานจิตใจของคุณให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมะ และทำใหม่อีกครั้ง

การให้อภัยเปิดโอกาสให้คุณได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น มันช่วยให้คุณอดทนกับความผิดพลาดของคุณในขณะเดียวกับที่คุณกำลังพยายามที่จะมีสติมากขึ้นทุก ๆ วัน สำหรับเรื่องของความพยายามที่จะทำให้คุณกลับไปประสานเป็นหนึ่งกับธรรมะ การให้อภัยช่วยให้คุณรู้ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี้ มีคนกล่าวว่า เราทุกคนต่างก็เป็นเด็กในจักรวาลนี้ ถ้าคุณยังคงศรัทธาในตัวเองและผู้อื่น คุณจะสามารถขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตของคุณออกไปได้และช่วยให้คุณดึงดูดอนาคตอันสดใสหรับตัวเองและทุก ๆ คนรอบตัวคุณ

ดร.ลิซ่า เลิฟ
“ยิ่งกว่าความลับ”

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 21/01/2011
ยิ่งกว่าความลับอ่านแล้วนะ
แต่ไม่คุ้นประโยคที่คุณ tik คัดลอกมาเลย

สงสัยว่ายังมีปัญหาเรื่องการให้อภัย อยู่น่ะ
มันเลยไม่ สะดุดใจ
คุณคนขอนแก่นบอกว่า.....มันไม่ง่ายนักหรอก..ลักษณ์ 8น่ะ
ไม่น่าตอกย้ำกันเลยเนาะ




ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 21/01/2011
ประเด็นที่ข้าพเจ้าอยากจะชี้ให้เห็นก็คือ
ความสุขของผู้คนและสัตว์ที่อยู่รอบตัวรอบนั้นขึ้นอยู่กับเรา
คือขึ้นอยู่กับความคิดและการกระทำของเรา
เราทุกคนมีส่วนรับผิดชอบต่อความสุข
ไม่เฉพาะของคนที่อยู่รอบตัวเราในชีวิตประจำวันเท่านั้น
หากรวมถึงความสุขของชีวิตอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน
และความสุขนี้ขึ้นอยู่กับจิตใจและความกรุณาของเรา
ทั้งหมดล้วนอยู่ในมือเรา
เราจะมอบความสงบและความสุขให้แก่ผู้อื่นได้หรือไม่
ขึ้นอยู่กับว่าเราจัดการกับจิตใจของเราอย่างไร
เราแบกรับความรับผิดชอบนี้ไว้ทั้งหมด

ลามะโซปะ ริมโปเช
“พลังแห่งกรุณาคือการเยียวยาสูงสุด”

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 21/01/2011
ความแค้น

การยึดอยู่กับความแค้นหรือความอาฆาต
ทำให้คนคนนั้นแปลกแยกจากกลุ่ม
และยังแยกพวกเขาออกจากความจริง
และความเบิกบานหรรษาอีกด้วย
ซึ่งมันนำไปสู่การแสดงออกทางภายนอก
เป็นผลให้เกิดความไม่สมดุล
ในความเป็นจริงแล้ว
การไม่ให้อภัยผู้อื่นหมายถึง
การไม่ให้อภัยตนเองและไม่ยอมรับตนเอง

อีวอน ออสวัลด์
“ทุกคำพูดมีพลัง”

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 21/01/2011
สิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องเข้าใจคือ
ยิ่งคุณปลดปล่อยความคิดพลังงานต่ำ คำพูดพลังงานต่ำ
และอารมณ์พลังงานต่ำได้เร็วเท่าไหร่
สุขภาพกายของคุณจะแข็งแรงขึ้นเท่านั้น
สภาพทางใจ/อารมณ์/และความคิดความอ่าน
ของคุณสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว
เพื่อนำความสำเร็จน่าทึ่งมาให้คุณขณะที่คุณลื่นไหลไปกับชีวิต

อีวอน ออสวัลด์
“ทุกคำพูดมีพลัง”

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 21/01/2011
ความสุขของผู้คนและสัตว์ที่อยู่รอบตัวรอบนั้นขึ้นอยู่กับเรา
เราทุกคนมีส่วนรับผิดชอบต่อความสุข
ของชีวิตอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน

ทำให้นึกเชื่อมโยงกับ คำคำนี้ค่ะ

จงร่วมกันขจัดทุกข์ ส่งความสุขให้โลกพ้นภัย!


