Louise L. Hays และ Law of Attraction
สวัสดีค่ะ

คุณ dadeeda แนะนำให้เข้ามาแนะนำตัวในบ้านค่ะ ชื่อ "อ้อม" มีเจตนาจะเป็น coach และ facilitator สมัยที่เรียน coaching สนใจเรื่อง spiritual coaching และ Law of Attraction เคยฟัง mp3 ของ Louise Hays เรื่อง affirmation และเรื่องอื่นๆมาบ้าง

ตอนนี้เรียนจิตตปัญญาศึกษาอยู่ค่ะ ได้ฟังอาจารย์พูดเรื่อง quantum physic เลยอ่านหนังสือแปลชื่อ Quantum Success และเริ่มนั่งสมาธิ ฝึกปล่อยวาง ฝึกสติ ฝึกตามรู้ อยู่กับปัจจุบัน ตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือของบ้านนันท์บุ๊คเป็นเล่มต่อไป

ด้วยความชอบแนวนี้ เลยอยากขอความรู้จากคุณหนึ่ง และผู้รู้ทั้งหลายในบ้านนันท์บุ้ค เพิ่มเติมเรื่องหนังสือและคอร์สของ Hays House และหนังสือเล่มอื่นๆที่ควรอ่าน

อ้อ! พอดีเริ่มชีวิตใหม่ งานใหม่ อยากขอคำแนะนำจากผู้รู้ที่เคยใช้ law of attraction การใช้จริงๆต้องเริ่มต้นอย่างไร ทำอะไรบ้างคะ หรือต้องอ่านหนังสือเล่มไหน หรืออ่านคำแนะนำใน blog ตรงไหนได้บ้างคะ

แวะมาอ่านข้อเขียนใน blog มา 2-3 ครั้ง รู้สึกชอบ ขอบคุณสมาชิกบ้านนันท์บุ๊คที่สร้างชุมชนที่น่าสนใจ แลกเปลี่ยน แบ่งปัน แบบนี้ค่ะ
ชื่อผู้ส่ง : อ้อม ถามเมื่อ : 01/08/2009
 


ยินดีที่ได้รู้จักและยินดีต้อนรับครับ

คุณอ้อมครับ ถูกคนแล้วครับ ตัวจริงเสียงจริงเรื่องของ Louise Hays นั้นคือ คุณหนึ่ง (ดร.วรัญญา) ผู้แปลหนังสือ "ศาสตร์แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย (The Science Of Getting Rich)" ซึ่งเธอยกให้ Louise Hays เป็นปรมาจารย์ด้วยความนับถือมากๆ เท่าที่ทราบเธอเคยได้รับการอบรมและพบตัวจริงของท่านมาแล้วครับ

ผมมีเรื่องแนะนำ แต่ด่วนนิดนึง หากต้องการพบคุณหนึ่ง วันพรุ่งนี้ อาทิตย์ ที่ 2 ส.ค.จะมีสัมมนาชื่อ "เกิดมาเพื่อสำเร็จ (BORN TO SUCCESS)" เวลา 13.00-17.00 น. ที่ตึกช้าง อาคาร B ชั้น 10 พบคุณหนึ่งได้ที่นั่น เธอน่ารักและคงยินดีให้คำแนะนำได้ ด้วยความเต็มใจ

นอกจากนั้น อาจมีคำตอบต่อคำถามเรื่อง law of attraction ด้วยในการฟังสัมมนา แต่เท่าที่ทราบ ต้องขี่คอกันหน่อยนะครับ เพราะคนเกินขนาดห้องแล้ว

แวะไปดูรายละเอียดการสัมมนา หรือพูดคุยกับคุณหนึ่งได้ที่ www.sogr.biz ครับ เผื่อว่าช่วงนี้เธอไม่ได้แวะผ่านมาแถวนี้ครับ

หนังสือที่เคยถูกแนะนำ ที่พูดกันโดยหลายๆ ท่าน ในกระทู้เก่าๆ มีหลายเล่ม หากเกี่ยวพันกับ quantum physic เรื่องสมาธิ การปล่อยวาง หนังสือ ของดีพัค โชปรา จะมีโยงใยเรื่องเหล่านี้เอาไว้ด้วย และเชื่อมโยงไว้ได้ดีครับ

ซึ่งเล่มที่ผมแปลคือ " 7 กฎ ด้านจิตวิญญาณเพื่อความสำเร็จ (The Seven Spiritual Laws of Success)" ขอเชียร์ให้ลองอ่านนะครับ เพราะมีเนื้อหาดังว่าครับ ส่วนเล่มอื่นที่ควรอ่านก็คือ "ศาสตร์แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย (The Science Of Getting Rich)" ซึ่งเป้นหนังสือต้นธารของ law of attraction ในปัจจุบันครับ ความจริงมีอีก แต่อย่าพึ่งโลภเลยนะ เอาแบบอ่านไปพิจารณาไป คุยกันไป แล้วเล่มต่อๆ ไปมันจะค่อยๆ มาปรากฏเองครับ

ว่าแต่ "จิตตปัญญาศึกษา" คือเรียนอะไรหรือครับ ?
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 01/08/2009
พี่อ้อมไปให้ได้นะคะ ถ้าไปได้พรุ่งนี้คงได้พบกันค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 01/08/2009
ขอบพระคุณเจ้าบ้านคุณนันท์ค่ะ ยิ้มมมม ยิ้ม
สวัสดีคุณอ้อมค่ะ( ยิ้ม )เรื่องคุยถึงท่านอาจารย์ลูอิส และผลงานของท่าน หนึ่งขอสมัครคุยกับคุณอ้อมด้วยคนเร็วๆๆนี้นะคะ

ตอนนี้ยังมีเวลาน้อยไป ไม่สมใจที่จะเขียนคุยถึงแม่แบบที่น่ารักที่สุดท่านนี้น่ะค่ะ ขอเป็นหลังวันที่ 12 -14 สิงหาคม จะเข้ามาอีกรอบนะคะ

ขอประทานโทษเป็นอย่างมากที่สุดค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 06/08/2009
ขอบคุณ คุณนันท์ เจ้าบ้านและพื้นที่อบอุ่นนี้ค่ะ
ขอบคุณคุณหนึ่ง ที่แวะเข้ามาทักทาย จะรอคุยกับคุณหนึ่งค่ะ

น่าเสียดายจัง ไปขอนแก่นตั้งแต่วันที่ 2 เพิ่งกลับมาเอง เลยอดเจอคุณหนึ่ง คุณ dadeeda และพลาดงานสัมมนาดีๆ แต่ก็หวังว่าจะได้เจอทุกคนวันที่ 15 นะคะ

หนังสือเล่มต่อไป ต้องอ่าน "7 กฎ ด้านจิตวิญญาณเพื่อความสำเร็จ" แน่นอนค่ะ

สำหรับแนวคิดเรื่องจิตตปัญญาศึกษา เริ่มต้นขึ้นที่มหาวิทยาลัยนาโรปะ อเมริกา ก่อตั้งโดยเชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช ผู้นำจิตวิญญาณชาวทิเบต ที่มีอิทธิพลต่อการเผยแพร่ความรู้ด้านจิตวิญญาณให้แก่ชาวตะวันตก เป็นการศึกษาที่มุ่งเน้นไปที่การสืบค้นสำรวจภายในตนเอง การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงและการรับฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง ซึ่งจะนำไปสู่การตระหนักรู้ การหยั่งรู้ ความเปิดกว้าง ความเคารพในความเป้นมนุษย์และการยอมรับในความแตกต่างหลากหลาย

ในเมืองไทย เปิดสอนที่มหิดล ท่านอาจารย์ประเวศ วะสี บอกว่า จิตตปัญญาศึกษาคือ“การเข้าถึงความจริง ความดี ความงาม เป็นการปฎิวัติจิตสำนึก..."

สำหรับตัวเองแล้ว นี่คือ soul mission จิตตปัญญาศึกษาถือเป็นกิจกรรมหนึ่ง บนเส้นทางแห่งการฝึกตน ได้มีโอกาสฝึกสมาธิ ฝึกจิตให้อยู่ในภาวะปกติ การปล่อยวาง การฟังอย่างลึกซึ้ง การเรียนรู้อย่างใคร่ครวญ ฝึกใช้ใจ ลดตัวเองให้เล็กลง..

ตอนนี้ศาสตร์ตะวันตกกับตะวันออกกำลังตีกันยุ่งขิงอยู่ในหัวเลยค่ะ การฝึกปฏิบัติก็ทำไม่ค่อยดีนัก ชอบอ่านหนังสือที่ไม่อยู่ในหลักสูตร แล้วก็ชอบนอกคอกอยู่เรื่อย...










“ปรกติเราสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ด้วยความคิด คือเรามีความคิดอะไรก่อนแล้ว (Preconception) รับรู้อะไรต่างๆ ตามความคิดขิงเรา ทำให้เข้าไม่ถึงความจริงตามธรรมชาติ ต่อเมื่อจิตสงบจากความคิดจึงจะสัมผัสความจริงตามที่เป็นอยู่จริงๆ ปราศจากการปรุงแต่ง (ด้วยความคิดของเรา) การมีสติรู้อยู่กับปัจจุบันทำให้จิตสงบจากความคิดปรุงแต่งโดยไม่รู่ตัว ทำให้สัมผัสความจริงได้ โลกที่เราสัมผัสด้วยตัวตนและความคิด กับโลกที่สัมผัสด้วยจิตที่สงบ มีสติ ต่างกันโดยสิ้นเชิง เรื่องนี้ทุกคนสามารถทกลองดูได้ด้วยตนเอง”








ชื่อผู้ตอบ : อ้อม ตอบเมื่อ : 07/08/2009
สวัสดีครับคุณอ้อม...ขอแสดงความยินดีกับคุณอ้อมด้วย ที่มีโอกาสได้เรียนรู้ในหลักสูตรดีๆ อย่าง "จิตตปัญญาศึกษา" ดังกล่าว ตอนที่เขาเริ่มประชาสัมพันธ์หลักสูตรนี้ เมื่อสามสี่ปีก่อน ผมนี่ถึงกับขนหัวลุกเลยทีเดียว ผมแทบไม่เชื่อเลยว่าหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องเช่นนี้ จะสามารถมีได้ เกิดได้ ในสถาบันอุดมศึกษา ในประเทศไทย! นี่ถ้าผมอายุน้อยกว่านี้สักสิบปี แน่ใจได้เลยว่าผมจะต้องดิ้นรนเข้าไปเรียนหลักสูตรนี้แน่

ตามที่คุณอ้อม ขอความเห็นว่าควรอ่านหนังสือเล่มใดดี ที่น่าจะเข้ากันได้ดีกับหลักสูตรการเรียนการสอนที่คุณกำลังศึกษาอยู่ ผมก็ขออนุญาตแสดงความเห็นส่วนตัวว่า รายชื่อหนังสือที่ผมกำลังจะกล่าวต่อไปนี้ (นอกเหนือจากหนังสือ 7 กฎฯ ที่ผมก็ใคร่เชียร์ให้อ่าน) เป็นหนังสือที่ผมเชื่อว่าอยู่ในกลุ่มหนังสือที่เรียกได้ว่า "Must read!" เลยทีเดียว (ซึ่งคนอื่นๆ อาจเห็นเป็นอย่างอื่น) :-

(1) หนังสือ "สนทนากับพระเจ้า : การพูดคุยที่ไม่ธรรมดา" ซึ่งมีทั้งหมด 3 เล่ม (แต่มีแปลเป็นไทยแล้ว 2 เล่ม) พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ โอ้ พระเจ้า พับลิชชิ่ง คุณอ้อมต้องอ่านหนังสือชุดนี้ให้ได้นะครับ (เก็บ Quantum Success นั่นไว้ก่อนเลยยังได้ เพราะเล่มนั้น ก็แค่หนังสือ Self-Help ธรรมดาๆ ในสายตาของผม เอาไว้ว่างๆ ค่อบหยิบมาอ่าน ก็คงไม่เสียหายอะไร)

(2) หนังสือทุกเล่มของ OSHO ซึ่งตอนนี้มีออกมาราวสิบกว่าเล่มแล้ว ส่วนใหญ่แปลโดย ท่านอาจารย์ ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด (ราว 7 เล่ม) และมีท่านอื่นๆ แปล อีกราวสามสี่เล่ม รวมถึงหนังสือของ OSHO ที่เขียนในชื่อ "ภควัน ศรีรัชนี" ชื่อหนังสือว่า "ศาสตร์แห่งความเร้นลับ" (ว่าด้วยการทำสมาธิแบบไภรวตันตระ อันเป็นคำสอนของพระศิวะ) ซึ่งมีทั้งหมด 5 เล่ม แต่แปลออกมาแล้วโดยสำนักพิมพ์โกมล คีมทอง 3 เล่ม

ในความเห็นของผม คนที่ศึกษาเรียนรู้ศาสตร์ด้านนี้ เฉกเช่นคุณอ้อม "ต้องอ่าน" หนังสือที่ผมได้กล่าวมานั้น ให้จงได้ครับ!!

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 07/08/2009
ขอแนะนำหนังสือเกี่ยวกับญาณหยั่งรู้ ชื่อ เมื่อคุณรู้ล่วงหน้า(practical intuition) ของลอร่า เดย์ครับ เล่มนี้ได้อันดับหนังสือขายดีระดับชาติ(national bestseller) เห็นน้าแฟนพันธ์พูดถึงหนังสือคนมีญาณ ซึ่งก็เป็นหนังสือที่เยี่ยมมากครับ แต่ผมยังไม่ต้องการเรื่องติดต่อกับเทพหรือวิญญาณนำทาง แต่พอเปรี้ยงเข้าให้ที่เล่มนี้ของลอร่า เดย์ต้องบอกว่าขนลุกจริงๆ เพราะผมจะมาใช้นิสัยเดิมๆที่ชอบเอาแต่อ่านแล้วขบคิดตามทฤษฎีไม่ได้อีกแล้ว เพราะพอเปิดออกมาเจ๊ลอร่าเธอก็ให้แบบฝึกหัดมาเป็นชุด ฝึกฝึกฝึก สมกับชื่อหนังสือภาษาอังกฤษเธอจริงๆ(PRACTICAL intuition) แล้วไม่บอกล่วงหน้าด้วยว่าแบบฝึกหัดที่ให้ทำคืออะไร คือลอร่าเธอถือหลักการสัจธรรมต้องปรากฎกับเราจากประสบการณ์ตรงก่อนความเข้าใจค่อยมาทีหลัง ผมไม่ได้มาแชร์ตั้งนาน ติดเรียนที่มหาวิทยาลัยครับ นี่ก็หาเวลาว่างๆฝึกอยู่ อยากมีญาณหยั่งรู้ไว้ใช้ตัดสินใจในเรื่องต่างๆครับ(โดยเฉพาะเรื่องหาสาว ฮ่าฮ่าฮ่า)
ก็แนะนำให้อ่าน อุ๊ยพูดผิด เพราะเล่มนี้ผมไม่อยากใช้คำว่าอ่าน เพราะมันเน้นแบบฝึกหัดจริงๆ อิอิ
ชื่อผู้ตอบ : นิก(ผู้หันมาฝึกภาคสนามมากกว่าบ้าทฤษฎีแล้ว) ตอบเมื่อ : 07/08/2009
ขอแก้คำที่พิมพ์ผิดครับ ที่ถูกต้องคือ "แล้วไม่บอกล่วงหน้าด้วยว่าแบบฝึกหัดที่ให้ทำเพื่อจุดประสงค์อะไร" ผมดันพิมพ์ผิดเป็น "คืออะไร"
ชื่อผู้ตอบ : นิก(ผู้หันมาฝึกภาคสนามมากกว่าบ้าทฤษฎีแล้ว) ตอบเมื่อ : 07/08/2009
ว่าแต่คุณอ้อมใช่คนที่เขียนหนังสือชื่อว่า "อำนาจภายในปัญญาหรือเปล่าครับ" เล่มนั้นเนื้อหาดีมาก
ชื่อผู้ตอบ : นิก(ผู้หันมาฝึกภาคสนามมากกว่าบ้าทฤษฎีแล้ว) ตอบเมื่อ : 07/08/2009
เฮ้..คุณนิก คุณหายไปไหนมา!..อุ๊บส์..ลืมไป..ตูเองก็หายหัวไปด้วยเหมือนกันนี่หว่า (ฮา) คิดถึงคุณชะมัด ไม่มีคนทะเลาะด้วยเลย พับผ่าเหอะ (ฮา) ดีครับดี รีบๆ เรียนให้จบๆ จะได้มาแกว่งปากหาเท้า แกว่งเท้าหาเสี้ยน เป็นเพื่อนผม! (ฮา) หนังสือของลอร่า เดย์ ที่คุณว่ามานี้ ผมเคยเห็นแว้บๆ อยู่ในร้านหนังสือเช่นกัน แต่ยังไม่กล้าซื้อ เพราะเล่ม "คนมีญาณ" ที่คุณโจ มณฑาณี เป็นบรรณาธิการแปล ซึ่งผมซื้อมาดองเค็ม หลายเพลาแล้ว ก็ยังอยู่ใสภาพเดิม แต่คุณนิกออกแรงเชียร์เช่นนี้ ก้คงต้องไปซื้อไว้เพื่อ "เก็บ" กันต่อไป (ฮา)...ยินดีครับที่คุณเข้ามาแสดงความเห็นในวันที่ผมก็เพิ่งเข้ามาเช่นกัน ผมเองก็ห่างหายไปนานนับเดือนเช่นกัน ด้วยเหตุผลโน่นนี่จิปาถะ แล้วค่อยคุยกันเรื่อยๆ ครับ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 07/08/2009
อาจารย์กลับมาครั้งไรก็ทำให้พื้นที่แห่งนี้ครึกครื้นแบบอัดแน่นด้วยเนื้อหาเหมือนเดิมและด้วยความยินดีของทุกคน ช่วงที่แต่ละคนห่างหายไปก็คงเนื่องด้วยเหตุผลนานับประการ...ตอนนี้รู้สึกเหมือนนกค่อยๆกลับมาร้องจิ๊บๆจ้าบๆใหม่อีกครั้งนะคะ

