ขออนุญาติแชร์เพิ่มเติม
สืบเนื่องจากมีประเด็นที่ผมได้ แชร์กับผู้เข้าสัมมนา "เกิดมาเพื่อสำเร็จ (BORN TO SUCCESS) เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับแง่มุมหนึ่ง ที่สนับสนุนว่าตัวเรานั้นมีกลไกหรือศักยภาพแห่งความสำเร็จเป็นพื้นฐานอยู่ในตัวของทุกคนอยู่แล้ว

มันเหมือนกับที่ ดีพัค โชปรา บอกว่า มันเป็นธรรมชาติของนกที่จะบิน มันเพียงแค่บิน ใครอาจจะบอกว่ามันเป็นสัญชาติญาณก็แล้วแต่ แต่มนุษย์ก็มีสัญชาติญาณพิเศษกว่านั้น ที่จะทำในสิ่งที่ตนคิดให้ปรากฏขึ้นได้

ในวันสัมมนานั้น จุดประสงค์ของผมคือ อยากชวนให้เริ่มต้นจากการระลึกรู้ และอย่ามองข้ามทุกความสำเร็จที่ผ่านมา
ความสำเร็จ ที่เมื่อถึงวันนี้ เราอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาๆ ไปเสียแล้ว
การที่เราเดินได้เป็น .. อ่านหนังสือได้เป็น .. คิดเลขได้เป็น .. พูดเป็น .. ว่ายน้ำเป็น .. ขับรถเป็น ฯลฯ

อยากชวนว่า อย่ามองข้าม หรือดูถูกความสามารถตามธรรมชาติของเรา ที่ได้นำ "ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แต่ธรรมดาๆ" เหล่านั้นมาสู่เรา
เพราะมันไม่ต่างกันเลย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความสำเร็จในเรื่องใด
มันใช้พลังน้ำใจและความสามารถพื้นๆ ที่คุณมีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ในแบบเดียวกัน

ขอจงตระหนักถึงคุณค่าของความสำเร็จธรรมดาๆ เหล่านั้น ที่วันนี้เราได้มองข้ามมันไป
เพราะแต่ละก้าวที่เราเริ่มหัดเดิน แต่ละคำพูดที่เราหัดเปล่งเสียงออกมานั้น
มันแสนจะยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาล ที่เราไม่เคยรู้ตัว ถึงศักยภาพที่เรามี

เมื่อใดที่เราเริ่มตระหนัก ถึงคุณค่านี้ที่เรามี
คุณค่าของพลัง .. ที่ปรากฏอยู่ในทุกก้าวที่เราเดินไป ทุกคำพุดที่เราพูดออกมาได้ ฯลฯ
เมื่อนั้นแหละ ที่เราได้สัมผัสพลังของศักยภาพที่แท้จริง ที่มีอยู่ในตน
และสัมผัสถึง "สติ" ในทุกสิ่งที่เราทำ

ขออนุญาติแชร์เพิ่มเติม เผื่อว่าจะงง ว่าผมพูดอะไรไปในวันนั้นครับ
หรือกลายเป็นว่ายิ่ง งง งง ไปกันใหญ่ ??
ชื่อผู้ส่ง : นันท์ วิทยดำรง ถามเมื่อ : 04/08/2009
 


ขอบคุณที่แชร์ เนื้อหาและบรรยากาศ
สำหรับผู้พลาดโอกาสค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 04/08/2009
ขอบคุณมากครับคุณนันท์

ผมเองวันนั้น ยอมรับว่าส่วนใหญ่มัวแต่รู้สึกเพลินๆ รื่นรมย์ และใช้เวลาผ่อนคลายตนเองเหมือนไปนั่งริมทะเลมากกว่าที่จะฟัง คือฟังแบบฟังไปเรื่อยเปื่อยหนะครับ ไม่ได้โฟกัสเท่าไหร่ ทำให้มีความสุขดี แม้ว่าวันนั้นผมจะไปสาย(มาก) แต่สำหรับผม ผมก็บรรลุเป้าหมายที่เป็นแรงขับแท้จริง นั่นคือผมอยากไปพบปะ พบหน้าและสัมผัสบรยากาศเท่านั้น และผมก็ไม่ผิดหวังเลย ขอบคุณครับ

อย่างไรก็ดี ฟังไปงั้น แต่กลับจำได้ดีครับ นี่เป็นวิธีที่ผมเชื่อและใช้ในการทำสิ่งต่างๆ จากการฟังวันนั้น ผมมีข้ออยากแชร์เช่นกัน

1. ผมเชื่อและรู้สึกในสิ่งที่คุณนันท์บอก นั่นคือ มันสำเร็จอยู่แล้ว ความรู้มันมีอยู่แล้ว เพียงแต่เราจะค้นพบและนำมันออกมาได้ไหม
ซึ่งตรงนี้คงเป็นเรื่องส่วนตัวครับ วิธี หรือวิชาของตนนั้น ไล่ล่าหาอาจารย์ซักหมื่นร้อยคนก็คงไม่สำเร็จ หากไม่มีช่วงที่มานั่งนึกไตรตรอง เพื่อตกผลึกเอง ค้นพบเป็นความรู้ตัวเอง ไม่สงสัย และกล้าทดลองใช้มันออกมา เพื่อสานต่อวิชาของตนเอง

2.สิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับคนที่อยากรู้สึกสำเร็จนั้นคงเป็นเรื่องของความฝันและความส่วนตัวของฝันครับ คือ ผมรู้สึกว่าความฝันเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่ซ้ำกัน และเราต้องรู้สึกเอง ไตร่ตรองเอง ไม่ใช่ว่าได้มาจากการเปรียบเทียบ ทั้งจากการอยากเลียนแบบ หรือการต่อต้าน แต่มาจากเราเองจริงๆ อย่างคุณ กานต์ กองฯ เกสต์วันนั้น ท่านก็ได้บอกอย่างชัดเจนว่าตั้งแต่เด็กมา ความฝันของท่านคือการไปเมืองนอก อยากอยู่กับฝรั่ง ซึ่งนั่นคือความฝันของท่าน มันศักดิ์สิทะสำหรับคุณกานต์ กองฯ และมันทำให้เขาได้เริ่มตำนานของชีวิตเขา แต่อย่างไรก็ดี ฝันแบบนี้อาจไม่ใช่ของทุกคน เพราะบางคนอาจฝันอยากอยู่ที่นี่ อยากอยู่ที่ไหน หรืออะไรก็ตาม ซึ่งตรงนี้ เราคงต้องหาเองครับ เพราะในวันนั้นอาจมีคนอยากฝันไปทำงานเมืองนอกบ้างอีกร้อยคนเพราะชื่นชมคุณกานต์ แต่มันอาจเป็นฝันที่จริงแท้แค่ยี่สิบคน และทำได้สำเร็จแค่ห้าคน แต่มีความสุขเพียงคนเดียว ก็ได้ใครจะรู้ แต่อย่างไรก็ตาม ความฝันเป็นสิ่งงดงามครับ และคุณกานต์ กองฯก้ใจดีมากที่มาเปิดเผยตัวตนและประสบการณ์ที่ดีให้เราครับ ผมเชื่อแน่ว่าคุฯกานต์ต้องดีใจแน่ หากคนอื่นๆได้หาฝันเจอในแบบที่หลากหลายครับ

