• 
• 
• 
• 
• 

จังหวะ........และ.......เรื่องราวของ การดลใจ ในช่วงเวลา 2-3 ปี ที่ได้มีโอกาส ร่วมเรียนรู้ในเว็บบอร์ดแห่งนี้ มีเรื่องราวมากมาย(ทั้งของผู้อื่นและของตัวเอง)ที่สังเกตุได้ และมีข้อสงสัยจากทั้งของตัวเอง และของผู้อื่นในเรื่อง มาถูกทางแล้ว..........จริงหรือ?????? จะมาทยอยเขียนเล่าค่ะ ชื่อผู้ส่ง : แฟนพันธ์แท้ ถามเมื่อ : 11/01/2011   มาถูกทางแล้ว ในความหมายของตัวเอง นั่นคือ ทางที่ทำให้เกิด.......ความสงบใจ ความ.....เข้าใจในความจริง(ที่เป็นจริง) ผ่านศาสตร์ต่างๆที่เชื่อมโยงกัน เครื่องมือ ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการจัด"สมดุล" ในการจินตนาการ และโลกของความจริง ที่ทำได้ง่ายที่สุด ถูกที่สุด และสามารถ นำไปปฏิบัติได้ ทุกเพศทุกวัย นั่นคือ การสวดมนต์ หรือภาวนา หรือทั้ง 2อย่าง ตามแต่จริตของแต่ละคน (หมายเหตุ ข้อปฏิบัตินี้ สำหรับผู้ที่ยอมจำนนว่า...ในอดีตชาตินั้น ไม่ได้สั่งสมบุญภาวนา มามากพอ......ขอย้ำว่าคำว่าอดีตชาติ ไม่ได้เป็นคำงมงายสำหรับชาวพุทธ ไม่ได้เป็นคำที่ต้องพูด หรือเขียนด้วยอาการหนียมอาย หรือต้องหวาดกลัวการวิพาก วิจารณ์....จากใครก็ตาม) ก่อนที่จะเขียนเล่าเรื่องราวของคนใกล้ตัว มีตัวอย่างเรื่องราวของคนในวงการบันเทิง ที่เธอนั้น ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการเกิด ความสงบใจ.....แก้ไขปัญหาชีวิตค่ะ ................................. บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี “แม่ม่ายกระดังงาลนไฟ” สวยครบเครื่อง!! น่าเสียดาย ที่บุ๋มปลงชีวิตคิดอยากอยู่คนเดียวมากกว่าจะกลับ ไปมี “ชีวิตครอบครัว” อีกครั้ง แม้ว่า วี-วีรพงศ์ พิพิธสุขสันต์ “ อดีตสามี” จะโทรศัพท์มาง้อขอคืนดีก็ตาม เพราะ อะไรบุ๋ม จึงเปลี่ยนความคิด? “คนดังนั่งคุย” ขอตามติดไปงัดแงะคำตอบมาให้ฟัง...! บุ๋มไปนั่งสมาธิกลางป่ามาเหรอ? “ใช่ค่ะ บุ๋มไปแคมป์สวดมนต์เคาต์ดาวน์ที่อาศรมอิสรชน ของท่าน ว.วัชรเมธี นุ่งขาวห่มขาว นอนเต็นท์กลางป่า 3 วัน 2 คืน ในช่วงปีใหม่ มันทำให้บุ๋มได้กลับมาสู่ตัวตนของตัวเอง มากขึ้น เพราะปีที่ผ่านมาชีวิตบุ๋มเจอแต่เรื่องวุ่นวาย การได้มา สวดมนต์ ทำสมาธิที่นี่ ทำให้จิตใจเราตกผลึก” รู้สึกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด? “ไปแล้วดีมากค่ะ เป็นความสบายใจ ไม่ได้ ต้องนั่งสมาธิ เคร่งเครียดหรอกนะ แค่ปล่อยตัวเอง พอถึงเวลาเคาต์ดาวน์เรา ก็ปล่อยโคมลอย เสร็จแล้วฟังเทศน์เพื่อเตือนสติตัวเอง ท่าน ก็สอนมา 4 ข้อ คือ 1. อย่ามัวจ้องจับผิด 2. อย่ามัวคิดริษยา 3. อย่าเสียเวลากับความหลัง ซึ่งข้อนี้โดนใจบุ๋มมาก แล้วก็ 4. อย่าคบบาปมิตร คืออย่าคบเพื่อนไม่ดี แล้วบุ๋มพยายาม รักษาศีล 5 กินมังสวิรัติ ด้วย! อย่างน้อยก่อนถึงวันจันทร์ที่ 10 ม.