หลักสูตรจิตตปัญญาศึกษาน่าสนใจมากนะคะคุณอ้อม หากพบกันวันที่ 15 สิงหานี้ อยากขอข้อมูลเพิ่มเติมด้วยค่ะ

ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 07/08/2009
ท่านอ.วสันต์คะ คำถามแรกของท่านอ.วสันต์ที่มีถึงคุณนิกเป็นคำถามเดียวกับที่เกิดขึ้นในใจdadeedaทันทีที่เห็นชื่อคุณนิกเลยค่ะ

คุณนิกหายไปไหนมาคะ ??
นั่นแน่ ตอนนี้หันไปฝึกภาคสนามมากขึ้นแล้วเหรอคะ ยังงัยก็ระวังแข็งระวังขาไว้บ้างนะน้องนะ ><
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 07/08/2009
เห็นด้วยกับหนังสือที่อ.วสันต์แนะนำนะคะพี่อ้อม ไม่มีเหตุผลอะไรมากมากค่ะ

คือ หนูชอบ น่ะ

ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 07/08/2009
ขอบคุณครับคุณอ้อม ความจริงผมแอบ เข้า google หาความหมายของจิตตปัญญาศึกษา จนไปพบเรื่องหลักสูตรของมหิดลด้วยเหมือนกันครับ มีความรู้สึกเช่นเดียวกันกับท่านอาจารย์ ว่าเป็นหลักสูตรที่มีแนวการศึกษาที่น่าสนใจมากและไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ครับ และต้องชื่นชมคุณอ้อม ที่ตั้งใจเข้าไปเรียนด้วยเช่นกัน

ผมเคยได้ยินแนวทางการศึกษาลักษณะนี้ในบ้านเราเหมือนกัน แต่เน้นไปที่งานด้านสถาปัตย์ ของสถาบันอาศรมศิลป์ คุณอ้อมอาจจะพอคุ้นเคยหรือเคยได้ยินอยู่บ้าง เพราะผมเข้าใจ (เอาเอง) ว่าอาจเชื่อมโยงถึงกันอยู่บ้าง ทางกลุ่มบุคคลากรระดับบน อย่างเช่น ท่านอาจารย์ประเวศ วะสี หรือท่านอาจารย์ประภาภัทร นิยม (เคยสอนสถาปัตย์ผมที่จุฬาฯ) และเท่าที่อ่านถึงรายละเอียดของหลักสูตร ยิ่งเข้าใจว่าเป็นแนวทางการศึกษาที่คล้ายกัน

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อความของงคุณอ้อม "ต่อเมื่อจิตสงบจากความคิดจึงจะสัมผัสความจริงตามที่เป็นอยู่จริงๆ" ใช่เลยครับ ถ้าคุณอ้อมไปวันที่ 15 คงได้เจอกันนะครับ

สวัสดีครับคุณนิก ด้วยความระลึกถึงครับ ว่าแต่ผมล่ะชอบสมญานามต่อท้ายชื่อคุณนิกแต่ละครั้งจริงๆ ครั้งนี้ก็เด็ดครับ "นิก(ผู้หันมาฝึกภาคสนามมากกว่าบ้าทฤษฎีแล้ว)" ฮ่า ฮ่า ชอบ ชอบ ครับ มันตรงๆ ดี ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 08/08/2009
สวัสดีค่ะคุณนิก เข้ามาทักทายด้วยความดีใจและระลึกถึงนะคะ

>>>>>>>>>>

สวัสดีคุณอ้อมคะ

อดใจไม่ไหวค่ะ ขอคุยแลกเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆถึง You can heal your life มีประโยคนึงที่หนึ่งยอมรับเข้ามาใช้ในการทำงานและดำเนินชีวิต อาจารย์เคยพูดถึงการเรียนรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด ความไม่รู้คือความสมบูรณ์แบบที่มีอยู่แล้วในเราๆๆๆ ท่านๆๆทุกๆๆคน " คือไม่สมบูรณ์นั่นแหละ คือความสมบูรณ์แล้ว "

คำของอาจารย์พอสรุปได้ว่า

"We all learning, we all developing, we all growing....But no matter how advanced we are, we never get it done. The process continue ......this life time, next life time..." you never get it done"

"Just be " , " relax " and "all is well and so it is " !!!

ขอให้คุณอ้อมมีความสุขมากๆๆเลยค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 08/08/2009
สวัสดีอาจารย์วสันต์ คุณนันท์ คุณนิก คุณ dadeeda คุณนพรัตน์ และ คุณหนึ่งค่ะ

ขอบพระคุณในคำแนะนำของทุกท่านค่ะ จะค่อยๆเก็บไปทีละเล่มนะคะ

อยากเรียนอาจารย์วสันต์ว่า อาจารย์ได้รู้จักคนที่อายุมากที่สุด -จะ 50- เป็นนักเรียนที่แก่ที่สุดในจิตตปัญญาฯ ค่ะ เรียนเพราะชอบอาจารย์หลายๆท่าน เรียนเพราะอยากเรียนจริงๆ (ยิ้ม)

อาทิตย์ที่ผ่านมา ไปฝึกงานชุมชนเป็นสุขที่ อ.อุบลรัตน์ ขอนแก่น ต่อด้วยชุมชนพุทธมณฑล..ได้เรียนรู้และมองตัวเองผ่านชีวิตของชาวบ้านหลายเรื่อง ได้ฝึกการไม่ตัดสิน การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ได้มีโอกาสเติมพลังบวกให้ชีวิต รู้สึกเต็มตื้น และมีความสุขอุ่นๆ...เก็บเอาความรัก ความสุขมาฝากทุกท่านที่บ้านนันท์บุ๊คนะคะ

ตอนนี้วาง Quantum Success ลงแล้วค่ะ...หันมาอ่านหนังสือ 2 เล่ม
เล่มแรกชื่อ หัวใจใหม่ ชีวิตใหม่ ของคุณหมอวิธาน ฐานะวุฑฒ์ หนังสือเล่มนี้อาจารย์ประเวศ เขียนคำนำว่า "สู่อิสรภาพและความสุขฉับพลัน (Instant Happiness)" หาความรู้เรื่องการนวดตัวเอง โยคะ และ ไทชิ ตอนนี้กำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้คืนสู่ความเรียบง่าย และมีสุขภาพดีค่ะ

อีกเล่มคือ 7 กฎด้านจิตวิญญาณฯ อ่านรอบแรกรวดเดียวจบ ตอนนี้อ่านรอบสอง ค่อยๆอ่าน ใช้ใจคิดใคร่ครวญ ย่อย รู้ และนำไปปฏิบัติ
อ่านหนังสือ 7กฎฯ แล้วเหมือนได้พบ ได้เจอ สิ่งที่ค้นหา อยากเข้าใจอย่างลึกซึ้ง อยากเป็นคนที่อยู่บนวิถีแห่งการเดินทาง (โค้งสุดท้าย) อย่างมีความสุข มีอิสระ สนุกสนาน เต็มเปี่ยมด้วยพลังชีวิต สร้างสรรค์สิ่งดีๆไว้ให้คนรุ่นหลัง

จริงๆแล้ว...เราอยู่บนวิถีแห่งการเดินทางเส้นเดียวกัน ไม่ว่าจะเรียนจิตตปัญญาฯ หรือไม่ ทุกท่านมีมุมมองที่กว้าง ลุ่มลึก เข้าใจ ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และกล้าหาญที่เดินทางสู่ "ความสำเร็จที่แท้" ในทุกเวลาของชีวิต เราแค่เข้าคนละประตู แล้วมาเจอกัน..

ตอบคุณนิกว่า...ไม่ใช่ผู้เขียน "อำนาจภายในปัญญา" ค่ะ คุณสุวรรณา โชคประจักษ์ชัด เป็นผู้เขียน อ่านแล้วชอบเหมือนกัน..เพิ่ม SQ ดีมาก
ชอบคำนำของคุณทวีศักดิ์ที่ว่า "พรุ่งนี้จะดูแลตัวมันเอง ไม่ต้องดิ้นรนค้นหา ทำงานด้วยรักศรัทธา สิ่งสูงส่งกว่าอัตตาดูแลคุณ"

คุณหนึ่งคะ ชอบคำพูดที่แบ่งปันมากเลยค่ะ เชื่อมั้ยว่าสมัยที่อาจารย์ถามในชั่วโมงเรียน coaching ว่า role model คือใคร จำได้ว่าตอนนั้นตอบไปว่า อยากพูด ทำ และ อยากช่วยคนได้เหมือน Louise Hays
ต้องคุยกันยาววววว หน่อยนะคะ...

