สนทนากับพระเจ้า 3
การมี” ไม่ได้ก่อให้เกิด “การเป็น” แต่อย่างใดเลย แต่เป็นอย่างอื่นต่างหาก
ตอนแรกเธอต้อง “เป็น” สิ่งที่เรียกว่า “ความสุข” (หรือ “ความรู้” หรือ “ความเฉลียวฉลาด” หรือ “ความเห็นอกเห็นใจ”
หรืออะไรก็ตามแต่) ก่อน จากนั้นเธอจึงจะ “ทำ” สิ่งนั้นๆจากความเป็นนั้นๆของเธอ
แล้วในไม่ช้าเธอจะพบว่าสิ่งที่เธอกำลังกระทำอยู่นั้น จะเหนี่ยวนำเอาสิ่งที่เธอต้องการจะ “มี” นั้นๆมาสู่เธอ
วิธีที่จะขับเคลื่อนขบวนการสรรค์สร้างนี้ (จริงๆแล้วมันก็คือ “ขบวนการแห่งการสร้างสรรค์”) ก็คือการมองหาสิ่งที่เธอต้องการจะ “มี”
แล้วถามตัวเองว่า เธอน่าจะ “เป็น” อย่างไรถ้าเธอ “มี” สิ่งนั้นๆแล้ว จากนั้นเธอก็เดินหน้าเพื่อให้ ”เป็น” สิ่งนั้นๆ
แต่ด้วยความเข้าใจผิด เธอจึงได้กระทำสวนทิศทางของกระบวนการแห่งการสร้างสรรค์ของเอกภพ “เป็น – ทำ – มี”
ที่แท้จริงนี้มาโดยตลอด แล้วเธอก็ได้กำหนดให้มันเป็นทิศทางที่ถูกต้องสำหรับเธอไปแล้ว และก็ใช้งานมันในทิศทางนี้มาตลอด
คำอธิบายหลักการของกระบวนการนี้อย่างสั้นๆ ก็คือ
ในชีวิตเธอ เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย


ทำประหนึ่งว่าเธอเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วเธอจะได้มันมา อะไรที่เธอแสดงออกมาประหนึ่งว่าเธอเป็นเช่นนั้นจริงๆ เธอก็จะเป็นอย่างนั้นจริงๆ


อะไรก็ตามที่เธอเลือกเพื่อตัวเธอเอง จงให้ผู้อื่น
ถ้าเธอเลือกที่จะมีความสุข จงทำให้ผู้อื่นมีความสุข
ถ้าเธอเลือกที่จะมั่งคั่ง จงทำให้ผู้อื่นมั่งคั่ง
ถ้าเธอเลือกที่จะได้รับความรักมากขึ้นในชีวิตเธอ จงทำให้ผู้อื่นได้รับความรักมากขึ้นในชีวิตของพวกเขา
จงทำเช่นนี้ด้วยความจริงใจ ไม่ใช่เพราะว่าเธอต้องการได้รับมันเอง แต่เพราะว่าเธอต้องการให้ผู้อื่นได้รับมันจริงๆ
และทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอให้ออกไป มันจะย้อนกลับมาหาเธอ


ยิ่งเธอให้อะไรออกไปมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เธอมีประสบการณ์ถึงความเป็นผู้ที่มีสิ่งนั้นๆที่จะสามารถให้ผู้อื่นได้


แต่ถ้าเธอไม่เคยให้อะไรใครเลยเธอก็จะไม่มีประสบการณ์ตรงนี้ จิตใจของเธอก็จะก้าวไปสู่ข้อสรุปใหม่
และแนวความคิดใหม่เกี่ยวกับตัวเธอเองว่า เธอต้องมีสิ่งนี้ก่อน ไม่เช่นนั้นเธอจะไม่สามารถให้ใครได้