ค. ซึ่งเป็นวันเกิดของบุ๋ม เอง อยากให้ชีวิตดีๆน่ะค่ะ” ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 11/01/2011 อย่ามัวจ้องจับผิด อย่ามัวคิดริษยา อย่าคบบาปมิตร .......ที่คอยจะตีรวนให้สับสน! ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 11/01/2011 ขอปรับ wording ใหม่ค่ะ(เพื่อความชัดเจน) อย่ามัวจ้องจับผิด อย่ามัวคิดริษยา อย่าคบบาปมิตร .......ที่คอยจะตีรวนให้ชีวิตทางธรรมต้องสับสน! ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 12/01/2011 ทางโลก ทางธรรม เป็นเรื่องเดียวกัน.....ยังเป็นความจริง.....อยู่รึเปล่าคะ???! คุณหมอดีพัค โชปรา กฏที่ถูกตีความ และปฏิบัติในภาคสนามจริงที่ชวนสับสนไม่เบาเลย คือกฏนี้ และข้อความนี้เลยค่ะ ฉันจะจัดทำรายการที่เป็นความสามารถเฉพาะตนของฉัน เมื่อใดที่ฉันแสดงความสามารถเฉพาะตนออกมา.......และใช้มัน ในการรับใช้เพื่อนมนุษย์ ในการรับใช้เพื่อนมนุษย์? ในการรับใช้เพื่อนมนุษย์?? ในการรับใช้เพื่อนมนุษย์???! ในขณะเดียวกันนั้น......ฉันได้สร้างความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ให้เกิด ขึ้นในชีวิตของฉัน และทั้งในชีวิตของคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ประโยคดังกล่าวนี้ทำให้เห็นตัวอย่างที่ประทับใจในอุตสาหกรรม การประกันชีวิต(ที่ว่ากันว่าเป็นกลุ่มคนที่ถูกเข้าใจผิดมากที่สุดในโลก) ก็คงเป็นเรื่องราวของคุณ Jenefer Borisrow ที่เคยเขียนถึง เธอไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ในทุกๆวงการ มีบุคคลเหล่านี้ ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 15/01/2011 ช่วงรอการตกผลึก...การเขียนเล่า..เพื่อการเข้าใจได้ง่ายต่อผู้คน ขอนำเสนอบทความที่ช่วยในการ "สังเกตุได้" ค่ะ ความรู้สึกยำเกรงต่อความ "มหัศจรรย์ของทุกสิ่ง"ที่คุณเห็นรอบๆ ตัวคุณ จะช่วยให้คุณได้พบกับเหตุการณ์ที่พิเศษเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น เวย์น ไดเออร์ ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 16/01/2011 ช่วยอ้างอิงอีกหนึ่งบทความค่ะ จุดเริ่มต้นของพลังอำนาจในการสรรค์สร้าง คือ ความสามารถ ในการเห็น .. เห็นถึงความมหัศจรรย์ที่กำลังเกิดอยู่รอบๆ ตัวเรา และนั่นจะทำให้สิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าเติบโตได้ง่ายขึ้น ดีพัค โชปรา ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/01/2011 อันนี้เป็นข้อความสนับสนุนภาคสนามค่ะ ผมมีความเชื่อส่วนต้วว่า "ความรู้" เกี่ยวกับสภาวะ Flow หรือ มณฑลแห่งพลังที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้จากการปฏิบัติ ไม่ใช่ความรู้มือสอง