|
สรุปเนื้อหาจากกิจกรรม "มั่วสุมความสุข" |
งาน "มั่วสุมความสุข" เมื่อวันเสาร์ที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา ผ่านไปด้วยความสุข และท่านอาจารย์วสันต์ ได้บันทึกประเด็นสำคัญของการแลกเปลี่ยนเอาไว้ใน facebook ผมเห็นว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง เลยขอนำมาเผยแพร่ครับ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เสร็จจากงาน "มั่วสุมความสุข" ผมก็กลับไป "ซ่องสุมความทุกข์" ต่อ..เอ๊ย..กลับไป "มั่วซั่วความฉุกละหุก" ในหน้าที่การงานต่อไปเสียหลายวัน (ฮา) วันนี้พอมีเวลา เลยเข้ามาที่นี่ ได้เห็นภาพแห่งความประทับใจจำนวนมาก จากฝีมือถ่ายภาพของคุณเอ๋ และหนูแอนนา มันยอดเยี่ยมมาก อย่างไรก็ตาม ตามประสาคนชอบสรุป ก็อยากสรุปประเด็นสำคัญที่ผมเห็นว่าเราได้รับกันในวันนั้น ดังนี้ :-
เรื่องสำคัญที่สุดเรื่องแรกที่เราได้คุยกันในครั้งนี้ คือเรื่อง "สำนึกของการรู้คุณ" ซึ่งแสดงออกด้วย "การขอบคุณ" ในทุกๆ สิ่ง เราสามารถแสดงความขอบคุณในทุกสิ่งที่เรามี และในสิ่งที่เราไม่มี รวมทั้งทุกสิ่งที่เราอาจสูญเสียไปแล้ว หากเราสามารถทำเช่นนี้ได้ (การขอบคุณ) ย่อมเป็นเครื่องหมายแสดงว่าเราอยู่ในสภาวะของการปล่อยวาง และผ่อนคลายได้อย่างถึงที่สุด เราไม่ได้ตอบโต้หรือต่อต้านสิ่งใดเลย เราสามารถยอมรับในทุกสิ่ง เราไม่ได้แก่งแย่ง แข่งขัน เปรียบเทียบ กับใครเลย นี่ ย่อมเป็นสภาวะที่พร้อมจะได้รับทั้งความสุขและความสำเร็จ เราอาจจะยังไม่สามารถแสดงการขอบคุณได้อย่างสมบูรณ์ หมดจด เราอาจต้องเสแสร้งขอบคุณไปบ้างตามมารยาท แต่ไม่ว่าประการใด ก็จงขอบคุณไปเถิด เสแสร้งว่าสำนึกรู้คุณไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็จะรู้สึกสำนึกรู้คุณไปจริงๆ ได้ในที่สุด!
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ "คุณน้อง" แขกคนสำคัญของเราในวันนั้น ได้มาตอกย้ำถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของ "กฎแห่งการดึงดูด" ตามกระบวนการ "ขอ..เชื่อ..รับ" เธอกล้าที่จะขอ เธอกล้าที่จะมุ่งมองถึงสิ่งที่เธออยากได้ เธอจินตนาการมันชัดเจนเป็นรูปธรรม เธอคิดถึงสิ่งที่เธอต้องการตลอดเวลา เธอเชื่อว่าเธอคู่ควรกับสิ่งนั้น เธอมั่นใจว่าต้องได้มันมา แต่ในท่ามกลางความต้องการและความเชื่อเหล่านั้น เธอก็ผ่อนคลายอย่างยิ่ง ปล่อยวางอย่างยิ่ง และเธอรู้สึกไปแล้วว่าเธอได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการไปเรียบร้อยแล้ว แล้วทุกสิ่งที่เธอได้จินตนาการไว้และนึกถึงมันตลอดเวลา ก็ปรากฏเป็นจริง คนที่ไม่เข้าใจในกฎสำคัญแห่งจักรวาลนี้ ก็อาจคิดไปได้ว่า นี่ก็เป็นเทพนิยายอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่คนที่เข้าใจเรื่องนี้ดี ย่อมรู้ว่าไม่มีอะไรในโลกนี้เป็นเรื่องบังเอิญ! แม้แต่การบังเอิญมาเจอกัน ก็ยังไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!
นั่นเป็นสองประเด็นสำคัญที่เราได้รับในวันนั้น และในตอนท้ายนี้ ผมอยากเสริมว่า พวกเราหลายคนอาจอิ่มเอมกับกิจกรรมนี้ไปได้สักพักหนึ่ง จากนั้นไม่นานก็อาจรู้สึกเคว้งคว้างกับชีวิตต่อไปอีกเหมือนเดิม ซึ่งผมเห็นเป็นการส่วนตัวว่าน่าจะเป็นเพราะบางคนนั้น อาจจะยังไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตไปในทิศทางไหน และกำลังจะไป ณ ที่ใด เราอาจพบแผนที่ แต่กลับไม่รู้ที่ๆ จะไป เราพบบันได แต่ไม่รู้จะไปพาดตึกไหน และที่เศร้าที่สุดคือ เอาบันไดไปพาดผิดตึก! ดังนั้น ผมเสนอให้พวกเราจงมีทั้ง "ทิศทาง" และ "ที่หมาย" ให้ได้กันเสียก่อน แล้วการสัมมนาในลักษณะนี้ ซึ่งอาจมีได้บ่อยเท่าที่เราต้องการ ก็จะทำให้เรามุ่งไปในทิศทางนั้น และไปยังที่หมายนั้น ได้อย่างแน่วแน่ มั่นคง
มีคำกล่าวว่า "หากเราไม่รู้ชัดว่าเราอยากไปอยู่ ณ ที่ใด (เป็นเรื่องของ "ที่หมาย" : Destination) เราก็มักจะได้ไปอยู่ในที่ที่เราไม่อยากอยู่..แต่ถ้าเราไม่รู้ชัดว่าเราจะไปอยู่ ณ ที่นั้นทำไม (เป็นเรื่องของ "ทิศทาง" : Direction) เราอาจต้องมานั่งเศร้าใจเมื่อพบว่าพอไปถึงที่ๆ เราอยากอยู่แล้ว มันกลับกลายเป็นที่ที่เราไม่ควรดิ้นรนมาอยู่เลย!!"
หากเรามีทิศทางและที่หมายที่ถูกต้องเหมาะสมสำหรับเราแล้ว กิจกรรมการพบปะกันแบบ "มั่วสุมความสุข" นี้ก็จะเป็นประโยชน์มาก แต่ถ้ายังไม่พบ ยังไม่มี ทั้งทิศทางและที่หมาย เราก็อาจตื่นเต้นไปได้สักพักหนึ่ง แล้วก็ต้องหาโอกาสมารดน้ำมนต์กันใหม่ (ฮา)
|
ชื่อผู้ส่ง : นันท์ วิทยดำรง |
ถามเมื่อ : 26/06/2010 |
|