ถ้าเธอให้อะไรแก่ผู้อื่น เพื่อเป็นอุบายที่จะให้ได้บางสิ่งบางอย่างกลับมา จิตใจของเธอรู้ดี
นั่นคือเธอได้ส่งสัญญาณออกไปให้จิตใจเธอรู้ว่าตอนนี้เธอไม่มีสิ่งนี้อยู่ และก็เพราะว่า เอกภพนี้ไม่ใช่อะไรอื่น
แต่มันคือเครื่องถ่ายสำเนาขนาดใหญ่ มันก็จะถ่ายสำเนาความคิดของเธอแปรสภาพออกไปสู่รูปแบบทางกายภาพ
ซึ่งก็จะไปเป็นประสบการณ์ของเธอ นั่นคือ เธอจะยังคงมีประสบการณ์ของความ “ไม่มี” อยู่ต่อไป ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตามแต่
ยิ่งกว่านั้น นั่นจะเป็นประสบการณ์ของผู้ที่เธอพยายามจะให้อะไรเขาไปด้วย พวกเขาจะมองว่า เธอเพียงแต่ต้องการทำเพื่อที่จะให้ได้อะไรบางอย่างมาเท่านั้นเอง เพราะว่าจริงๆ แล้ว เธอไม่มีอะไรที่จะให้ และการให้ของเธอนั้น ก็จะกลายเป็นการกระทำที่สูญเปล่า และถูกตัดสินว่าเป็นการกระทำเพื่อตัวเองทั่วๆ ไปเท่านั้นเอง ยิ่งเธอไขว่คว้าเพื่อที่จะให้ได้มันมามากเท่าใด เธอก็จะยิ่งผลักมันออกไปไกลมากเท่านั้นแต่ถ้าเธอให้อะไรแก่ผู้อื่นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะว่าเธอเห็นว่าพวกเขาต้องการมันจริงๆ ขาดแคลนมันจริงๆ และสมควรที่จะได้มัน เมื่อนั้นเธอจะพบว่า เธอเป็นผู้มีที่จะให้ และนั่นแหละ คือการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ล่ะ

( คัดลอกมาบางส่วน ระลึกถึงคุณนันท์และทุกท่านครับ )

ชื่อผู้ส่ง : นีโอ ถามเมื่อ : 07/12/2010
 


ขอบตุณค่ะ
คอนเฟิร์มเรื่องเดียวกัน ทุกช่องของข่าวสาร
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 07/12/2010
ด้วยความขอบคุณ และระลึกถึงคุณนีโอ เช่นกัน
อ่านแล้วมีความสุข
ขอให้คุณนีโอมีความสุขเช่นกันนะครับ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 08/12/2010
บทสนทนากับพระเจ้าที่คุณนีโอ คัดลอกมา
น่าจะให้คำตอบ ที่ผู้คนจำนวนมากนั้น กำลังสับสนกัน

ทำเพื่อตัวเองก่อน หรือต้องทำเพื่อผู้อื่นก่อน
หรือสามารถทำได้พร้อมๆกัน(เป็น-ทำ-มี)

ช่วงหาแกนนำกลุ่มคนที่มีความเชื่อ....ทุกอย่างแก้ไขได้หากร่วมใจกัน
เรื่องพิบัติภัย มีพี่หลายคนเจอกลุ่มคนที่เค้าฝึกสมาธิปฎิบัติธรรมอยู่
แล้วกลุ่มนี้เค้ามีมุมมองว่า ต้องปฎิบัตินำพาตัวเองบรรลุธรรมหรือ
มรรคผลนิพพานก่อนเค้าถึงจะมีพลังฉุดช่วยผู้อื่นได้


มีคำพูดนึงของอาจารย์ ดร.อาจอง(ที่แสดงว่าเจอเรื่องราวเหมือนกันนี้มาก่อน)
คนดีๆ ที่ฝึกสมาธิอยู่แล้วอย่าห่วงนิพพานกันเลยครับ
คนดีๆนิพพานได้แน่นอนครับ นำเอาสิ่งที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัตชอบ
มาช่วยผู้คนมาช่วยโลกใบนี้ของเรากันก่อนครับ โลกของเราต้องการ
ความช่วยเหลือ........ผมสอนลูกศิษย์แบบนี้ทุกคน !