ที่ได้จากการเล่าหรือ อ่าน แต่ไม่ได้หมายความว่าการไม่ได้ประโยชน์ การอ่านจะช่วยให้ปฏิบัติตรงทาง และคล่องแคร่วยิ่งขึ้น วิจารณ์ พานิช (สถาบันส่งเสริมจัดการความรู้เพื่อสังคม) ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 23/01/2011 ความเป็นเด็กคือ ความสดใส ความที่ยังไม่กลัวว่าถูกหรือผิด(ไม่กลัวการถูกวิพากวิจารณ์:แฟนพันธ์แท้) นั่นเองที่ทำให้เราสามารถค้นพบ ธรรมชาติอย่างหนึ่งที่มีอยู่ในตัวเรา สิ่งนั้นก็คือ มณฑลแห่งแห่งพลัง! ในมณฑลนั้น สิ่งยากทั้งหลายมันจะแลดูง่ายไปหมด มันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ เป็นการกลับบ้านเก่า คืนสู่ความเป็นปกติ วิศิษฐ์ วังวิญญู ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 23/01/2011 เราจะเข้าสู่การทำงานโดยไม่ต้องมีการวางแผนอย่างเบ็ดเสร็จสำเร็จรูปนัก แผนอาจจะมีเพียงคร่าวๆ พอให้เห็นทิศทางหลัก เพราะขีวิต คือความยืดหยุ่น และแผนที่ดีที่สุดคือจะมาจาก ความทรงจำ ในอนาคต(ญาณทัสนะ) ที่สร้างเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ ไว้มากมาย ในอาณาบริเวณของจิตไร้สำนึก เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดรับญาณทัสนะ แผนงานก็จะเป็นไปอย่าง มีชีวิตชีวา ลงตัวได้.........จังหวะ!.......เวลาพอดิบพอดี และที่สำคัญคือไม่เครียด และไม่ทำให้ผู้อื่นรอบข้างเครียดไปด้วย วิศิษฐ์ วังวิญญู ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 25/01/2011 เป็นเรื่องราว จังหวะที่พึ่งเกิดสดๆร้อนๆ ที่สำคัญเกี่ยวข้องกะผู้คน แถวๆนี้ค่ะ โปรมที่คุณหนึ่งมาแอ่วเหนือซึ่งเธอวางไว้ตั้งปลายปีที่แล้ว มีเหตุเลื่อนมาเป็นเดือนนี้ และปีนี้ มีอยู่กิจกรรมนึงที่เธอตั้งใจแบบไม่เปลี่ยนแปลงคือ เหมารถตู้แล้วแวะเที่ยวตามจังหวัดต่างๆให้มากที่สุด เริ่มจาก เลย เพขรบูรณ์ ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย แล้วจบที่เชียงใหม่ แล้วนั่งเครื่องกลับ กรุงเทพฯ และกิจกรรมสำคัญอย่างยิ่งเลยที่คุณหนึ่งพูดกรอกหูไม่ต่ำกว่า 38 ครั้งนั่นคือไปกราบหลวงพ่อโพธิ์ศรี(จังหวัดเลย) ตะเตรียมเช่ารถตู้ ไม่เอาคนขับ(จะมีสมาชิกในกลุ่มขับเอง) พอใกล้วันเดินทาง ว่าที่ผู้ขับรถ ดันป่วยหนักเดินทางไม่ได้ และอื่นๆ อีกมากมาย(สะปะอย่าง) จะต้องเปลี่ยนการเดินทางโดยเครื่องฯ แล้วมาหาเช่ารถที่เชียงใหม่ ยังดีที่ได้เที่ยวบางจังหวัดบริเวณใกล้เคียง โปรมแกรมสำคัญที่เธอนั้นรู้สึกขาดหายไปคือ ไปกราบหลวงพ่อโพธิ์ศรี .................. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็คือ หากคนขับรถตู้ไม่ป่วย และเห็น ด้วยในการเดินทางแบบอ้อมโลกอ้อมประเทศไทย เธอนั้นคงได้เดินทางไปจังหวัดเลยแบบ.....เก้อ(ภาษานักขายเค้าว่า...