3. วันนั้นมีคุรแม่มาแชร์ถามเรื่องลูกสาวประถมอะไรซักอย่าง ไม่มีความมั่นใจและกลัวครูครับ คำถามจำได้ไม่แน่ชัดครับ แต่ประมาณว่าจะทำอย่างไรให้ลูกมีความมั่นใจ อะไรทำนองนี้ครับ วันนั้นเราก็ได้ความเห็นหลากหลายจากเกสต์ของเราที่ดีครับ บางคนมีลูกแล้ว บางคนยังไม่มี ส่วนตัวผมก็ยังไม่มีครับ แต่ขอแชร์ในมุมมนุษย์ละกันครับ ผมเชื่อว่าเด็กเป็นผล หรือเงาสะท้อนของผู้ใหญ่ครับ กับเรื่องนี้ คุณแม่คงต้องมองที่ตัวท่านเอง คนรอบๆเด็กและคุณครูมากกว่าว่า อะไรกันที่ทำให้เด็กเกิดปัญหานี้ได้ บางทีถ้าเห็นแล้ว อาจจะสบายใจไม่อยากแก้ ปล่อยให้เด็กค่อยๆเติบโตเองก็ได้ครับ หรือบางทีพบแล้วก็อาจแก้ง่ายนิดเดียว หรือบางทีพบแล้วก็อาจพบว่าแก้ไม่ได้ง่าย แต่ก็พบเช่นกันว่ามันไม่ใช่เรื่องแย่ ก็เติบโตกันไปในแบบของท่านเอง แต่ก็มีความสุข มันอาจเป็นอย่างนั้นและอาจเป็นได้อีกหลายอย่างเลย มันดีทั้งนั้นครับ มันดีอยู่แล้ว

4. ยังไงก็ตามนี่เป็นการแชร์ครับ หวังว่าจะมีประโยชน์ ผมทำเพราะผมได้ประโยชน์มาจึงอยากของคุณ โดยส่วนตัวนั้น ผมหวังว่าอีกไม่นานข้างหน้า เราไม่น่าจะมีการสัมนาเกี่ยวกับความสำเร็จขึ้นมากอีกบนโลกใบนี้ เพราะถ้ายังมีการสัมนาเกี่ยวกับความสำเร็จนี้ แปลว่ายังมีคนที่ค้นไม่พบทางและยังไม่พบความสำเร็จแท้จริงที่แต่ละคนมีอยู่แล้ว ดังนั้น ความหวังของผมจึงเป็นว่า วันหนึ่งเราจะไม่มีการสัมนาในเรื่องนี้กันอีกเนื่องจากทุกคนค้นพบทิศทางที่จะทุ่มกายเทใจลงไปโดยไม่เกรงกลัว หรือกังวลต่อสิ่งใด และทุกคนก้ได้สำเร็จในสิ่งนั้นจริง แต่ผมหวังว่าในวันหนึ่ง เราจะมีการพบปะกับอีกแบบแทน นั่นคือการมีตติ้ง สังสรรค์ แลกเปลี่ยนข่าวคราว และ ชื่นชมโลกร่วมกันครับ



ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 04/08/2009
ขอบพระคุณ คุณนันท์เช่นกันครับ


วันนั้นการที่ได้ฟังคุณนันท์ผมก็ยอมรับว่า จุกที่ลำคอขึ้นมาทันใด
ความประทับใจยิ่งมากขึ้นเมื่อย้อนระลึกถึง อาจารย์วสันต์คุณหนึ่ง คุณนันท์ และน้องๆหลานๆทุกท่านยืนอยู่ตรงหน้าเพื่อแชร์ความสำเร็จ แค่นี้ก็เกินบรรยาย

"เพราะสุขจึงสำเร็จ"สำหรับผมวันนั้นเป้นอีกหนึ่งวันของความสำเร้จ ไม่ใช่อยูที่หัวข้อบรรยายของท่านวิทยากรผู้น่ารักทุกๆท่านเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ภาพรวมทั้งหมดของทุกสรรพชีวิตที่ต่างมาเชื่อมโยงกัน

สุขสำเร้จที่ได้พบทุกๆท่าน
สุขสำเร็จที่ทำให้ท่านอาจารย์วิงเวียนศรีษะไปมา
สุขสำเร็จที่ทำให้คุณนันท์มึนกับการฟังผมพูดๆๆๆๆๆๆๆ
สุขสำเร็จที่ทำให้คุณหนึ่งกับผมแข่งกันสนทนา
สุขสำเร็จที่เห็นคุณkarnนั่งมึนเช่นกันเวลาผมพูดๆๆๆๆๆ
สุขสำเร็จที่ได้กอดคุณแจงเนื้อนิ้มนิ่ม
สุขสำเร็จที่เห้นน้องๆวิทยากรคนเก่งทุกๆท่านที่ต้องขอย้ำว่าเก่งและประทับใจจริงๆ
สุขสำเร็จที่ผมได้ไปร้านคุณkarnและเห็นทุกๆท่านมีความสุขสนุขสนาน
สุขสำเร็จกับความเป็นวันนั้นทั้งหมดทั้งมวล

แต่ก็มีที่ไม่สำเร็จในวันนั้นอย่างเดียวคือ ที่คุณkarnดันมาแย่งความหล่อของผมไปทั้งหมดเรียกว่า เก็บหมดซีนเลยผม ค่อนข้างจ๋อยเล็กน้อยถึงมากคร้าบบบบ

ครับแค่วันั้นวันเดียวความสุขจึงสำเร็จก็มากมายให้จดจำไม่รู้ลืม
ชื่อผู้ตอบ : โก้คร้าบบบบบบ ตอบเมื่อ : 04/08/2009
เป็นความดีใจ ที่ตามมาด้วยความสุข ที่ได้พบคุณกานต์และคุณโก้ ในวันนั้นครับ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แปลก ที่ไม่เคยเกิดกับผม คือ เป็นความดีใจที่ได้เจอคนที่ไม่เคยพบหน้า . .

