กรรมดี.........และบุญสัมพันธ์ / รู้เรื่องกรรมแล้วได้อะไร???
มีบรรยากาศงานหนังสือมาฝากค่ะ
มีทั้งเรื่องใหม่ๆ
และเรื่องเดิมๆ ที่เป็นที่สงสัยในกระทู้ก่อนหน้านี้

เรื่องใหม่ๆคือแนวโน้มคนอ่านหนังสือแนวจิตวิญญาณ
เป็นกลุ่มเด็กๆ ชั้นมัถยมปลาย(เกือบครึ่งของยอดที่จำหน่าย)
ได้สอบถามจากน้องนักศึกษาที่มาช่วยขาย ได้ข้อมูลว่าช่วงนี้
รายการโทรทัศน์มีออกแนว จิตวิญญาณ/สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว
เลยทำให้เด็กกลุ่มนี้เริ่มที่จะสนใจเนื้อหาแนวนี้มากขึ้น
ก็สงสัยว่า แล้วจะอ่านรู้เรื่องกันเหรอเนี่ย????


ในวันที่เกิดสงสัย คำตอบก็มาเลยค่ะ
มีน้องคนนึงได้กลับมาที่บูทหลังซื้อหนังสือ
บอกว่าวันนี้ชวนคุณพ่อมาด้วย จะพามาสมัครเพื่อเข้าอบรมหลักสูตร
"การสั่งจิตฯ" ได้มีโอกาสถามว่า "ซื้อหน้งสือไปแล้วอ่านรู้เรื่องเหรอ???" เค้าบอกว่า "อ่านรู้เรื่องค่ะ ทำไมถามแบบนี้ มีคนอ่านแล้วไม่รู้เรื่องเหรอคะ???"


เรื่องเดิมๆที่ต้องหาคำตอบ(โดยบังเอิญ)
ปีนี้มีเรื่องบังเอิญรับหนังสือ "ลดราคา" มาช่วยจำหน่าย(ทุกเล่ม 50บาท)
หนังสือที่ขายดี(มาก) เป็นหนังสือธรรมะ และเรื่องราวเกี่ยวกับการแก้กรรม ต้องเรียกว่ามีเท่าไหร่ๆ ขายหมด!

จึงเกิดอยากทบทวนว่า
ผู้คนสนใจเรื่องกรรม/เจ้ากรรมนายเวร/แก้กรรม/ธรรมะ
จริงๆแล้ว มันเป็นแนวโน้มที่แย่ หรือ ดีอย่างไร??

อาจารย์วศิน อินทสระ
มีคำตอบให้แบบนี้ค่ะ

เรื่องสำคัญยิ่งใหญ่ในพระพุทธศาสนาอีกเรื่องนึงคือ
เรื่องกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด(The law of garma and invert)

ความเข้าใจเรื่องกรรม/การเวียนว่ายตายเกิด
ช่วยแก้ปัญหาชีวิตได้ในทุกแง่ทุกมุม
(ดังนี้)

*ไม่น้อยใจในชะตาชีวิตของตน

*ไม่ริษยาในความสุขของผู้อื่น เพราะเห็นแจ่มแจ้งแล้วว่า ทุกอย่างเป็นผลรวมในกรรมของตน

*ช่วยแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันของมนุษย์ ,ความแตกต่างอุปนิสัยใจคอ
แม้พ่อแม่เดียวกัน การอบรมและสิ่งแวดล้อมเดียวกัน

*ไม่ตีโพยตีพายเมื่อผิดหวัง เพราะรู้แจ้งว่าผลทุกอย่างมีมาเพราะเหตุ


*กล้าเผชิญปัญหาอย่างเด็ดเดี่ยว

มีปัญหาชีวิตบางอย่างไม่อาจเข้าใจได้ เช่นคนดี ต้องมีชีวิตอยู่แบบทนทุกข์ทรมาน
คนชั่วบางคนมีชีวิตอยู่อย่างสุขสำราญ
ปัญหาทั้งหมดจะค้างโลก หากความเข้าใจเรื่องกรรม "ไม่" มาช่วยแก้
บางกรรมใช้เวลานานมาก กว่าจะเกิดผล ด้วยชีวิตมนุษย์นั้นสั้นเกินจะพิสูจน์กรรม
การเกิดใหม่ จะช่วยเป็นสนามการทดลองแรงกรรม


จึงพอสรุปได้ว่าการเข้าใจเรื่องกรรม
เป็นกุญแจดอกสำคัญในการดำเนินชีวิต
เป็นผลต่อความสงบสุข
หายงมงายไม่ตื่นเต้นต่อการขึ้นลงของชีวิต