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 08/12/2010
อันนี้เป็นมุมมองการคิด แนวเต้าเต๋อซิ่นซี เกี่ยวกับนิพพาน

ก่อนอื่นเราควรช่วยให้ผู้อื่นนั้นให้หลุดพ้นก่อน
พลังที่ส่งออกไปนั้นย้อนกลับสู่คุณอย่างแน่นอนและมากพอที่คุณ
จะหลุดพ้นได้ เมื่อเราให้เจ้ากรรมนายเวรของเรานั้นเป็นอิสระและ
เป็นสุข


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 09/12/2010
การมีชีวิต อยู่เพื่อผู้อื่น
เป็นการฝืนธรรมชาติ ทาสตัณหา
แต่คนที่ยืนหยัด อย่างศรัทธา
ย่อมเสริมค่ามนุษย์ชน และตนเอง

,,,,,,,,,กลอนนี้เหมือนเขียนไว้บอกว่าสภาวะที่ว่าเป็นเพียง"ในอุดมคติ"
ในสภาวะความจริงนั้น........ยากยิ่งนักที่จะไปถึง

ข้อมูลของกูรูภาคสนาม ในช่วงการเดินทางที่ยังคงต้องมี สัมมาอาชีวะ
บอกว่า

การปฏิบัติหน้าที่การงานหรือการกระทำกิจทุกอย่างในชีวิตประจำวัน
ตามจุดมุ่งหมายของชีวิต คือการรู้ว่า

จุดมุ่งหมาย...... นั้นแท้จริงคือการให้โดยไม่กังวลกับผลลัพธ์

คุณให้ตัวเองทำงานที่ตนรักโดยไม่กังวลกับผลลัพธ์ของความยาก
ดีมีจน................คนคนนั้นจะได้ความสุขที่ยิ่งใหญ่

คนจำนวนมากไม่เข้าใจและเต็มไปด้วยความวิตกหรือกลัว

เมื่อคุณสามารถรู้ที่ภายในว่าจะรับใช้ผู้อื่นอย่างไร และเมื่อคุณทำให้
สิ่งนี้เป็นจุดศูนย์กลางของการใช้ชีวิตแล้ว คุณจะรู้จักปาฏิหาริย์

ของจริง!!!!!

ว่าคุณกำลังก้าวหน้าไปสู่ความมั่งคั่ง การให้และการแบ่งปัน
ของคุณจะทำให้คุณได้สิ่งตอบแทนกลับคืนมามากมายอย่างไร้ขีดจำกัด

.................................
ไม่ว่าเป็นการเดินทางช่วงเวลาที่แสนสั้น
และช่วงของการเดินทางไกล(นิพพาน)
กูรูทั้งหลาย น่าจะบอกทางสว่างเป็นทิศทางเดียวกันเนาะ

แล้วที่ยังสับสนกันอยู่เนี่ยะ
มันอยู่ที่การ"ตีความ"
หรืออยู่ที่ลัทธิคำสอน
???!!!


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 09/12/2010
แฟนพันธ์แท้เป็น 1 ในผู้คน ที่มีช่วงเวลาสับสน
เมื่อเวลาของการงานส่วนตัว และงานส่วนรวม.....ต้องมาชนกัน!

มีพี่คนหนึ่งในกลุ่มทำงาน เธอขอเล่าเรื่องราวให้ฟังและให้คิดก่อนตัดสินใจ

เลือก!

เธอนั้นเป็นนักสังคมสงเคราะห์ ได้มีโอกาส"เชื่อมโยง" ความช่วยเหลือ
ต่อผู้คนมากมายหลายต่อหลายครั้ง
(ขออภัย...........เดี๋ยวเล่าต่อคืนนี้ค่ะ)


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 10/12/2010
ในความคิดของตัวเองนั้น ข้อมูลทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่เพียงพอที่
จะทำให้ตัวเองช่วยงานส่วมรวมได้(แบบไม่มีเปลี่ยนใจอยู่แล้ว) แต่
หลายๆคนก็เชียร์ให้เดินทางเพื่อร่วมประสบการณ์บางอย่างเพิ่ม เพราะ
จะต้องเตรียมพบและนำเสนอต่อ ผู้มีบารมี-อำนาจหน้าที่ในการอนุมัติ
การใข้งบประมาณ/สถานที่ในการจัดงาน
....ถึงเวลาที่มีคำถามกับตนเองว่า......กำลังจัดสัดส่วนเวลาสมดุลรึยัง?
หากงานส่วนตัวไม่รอด......จะมีทางแก้อย่างไร? และในตอนนั้นจึง
ไม่มีการรับปากใดๆ ว่าจะร่วมกิจกรรมดังกล่าว