ขอให้ทุกท่านมีความสุขมากๆ เจอกันวันที่ 15 ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : อ้อม ตอบเมื่อ : 09/08/2009
พอทราบอายุ ยิ่งต้องขอชื่นชมหัวใจของคุณอ้อม จริงๆ ครับ
พอได้อ่านข้อความที่เขียนมาเป็นลำดับ
สงสัยเป็นตัวผมเอง ที่ถ้ามีโอกาส คงต้องขอความรู้หลายๆ อย่างจากคุณอ้อมเสียแล้วล่ะ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 10/08/2009
เมื่อไหร่ถึงจะมีพวก 55 up หลงเข้ามาในนี้บ้างนะ? เบื่อเป็นผู้อาวุโสอยู่คนเดียวจะแย่แล้ว (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 10/08/2009
"...อยากเข้าใจอย่างลึกซึ้ง อยากเป็นคนที่อยู่บนวิถีแห่งการเดินทาง (โค้งสุดท้าย) อย่างมีความสุข มีอิสระ สนุกสนาน เต็มเปี่ยมด้วยพลังชีวิต สร้างสรรค์สิ่งดีๆไว้ให้คนรุ่นหลัง..." เป็นความต้องการและเป้าหมายในชีวิตส่วนตัวที่ใกล้เคียงกันมากเลยค่ะคุณอ้อม ไม่ทราบเป็นเพราะอิทธิพลของเลข 5 หรือเปล่า...

แต่อาจารย์คะ เรื่องอายุน่าจะเป็นเพียงตัวเลขนะคะ ดูอย่างผู้เยี่ยมยุทธ"จิวแปะทง"ในมังกรหยก เป็นต้น (ยิ้ม ยิ้ม ค่ะ)
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 10/08/2009
ท่านอาจารย์ครับ รอผมอีกซัก 6-7 ปีครับ ก็จะเข้าหลัก 55 up
ว่าแต่ท่านอาจารย์รอได้ไหมครับ (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 10/08/2009
"จิวแป๊ะทง" นั่นเขามีฉายาว่า "เฒ่าทารก" นะคุณนพรัตน์ นี่คุณจะทำให้ผมหดหู่ไปถึงไหน (ฮา) ทุกวันนี้ เมื่อผมพยายามทำตัวเป็นเด็ก ก็มักมีคนเอามือมาโบกๆ บนหัวผม แล้วก็อุทานว่า "ไม่รำคาญบ้างหรือคะ งูเต็มหัวเลย!" (ฮา) มิใยที่ผมพยายามจะเถียงว่าไม่ใช่งู แต่มันคือ "นาคปรก" เขาก็ไม่ยอมเชื่อ (ฮา) นี่ขนาดพยายามเอาธรรมะเข้าขย่มแล้วนะเนี่ย (ฮา)

อีกแค่หกเจ็ดปี รอได้ครับคุณนันท์ เพราะแม้อายุคุณอาจจะยังไม่ถึง แต่หน้าตาของคุณก็วิ่งแซงไปรออยู่สี่แยกโน่นแล้ว (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 11/08/2009
"งูเต็มหัว" นี่ไม่น่าจะเป็นคนแก่ที่ทำตัวเด็กนะคะอาจารย์...สงสัยคนพูดเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า (???)... ลองใช้ความเคร่งขรึม(ที่ทำให้หลายคนรู้สึกเกรงขาม)แบบคุณนันท์ จะช่วยได้ไหมคะ





ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 11/08/2009
อยากเห็นทุกคนจังค่ะ

จินตนาการไว้ก่อนว่า..ทุกคนเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ ฝึกจนขั้นไร้กระบวนท่า..กระบี่อยู่ที่ใจ..สูงสุดคืนสู่สามัญ เวลามาพบกันต้องจิบน้ำชา เล่นหมากรุก
แล้วพอฝึกระดับนี้..อาจารย์ คุณนันท์ คุณนพรัตน์ ต้องหน้าอ่อนกว่าวัย ประเภทอายุเป็นแค่เพียงตัวเลข

สารภาพว่า..ดีใจจังที่มีผู้อาวุโสกว่าอยู่ที่บ้านนี้

ขอคารวะ
ชื่อผู้ตอบ : อ้อม ตอบเมื่อ : 11/08/2009
อืม .. ผมเริ่มรู้ตัวแล้วว่า เป็นเพราะไอ้การทำเป็นเคร่งขรึม นี่เองที่ทำให้ใบหน้าผม วิ่งนำไปรออยู่ที่สี่แยก เลยหลักสี่ ไปถึงสระบุรี หินกองโน่นแล้ว สงสัยว่าคงต้องยอมคืนสู่สามัญ อย่างที่คุณอ้อมว่า เพราะหน้าตามันแก่ไปถึงสูงสุด ไปแล้ว เลยต้องปลงว่าอายุเลยเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 11/08/2009
เรื่องความอ่อนเยาว์ของใบหน้าเนี่ย บางทีคุณโก้อาจช่วยพวกเราได้

บทสนทนาของผู้หลักผู้ใหญ่รุ่นๆ จิวแป๊ะทงที่กระทู้นี้น่ารักจังค่ะ อ่านไปฮาไป ยิ้มค่ะยิ้ม อย่าเพิ่งแยกเขี้ยวใส่dadeeda อิอิ
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 12/08/2009
สวัสดีค่ะทุกๆๆท่าน ยิ้มแฉ่ง ยิ้ม ยิ้ม ....... :O)

ถึงคุณอ้อมค่ะ (ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ) หนึ่งเข้ามาฝากข้อความถึงนิดเดียวค๊า.. จะบอกว่าไม่ได้ลืมเข้ามาแชร์ และคุยถึงท่านอาจารย์ลูอิสนะคะ อยู่ในใจตลอด แต่ต้องตัวติดกับลูกค้ามากขึ้นและเดินทางยังไม่ได้หยุดเลยตั้งแต่วันที่สาม สิงหาแล้ว ดินไม่พอกหางหมูแล้วหันมาพอกหางหนู(หนึ่ง)แทนค่ะ

คุณอ้อมรอหนึ่งหน่อยนะคะ มีเวลาเขียนยาวๆๆๆ จะได้แชร์กันสนุกๆๆไงค่ะ (ทำตาอ้อนวอน ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 18/08/2009
กราบขออภัยคุณอ้อม และคุณนันท์ค่ะ รู้ตัวค่ะว่าช้าขนาดนี้ พร้าเล่มงามก็ไม่ได้ และอาจได้อีโต้มาแทน 555 (ให้อภัยเถิดนะคะ หนึ่งเป็นเจ้าไม่มีศาล ยังสนุกกับงานแบบไม่มีเหตุผลค่ะ ยิ้มๆๆ)

ก่อนอื่น หนึ่งไม่ได้ถ่อมตัวค่ะ แต่คงไม่ใช้คำว่าแนะนำคุณอ้อมนะคะ เอาเป็นว่าแลกเปลี่ยน และแชร์ในบุคคลและผลงานที่เราประทับใจนะคะ

ก่อนอื่น อยากทราบว่า ที่คุณอ้อมฟังซีดี affirmation ของท่านอาจารย์ลูอิสไปแล้ว เป็นเรื่องไหนคะ ? และซีดีเรื่องอื่นที่ฟังนั้นพอจำได้มั๊ยคะว่าฟังอะไรไปบ้างแล้ว ? และแอบถามนิดค่ะ ซีดีที่ฟังเป็นoriginal เสียงอาจารย์หรือว่าเสียงคนอื่นคะ ?

ที่หนึ่งถามไปทั้งหมด มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่หนึ่งอยากคุยกับคุณอ้อมต่อไป คือ ซีดีที่หนึ่งรักมากๆๆ ใช้ได้ผลมากๆๆที่หนึ่งมีอยู่ หนึ่งจะได้ส่งไปให้คุณอ้อมฟังค่ะ ซีดีที่หนึ่งมีของอาจารย์ หนึ่งไม่ลังเลที่จะแนะนำค่ะ ทุกหัวข้อที่อาจารย์พูดเองหมด ประเด็นคือทุกอันนั้นพลังงานดีมากๆๆ ในสายตาของหนึ่ง เมื่อเราเอาไปฝึกใช้จริง เราสามารถเห็นผลลัพธ์ได้เร็วมากด้วยค่ะ อย่างไรก็ตามท้ายสุดอยู่ที่ความต้องการของผู้ฟังมากกว่าค่ะ ซีดีที่หนึ่งใช้อยู่และแนะนำก็คือ ;

The Power is Within You
The Power of Your Spoken Word
Receiving Prosperity
You Can Heal Your Life Study Course
You Can Heal Your Life
Cancer Cd: Discovering Your Healing Power ๖ซีดีนี้ชื่ออาจเฉพาะกิจแต่จริงๆแล้วพลังบวก releasing technique สบายๆ และมีพลังไหลเวียนมหาศาล ไม่เหมือนกับหนังสือ หรือซีดีอื่นๆๆ ที่ยิ่งเพ่ง โรคยิ่งเยอะ เพราะไปโฟกัสกับโรคต่างๆ ในขณะที่ซีดีนี้คือพลังแหล่งการไหลเวียนของกระแสพลังงานบวกด้วยความเข้าใจและปล่อยวางมากกว่าค่ะ)
***(ทั้งหมดอ่านโดยตัวอาจารย์เอง) **