เอาเป็นว่า ผมขอขอบคุณท่านจักรวาล เป็นอย่างสูงก็แล้วกันครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 04/08/2009
ในวันนั้น หนูรู้สึกทั้งติ่นเต้นและตื้นตัน ... เปี่ยมสุขจริงๆค่ะ
นั่งรถกลับบ้านนี่หุบยิ้มไม่ได้เลย เห็นแววตาของทุกคนแล้วรู้สึกดีมากๆเลยค่ะ รู้สึกขอบคุณทุกๆท่านที่ร่วมจัดงานดีๆแบบนี้
ประสบการณ์ของหนูมีค่ามากขึ้นกว่าเดิน เพราะผู้เข้าร่วมงานทุกคนจริงๆ ...
ตอนพูดหนูตื่นเต้นมากเลยค่ะ จริงๆ มีเรื่องมากมายที่อยากพูด แต่เรียงลำดับความคิดไม่ถูกเลย ฮ่าๆ

^_____^ ... มีแต่เรื่องน่าประทับใจ ...
เพราะว่า ได้เจอ คุณลุง คุณน้า คุณพี่ ที่ใจดีตัวจริงเสียงจริงซักที ...

คุณลุงนันท์ตัวจริงใจดีจังลเยค่ะ ดูหนุ่มกว่าที่หนูคิดไว้อีก แต่ใจดีเหมือนที่คิดไว้เลย ^__^ ขอบคุณที่เซ็นหนังสือให้หนูนะคะ หนูเอาไปอวดหม่าม๊าด้วยค่ะ อิอิ แล้วหนูก็เอาคำพูดคุณลุงนันท์ไปถ่ายทอดให้หม่าม๊าฟังต่อด้วย ก็จำได้นะคะ จำได้หมดเลย แต่อาจไม่ทุกถ้อยคำ อิอิ หม่าม๊าฝากขอบคุณในความปราถนาดีมาด้วยค่ะ

อาจารย์วสันต์ก็น่ารักมากๆเลยค่ะ ตัวจริงอาจารย์ตลกกว่าใน อีเมล์ และในบอร์ดเสียอีก หนูได้คิดอะไรอีกหลายอย่างเลยค่ะ ได้เอาไปบอกป๊าด้วยนะคะ เรื่องของความเชื่อในสิ่งที่รู้ อ่ะค่ะ หนูเข้าใจป่าป๊ามากขึ้นเลยค่ะ หนูเลยบอกความเชื่ออีก 2 อย่างให้ป๊าฟัง อิอิ
เป็นประโยชน์มหาศาลจริงๆค่ะ แล้วอีกอย่างคือ อาจารย์ทำให้หนูนั่งหัวเราะคนเดียวบนรถไฟใต้ดินด้วยค่ะ พอหนูนึกถึงคำพูดตลกๆที่อาจารย์พูด หนูอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ มีความสุขที่สุดเลยค่ะ
(ตอนนี้ยังนั่งหัวเราะอยู่เลยนะคะ กู๊ดตะระมอร์นิ่งอ่ะค่ะ 555+)

พี่หนึ่งตัวจริง สวยจังเลยค่ะ อิอิ >///< ได้กอดพี่หนึ่งด้วยอบอุ่นจริงๆ ขอบคุณพี่หนึ่งสำหรับความห่วงใยนะคะ หนูรู้สึกได้เลยค่ะ เสียดายมากที่ได้คุยแป๊บเดียวเอง ไว้โอกาสหน้า ขอให้ได้เจอพี่หนึ่งอีกนะคะ พอนึกถึงที่อาจารย์บอกว่า ให้เรามีไอด้อล หนูคิดได้เลยค่ะ
หนูอยากเป็น ดร. แบบพี่หนึ่ง อิอิ พี่หนึ่งเลยเป็นไอด้อลของหนูไปแล้วเลย อยากสวย คิดบวก และเก่ง แบบนี้ อิอิ ^__^
แล้วก็อยากคิดบวกๆๆๆ ตลอดเวลา แล้วก็จิตใจดี คอยให้คำปรึกษา และแนะนำสิ่งดีๆกับผู้อื่นแบบคุณแม่แจง แม่แจงก็เป็นไอด้อลของหนูเหมือนกัน
แล้วก็ยังอยากอารมณ์ดี ทำให้คนอื่นหัวเราะได้แบบอาจารย์วสันต์ อิอิ อาจารย์ก็เป็นไอด้อลของหนูนะคะ
แล้วก็ อยากใจดีกับเด็กๆ แบบคุณลุงนันท์ด้วยค่ะ คุณลุงนันท์ก็เลยเป็นไอด้อลหนูด้วย ^___^
อยากมีอารมณ์ศิลปะเหมือนน้าโก้ด้วยอ่าค่ะ ฮ่าๆ
ไอด้อลหนูมากมายเลยอ่า เยอะดีจัง 555+

น้าโก้ตัวจริงดูหนุ๊มหนุ่มค่ะ หนูเลยลังเลเลยว่า จะเรียกพี่ดีมั้ย 0.0 ฮา
น้าโก้หน้าอ่อนกว่าวัย เพราะพลังความคิดบวกมากมาย แบ่งๆมาให้หนูบ้างนะคะ หนูอยากหน้าอ่อนมั่ง อิอิ เสียดายได้คุยกับน้าโก้แป๊บเดียวเอง แต่ก็เป็นบุญตามากเลยค่ะได้เห็น งานปั้นของน้าโก้ด้วย สุดยอดจริงๆเลย หนังสือจิ๋วก็น่ารักมากๆ น่ารักจริงๆนะคะ ^_^ อ้อ ได้เห็นน้ากานต์ด้วย (หนูเรียกน้าไว้ก่อนนะคะ ฮ่าๆ เพื่อความเท่าเทียมกันกับน้าโก้ ฮ่าๆ) น้ากานต์ก็ดูหนุ๊มหนุ่มค่ะ สังคมของคนคิดบวกมีแต่ คนหน้าตาอ่อนวัย อิอิ ดีจัง ^___^