แห้ว) ก็เพราะว่าหลวงพ่อโพธิ์ศรี เดินทางมาเชียงใหม่ ในช่วงเวลานั้นค่ะ! ..... การหยุดผลักดัน หยุดจัดการไปทางใดทางหนึ่ง พร้อมที่จะอยู่กับความไม่ลงตัวด้วยความยินดี อาจเป็น....ทางนี้แหละที่เราจะต้องดำเนินไป มันอาจไม่ใช่ทางทั้งหมดที่เราคิดไว้ล่วงหน้า (มณฑลแห่งพลัง) ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 29/01/2011 ในช่วงสนทนาธรรม คุณหนึ่งเธอแอบเขียนโน๊ต ให้แฟนพันธ์แท้ ถามหลวงพ่อ เขียนว่า.... ทางโลก ทางธรรมเป็นเรื่องเดียวกันรึเปล่า?? แฟนพันธ์แท้......ยังไม่ทันที่จะถามในช่วงเวลานั้นค่ะ (เหตุสำคัญที่ไม่ถามออกไป ก็เพราะคิดว่าเริ่มคลำได้เกินกว่า60% ว่าเป็นเรื่องเดียวกัน) ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 29/01/2011 ผมเดาว่าท่านน่าจะตอบว่า ทางโลกทางธรรมอะไร ไม่มีหรอก มีเรื่องเดียวคือ ความไม่มีอะไร .. ฮ่า ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 30/01/2011 จริงค่ะ คิดว่าเดาถูกจริง มีประโยคที่ท่านพูดซ้ำๆ ที่ออกมาแนว ที่คุณนันท์เดานั่นแหละ ถึงแฟนพันธ์แท้จะไม่ได้เข้าใจ 100% แต่ก็เข้าใจท่านว่าท่าน มาทำหน้าที่ตรงจุดไหน ทำให้นึกถึงตอนโชปราพูดว่า Space(หมายถึงจักรวาล) อยู่ในตัวเราอยู่แล้วทุกคน ส่วนใหญ่เรา เข้าถึงสภาวะนี้ในลักษณะ on/off พอถึงลักษณะ on/off นึกถึงคำนี้เลยค่ะ นิพพานอยู่แล้ว!!! ไม่ต้องไปทำอะไร! ไม่ต้อง..ไปต้อง! ไม่ต้อง...ไปตั้ง! นิพพานอยู่แล้ว!!! นิพพานอยู่แล้วลูก!!! ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 30/01/2011 ก็มันว่างอยู่แล้ววววววว......ว่างอยู่แล้ว! นิพานอยู่แล้ว! ไม่ต้องไปทำอะไร! ไม่ต้องตามรู้ดูลมหายใจใดๆทั้งสิ้น เป็นกรรมซ้อนธรรม ติดภพติดภูมิ ไม่ต้องไป อะไรกับอะไร ไม่ต้องไป อะไรกับอะไร นี่เป็นวลีอมตะ ที่ฮิตในเว็บ sogr เมื่อ 2ปีที่แล้วค่ะ ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 30/01/2011 มีเรื่องราว.... ฉันจะจัดทำรายการที่เป็นความสามารถเฉพาะตนของฉัน เมื่อใดที่ฉันแสดงความสามารถเฉพาะตนออกมา.......และใช้มัน ในการรับใช้เพื่อนมนุษย์....ต่อจากนั้นมีประหลาดทุกที อยากเขียนเล่าใจจะขาดง่ะ แต่พลังการพูด(พร้อมการจ้องหน้า) ของหลวงพ่อโพธิ์ศรี ที่บอกว่า หยุดได้แล้ว! หยุดวิเคราะห์ หยุดเปรียบเทียบ หยุดค้นคว้าวิจัย หยุดหาเหตุ หยุดหาผลลัพท์ใดๆ ได้แล้วลูกกกก! มันก้องในใจ...เขียนไม่ออก ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 15/02/2011 เชิญชวนชมค่ะ คุ้นๆใน สนทนากับพระเจ้ามั้ยคะ? เป็น.......อยู้แล้ววว! http://www.youtube.com/watch? ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 04/03/2011 จะให้ดูอะไรเหรอครับ เข้าไปดูแล้วไม่เห็นมีอะไรเลยน่ะครับ ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 04/03/2011 เอาใหม่ค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=wB9eOloarXw&feature=related ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 05/03/2011 คนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้ที่จะดำรงอยู่ในโลกด้วยความหวังว่า อยากมีความสุขด้วยกันทุกคน เพียงแต่วิธีการแสวงหาอาจจะแตกต่างกันออกไป ทว่าศูนย์รวมของคำตอบก็ไปอยู่ที่ความรู้สึกเดียวกัน คือต้องการสัมผัสกับความรู้สึกที่นำมาซึ่งความพอใจให้กับตัวเองเป็นสำคัญ เมื่อการค้นหาความสุขเป็นสิ่งที่แต่ละคนต้องสร้างให้มีสำหรับตัวเอง สิ่งที่ตามมาก็คือ “แรงดลใจให้ชีวิต” เพราะเพียงอาศัยความคิดที่ช่วยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างอาจหาญแต่เพียงอย่างเดียว ย่อมไม่เพียงพอที่จะทำให้คนเรารู้สึกมั่นใจในการแสวงหาได้ บางครั้งต้องอาศัยเหตุการณ์และสิ่งแวดล้อมอย่างอื่นมาเป็นแรงดลใจอีกชั้นหนึ่งด้วย การแสวงหานั้นจึงชัดเจนและประสบความสำเร็จได้ เช่นดั่งพระพุทธเจ้ามีแรงดลใจที่จะออกแสวงหาความหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารเพราะเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะผู้สงบ จึงตัดสินพระทัยปลีกตัวออกจากพระราชวัง เพื่อค้นหาคำตอบชีวิตให้ กับตัวเอง นักวิทยาศาสตร์นามว่านิวตันค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก เพราะได้รับแรงดลใจจากการหล่นของลูกแอ๊ปเปิ้ล พี่น้องตระกูลไรท์สามารถสร้างเครื่องบินได้ เพราะมีแรงดลใจจากการเห็นนกที่บินอยู่ ณ ฟากฟ้าเบื้องบน แรงดลใจแห่งชีวิตจึงเป็นนิยามของการแสวงหาคำตอบให้กับตัวเองได้อีกแนวทางหนึ่ง โดยเฉพาะการค้นหาตัวเองตามแนวคำสอนทางพระพุทธศาสนา ยิ่งจะพบความซับซ้อนที่มีอยู่ในตัวเองนั้นว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่ง และต้องอาศัยสิ่งที่มาเป็นแรงดลใจเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน ความปรารถนาที่ต้องการจึงจะสัมฤทธิ์ผล เพราะเมื่อเราได้เรียนรู้คำสอนของพระพุทธองค์อย่างถูกต้องแล้ว สิ่งหนึ่งที่ประจักษ์รู้ได้ก็คือคำสอนของพระพุทธองค์นั้น เป็นภาวะสากลที่ทุกคนสามารถเรียนรู้และสัมผัสสุขอันเกิดขึ้นภายในใจได้ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นคนเชื้อชาติ ศาสนา และภาษาใด ล้วนมีภาวะแห่งความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยกันทุกคน เหลือเพียงแต่การค้นหาเท่านั้นเอง ในจำนวนผู้ต้องการแสวงหาคำตอบให้กับชีวิต หนึ่งในนั้นก็นับภิกษุผู้มีนามว่า “ มิตซูโอะ คเวสโก ” รวมอยู่ด้วย ถึงแม้ท่านจะเป็นคนต่างชาติจากญี่ปุ่น