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 22/01/2011
อ่านแล้วได้ความรู้ว่า
เราเกิดมาเพื่อฝึกละวางเงื่อนไขต่างๆ ที่ฉุดให้ระดับพลังงานของเราต่ำลง
เราจะได้กลับสู่ระดับพลังงานเดิมแท้ของเราอีกครั้ง

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 22/01/2011
การฝึกปฏิบัติตาม กฎแห่งการให้ เป็นสิ่งที่เรียบง่ายมาก
ถ้าคุณต้องการความสุข คุณก็จงให้ความสุขกับคนอื่น ๆ
ถ้าคุณต้องการความรัก ก็จงเรียนรู้ที่จะให้ความรัก
ถ้าคุณต้องการความเอาใจใส่และการชื่นชม คุณจงเรียนรู้ที่จะใส่ใจและชื่นชมผู้อื่น
ถ้าคุณต้องการทรัพย์สินเงินทอง ก็จงช่วยเหลือให้ผู้อื่นได้มีทรัพย์สินเงินทอง

ดีพัค โชปรา
“7 กฎด้านจิตวิญญาณเพื่อความสำเร็จ”

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 24/01/2011
การให้อภัย คือ คำตอบของทุกปัญหา

(จำแหล่งอ้างอิงไม่ได้)

ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 24/01/2011
ธรรมชาติของทุกสิ่งคือ"ความว่าง" (Emptiness) สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นเพียง"ปรากฎการณ์"(Phenomenon)... หากสามารถรับรู้เข้าใจได้ด้วยจิตที่เมตตากรุณา(Compassion)อย่างแท้จริง โดยปราศจากความคิด การตัดสิน และการปรุงแต่งใดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นเพียงความว่างเปล่า ไม่มีทวิภาวะของผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำที่จะต้องได้รับอภัยหรือให้อภัยแต่อย่างไร...

(ประมวลจากความเข้าใจใน "Non-Conceptual Meditation" ของพุทธศาสนาแนววัชรยาน ที่ท่านสมเด็จพักชก ริมโปเช ได้เมตตาบรรยายธรรมในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา)
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 24/01/2011
ขอบคุณ คุณนพรัตน์ ที่ทำให้เข้าใจอะไรบางอย่าง...
เป็นบทสรุปที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง


ชื่อผู้ตอบ : tik ตอบเมื่อ : 25/01/2011
ยินดีค่ะถ้ามีส่วนทำให้คุณtikเข้าใจอะไรบางอย่าง...อยากเสริมนิดนึงว่าสภาวะธรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่คำพูดหรือตัวอักษรไม่อาจอธิบายได้ครอบคลุมอย่างถ่องแท้ ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าต้องอาศัยการพิจารณาตรึกตรองในสมาธิ(การวิปัสนา)จึงจะ"เห็นธรรม"ได้อย่างแท้จริงค่ะ

ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 25/01/2011
มีความเห็นประกอบอย่างนี้ครับ
ของมันเป็น 2 เพราะความคิดทำให้เกิดแบ่งแยกในจิต
เลยต้องหาวิธีให้เหลือ 1 ด้วยการปล่อยวางสิ่งตรงข้าม
จาก 1 จึงกลายเป็น 0 เมื่อเกิดรู้ขึ้นว่า 1 นั้นคือทั้งหมด
เป็นวิธีหรือกระบวนการเรียนรู้ ต่อผัสสะของชีวิต
หากไม่รู้ว่ามี 2 ก็ไม่รู้ว่ามี 1 ย่อมเข้าไม่ถึง 0
ผมเข้าใจว่าอย่างนั้น

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 26/01/2011


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code