แล้วพี่ดาดีดานะคะ ตัวจริงสวยคมจังเลยค่ะ อิอิ หนูดีใจมากๆเลยนะคะที่ได้เจอ หลานๆ ก็น่ารักมากเลยที่มาฟัง แถมอยู่แถวบ้านหนูด้วย หนูอยู่ก็อยู่แถบๆนั้น เกี่ยวกับงานนพรัตน์ สียดายจังเลยค่ะ ที่อายุไม่ถึง หนูทำหน้าโกงอายุจะได้มั้ยคะ น่าเสียดายจังเลย แล้วก็นะคะ วันนั้นได้คุยกันนิดเดียวเองอ่ะค่ะ ไว้มีโอกาสพบกันอีกนะคะ ^^

งานวันนั้นมีแต่เรื่องดีๆ ... นึกถึงทีไรอมยิ้มได้ตลอดเลยค่ะ (อมยิ้มแบบกว้าง ^___^) มีแต่ความสุข แล้วก็เสียงหัวเราะ ...

หนูอยากขอบคุณแม่แจง ขอบคุณที่ชักนำให้หนูได้พบที่นี่ ได้พบเจอผู้คนที่จิตใจดี ทำให้หนูเปลี่ยนแปลง ทำให้หนูพบแต่เรื่องดีๆ สิ่งดีๆ และที่สำคัญ ทำให้การใช้ชีวิตของหนูมีค่าขึ้นกว่าเดิมอย่างมากมาย
"ขอบคุณค่ะแม่แจง" ^_____^

แล้วหนูก็อยาก ขอบคุณทุกคน อีกครั้งค่ะ
"ขอบคุณนะคะ" ^_____^

ปล. เขียนซะยืดยาวมากมาย แต่ทั้งหมดเป็นความรู้สึกจากใจจริงๆของหนูค่ะ

Have a nice dream ค่ะ ^^
ชื่อผู้ตอบ : Fangly ตอบเมื่อ : 04/08/2009
ทุกท่านรู้สึกจะมีความสุขมากจริงๆ... เสียดายค่ะที่ติดไปต่างจังหวัดเลยไม่ได้ไปร่วมด้วยในครั้งนี้

สำหรับครั้งต่อไปเรื่อง "ศาสตร์แห่งนพลักษณ์" (ไม่ใช่"นพรัตน์"นะจ๊ะ หลานฟาง) หลายท่านที่ไปในครั้งนี้แล้วอาจไม่ได้ไปร่วมด้วยอีก แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ เชื่อว่าจักรวาลจะจัดสรรให้ตามจังหวะและโอกาสอันควรต่อไป...
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 05/08/2009
วันงานสัมมนา(2 ส.ค 52)ที่ผ่านมาได้มีโอกาสพาลูกชายทั้งสองไปร่วมงานด้วย ขอบอกว่าดีมากๆๆๆ ประทับใจทุกท่านเลย ทำให้บรรยากาศการเดินทางกลับบ้านช่างมีความสุขเสียจริงๆ เพราะปกติเวลานั้งรถลูกชายมักจะหลับ แต่วันนั้นน้องเขาคุยถึงงานตลอด เขาประทับใจมาก เขาบอกว่าเขามั่นใจมากขึ้น เพราะเขาเองใช้กฏดึงดูดมาตลอดโดยไม่รู้ตัว และเขาก็จะใช้ตลอดไป เพราะทุกครั้งที่เขาทำอะไรที่เขาอยากทำเขาก็ได้ตามที่ตอ้งการน๊ะและทุกครั้งเขาเชื่อสนิทไม่มีข้อแม้ใดๆ พูดเสียยืดยาว ทั้งหมดนั้นเพื่อจะยืนยันนอนยันว่างานนี้ดีจริงๆ ขอบคุณ ขอบคุณและขอบคุณ.
ชื่อผู้ตอบ : ตะวัน ตอบเมื่อ : 05/08/2009
ฟังคุณตะวันแล้ว ส่วนตัวผมชื่นใจจัง และเชื่อว่าทุกคนคงชื่นใจ โดยเฉพาะคุณแจง

เพราะเท่ากับสมวัตถุประสงค์ ที่เห็นรุ่นหลานๆ เริ่มรู้จักมีความฝัน มีเป้าหมาย และเรียนรู้จักศักยภาพของตัวเอง ซึ่งทั้งหมดจะนำพาให้เข้าได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาเข้าสักวัน ไม่ชื่นใจ ไม่ได้แล้ว .. ครับ

ขอบคุณคุณตะวัน ที่ร่วมพาลูกชาย ไปสร้างบรรยากาศ ดีๆ กันในวันนั้นด้วยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 05/08/2009
คุณ karn ครับ พอดีวันนี้ผมได้รับหนังสือนิตยสาร "ฅ.คน" ซึ่งโชคดี เจ้าของหนังสือเขาส่งให้ผมอ่านเป็นประจำ และผมเป็นแฟนประจำคอลัมน์ ของคุณเสกสรรค์ ประเสริฐกุล ซึ่งเขียนถึงเรื่องการสัมผัสความรู้สึกด้านลึกของชีวิต แต่อยู่ๆ คุณเสกสรรค์ก็พักหายไปหลายฉบับ พึ่งกลับมาเขียนอีกครั้ง ชื่อคอลัมน์ "สัมผัสใน"

ที่เล่ามาเสียยืดยาว ก็เพียงแต่จะยกประโยคที่อยู่ในข้อเขียนนี้ ที่ผมอ่านแล้วนึกถึงคุณ karn ขึ้นมาทันที ประโยคนั้นมีดังนี้ครับ

". . . คนที่ค้นพบความสุข ไม่เห็นจะต้องเทียบมันกับคำนิยามใดๆ บ่อยครั้งคนตกอยู่ในห้วงทุกข์ต่างหาก ที่หมกมุ่นอยู่ในทฤษฎีแห่งความสุขมากมายหลายประการ . . "

ผมชอบคำพูดนี้ (ความจริงชอบเรื่องที่คุณเสกสรรค์ เขียนทั้งหมด) และเดาว่าน่าจะถูกใจคุณ karn เลยเอามาฝากครับ