แต่ภาวะความต้องการที่จะแสวงหาความสุขที่แท้จริงมีเต็มเปี่ยม เพราะในอดีตก่อนที่จะมาบวชในพระพุทธศาสนา ท่านเคยเป็นนักแสวงหาอิสระโดยการไปอยู่ประเทศเนปาลกับเพื่อนนักปีนเขามาก่อน ต่อมาจึงได้เดินทางไปที่ประเทศอินเดีย และเริ่มฝึกสมาธิกับโยคี หลังจากนั้นจึงได้รับรู้ว่า ประเทศไทยคือแหล่งศึกษาเรื่องการค้นหาชีวิตที่ยิ่งใหญ่ จึงได้เดินทางมาเพื่อพิสูจน์คำกล่าวนั้น คือการมาพึ่งใบบุญด้วยการบวชในพระพุทธศาสนากับหลวงพ่อชา สุภัทโท ( พระโพธิญาณเถร ) พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก มีนามเดิมว่า “ มิตซูโอะ ซิบายาชิ ” ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกยาก ต่อมาหลวงพ่อชาจึงเรียกเพื่อให้จำง่ายเชิงเอ็นดูว่า “ สี่บาทห้าสิบ ” ท่านพระอาจารย์มิตซูโอะได้เล่าไว้ว่า หลวงพ่อชาคือแรงดลใจแห่งชีวิตที่ทำให้ท่านได้ค้นพบตัวเอง เปรียบประดุจว่าได้เกิดใหม่และพบสิ่งที่ประเสริฐสำหรับตัวท่านเอง ท่านได้กล่าวถึงความรู้สึกเมื่อครั้งมาบวชใหม่ๆ แล้วได้ฟังธรรมจากหลวงพ่อชา เป็นใจความสั้นๆ ที่บาดลึกเข้าไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ ทำให้เห็นสาระสำคัญของชีวิตว่าควรดำเนินไปในทิศทางใด จึงจะคุ้มค่ากับการเกิดเป็นมนุษย์ในภพนี้ ท่านยังจำพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อชา อันเป็นแรงดลใจให้ท่านได้เรียนรู้ชีวิตให้เกิดความดีงามในครั้งนั้นได้ดี โดยหลวงพ่อชาสอนท่านว่า “ คนเรามันโง่หลาย เที่ยวตามเงาของตัวเองเสียเป็นส่วนมาก ถ้าหากว่าเรารู้จักตามหาจิตใจของเราเหมือนกับตามหาแนว( สิ่ง) อื่นๆ ป่านนี้เราก็ไปไกลแล้ว คนเรานี่หลงทาง จิตใจโหดร้ายก็ไม่รู้สึกตัว จิตใจเดือดร้อนเป็นทุกข์ก็ไม่รู้จัก มันมัวแต่เสริมต่อเอาของไม่ดีใส่ตัวเราอยู่เรื่อยๆ” ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน เมื่อต้องการค้นหาตัวเองให้เจอสัจธรรมอันแฝงอยู่ในชีวิต ควรมีแรงดลใจจากตัวเองเป็นแรงขับภายใน และแรงดลใจคือกัลยาณมิตรสนับสนุนด้วย เพื่อเป็นเครื่องกระตุ้นให้มีการแสวง หาคำตอบของชีวิตให้กับตัวเอง เพราะเมื่อไตร่ตรองด้วยใจที่เป็นกลางแล้ว ชีวิตของเราที่กำลังดำเนินไปอยู่นี้ ไม่มีเวลามากพอที่จะใช้ชีวิตอย่างอ้อยอิ่งต่อสรรพสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะการดำรงอยู่ของสังขารนั้น เมื่อวัดบนความไม่เที่ยงของกาลเวลา ช่างเป็นเวลาที่น้อยนิดเสียกระไรดี จึงต้องแสวงหาคำตอบด้วยตัวเองให้แจ่มแจ้ง ก่อนสนธยาแห่งชีวิตจะผ่านมาพรากสิ่งต่างๆ ให้จากไป อ้างถึงใน_ชุติปัญโญ อ่านเข้าแบบังเอิญ เห็นว่าพอไปได้กับชื่อกระทู้ และน่าจะเป็นประโยชน์ ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 07/03/2011 คำตอบ   ชื่อผู้ตอบ   E-mail   Security Code