พี่นักสังคมสงเคราะห์ ท่านนี้ ขอเล่าเรื่องราวของ คุณผู้หญิง คน
หนึ่งให้ฟัง เรื่องการจัดการชีวิต(ภาคสนาม) เธอมีสามีเป็นชาว
ต่างชาติและการจะอาศัยอยู่เมืองไทยได้เดี๋ยวนี้ ไม่ได้วีซ่าตลอดชีพ
เหมือนในอตีตแม้ว่าจะมีทะเบียนสมรสกะหญิงไทยก็ตาม สรุปว่าต้อง
ต่อวีซ่าเป็นช่วงๆ แล้วการต่อวีซ่ามีกฏเกณฑ์ว่าต้องมีเงินในบัญชี
เป็นจำนวนมากทีเดียว เธอนั้นมีปัญหาจำนวนเงินที่ต้องแสดงในบัญชี
ขาดไป 500,000 บาท ด้วยเธอมีจิตใจช่วยเหลือผู้อื่นที่เดือดร้อนใน
เรื่องอื่นๆมากมายตลอดในช่วงเวลที่ผ่านมา และรวมทั้งช่วงเวลา
ปัญหาส่วนตัวที่ยังหาทางออกไม่ได้ เธอมี refer case มาให้นัก
สังคมสงเคราะห์ต้องจัดการต่อเนื่อง .....อยู่ๆในขณะที่เธอกำลังจดจ่อ
ในการช่วยเหลือผู้คนอื่นๆอยู่นั้น ก็มีเพื่อน(ที่ไม่ได้สนิทสนมกันนัก)
มาเสนอตัวให้เงินฝากเข้าเพื่อคงในบัญชี ตามจำนวนที่เธอนั้นขาดอยู่
เธอเองก็แปลกใจมาก.....ได้เล่าให้เรื่องนี้ปนความสงสัยมากมายให้
นักสงคมสงเคราะห์ฟัง
....และ.....เป็นการเล่าต่อ รวมทั้งคอนเฟิร์มข้อความจากสนทนากับพระเจ้า ของคุณน้องนีโอ.....นี่แหละค่ะ



ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 11/12/2010
ความวิตกกังวลคือกิจกรรมทางใจที่แย่ที่สุด(รองจากความเกลียดชัง)
ซึ่งส่งผลทำลายตัวเองได้ลึกมาก ซึ่งไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลย
มีแต่จะสิ้นเปลืองพลังงานทางความรู้สึกไปเปล่าๆ ปลี้ๆ

ความกังวลคือกิจกรรมของใจที่ไม่รู้ถึงสายสัมพันธ์ที่มีต่อฉัน

สนทนากับพระเจ้า 1

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 11/12/2010
ความกังวลคือกิจกรรมของใจที่ไม่รู้ถึงสายสัมพันธ์ที่มีต่อฉัน
อันนี้เป็น.......สนทนากับพระเจ้า 1

"เธอไปงานนี้ก่อน เชื่อฉัน! การงานส่วนตัวเธอน่ะเดี๋ยวเทวดา
เค้าจะดูแลให้เธอเอง" อันนี้เป็นบทสนทนาแบบเสียงในฟิล์มกับพี่
ในกลุ่มทำงานด้วยกัน

พอปล่อยเวลา และปล่อยตัวเองผ่อนคลาย ทุกอย่างก็มีทางออกค่ะ
มันอาจไม่ได้เกิดปาฏิหาริย์ระดับมีคนเดินมาเป็นคุณลูกค้าทุนประกัน
100-200ล้าน(อิอิ) แต่ทุกอย่างนั้นเริ่มได้เห็นความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น
รอบๆตัว ที่เรียกได้ว่าเป็นมณฑลแห่งพลัง ตลอดการเดินทาง

ก่อนเดินทางโทรฯนัดใครๆ ก็ติดๆขัดๆ จังหวะผิดพลาดคลาดเคลื่อน
กลับมาทุกนัดลื่นไหล และที่สงสัยตัวเองก็คือทำไมถึง
"กล้า" ไปเชียร์ให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องในงาน(ราชการ)แหวกกฎ
แหวกกรอบ ได้ขนาดนั้น(เรื่องขอใช้สถานที่ในวันหยุด)

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 12/12/2010
"ผู้ละแล้ว" ไม่เคยปฎิเสธแรงปราถนา
"ผู้ละแล้ว" เพียงปฎิเสธการยึดติดต่อผลลัพท์