ส่วนหนังสือหนึ่งใช้และชอบมากๆ คือ

You Can Heal Your Life กับ You Can Heal Your Life (Companion Book)

กับ Heart Thoughts เท่านั้นค่ะ

เรื่องครอสของอาจารย์ เท่าที่ติดตาม เดี๋ยวนี้อาจารย์เป็น guest speaker ให้ speakers ในเครือ hay house อยู่ที่อเมริกาอย่างเดียวค่ะ ส่วนประเทศอื่นๆ จะมีตัวแทนคือนักเรียนที่เคยเรียนครอสผู้สอนกับอาจารย์เป็นผู้จัดสัมมนาให้แทน แต่เดี๋ยวนี้ เท่าที่ทราบอาจารย์ก็ไม่ได้จัดพูดเองคนเดียวยาวๆ เองเป็นส่วนตัวแล้วนะคะ คือนานๆๆครั้งท่านจะออกมาแจมกับท่านอื่นๆค่ะ และที่เห็นก็ภายในอเมริกาค่ะ

ส่วนเรื่องของ Law of Attraction: ช่วงนี้ผู้พูดที่อยู่ในเครือของอาจารย์ ที่พูดเรื่องนี้บ่อยๆๆ และมีทัวร์หลายๆๆประเทศก็คงเป็น อาจารย์ Esther and Jerry Hicks

หนึ่งลงทะเบียนเรียนกับอาจารย์ Esther and Jerry Hicks (One-Day Workshop ) ไว้ที่ซิดนีย์ในวันที่ 13 ธันวาคม 2009

รายละเอียดที่อาจารย์สอน หนึ่งจะไม่ลืมที่เข้ามาแชร์ให้คุณอ้อมฟังค่ะ :O)

เอาเป็นว่าคุยกันคร่าวๆๆตามนี้ก่อนนะคะ หากคุณอ้อมมีอะไรแนะนำ หนึ่งอยากฟังนะคะ

แล้วคุยกันอีกค่ะ ยิ้ม ยิ้มค่ะ










ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 26/08/2009
สวัสดีค่ะ คุณหนึ่ง

ขอโทษจริงๆค่ะ หายไปนานมากๆเหมือนกัน
ไปปฏิบัติธรรม ไปต่างจังหวัด ไปเรียนทุกวันเลยค่ะ กลับบ้านบ้าง ไม่ได้กลับบ้าง

ขอบคุณจากใจจริงๆค่ะสำหรับข้อมูลทั้งหมด

ซีดีที่ฟังอยู่ ส่งมาจากเพื่อนที่เรียน coaching ด้วยกันค่ะ ในโรงเรียน coach เราพูดถึงท่านอาจารย์ลูอิสกันมาก ที่เพื่อนส่งให้ และฟังอยู่เสมอคือ
ชุด I can do it ประกอบด้วย 10 track คือ The Power of Affirmations, Health, Forgiveness, Prosperity, Creativity, Relationships-Romance, Job Success, Stress-Free Living, Self-Esteem
อีกชุด คือ Receiving Prosperity และ
You Can Heal Your Life Study Course มี 5 track

เสียงทั้งหมดคล้ายกัน น่าจะเป็นเสียงของท่านอาจารย์ลูอิสค่ะ

สำหรับหนังสือนั้นไม่เคยอ่านเลยค่ะ
และสาเหตุที่อยากศึกษาของท่านอาจารย์ลูอิส เพราะได้เคยแนะนำให้ coachee คนหนึ่งฟังเทป เขาอยู่ที่เยอรมัน หลังจากฟัง..เขาบอกว่าช่วยให้เขาหลุดจากความคิดที่ block เขาอยู่ เขาหลุดจากอดีต ความคิดทางลบ และมีกำลังใจในการก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ช่างมีพลังในการ healing จริงๆค่ะ

ดังนั้น ในอนาคต ถ้ามีโอกาสได้ช่วย หรือ แนะนำใคร ก็หวังว่าจะได้ใช้ความรู้ในการ coach หรือการช่วยคนอื่น หรือแม้แต่บอกเล่า แนะนำเขาให้ฟัง และคงเป็นประโยชน์อีกมากเลยค่ะ

คุณหนึ่งแนะนำต่อด้วยนะคะ...ยิ้ม ยิ้มค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : อ้อม ตอบเมื่อ : 20/09/2009
สวัสดีคุณอ้อมค่ะ ยิ้มๆ

อนุโมทนาบุญค่ะพี่อ้อม

ขอแชร์ต่อเลยนะคะ อย่าถือว่าเป็นการแนะนำเลยค่ะ ไม่ได้ถ่อมตนค่ะ แต่หนึ่งถนัดคุย เรื่อยๆๆ นะคะ หากจะใช้คำว่าแนะนำ คุณอ้อมต่างหากที่อาจจะต้องแนะนำหนึ่งค่ะ :O)

หนังสือเล่มแรกของอาจารย์ลูอิสทีหนึ่งอ่านและได้ประโยชน์มาก จนหนึ่งเขียนแชร์ไว้ที่บอร์ดนี้ในกระทู้ หนังสือห้าเล่มที่เปลี่ยนชีวิต หนึ่งไม่ทราบว่าคุณอ้อมเห็นหรือยัง หนึ่งขออนุญาติยกมารวมไว้ที่นี่กันเหนียวนะคะ ยิ้ม



"You Can Heal Your Life" by Louise L. Hay

Louise's word spoke right to me! เนื้อหาในเล่มนี้และทุกคำพูดที่อาจารย์ Louise Hay สอนนั้นหนึ่งรับรู้สึกได้ว่าออกมาจาก kind soulที่งดงามและเปี่ยมด้วยเมตตาของความเป็นครูอย่างแท้จริง ครั้งแรกที่หนึ่งอ่าน " you can heal your life” สิ่งที่ได้คือความตระหนักรู้ว่า เราเองเท่านั้นที่เป็นผู้ให้ความสำเร็จและชีวิตที่เปี่ยมสุขกับตัวเราได้โดยเปลี่ยนความเชื่อที่ limit ที่เราใส่ให้ตัวเอง

ปี 1995 หนึ่งได้เข้าร่วม workshop - " you can heal your life” กับอาจารย์ซึ่งตั้งแต่นั้นมาสิ่งที่หนึ่งได้รับคือหลักการในการปฏิบัติที่ literally changed my life!! หนึ่งเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองว่า แม้ว่าเราเกิดมาหลายสิบๆปี แต่หากเราเห็นแต่ข้อจำกัดในความคิดของเรา ไม่กตัญญูต่อชีวิตที่เรามี หรือไม่ให้คุณค่าและไม่รักตนเองอย่างแท้จริง การมีชีวิตในฝันของเราจะต้องใช้พลังมากขึ้น พยายามมากขึ้น และจะเหนื่อยมากขึ้นโดยใช่เหตุ





• ตอนที่ย้ายมาอยู่ออสเตรเลียในปีแรกๆก็ยังเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเองอยู่มาก เหตุการณ์ความผิดพลาดแม้เพียงเล็กแสนเล็กยิ่งต้องใช้ชีวิตในต่างแดนคนเดียว ก็สามารถเพิ่มความไม่มั่นใจให้หนึ่งได้ (ฮา) หนึ่งเริ่มหาแพทเทรินความไม่มั่นใจในตัวเองให้ลึกลงไปจากการใช้เทคนิค “your mind is a tool” นำสิ่งที่อาจารย์สอน into practice หนึ่งลิสสิ่งที่หนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงซึ่งในขณะนั้น เช่น หนึ่งต้องการพูดภาษาอังกฤษให้ได้เท่าเทียมกับคนฝรั่งที่นี่ เทคนิคจากหนังสือเล่มนี้เพียงเล่มเดียวที่ชี้ให้หนึ่งเห็นว่า การที่จะพูดภาษาอังกฤษให้เท่าเทียมกับฝรั่งนั้น การใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ ก็เป็นทางหนึ่ง แต่การพูดให้เก่ง ให้ดีต้องเริ่มจากการ“Let go & Spot the limitation in my thinking ไม่ว่าความคิดและความรู้สึกว่าเราเป็นคนไทย ไม่ใช่ฝรั่งจะพูดดีเท่าฝรั่งได้อย่างไร และความคิดลิมิทอื่นๆๆ ต่างๆนานา มาเป็นการสวมความรู้สึก คิด พูด ปฏิบัติ (act as if) เปรียบประหนึ่งว่าหนึ่งเป็นคนออสซี่จริงๆ (affirmation, re - thinking patterns) เทคนิค self love, self worth, boosts self-esteem เทคนิค Affirmation ที่ทั้งตะโกนดังๆหรือคิดเองในใจ (ฮา) ที่หนึ่งใช้นำความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นชัดเจนมากๆและยังฝังลึกลงไปใน sub- conscious เพราะจับตัวเองได้ว่าภาษาอังกฤษปรับปรุงมากขึ้นแม้เวลาฝันก็ยังเป็นภาษาอังกฤษ แต่เมื่อกลับมาทำงานที่เมืองไทยเมื่อสองปีที่แล้วก็ได้เรียนรู้ว่า ถึงแม้ว่าเราเป็นคนไทยแท้ๆๆ และคุ้นเคยกับภาษาไทยแน่นอน แต่ด้วยการเปลี่ยน และฝังbelief ใหม่ให้ตัวเองโดยละทิ้งและไม่ได้create ความเชื่อไว้ก่อนว่า เราสามารถใช้ทุกๆ ภาษาที่เราเรียนได้ดีเท่ากันไว้ล่วงหน้า จึงทำให้เห็นอีกตัวอย่างของการติดขัดในการใช้ภาษาดั้งเดิมของตนเอง ต่างจากเพื่อนคนนึง ที่เล่าประสบการณ์การและสร้างความเชื่อตามหลักการจากหนังสือที่ว่า I am one with the power to create myself and all that I want to have โดยที่ไม่รู้ตัวเพื่อนคนนี้ เรียนรู้และพูดได้9 ภาษาแบบเจ้าของภาษา โดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายเลยจริงๆ

• เมื่อปลายปี2007หนึ่งมีโอกาสได้กลับมาอ่านและใช้หลักการ Heal the body, Physical & emotional releasing& cause อีกครั้งสำหรับสุขภาพตนเอง หนึ่งเห็นการเปลี่ยนแปลงและเห็นประโยชน์ที่ได้รับในด้านสุขภาพของตนเองอย่างชัดเจนอีกครั้ง

• หนังสือเล่มนี้ยังให้โอกาสกับหนึ่งพบกับผู้หญิงไทยคนหนึ่ง และหนึ่งได้ใช้หลักการจากหนังสือเล่มนี้ คุย ,แชร์กับน้องคนนี้ตลอดเวลาหนึ่งปีกว่าๆที่ได้ใกล้ชิดกัน สิ่งที่หนึ่งได้รับคือการย้ำเตือนตัวเองว่าเส้นทางที่หนึ่งเลือกเดินต่อไปนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่หนึ่งแพลนไว้ให้ตัวเอง ทุกๆๆครั้งที่ได้อยู่กับน้องคนนี้ หัวใจหนึ่งและน้องสดชื่นเบิกบานมากขึ้นเสมอ หนึ่งจำได้วันที่น้องผู้หญิงคนนี้ร้องไห้น้ำตาเป็นทางเวลาที่หนึ่งอ่านและอธิบายถึงเรื่องราวการเห็นคุณค่าของตัวเอง รักตัวเอง ดูแลตัวเองได้อย่างแท้จริง และยอมรับที่จะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดในชีวิตน้องเองโดยไม่โทษคนอื่น (the power of blame) และชี้โทษของการโทษผู้อื่นที่เป็นเหตุที่ทำให้จิตใจเศร้าหมองไม่จบสิ้นจากหนังสือเล่มนี้ให้ฟัง วันนึงน้องเค๊าบอกกับหนึ่งว่านเค๊าสามารถยกโทษกับความผิดที่เค๊าทำไว้มากมายพร้อมสามารถให้อภัยผู้อื่นและตัวเองได้อีกจริงๆด้วย หนึ่งและเพื่อนๆในกลุ่มที่ไปเยี่ยมน้องคนนี้ เราเห็นพ้องต้องกันว่าน้องมีความสุขมากขึ้น แตกต่างจากวันแรกๆที่เราได้พบเขา ตอนนี้น้องคนนี้ได้จากโลกนี้ไปเมื่อกลางปีที่แล้วโดยอายุเพียง 30 ปีด้วยโรคร้ายโรคชนิดหนึ่ง วันสุดท้ายของน้องเราเห็นผู้หญิงคนนี้นอนทำสมาธิและจากเราไปโดยอาการสงบ

หนึ่งเขียนแชร์เรื่องราวที่ทำให้หนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง เพียงเล็กๆน้อยๆทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมแบบหอมปากหอมคอ แต่ขณะที่เขียนอยู่จับรู้สึกตัวเองได้ว่ามีความสุขและปิติเหลือเกิน ในใจมีแต่ความเคารพรัก ซาบซึ้ง และเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ดีๆที่มีต่ออาจารย์ Louise Hay และเครื่องมือที่ท่านใช้สอน คือ หนังสือ
"You Can Heal Your Life"

สิ่งที่อาจารย์สอนมาทั้งหมดปูทางให้หนึ่งมีฮีโร่และแม่แบบที่ชัดเจน แถมยังทำให้หลายๆสิ่งหลายอย่างในชีวิตหนึ่ง working out for my highest good!

All is well, and so it is!!! (ยิ้ม ยิ้มค่ะ)

ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 14/04/2009


ทั้งหมดนี้คือความรู้สึกส่วนตัวที่หนึ่งได้รับจากสิ่งที่จักรวาลต้องการให้เรียนรู้ผ่านอาจารย์ลูอิสค่ะ

เดี๋ยวนี้หนึ่งยังไม่ค่อยตื่นเต้นกับหนังสือเล่มใดๆๆนัก ไม่ใช่เพราะตนเองรู้มาก รู้พอแล้วนะคะ แต่ความรู้สึกเวลาเปิดอ่าน ให้ความรู้สึกได้เช่นนั้น

แต่แปลกที่ว่า แม้เวลาผ่านไปหลายสิบปี เมื่อนำหนังสือ หรือ ซีดีของอาจารย์มาฟังทีไร หัวใจมันพองโต เบิกบาน ไฮเปอร์เพิ่มขึ้นอีกค่ะ

สรุปคือ หนึ่งเชื่อว่าผู้เขียนหนังสือ สามารถใส่พลังงานความความรัก และพลังงานด้านต่างๆผ่านตัวอักษรที่พวกเขาสื่อสารได้
และสำหรับอาจารย์ลูอิส หนึ่งรู้สึกว่าท่านได้ให้พลังนี้กับผู้อ่านเช่นกัน

หนึ่งรอคุณอ้อมกลับมาคุยกับหนึ่งอีกนะคะ ยิ้ม ยิ้ม


ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 25/09/2009

หนึ่งเคยเขียนบทความข้างล่างนี้ไว้
ในเรื่องของคนที่รักตัวเองเป็น ซึ่งไม่ได้แปลว่าเห็นแก่ตัว
รักตัวเองเป็น จะเป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ และ ไม่เป็นภาระผู้อื่น
ลองนำมาแชร์ให้คุณอ้อมอ่านดูนะคะ


You can heal your life so much help me miraculously. She said so clear , well and beautiful “ we are all victim of victim they though us the best they know”

We grow up into society and family where we are made to feel from day are that we are not good enough.

When we came to the world we completely happy of our own world.

Louise said baby love their hands, even their own shit, completely love and accepted of self.

Absolutely perfect. Then parents, teacher, society starting tell then kids this and that , bad, good etc then they get train to think this and that. If you don’t do this you not fit in to the world. You started to think, you are not good enough, we not deserve it.

People rich in the material world and they always feel what missing in life is self limited believe I am not good enough.

Way to fix is start with self love, go back to basic, some of us said they love ourselves but deep inside they hear their friends voice the one talked bad about them.

Look in your eyes every day and say I love you
I accept the way you are
I approve of you completely
I am a child of universe
I am good enough
I deserve the best
I expect the best


กราบขอบพระคุณอาจารย์ลูอิส แอล เฮย์ จากหัวใจศิษย์ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 25/09/2009
คุณหนึ่งขา...อ่านสิ่งที่คุณหนึ่งเขียนแล้ว ปิติกับพลังงานบวกที่ส่งมากับข้อความ อยากพบคุณหนึ่งจัง เมื่อไหร่จะมาสอนเมืองไทยอีกคะ? ขออนุญาตกอด...ขอพลังงานบวกหน่อย..