มันเป็นจริงว่าความสุข ก็คือ ความสุข และสุขแท้ นั้น มันไม่จำเป็นต้องมีสาเหตุ หรือเงื่อนไขใดๆ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 06/08/2009
คุณนันท์ครับ
ยินดีมากที่เห็นอักษรจากคุณนันท์ ผมเองเป็นแฟนอ.เสก ตัวยงอีกคนครับ และชอบฟังข่าวคราวความเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงของแก จากเพื่อนผม ซึ่งเป็นคู่หูถ่ายรูปและดินทางกับแกเป็นประจำ ความสวยงามของเรื่องเล่านั้นคือความเปลี่ยนแปลง คนเรานันคือความเปลี่ยนแปลง และอ.แกก็เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา นั่นคือความสวยงามของผมครับ

คิดเรื่องนี้ก็นึกถึงเรื่องตัวเอง ผมเพิ่งเขียนจดหมายคุยกับเพื่อนเก่าเมื่อคืน เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงไปของผมในรอบปีที่ผ่านมา จากสุดขอบเหวของความผิดหวังและดูถูกตัวเอง ผมกลับมารู้สึกสบายๆกับชีวิตได้อย่างราบรื่น นั่นไม่ใช่เพราะหนังสือเล่มใด หรือหลักจำอะไรจากใครเลย แต่เป็นแค่ผมมองเข้ามาที่ตนเอง ไม่รัก และไม่เกลียด แต่พร้อมที่จะดูมันต่อไปว่ามันจะยังไง ครึ่งหนึ่งผมใช้ชีวิตแบบคนดูหนังที่ดุหนังที่ตนเองเล่นครับ ดูว่าเรื่องมันยังไงต่อไป ส่วนอีกครึ่งผมใช้ชีวิตเหมือนนักแสดง คือเล่นไปตามบทบาท ไม่จำกัดคาแรคเตอร์ ไม่ยึดติดเซลฟือิมเมจ ว่ากันไปตามเสียงหัวใจ และมันก็สนุกดีครับ รู้สึกมีอิสระมากกว่าตอนออกเดินทางล่องไปตามโลกแบบไร้จุดหมายอีก เพราะตอนนั้นถึงไปไกลเท่าไหร่ ถึงอยู่ใรทะเล หุบเขา หรือเมืองแปลกหน้า คนแปลกถิ่นเท่าไหร่ ผมกลับเห็นแต่ตนเองและก็ความสับสน ความพึ่งพล่านของตนเองครับ

แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแปลง เมื่อวานนี้ผมไปดูที่ที่สวยงามมากและเหมาะจะทำร้านอาหารผสมสวนศิลปะการแสดง ที่แห่งนี้มีข่าวมาถึงผมเช้าวันที่เราสัมนากัน รู้แล้วก็พุ่งไปทันที เพราะรู้สึกดี พอเห็นก็ดีจริงๆ พอได้คุยกับเจ้าของที่ก็ถูกใจกัน และเมื่อวานหลังจากผมบอกไปว่าอยากทำโรงละครเล็กๆ หรือพื้นที่สำหรับเพอร์ฟอร์แมนส์ด้วย เจ้าของก็เพิ่งบอกออกมาว่า จริงๆแล้วพื้นที่ตรงนี้เมื่อครั้งโบราณเป็นโรงละครเก่า ตอนนี้ทุกวันตอนเย็นเจ้าของที่ยังต้องให้เด็กมาเปิดเพลงโหมโรงทุกวันอยู่เลย ได้ยินเข้าผมก็ยิ่งหลงใหลที่แห่งนี้

แต่ยังไงก็ดี ตอนนี้ตัวเลขยังไม่พร้อม เพราะผมเล่นหลายเกมส์อยู่ ถ้าเป็นแต่ก่อนคงผิดหวังและพยายามคิดๆๆๆๆๆ แต่วันนี้ไม่คิดแบบนั้นเลยครับ ผมได้แต่นึกถึงต้นไม้ใหญ่ในที่แห่งนั้นที่เป็นที่เคารพและสร้างความร่มเย็น ผมนึกถึงเขาและบอกว่าถ้าผมโชคดีเร็วๆนี้ ผมจะกลับมาสร้างงานที่นี่ แค่นั้นครับ อะไรที่เราจัดการไม่ได้ตอนนี้ก็อย่าไปคิดจัดการ ปล่อยให้มันเดินเรื่องไปก่อน แล้วความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเอง แล้วผมเชื่อว่าผมจะพบคำตอบว่าผมควรจะทำอะไรยังไงดี ตอนนี้วางเรื่องนี้ไว้สบายๆ ทำเท่าที่ทำได้ และไปทำงานอื่นก่อนครับ นี่แหละครับความสนุกและตื่นเต้น

ไม่รู้เกี่ยวกันหรือเปล่านัครับกับเรื่องความสุข แต่น่าจะมีอะไรคล้ายๆคือ เราไม่หมกมุ่นในทฤษฏีแห่งความสำเร็จมากไป รู้ แล้วลืม แล้วกลายเป็นสิ่งนั้น กลายเป็นการกระทำอื่นไปเลยครับ หลายๆครั้งเวลาเกิดแบบนี้ ผมมักได้ความสำเร็จรวบยอดครับ

หนุกดี





ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 06/08/2009
ขอบคุณข้อความดีๆจากคุณนันท์ และขอบคุณคุณkarn

ดีจังเลยครับ ซึ่งผมก็ได้เรียนรู้สิ่งนี้จากคุณkarnมาตลอด ขออณุญาติยกข้อเขียนจากคุณหนึ่ง ที่ผมรู้สึกว่าสอดคล้องกับสิ่งที่คุณkarnกำลังดำรงอยู่

"เวลาข้างในเราดี อะไรๆจะง่ายขึ้น
นิ่ง...แล้วไม่อะไร กับอะไร
เชื่อมั่น ศรัทธาจากข้างใน เห็นภาพสุดท้าย
ด้วยจิตข้างในที่สร้างสรรค์......

หนุกดีด้วยครับผม
ชื่อผู้ตอบ : โก้ครับ ตอบเมื่อ : 06/08/2009
ได้ร่วมอ่านก็ได้ร่วม "รู้สึกดี" ตามไปด้วยค่ะ

ขออนุญาตยกข้อความของคุณkarnมาเตือนใจตนอีกครั้ง
...อะไรที่เราจัดการไม่ได้ในตอนนี้ก็อย่าไปคิดจัดการ ปล่อยให้มันเดินเรื่องไปก่อน แล้วความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นเอง...