การมีชีวิติโดยไม่คาดหวัง ไม่จำเป็นต้องได้ผลลัพท์อันเฉพาะเจาะจง
นั่นล่ะ เสรีภาพ นั่นคือความเป็นพระเจ้า

สนทนากับพระเจ้า 1
(หน้า 160)

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 13/12/2010
เธอถูกสอนให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัว
เธอได้รับการบอกเล่าถึงการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด
ต่อสู้เพื่อให้ตัวเองเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด
แข็งแรงที่สุด หรือไม่ก็ฉลาดที่สุดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

และแน่นอนเธอจึงเลือกการกระทำที่มีรากฐานมาจากความกลัว
เพราะเธอถูกสอนมาอย่างนั้น
แต่ฉันจะสอนเธอว่าเมื่อเธอเลือกทำสิ่งต่างๆ จากความรัก
เธอทำได้มากกว่า การเอาตัวรอด
ทำได้มากกว่าการเอาชนะ
ทำได้มากกว่าการประสบความสำเร็จ

เมื่อนั้นเธอจะมีประสบการณ์ถึงความยิ่งใหญ่ของตัวตนที่แท้จริง
ของเธอและสิ่งที่เธอสามารถเป็นได้
(*กลัวคือพลังที่บีบหด ปิดตัว เก็บงำ ถอยหนี หลบซ่อน กักตุน ทำร้าย
*รักคือพลังที่ขยายออก เปิดกว้าง ส่งไป เปิดเผย แบ่งปัน และบำบัดเยียวยา)


สนทนากับพระเจ้า 1
(หน้า 52)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 13/12/2010
ฆ่าแรงปราถนา ก็เท่ากับฆ่าพระเจ้าทิ้งด้วย
ไฟปราถนาคือการที่พระเจ้าอยากทักทายว่า "หวัดดี"

การรักใครสักคนเเละต้องการให้เค้ารักตอบด้วย
นี่คือความคาดหวัง....ไม่ใช่แรงปราถนา
นี่เองคือสาเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้มนุษย์ไม่มีความสุข
นี่คือสิ่งที่แยกมนุษย์ออกจากพระเจ้า

"ผู้ละแล้ว" พยายามจะยุติ...การแยกนี้ ผ่านประสบการณ์ที่เรียกว่า

สมาธิ!!!

ดังนั้นผู้ที่ละแล้ว จึงละจากผลลัพท์
แต่ไม่เคย....และ ไม่-มี-วัน-ละทิ้งแรงปราถนา
แท้จริงแล้ว คุรุหยั่งรู้ด้วยซ้ำว่าไฟปราถนาคือหนทาง
มันคือหนทางประจักษ์แจ้งในตนเอง

แม้ในภาษาทางโลกก็ยังพูดได้ถูกต้องทีเดียวว่า
ถ้าเธอไม่มีไฟกับสิ่งใดเลย

เธอก็เหมือนไม่มีชีวิตนั่นแหละ!!!


สนทนากับพระเจ้า 1
(หน้า 162)

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 14/12/2010
ความกังวลคือกิจกรรมของใจที่ไม่รู้ถึงสายสัมพันธ์ที่มีต่อฉัน
(สนทนากับพระเจ้า 1)

ให้ท่านทำความดีแบบทิ้งทวน (ไม่ขอเอาคืนและไม่ขอติดกรรม)
ไม่ต้องกลัวสิ่งศักดิ์เบื้องสูงท่านไม่ทิ้งให้เราเผชิญชีวิตตามลำพัง
งานสัมมาอาชีพให้ทำไปตามปกติ เรื่องหน้าที่การงานท่านไม่ทิ้ง
ให้เราตกต่ำหรืออดตายหรอก ก่อนที่จะเป็นผู้รับ จงฝึกที่จะเป็นผู้ให้
สิ่งศักดิ์เค้าประธานบางสิ่งบางอย่างให้เราทางอ้อม ซึ่งเราไม่ต้องรู้ล่วงหน้า