อาจารย์ลูอิส แอล เฮย์ ท่านเป็นผู้ให้ และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนจริงๆนะคะ ท่านคงยังสดใส แข็งแรง สุขภาพดีใช่มั้ยคะ?...ได้รับข่าวจาก Hay House ทาง eMail ทุกอาทิตย์...อาจารย์ยังคงเขียนคอลัมภ์สั้นๆบ้าง

ย้อนกลับไปดูในตัวเอง ช่วงนี้กำลังปรับตัวเองให้ใช้ชีวิต..ตามที่ฝัน เป็นคนเดินช้า และทำในสิ่งที่อยากทำ ... แต่รู้สึกว่าต้องใช้พลัง ใช้ความพยายามมาก และรู้สึกเหนื่อย
รู้สึกถึง...ข้อจำกัดในความคิด มีความกังวลกับอนาคต อาจเป็นเพราะมีความกตัญญูต่อการมีชีวิตและรักตนเองน้อยไป

ตอนนี้ใช้วิธีทำสมาธิ ตามดูจิตในชีวิตประจำวันด้วย บางวันฟังเทปของอาจารย์ลูอิส ก่อนนอนใช้วิธี clearing โดยทำตาม Chakra clearing ของ Hay House...แต่ไม่ได้ใช้ affirmation ดังนั้น..ขอนำ affirmation ที่คุณหนึ่งเขียนไว้ไปใช้เพิ่มนะคะ

มีข่าวดี...อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้หนังสือ You Can Heal Your Life มา ตั้งใจว่าจะอ่านในเดือนตุลา เพราะช่วงนั้นตั้งใจจะไปขับรถเที่ยวและอยู่กับลูกที่นิวซีแลนด์

หวังว่าจะเข้าใจขั้นตอน และนำความรู้จากท่านอาจารย์มาใช้ในชีวิตและการทำงานได้ ...อ่านแล้วจะเข้ามาคุยกับคุณหนึ่งอีกค่ะ

วันก่อน แวะไปเยี่ยม web ของคุณหนึ่ง พบ The Science Of Getting Rich Book...อยากคุยอีกแล้ว...มีเรื่องน่าสนใจเยอะจัง
ชื่อผู้ตอบ : อ้อม ตอบเมื่อ : 27/09/2009
สวัสดีค่ะคุณอ้อม :O)

ขอน้อมรับความอบอุ่นในถ้อยคำจากคุณอ้อม เพื่อเป็นพลังงานไหลเวียนที่ดีงามเพิ่มให้ชีวิตหนึ่ง และพร้อมส่งเวียนกลับไปให้คุณอ้อมอีกด้วยค่ะ (ยิ้มแฉ่งค่ะ)

ต้องขอขอบพระคุณคุณนันท์ เจ้าของพื้นที่สีขาวและคุณน้อง dadeeda ที่ทำให้หนึ่งมีโอกาสรู้จักคุณอ้อม

เราเจอเมื่อไห่เราต้องกอดกันกลม เป็นธรรมดาและเป็นธรรมชาติของศิษย์อาจารย์ลูอิส ที่กอดจากใจ ใช่เพียงอ้อมแขน (ฮา)

อย่าเรียกว่ามาสอนเลยนะคะ ในความตั้งใจจริงของหนึ่งแล้วมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงซึ่งกันและกันมากกว่าค่ะ ครั้งต่อไปที่เราสามารถพบกันได้หากคุณอ้อมว่าง คือวันที่ 7 พย นี้ค่ะ รายละเอียดมีอยู่ในกระทู้ สนทนาฮาเฮ เจ็ดกฏ และ sogr ค่ะ

เท่าที่ทราบและอ่านข่าวคราวของอาจารย์ รวมทั้งโทรไปหาศิษย์เอกของอาจารย์ที่ออสเตรเลียท่านหนึ่ง อาจารย์สบายดีค่ะ "สวยสมวัย" และเป็นตัวอย่างกูรูที่ท่านเคารพในกฏธรรมชาติในประเด็นของ (Age Gracefully ) จริงๆค่ะ เราจะเห็นได้ว่าอาจารย์ไม่เคยฉีดโบท๊อก หรือดึงหน้า ใดๆเลย .... :O)

ที่คุณอ้อมเขียนว่า ช่วงปรับตัวเองให้ใช้ชีวิตให้เป็นตามที่ฝัน แต่รู้สึกว่าต้องใช้พลัง ใช้ความพยายามมาก และรู้สึกเหนื่อย อาจเป็นเพราะมีความกตัญญูต่อการมีชีวิตและรักตนเองน้อยไป ลองคุยกับตัวเองดังๆ แล้วเชื่อมั่นจริงๆ ยิ้มให้หน้าตาผ่อนคลาย และใจสบายขึ้นจริงๆ พูดดังๆตาม Affirmation บทนี้สักหนึ่งเดือนซิคะ หนึ่งใช้ทุกวันเลย สำหรับหนึ่งสุดยอดในผลลัพธ์นะคะ ขอให้มาแชร์ข่าวดีกับหนึ่งด้วยนะคะ ยิ้ม ยิ้ม

Affirmation "ฉันรวยแข็งแรงอ่อนเยาว์และเปี่ยมสุข" ชื่อนี้ตั้งโดยคุณโก้ค่ะ

I am the source of all wealth. I am rich with creative
ideas. My mind abounds with new, original, inspired
thoughts. What I have to offer is unique, and the world
desires it.

My value is beyond reckoning. What the world needs
and desires, I am ready to produce and give. What the
world needs and desires, I recognize and fulfill. The
bounty of my mind is without hindrance or limit. Nothing
can stand in the way of my inspired creativeness.
The overflowing power of God life energy overcomes
every obstacle, & pours out into the world, blessing &
prospering everyone, & everything through me.

I radiate blessings, I radiate creativity, I radiate
prosperity, I radiate loving service. I radiate Joy,
Beauty, Peace, Wisdom & Power. Humanity seeks
me and rewards me. I am beloved of the world.
I am wanted wherever I go.

I am appreciated. What I have to offer is greatly desired.
What I have to offer brings a rich reward. Through my vision
the world is blessed. Through my clear thinking & steadfast
purpose, wonderful new values come into expression.
My vision is as the vision of the mighty ones.

My faith is
as the faith of the undefeatable. My power to accomplish
is unlimited. I, in my uttermost God Source, am all wealth,
all power, all productivity. I hereby declare my financial
free-dom, NOW and henceforth forever!

***ขอให้เที่ยวให้สนุกเบิกบานเบาใจที่นิวซีแลนด์ คุณอ้อมพอจะข้ามมาซิดนีย์ได้หรือไม่คะ อยากพามาเที่ยวบ้านและทานข้าวกันสักมื้อนึง รบกวนส่งข่าวนะคะ **

สวัสดีมีความสุขจากข้างในค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 08/10/2009
ลืมไปนิดค่ะ ภาษาที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็น ไทย อังกฤษ หรือภาษาใดๆ ตอนที่เราพูด ต้องทำให้เรารู้สึกถึงความรู้สึกดีดีนี้ได้จริงๆค่ะ เพราะหลายครั้งหนึ่งให้เพื่อนต่างชาติ เช่นให้เพื่อนคนญี่ปุ่น เค๊าก็จะไปแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เค๊ารู้สึกกลมกลืนในใจเค๊าจริงๆค่ะ หากคุณอ้อมชอบใช้เป็นภาษาไทยแทน ก็รบกวนแปลให้หนึ่งด้วยก็แล้วกันค่ะ (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่ง ตอบเมื่อ : 08/10/2009
วันนี้เข้ามาที่บ้านนันท์บุ๊คฯ เลยเข้ามาเช็คดูว่าคุณอ้อมมาเยี่ยมกระทู้นี้หรือยัง อิอิ มาส่งพลังงานเร่งให้คุณอ้อมมาคุยกับหนึ่ง อิอิ ยิ้มเบิกบาน :O)

หนึ่งกำลังคิดว่าเราได้ยึดกระทู้ในพื้นที่นี้ไว้สองคน อย่างไรก็ตามก็ยังหวังใจไว้ว่าเรื่องราวทุกเรื่องทั้งส่วนตัว และไม่ส่วนตัวที่แชร์จะมีโอกาสที่เป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆนันท์บุ๊คได้บ้างแม้เล็กน้อยก็ยังดี ไม่เช่นนั้นจะเกรงใจคุณนันท์ หนุ่มหล่อใจดี เป็นที่สุด ( ฮา หนุ่มหล่อ ฮา)

Have a good weekend!
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งคนสวยค่ะ ตอบเมื่อ : 10/10/2009
พี่หนึ่งขา พี่อ้อมยังไม่มา แต่dadeedaน่ะแอบมาด้อมๆ มองๆ อยู่เรื่อยๆ นะค๊า ><
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 13/10/2009
สวัสดีคุณ dadeeda
How are you ? ....:O)
พบกันวันที่เจ็ดนะคะ ดีใจจัง
ฮ่า ฮ่า สงสัยคุณอ้อมลืมหนึ่งไปแล้นนน หัวเราะ
ไม่เป็นไรหลังกลางเดือน พย หนึ่งยังอยากเขียนอะไรๆ เกี่ยวกับความรู้ที่อาจารย์ลูอิสเคยสอนอีกค่ะ

แล้วพบกันนะคะคุณ dadeeda
ชื่อผู้ตอบ : 1kha ตอบเมื่อ : 28/10/2009
สวัสดีค่ะ คุณหนึ่ง

เย้...ดีใจที่คุณหนึ่งบอกว่า "หลังกลางเดือน พย ยังอยากเขียนอะไรๆ เกี่ยวกับความรู้ที่อาจารย์ลูอิสเคยสอนอีก" ขอบคุณค่ะ

ไม่ลืมคุณหนึ่งเด็ดขาด..
แต่ที่หายไปนี่เพราะว่ากลับมาจาก NZ แล้วไปต่อเชียงรายไม่มี net เล่นค่ะ พลาดข่าวดีไปหลายข่าว..พลาดที่ควรจะได้พบคุณหนึ่ง แต่ก็ยังดีใจที่ยังสามารถจะไปหาหนังสือเล่มใหม่มาอ่าน (แกล้ม Notting Hill)

ได้หนังสือของอาจารย์ลูอิสมาจาก NZ อีกเล่มค่ะ "The Power Is Within You" แต่ยังหาเวลาของตัวเองไม่เจอ ยังเปิดได้ไม่กี่แผ่น..