และขออนุญาตซ้ำทวนข้อความสร้างสรรค์ของคุณโก้ไว้ด้วยค่ะ
...เวลาข้างในเราดี อะไรๆจะง่ายขึ้น
นิ่ง...แล้วไม่อะไร กับอะไร
เชื่อมั่น ศรัทธาจากข้างใน เห็นภาพสุดท้าย
ด้วยจิตข้างในที่สร้างสรรค์......


ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 06/08/2009
ขออนุญาต ยิ้มในใจ ครับคุณ karn ครับ
เพราะมันเตือนให้นึกไปถึงยามที่ผมเห็นความเคลื่อนไปของชีวิต ซึ่งสำหรับผม มันคือความหมายของ ความสุข ครับ

ยิ้มแฉ่งกับคุณโก้ครับ
ยิ้มแก้มปริกับคุณ dadeeda ครับ (ว้นนั้นไม่ทันได้คุยกันเลยครับ)
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 06/08/2009
ชอบแอบเข้ามาอ่าน คงไม่ว่ากันนะทำให้รู้สึกดีและแอบยิ้มอยู่ในใจเวลาเห็นลีลาในการสื่อสารของแต่ละบุคคล.ชอบนะเหมือนเรียนหนังสือเลยหนุกดี
ชื่อผู้ตอบ : ตะวัน ตอบเมื่อ : 07/08/2009
ไม่มีใครว่าหรอกครับ คุณตะวัน เราจะว่าก็แต่เฉพาะคนที่แอบอ่าน แต่ไม่ยอมแอบเขียนบ้างเสียที (แอบฮา) ยินดีที่ได้อ่านข้อความของคุณตะวันครับ เสียดายว่าเมื่อวันที่ 2 ที่ผ่านมา ไม่ได้พบปะทักทายกัน
ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 07/08/2009
สวัสดีคุณตะวันครับผม
พร้อมกับดีใจจังครับอาจารย์มาแล้ว*U*
ชื่อผู้ตอบ : โก้คร้าบ ตอบเมื่อ : 07/08/2009
ยินดีต้อนรับสู่บ้านสีขาวอันอบอุ่นค่ะคุณตะวัน (ยิ้มแฉ่ง)
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 07/08/2009
แอบอ่านไม่ว่าครับ แต่จะให้ดีแอบมาทักทายกันบ้างก็จะยิ่งดีครับ

เอาแบบเป็นแค่วลี ก็ได้ครับ มันจะได้ไม่เหงาเหมือนมีคนคุยกันไม่กี่คน ตัวอย่างเช่น เวลาท่านอาจารย์ปล่อยมุข แล้วมีคนมา post กันสั้นๆ ว่า "ฮา" ท่านก็จะได้ทราบว่ามุขของท่านไม่ แป็ก ครับ (ฮา)

อยากเชิญชวนท่านที่แอบอ่านท่านอื่นๆ ทักทายกันบ้าง สั้นๆ ก้ยังดีครับผม
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 08/08/2009
ฮา
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งเองค่ะ ตอบเมื่อ : 08/08/2009
ขอบคุณทุกๆท่านเป็นอย่างมาก ไม่เป็นไรคะวันนั้นอาจารย์วสันต์ ปล่อยมุขกระจายเลยนะคะขอบอกสนุกดี สวัสดีคะ คุณโก้ คุณdadeeda วันนั้นแอบเห็นทุกท่านแล้วแต่ไม่กล้าคุยด้วย แต่ได้ทักคุณหนึ่งคะเพราะได้ติดตามอ่านผลงานเธอและจากการสัมนาก่อนหน้านี้ด้วยคะ ส่วนคุณนันท์ยิ่งไม่กล้าใหญ่เลยเธอดูสุขุม และดูสบายๆแบบผู้ใหญ่ใจดี แบบนี้ทำให้ไม่กล้าแบบว่าทำตัวไม่ถูกอะ แต่ปลื้มนะขอบอกฮา ฮาฮ่า
ชื่อผู้ตอบ : ตะวัน ตอบเมื่อ : 10/08/2009
มีคนพูดอย่างคุณตะวันกันหลายคนครับ บางคนเอาผมไปชมกับคนที่บ้านว่า มาฟังผมแล้วสนุกดี ฮากันขี้แตกขี้แตนเลย (ฮา) ครั้นคนที่บ้านถามว่า แล้วเขาพูดเรื่องอะไรล่ะ? หลายคนก็ตอบไปว่า "ไม่รู้เหมือนกัน จำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าขำมาก!" (ฮา พร้อมยกมือขึ้นปาดน้ำตา!)
ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 10/08/2009
ผมเป็นคนหนึ่งที่แอบอ่านเวปบอรด์นี้เป็นประจำ และเคยแชร์มาครั้งเดียวแต่นานมากแล้ว เคยท่องดูหลายเวปบอร์ดในแนวเดียวกัน แต่ขอยอมรับว่า เวปนี้ขลังจริงๆครับ อ่านมานานรู้สึกได้เลยว่ามีพัฒนาการและแพร่กระจายขึ้นเรื่อยๆ ผมเคยขาดการแอบดูเวปนี้ไปพักหนึ่ง เนื่องจากตอนนั้นเนื้อหาไม่ถูกใจผมเท่าไร แต่ตอนนี้เริ่มกลับมาแบบมีเรื่องราวมากขึ้น และผู้คนในนี้ให้ข้อคิดที่ดีๆกับการใช้ชีวิตมากเลยครับ จะขอเป็นผู้แอบดูไปเรื่อยๆ หากมีเรื่องสงสัยหรืออยากแชร์ประสบการณ์จะนำมาพูดคุยด้วยครับ
ชื่อผู้ตอบ : ภาสกร ตอบเมื่อ : 10/08/2009
มีคนแถวๆ นี้ พูดแบบคุณตะวัน 2 คนแล้ว อีกท่านคือคุณแจง ที่บอกว่าเห็นผมเป็นผู้ใหญ่ใจดี แต่เกร็งทำตัวกับผมไม่ถูก หรือเป็นเพราะผมทำฟอร์มขรึมไปหน่อย สงสัยต้องปลด uniform ออก ใส่ private ซะแล้วเรา