มนุษย์ชอบที่จะรู้ล่วงหน้า ทุกข์เพราะจิตปรุงแต่ง
ระวังจิตให้ปราศจากความขุ่นมัว จึงช่วยผู้อื่นได้
การช่วยผู้อื่นในระดัยปลดปล่อยพลังของศรัทธาจะต้องสูงมาก
เมิ่อเจอปัญหา ท่านกำลังถูก "ทดสอบศรัทธา"
ความอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้นที่จะช่วยได้


สนทนากับเทพไท้เทวาวันที่ 16 ธันวาคม 2553


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 16/12/2010
ขอบคุณมากนะคะคุณนันท์ คุณนีโอ พี่แฟนฯ อ่านแล้วหัวใจพองโต
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 16/12/2010
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะทำงานในจังหวะที่ไม่มีการเตรียมตัว
เหตุการณ์เฉพาะหน้าที่ต้องแก้ไขปัญหา ท่านมาทดสอบสติปัญญาของเรา
การที่เราเตรียมตัวมากมายที่จะเผชิญการแก้ปัญหาแสดงว่าเรา"ยึดติด"
สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องสูง เครื่องมือวิทยาศาสตร์ตรวจจับไม่ได้
สร้างบุญกุศลเข้าไว้ จะได้รับการ"ปิดสัญญาณ" ชั่วร้าย


สนทนากับเทพไท้เทวา

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 19/12/2010
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะทำงานในจังหวะที่ไม่มีการเตรียมตัว
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เค้าประธานบางสิ่งบางอย่างให้เราทางอ้อม ซึ่งเราไม่ต้องรู้ล่วงหน้า
(สนทนากับเทพไท้เทวา)

จิตไร้ขอบเขตที่ตั้ง(nonlocal mind)
*กระทำโดยปราศจากพลังงาน
*ไม่ได้รับผลกระทบจากการวิพากษ์วิจารณ์และคำสรรเสริญเยินยอ
*ไม่ได้เป็นเหตุเป็นผลของกัน หรือไม่เป็นความสัมพันธ์ที่พึ่งพาอาศัยกัน
*ไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่แน่นอน
*ไม่ต่อเนื่องไปตามก่อนหลัง
*เหนือการรับรู้
*ทำงานอยู่เสมอแต่จะแสดงออกได้มากขึ้นเมื่อประสาทสัมผัสอยู่
ภายใต้การระงับไว้ เช่นในขณะหลับ

............................ทำสมาธิ!............................................
อาการครึ่งหลับครึ่งตื่น อยู่ในภวังค์ หรือ
............................สวดมนต์!............................................
*แสดงตัวมันเองโดยผ่านระบบการทำงานอัตโนมัติและต่อมไร้ท่อ
และที่สำคัญที่สุดโดยผ่านการประสานกันของระบบเหล่านี้

(ดีพัค โชปรา ในโชค ดวง ความบังเอิญฯ หน้า 72)


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 20/12/2010
สิ่งที่มนุษย์คิด สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะไม่ทำ
สิ่งศักดิ์สืทธิ์ทำ มนุษย์มักคิดไม่ถึง
เราเกิดมาเพื่อท้าชิงกิเลส ตัดส่วนเกินเติมส่วนขาด(บุญ)

สิ่งหล่อเลี้ยงร่างกายมนุษย์คือ อาหาร
สิ่งหล่อเลี้ยงสิ่งศักดิ์สืทธิ์ คือ ธรรมะ

หากรู้ตัวว่ากำลังเพ่งโทษใคร ให้รีบทำบุญทันที !
มันแปลว่า กองบุญกองกุศลกำลังเหือดแห้ง

สนทนากับเทพไท้เทวา

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 21/12/2010
คอยมองเหตุบังเอิญทั้งหลาย และจดบันทึกเกี่ยวกับมัน
คุณจะค้นพบความหมายที่ซ่อนอยู่ในเหตุการณ์เหล่านั้น เพื่อชีวิตของคุณได้

สิ่งนี้คือข้อความจาก
............พระเจ้า!!! ......................
เราต้องใส่ใจและลงมือปฏิบัติ
นี่คือโอกาสของเราในการตอบรับอย่างสร้างสรรค์

และเป้าหมายของการรู้แจ้งก็คือ
การอยู่เหนือแบบแผนของความน่าจะเป็น และพบกับอิสรภาพอย่างแท้จริง!