อาจารย์วศิน อินทสระ
ชื่อผู้ส่ง : แฟนพันธุ์แท้ ถามเมื่อ : 03/12/2009
 


คำว่า "กรรมดี และ บุญสัมพันธ์" นี่ได้ยินบ่อยๆ
จากการสนทนากับเทพไท้เทวาค่ะ

มีพี่คนนึงให้ข้อสังเกตุว่า น้องนักศึกษาที่มาช่วยงานเป็นคนดี
และทุ่มเท แล้วก็สรุปไปโน่นเลยว่า "เรานี่มีบริวารดีนะเนี่ย"
เลยนึกไปถึงครั้งแรกที่ต้องว่าจ้างงานทำนองนี้
เจอกลุ่มน้องที่น่ารักมากๆ
แล้วก็เกิดการ "ยึดติด"(ปีถัดไปน้องๆเค้าก็ต้องทำงานกันแล้ว แล้วไปหาแบบนี้ได้ที่ไหนอีกเนียะ??)

ผ่านไป ปีที่ 2

และปีนี้เป็นปีที่ 3

เจอกลุ่มคนที่ชวนให้"ยึดติด" เหมือนเดิม

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 03/12/2009
เราอาจเป็นทุกข์จากความรู้สึกเฉยชา
และขาดความรัก

แต่เราย่อมเป็นทุกข์มากยิ่งกว่า......จากความยึดมั่น(ยึดติด)


ติช นัท ฮันห์

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 04/12/2009
การเข้ามาและจากไปทั้งหมด ถูกกำหนดไว้หมดแล้วโดยต้นกำเนิดของคุณ
และมันก็คือสิ่งที่คุณดึงดูดเข้ามาสู่ตัวคุณในขณะนั้น
การมองเช่นนี้จะช่วยคุณเป็นอิสระจากความรู้สึกที่มีพลังงานที่ต่ำ
เช่นรู้สึกผิด,เศร้าเสียใจ ฯลฯ

คุณจะเปลี่ยนจากตัวละครที่ต้องแสดงตามความต้องการของผู้อื่น
มาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับในชีวิตของคุณ

คุณจะกลายเป็นผู้เขียนบท,ผู้อำนวยการสร้าง ,ผู้กำกับ และดารานำแสดง
ตามบทที่คุณกำหนดไว้
จงทำให้ทางเลือกของคุณสอดคล้องกับผู้อำนวยการสร้าง
ที่ทรงอำนาจที่สุดของโลกการแสดงนี้

เวย์น ไดเออร์

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 09/12/2009
ผมว่าพักนี้ รายการทีวี พูดก็พูดเหอะ ว่าโดยเฉพาะ รายการตีสิบ
เอาแต่เรื่องแบบนี้มาออก พอคนไม่มีทางพึ่ง ก็ไปหาสิ่งเหล่านี้ จนลืมเสียฉิบ ว่าแท้จริงแล้ว พระพุทธเจ้า ทรงสอนให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน

แล้ว อีกอย่างนึงที่ทำให้เรื่องแบบนี้ขายได้ เพราะมันมีจิตวิทยาอันนึงคือคนส่วนใหญ่ชอบอ่านอะไรที่เป็น story มากกว่าอ่าน หลักการ การปฎิบัติ โดยเฉพาะ story ที่ใกล้ตัว โดนๆด้วยแล้ว ชอบนักแล

เรียกร้องให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน มากกว่าอยู่กับกรรมเก่าครับ


ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 10/12/2009
ในสังคมโดยรวม มักจะหวังพึ่งพาการทำบุญ เพื่อหวัง สวรรค์ ในชาติหน้า โดยใช้เพื่อเป็นเพียงกุศโลบาย เท่านั้น เพราะผู้คนมักติดกับการทำบุญแล้วจะได้อะไร ติดกับดักการทำธุรกิจ ว่าลงทุนจะได้อะไรกลับคืนมาบ้าง จึงมีคำถามขึ้นมา ว่าทำแล้วได้อะไร( คุ้มมั้ย) เพราะว่าทำบุญแล้ว ยังรู้สึก เฉย ๆ เนื่องจากหวังผลรวดเร็ว แต่มักไม่ได้ฝึกการทำเพื่อทำ เท่านั้น เหมือนกับการทำงาน เพื่อ งาน มิได้คาดมุ่งไปที่รางวัลอย่างเดียว ......
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 11/12/2009
และเมื่อเรารู้ซึ้งถึงผลกรรม เมื่อนั้น เราจะต้อนรับกับปัจจุบันดั่งครรภ์มารดาที่รอต้อนรับ ทารก เราจะประคองการกระทำเราอย่างมีสติ ระลึกได้ว่า ผลของการกระทำในปัจจุบันนี้ จะดูแลอนาคตของมันเอง เราจะมั้นใจ และปล่อยว่าง กับ อดีต และ อนาคต
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 11/12/2009
เมื่อเรารู้ซึ้งถึงผลกรรม ......เราจะประคองการกระทำเราอย่างมีสติ
สรุปรวบยอดความคิดเห็น ได้ยอดเยี่ยมจริงๆ
ขอยกตำแหน่งผู้เชื่อมโยง ทางโลก/ทางธรรม ให้คุณน้องนีโออีกคนเน้อเจ๊า!