ขอบคุณคุณหนึ่งอีกเรื่อง..ที่ยังแวะเวียนมาตามหา และฝาก Affirmation "ฉันรวยแข็งแรงอ่อนเยาว์และเปี่ยมสุข" ไว้ให้ค่ะ...จะนำไปใช้..(ขอเป็นภาษาอังกฤษไปก่อนนะคะ)

สารภาพ..ว่ามีคิว จะหายไปอีกล่ะ..จะไปฝึกภาวนาอีก 3 วัน แล้ววันที่ 5 นี่ก็ จะหนี...อีกแหล่ะ... ไปเที่ยวอียิปต์ค่ะ จะติดหนังสือของคุณหนึ่งไปด้วย

เสียดาย..ต้องพลาดวันที่เจ็ดไป....อยากมาพบผู้คนในชุมชนใจดีแห่งนี้...แต่ก็เบาใจน่ะ รู้ว่ากลับมาแล้ว คุณนันท์และคุณหนึ่งผู้ใจดีก็จะยังใจดีให้เข้ามาถามไถ่ได้..

เย้..เย้.เย้..ดีใจที่คุณยังไม่ลืมเรา!!

สวัสดีคุณ dadeeda ค่า..ขอบคุณที่มาด้อมๆมองๆดูเราสองคนแทนเจ้าบ้านนะคะ ขอบคุณที่ส่งข้อคิดดีๆให้เป็นประจำด้วย คิดถึงนะคะ..แล้วจะกลับมาคุยด้วยนะคะ...อย่าลืมเล่าเรื่องวันที่เจ็ดให้ฟังด้วยนะค้า..
ชื่อผู้ตอบ : อ้อม ตอบเมื่อ : 01/11/2009
oh my god....หนึ่งเข้ามาบ้านนี้ กระทู้นี้ สงสัยจะในเวลาใกล้เคียงกับคุณอ้อมเลยค่ะ เพราะอยู่ๆ หนึ่งก็เห็นจำนวนผู้ที่โพสเพิ่มขึ้นจาก 35 ครั้ง 36 ครั้ง อิอิ

ขอส่งพลังใจค่ะ


ปฏิบัติให้ตื่นที่ใจ ยิ้มมม

เที่ยวอียิปต์ให้สนุกสนานที่ใจ

ขอให้ร่ำรวยแข็งแรงอ่อนเยาว์และเปี่ยมสุขค่ะ

พบกันเรื่อยๆที่นี่นะคะ
หนึ่งขอบคุณที่เป็นหนึ่งคนใน happiness is all around ด้วยค่ะ :O)





ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 01/11/2009


คุณอ้อมคะ

ไม่รู้ว่าคุณอ้อมจะมีโอก่สเข้ามาเห็นบทสรุปอีกหนึ่งบทที่หนึ่งเข้ามาทำตามสัญญาหริอเปล่า

เพราะว่าหนึ่งเข้ามาช้าไปเป็นเดือนเลย หลัง พย นานไปหน่อย น่าตีนะคะ

หนึ่งนำบทสรุปความรักตนเองแบบอาจารย์ลูอิสมาฝากคุณอ้อมค่ะ ต้อนรับวาเลนไทม์ค่ะ

ข้อแรก

หยุดตำหนิติเตียน ตนเอง และผู้อื่น การตำหนิติเตียน และการเห็นแต่ปัญหาตลอดเวลา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์หรือการกระทำของคนหรือไม่ได้ทำให้เปลี่ยนแปลงข้อด้อยของตนเองได้ แต่การยอมรับตัวเอง และยอมรับผู้อื่นให้ได้แบบที่เขาเป็น โดยไม่ใช้อีโก้ อัตตา ตัวตน ความคิด โลกของเรา ไปครอบคลุมเขา ต่างหาก ที่สามารถทำให้โลกของเรา และ โลกของผู้อื่น มีสิทธิที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้ การตำหนิติเตียนตนเอง และผู้อื่นอยู่สม่ำเสมอ เท่ากับเป็นการวางตนเองเป็นศูนย์กลางของโลก ไม่ได้ทำเพื่อความรัก และหวังดีต่อเขาอย่างแท้จริง ไม่ได้มีความเข้าใจในตัวเรา และไม่ได้เห็นใจ เอาใจใส่ในตัวผู้อื่น และเข้าใจในตัวผู้อื่นว่า เขาก็มีโลกส่วนตัว ประสบการณ์ตรงของเขา มีบทเรียนเฉพาะตัวที่เขาต้องเรียนรู้ในเวลาของเขาเอง ผลลัพธ์ก็คือ เมื่อเขาไม่ชอบเรา เกลียด โกรธเรา ก็เท่ากับเป็นการทำร้ายตัวเราเองไปพร้อมๆกัน เพราะคนทุกคนมีพลังงาน และความสั่นสะเทือน พลังงานลบที่ถูกส่งมาจากผู้อื่น จะเท่ากับพลังงานลบที่เรามีซ่อนอยู่ในจิต ใจ ความคิด ในอารมณ์ความรู้สึกของเราเสมอ ดังนั้นเมื่อใดที่เรายอมรับและรู็้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้อย่างจิตว่าง สบายๆ หรือ ใจเป็นกลาง โดยไม่ติเตียน จับผิด ตำหนิ ตัวเอง เมื่อนั้น เท่ากับเรามีพลังสั่นสะเทือนในความรักจริงๆ ให้กับตัวเราเอง เราก็จะหยุดจับผิด ตำหนิ ติเตียนผู้อื่น เห็นความดีในตัวเราเอง ชื่นชมตัวเองในพื้นฐานของความจริง รวมทั้งสามารถชื่นชม ยกย่องผู้อื่นได้ตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในใจเรา เมื่อสิ่งดีดี คำพูดดีดี ความรัก และ ความปรารถนาดีที่มีต่อตนเอง และผู้อื่นได้ถูกส่งออกไป สิ่งเดียวกันย่อมจับคู่กันเสมอ

ข้อที่ 2


ไม่วิจารณ์ตนเองด้วยความคิดวกวน ซ้ำไป ซ้ำมา จากนิสัย ความเคยชินที่ทำบ่อยๆ จนวันหนึ่งกลายเป็นพลังแห่งนิสัย เพราะทำมากเข้าจนกกลายเป็นความคุ้นเคย การวิจารณ์ตนเองโยใช้ความคิดนั้นเป็นหนทางในการดำรงชีวิตที่ไม่เบิกบาน และ เป็นการทำให้ชีวิตทำงานหนักโดยไม่มีความจำเป็น ทางออกของคนที่ชอบระแวง คิดมากไป คิดลบ คือ เปลี่ยนภาพในใจ หรือ โฟกัสกับสิ่งของ ความรู้สึก หรือ ใดๆ ที่ทำให้เบิกบานใจ เบาใจ สบายใจ ในกรณีนี้อาจารย์ลูอิส ใช้การมองดีดอกกุหลาบสีเหลือง ทุกครั้งที่อาจารย์คิดลบ หรือ คิดวกวน อาจารย์จะบอกตนเองให้เปลี่ยนความคิดให้เป็นความคิดและความรู้สึกที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และ ทุกเซลล์ในร่างกายของตนเองแทนการคิดวกวน คิดลบ คิดวิจารณ์ตนเอง หรือวิจารณ์ผู้อื่น จนก่อเกิดเป็นพลังงานลบกระทบชีวิตตนเอง

3. มีความนุ่มนวล เมตตา และ มีความอดทนต่อตนเอง

4. ชื่นชม และเห็นส่วนดีของตนเอง การตำหนิติเตียนตนเอง เสมอๆ เปรียบเสมือนการทำลายความเชื่อมโยงของพลังงานที่ดีจากภายในตัวเรา

5. ให้กำลังใจตนเองสม่ำเสมอ และ สร้างกลุ่มเพื่อนที่มีจิตใจดี เพื่อเกื้อหนุน ซึ่งกันและกัน

6.เมื่อมีความคิดลบผ่านเข้ามา ตั้งสติ และ จับให้ทัน จนเป็นนิสัย และแทนใหม่ด้วยการคิดบวกอย่างสม่ำเสมอ

7. ดูแลรักษาร่างกายของตนเองให้ดี

8. ใช้เทคนิคการพูดกับกระจกว่า รักและกตัญญูต่อทุกลมหายใจ และ ชีวิตของเรา ทุกวัน

9.รักษาใจตนเอง อยู่กับใจตนเอง รักษาระดับความเบิกบาน ให้เป็นนิสัยและความเคยชิน

สรุปไว้เพียงเท่านี้ค่ะ หากใครทำให้ได้เป็นความเคยชิน ความรักและเคารพในตนเองจะทำให้ใจเราเบิกบาน นำสิ่งดีดีมาสู่เรา และเป็นเกราะบ้องกันให้เราตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง เวลาเราพบประเด็นชีวิตได้ดี

ยิ้มแย้มค่ะ



ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 01/02/2010


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code