ดีพัค โชปรา
(โชค ดวง ความบังเอิญฯ หน้า 199)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 22/12/2010
มนุษย์เน้นสิ่งที่เห็นได้จากภายนอก จึงเน้นหนักเฉพาะสิ่งที่
จับต้องได้(เห็นด้วยตา,ได้ยินกะหู) ขาดผู้ชี้แนะ ดังนั้นจึงต้อง
การเอกสาร(หรือผลงานวิจัย)มากมายยืนยัน

สิ่งศักดิ์สิทธิ์หากวิทยาศาสตร์ตรวจจับได้(พิสูจน์) ก็ไม่ใช่
สิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว!

จิตโง่เขลา ยังยึดติดตัวตน
ทำลายตัวตนได้ กำลังของจิตจะสูงขึ้นทันที
จิตที่สำรวมได้คือจิตที่ไม่ยึดติดตัวตน
จิตที่บริสุทธิ์จะอ่อนน้อมถ่อมตน จิตข้างในรวมตัวได้ง่ายขึ้น

บุญศีลบุญทาน เปรียบได้เป็น ถ่านไฟฉาย
ปัญญารู้แจ้งเปรียบได้เป็น หัวเทียน(ให้แสงสว่าง)

จิตที่ละวางได้เท่านั้นที่เป็นสุข
การละวางไม่ใช่ตัวเราสมบูรณ์ก่อนแล้วจึงละวางได้
มนุษย์ที่ยึดติดตัวตน ยังไงก็ละวางไม่ได้ จะเอาให้ได้ดังใจ
เอาตัวเองไปตัดสิน/ไปวัดผู้อื่น

*วัดได้หากต้องการวัด แต่ต้องเอาศีลมาวัด(ตัดสิน)*

มนุษย์ทุกวันนี้ ทุกข์กันเพราะยึดติด
ยึดตัวยึดตน ยึดความหรูหรา ห่างไกลการรู้แจ้ง
สุขที่แท้จริงคือ หลุดพ้นจากบ่วงที่เร่าร้อน


สนทนากับเทพไท้เทวา

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 01/01/2011
จิตที่แข้งกร้าว ไม่สามารถเข้าใกล้พระพุทธองค์ได้

คนที่เจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตัว ย่อมรู้ตัวและมีคำตอบ มันบอกใคร
ไม่ได้ เป็นปัจจัตตัง ต้องใช้ปัญญา

เราเรียนรู้มากมาย(ทางโลก)ยังไงก็ตาม หากเรายังตัดสินผู้อื่น
ว่าถูก/ผิด ยังห่างไกลการมีปัญญา
ยิ่งเรียนรู้
จะยิ่งถูกทดสอบ
ใครละตัวตนได้ ได้รับการดูแลในทุกที่
มีตัวตน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ดูแล
ผู้เหือดแห้งทางบุญ จะเพ่งโทษผู้อื่น

การมองผู้อื่น ถูก/ผิด เป็นการเก็บขยะ
สร้างสภาวะจิตให่ร่มเย็น ใครเกลียดชังเราให้หยิบยื่นความเป็นมิตร และเพิ่มเมตตา


สนทนากับเทพไท้เทวา
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 01/01/2011
.....เราเรียนรู้มากมาย(ทางโลก)ยังไงก็ตาม หากเรายังตัดสินผู้อื่น
ว่าถูก/ผิด ยังห่างไกลการมีปัญญา.......

ทำให้นึกนึกบทกวีที่คุ้นเคยเมื่อสมัยเป็น freshy ในรั้วมหา'ลัย

.......ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึงมาหาความหมาย
หวังเก็บอะไร มากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว.....

วิทยากร เชียงกูล


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 02/01/2011
หากกระจายทานบุญ ไม่มีทางขาดทุน(ในทุกๆเรื่อง...)


สนทนากับเทพไท้เทวา
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 04/01/2011
ความลับข้อที่ลึกล้ำที่สุดก็คือ
ชีวิตไม่ใช่กระบวนการของการค้นหา
ทว่าเป็นกระบวนการของการสร้างสรรค์

ฉะนั้น!

อย่าเสาะหาว่าเธอคือใตร
แต่!

จงตัดสินใจว่า...........ใครที่เธออยากเป็น

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 06/01/2011
สนทนากับพระเจ้า 1
ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 06/01/2011


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code