ฟังเรื่องราว(เล่าต่อ จากพี่นพรัตน์)
เรื่องการทำยอดจำหน่ายรถยนต์ทั้งปีมาอยู่ในเวลาไม่กี่วันแล้ว
ขอเพิ่มฉายา "โจ จีราด" เจ๊า!!!

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/12/2009
แก้คำ
ฉายา "โจ จีราด" เมืองไทย
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/12/2009
ผมมีโอกาสได้ โทรศัพท์ ติดต่องานกับคนทาง จ.เชียงราย ปรากฏว่าเป็นเสียงผู้หญิงรับ เค้าพูดคำลงท้ายว่า " เจ๊า " ชวนให้ผู้ชายอย่างผมรู้สึก น่ารัก น่าฟังจังเลยครับ ขอบคุณครับพี่......
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 17/12/2009
หากเป็นคนเหนือทั่วไป อาจจะ จินตนาการได้แบบนั้นค่ะคุณน้อง
หากเราได้พูดคุยกัน(ตัวจริง/เสียงจริง) จะผิดจากที่นึกหรือจินตนาการได้(อิอิ)

ก็เพราะว่ามีคนเคยบอก(คนแถวๆนี้แหละค่ะ)
ว่า
พูดเร็วเหมือนคนใต้เลย

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 18/12/2009
การศึกษาให้รู้แจ้งในเรื่องกรรมและการเวียนว่ายตายเกิดจึงเป็นกุญแจดอกสำคัญไปสู่การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง มีผลเป็นความสุข สงบแก่ผู้ศึกษาเรียนรู้ มีประโยชน์ในการพัฒนาชีวิตจิตใจให้สูงขึ้น ร่มเย็นและทำให้เห็นว่าการเกิดของเรามีความหมาย ไม่ใช่เกิดมาโดยบังเอิญ มีชีวิตอยู่อย่างหลักลอยปล่อยตัว และตายไปอย่างน่าสมเพชเวทนา




ต่อไปนี้เป็นพระราชปรารถในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗ แห่งบรมราชจักรีวงศ์)



“สำหรับพระพุทธศาสนานั้น ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า สิ่งที่เราควรสอนให้เข้าใจและให้เชื่อมั่นเสียตั้งแต่ต้นทีเดียวคือสิ่งที่เป็นหลักสำคัญของพระพุทธศาสนา นั่นคือวัฏฏสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด และกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นหลักสำคัญของพระพุทธศาสนา เพราะหนทางปฏิบัติของพระพุทธศาสนาก็เพื่อให้พ้นจากวัฏฏสงสาร อันเป็นความทุกข์ แต่สิ่งที่ดีประเสริฐยิ่งนั้นคือ ความเชื่อในกรรม แต่จะสอนแต่เรื่องกรรมอย่างเดียว ไม่สอนเรื่องวัฏฏสงสารด้วยก็ไม่สมบูรณ์



ความเชื่อในกรรม ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นของประเสริฐยิ่ง ควรเพาะให้มีขึ้นในใจของคนทุกคน และถ้าคนทั้งโลกเชื่อมั่นในกรรมแล้ว มนุษย์ในโลกจะได้รับความสุขใจขึ้นมาก เป็นสิ่งที่ทำให้คนขวนขวายทำแต่กรรมดี โดยหวังผลที่ดี เรื่องวัฏฏสงสารและกรรมนี้เป็นของต้องมีความเชื่อ เพราะเป็นของที่น่าเชื่อกว่าความเชื่ออีกหลายอย่าง



ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ถ้าคนเราเชื่อกรรมจริงๆ แล้วควรจะได้ความสุขใจไม่น้อย โดยที่ไม่ทำให้รู้สึกท้อถอยอย่างไร



ข้าพเจ้าเห็นว่า เราควรพยายามสอนเด็กให้เข้าใจและให้เชื่อมั่นในกรรมเสียแต่ต้นทีเดียว ยิ่งให้เชื่อได้มากเท่าไรยิ่งดี ควรให้ฝังเป็นนิสัยทีเดียว"



--> เก็บความจากพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๗) ทรงปรารภเมื่อ ๑๖ พ.ค. ๒๔๗๒

วสิน อินทสระ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 02/01/2010
...กฎแห่งกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด

"อย่าคิดว่าคนอ่อนวัยไร้เวรกรรม
ชาติก่อนทำเกี่ยวกรรมใด ใครรู้หรือ
เราจอมเทพฯ ยิ่งฤทธิ์แรงยากรับมือ
ปราบมารดื้อไม่อาจปราบเจ้าหนี้กรรม"

พระโอวาท จอมเทพวินัยธรเทพเจ้ากวน



ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 05/01/2010


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code