ผมจำคุณภาสกรได้ครับ นานมากแล้ว เคยมาทักทายกันสั้นๆ แต่จำได้ว่า ผมทักทายกลับไปด้วยความรู้สึกประทับใจ ยินดีครับที่แวะกลับมาทักทายกันอีกครับ

ที่บอกว่าเวบนี้ขลังจริงๆ นี่ หมายความว่ามีมนต์ขลัง หรือมีคนมาขอหวยแล้วถูกครับ .. ฮา ฮา
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 11/08/2009
ผมขอสวัสดีคุณตะวันด้วยความยินดีที่สุดครับผม คราวหน้าคงได้มีโอกาสสนทนานะครับ ยิ้มๆแฉ่งครับผม

ขลังจริงๆครับคุณภาสกร เพราะมีเลขเด็ดๆให้ทุกครั้งก่อนกดส่งข้อความ ด้วยอภินันทนาการจากท่านเจ้าของเวปครับผม อิอิ
ชื่อผู้ตอบ : โก้คร้าบ ตอบเมื่อ : 11/08/2009
แล้วคุณโก้ทราบมั้ยเอ่ย ท่านเจ้าของบ้านเนี่ยท่านได้เลขเด็ดแต่ใดมา แต่น แต่น แต๊น!!!

อ๊ะ อ๊ะ อย่าลืมนะค๊า เหนือท่านเจ้าของบ้านยังมีคุณครูใหญ่ยืนถือไม้กายสิทธิ์อยู่อีกทั้งคน อิอิ

คุณภาสกรคะ dadeedaขอขอบคุณความขลังค่ะ และขอสวัสดีคุณภาสกรด้วยความดีใจมากมายที่เข้ามาพูดคุยกันค่ะ

คุณนันท์คะ คงไม่ใช่แค่คุณjangกับคุณตะวันแล้วมังคะ dadeedaก็รู้สึกว่าคุณนันท์เนี่ยช่างดูสุขุมลุ่มลึกแสนจะอบอุ๊นอบอุ่น
แต่ ก็ช่างน่าเกรงขาม
แต่ ก็ช่างแฝงเร้นด้วยพลังแห่งใจที่เมตตา
แต่ dadeedaก็ยังแอบเกร็งอยู่ดีเช่นกันค่ะ
แต่ จะ uniform หรือ private ทุกคนที่นี่ก็รักและขอบพระคุณคุณนันท์จากใจถึงใจค่า >< " - - "

วันนี้เป็นวันดี ไม่สิ เมื่อไม่กี่นาทีมานี้น่ะค่ะวันดี (ขณะนี้เวลาประมาณ 0:05 นาฬิกา) อ่ะ วันนี้ก็ดีค่ะดีกันทุกวันเลย วันดีดีแบบนี้ว่าแล้วก็ขอบอกรักกันซักหน่อยสำหรับชุมชนแห่งนี้โดยเฉพาะเล้ย

รักนันท์บุ้ค รักทีมงานเบื้องหลัง รักคุณดีพัค รัก7กฎ รักท่านอาจารย์ใหญ่ รักพี่หนึ่ง รักพี่แฟนฯ รักคุณjang รักคุณโก้ รักน้องfang รักคุณวันของเรา รักคุณkarn รักคุณคนขอนแก่น รักคุณนีโอ รักคุณน้องผู้อ่าน รักคุณน้องนิก รักคุณเลิ้ฟโค้ช รักพี่อ้อม รักคุณคนผ่านมาน้อย รักคุณอัฐพงศ์พร้อมรอคอยจะสนทนากับพระเจ้าด้วยความจรดจ่อ รักคุณยิ่งกว่าใจ รักคุณโนบิตะ&เตะที่น่าจะพาเพื่อนม่อนกะน้องมี่มาคุยกันด้วย รักคุณตะวัน รักคุณภาสกร รักทุกเราชาวนันท์บุ้ค รัก รัก รัก ขอให้สายลมโชยเย็นอ่อนพัดผ่านรับและส่งรักดีดีมีไปถึงทุกทุกท่านค่ะ ขอให้ทุกท่านมีรัก รับรัก มีสุขในทุกวิถีแห่งการเดินทางนะคะ

เอ่อ!! เริ่มหวาดเสียวเล็กน้อย
เอ่อ!! ใครมีคู่กิ๊กกั๊กคู่รักตุนาหงันถ้าโดนคนข้างกายหยิกเนื้อเขียวฐานมีสาวมาบอกรักล่ะก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ พร้อมกับวิ่งแจ้น (หนีนั่นแล) ไปบอกรักคนอื่นต่อๆ ไป อิอิ

Because Loved is everywhere and everybody and every etc.

ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 13/08/2009
ต๊าย ตายแล้ว
dadeedaไม่ได้ลืมคุณนพรัตน์นะค๊า พิมพ์แล้วหายไปได้งัย
ขอสายลมส่งคำบอกรักไปถึงคุณนพรัตน์...อีกสักที ดีดี๊ดี
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 13/08/2009
มีคำบอกรักจากมาตามสายลมนี่เอง เช้านี้ตื่นขึ้นมาเลยรู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษ น้องdadeedaมีสารแห่งความสุขอยู่เต็มเพียบเลยนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 13/08/2009
มีกลอนเก่าๆ ที่ผมจำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นแต่งครับคุณ dadeeda เขาว่าไว้อย่างนี้..

..."วันเอ๋ยวันนี้
เป็นวันที่สำคัญกว่าวันไหน
วันพรุ่งนี้มะรืนนี้ดีอย่างไร
ก็ยังไม่สำคัญเท่าวันนี้.."

คุณ dadeeda เข้าใจและเข้าถึงความหมายที่แท้จริงอยู่แล้วครับ แค่อ่านที่คุณเขียน ก็สัมผัสได้

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 13/08/2009
ดีจังเลยครับ ที่การทักทายของคนในชุมชนบอกรักซึ่งกันและกัน เช้านี้ทำให้เรามีแรงเพิ่มพิเศษในการทำงานวันนี้ คุณ dadeedaครับอ่านแล้วยอมรับว่าชื่นใจจังเลยครับ ถึงแม้ผมจะนั่งทำงานในออพฟิตที่บรรยากาศดูวุ่นวาย แต่เราก็สามารถอมยิ้มแบบลุ่มลึกให้คนอื่นเขาอดอิจฉาไม่ได้
ชื่อผู้ตอบ : ภาสกร ตอบเมื่อ : 13/08/2009
คุณ dadeeda เสียงใสเหมือนนกไนติงเกลจริงๆ
(จินตนาการเอาน่ะครับ เพราะนึกไม่ออกว่าจะเปรียบกับอะไร เกิดมาก็ไม่เคยได้ยินเสียงนกไนติงเกลจริงๆ สักที .. ยิ้ม ยิ้ม)

LOVE ประโยคสุดท้ายของคุณ dadeeda ครับ
"Because Loved is everywhere and everybody and every etc."
พอดีช่วงนี้ผมกำลัง “in LOVE” ตามความหมายของประโยคนี้พอดีครับ
ผม in ว่าอย่างนี้ครับ เลยขอแชร์ด้วย

ชีวิต คือ การสื่อสาร “ความรัก” ต่อกัน
ชีวิต คือ การสื่อสารกันผ่าน “ความรัก”
ทุกอย่างที่ทำ รูปธรรมทุกอย่างที่แลกเปลี่ยนต่อกันนั้น แท้จริงแล้วคือ สิ่งเดียวนั้น
ที่เรียกว่า “อารมณ์ความรู้สึกแห่งรัก”

จง(สร้าง)ทำให้ชีวิต คือ การแสดงออกของความรัก ที่ปรากฏรูป
รักทุกคน รักทุกสิ่ง ..
และด้วยหัวใจรักชนิดนี้ เรามิอาจตัดสินสิ่งใดๆ อีกต่อไป

ความว่าง .. ความสุขที่แท้ .. ความรักอันบริสุทธิ์
นั้นมาจากบ่อเดียวกัน
เพียงแต่เผยโฉมคนละด้าน

ในความว่าง มีสุขที่แท้ดำรงอยู่
สุขแท้ ที่แสดงออกด้วยความเบิกบาน
เบิกบาน เพราะในความว่าง เท่านั้น ที่เราจะเป็นอิสรภาพที่แท้จริง

จากความว่าง ปรากฏรูปเป็น รักอันบริสุทธิ์
เพราะภาวะความรักอันบริสุทธิ์ คือ อาการแสดงออกของความว่าง ที่ใช้เชื่อมโยง ทุกสรรพสิ่ง

มันคือ การดำรงอยู่ในความรักอันบริสุทธิ์ ที่ทุกอย่าง (อันดีงาม) ถือกำเนิดขึ้น
ดั่งเช่น วิหารแห่งพรหม หรือวิหารของพระผู้สร้าง 4 ประการ : เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
และนี่คือ วิหารที่พระพุทธองค์ มักทรงใช้ดำรงอยู่

ความรักที่แท้ เกิดขึ้นได้เมื่อทวิภาวะ หรือทวิลักษณ์ อันเกิดจากความคิด จบสิ้นลงไปจากความรู้สึก
เลิกการตัดสินแบ่งแยกสิ่งใดๆ ว่าดีหรือไม่ดี ว่าเป็นเขาเป็นเรา มีแต่ความเชื่อมโยงเป็นหนึ่งด้วยความรักนั้นเพียงภาวะเดียว
ในภาวะนี้จึงมีแต่ความสุข ปรากฏแก่ใจ เป็นสุขที่ไร้เหตุ และเงื่อนไข
และการบรรลุความเชื่อมโยงแห่งรักเช่นนี้ เราจะเป็น อิสรภาพอย่างแท้จริง เพราะมันพ้นไปจากกรอบการแบ่งแยกของอัตตา
และเป็นการลุถึงแหล่งศักยภาพอันบริสุทธิ์ที่แท้จริง ที่จะสำเร็จผลได้ในทุกสิ่ง ด้วยอำนาจแห่งพรหม


สุดท้าย ขอยกถ้อยคำของ Sri Chinmoy ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด คุณหนึ่งเคยนำมา post เอาไว้นานมากแล้ว และผมแอบคัดลอกไว้ ประกอบกันดังนี้ครับ

Life is nothing but the expansion of love.
We can cultivate divine love by entering into the Source.
The Source is God, who is all Love.
We must try to love all of humanity with the inner awareness, consciousness, and conviction that inside each individual is the living presence of God.

ทั้งหมดคือ การระบายออก ในสิ่งที่ผมกำลัง in LOVE ให้ได้มากขณะที่สุดอยู่ในช่วงนี้ครับ
(ขอมอบเป็นพิเศษสำหรับคุณ dadeeda และคุณแจง ครับ)
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 13/08/2009
สวัสดีวันแม่คะถึงแม้จะผ่านมา2วันแล้ว โชคดีคุณแม่ยังอยู่แต่ก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรเดินไม่ค่อยไหว ก็เลยได้ปรนนิบัติท่านเต็มๆ ไม่ได้ทำดีเฉพาะวันแม่นะเจ้าคะเป็นประจำทุกเดือนคะ.ชื่นใจจังเลยคุณdadeedaสำหรับคำบอกรัก วันเสาร์นี้อาจจะแวะไปยิ้มแฉ่งกับคุณdadeedaก็ได้นะเพราะพาลูกชายไปสอบนักเรียนแลกแปลี่ยนที่ตึกวิทยบิการ ม.เกษตรเช่นกันคะ จริงๆอยากเข้านะ ศาสตร์นพรัตร์ คุณภาสกรแวะมาคุยอืกนะจะได้ช่วยกันฮาอ.วันต์ 5555ขอบคุณในความน่รักของทุกท่านคะ
ชื่อผู้ตอบ : ตะวัน ตอบเมื่อ : 14/08/2009
มิน่า เมื่อวานนี้ไปที่สัมมนา อาคารวิทยบริการ เห็นเด็กนักเรียนมาสอบเต็มเลยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 16/08/2009
ไปด้วยหรือเจ้าคะมิยักเห็น. มันเป็นความไฝ่ฝันของเขา เราเป็นแม่ก็ต้องสนองความฝันเขานะ หรือคูณนันท์ว่าไงคะ เขาอาจจะอยากเป็นเหมือน คุณkarn ก็ได้มั้ง ลูกๆคุณนันท์คงโตหมดแล้ว นะคะ
ชื่อผู้ตอบ : ตะวัน ตอบเมื่อ : 19/08/2009
ดีจังครับ แสดงว่าเขารู้จักหาทิศทางของตนเอง ลูกผม 2 คน เรียนมหาวิทยาลัยแล้วครับ สงสัยใช้คำว่าโตไม่ได้แล้วล่ะครับ เกินโตแล้ว
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 19/08/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code