เวลา
เมื่อวานก่อน หลังจากขบคิดหลายๆเรื่องมาหลายวัน และหลังจากวูบวาบ เดจาวู บ่อยมาก มาในช่วงสองปีหลัง ผมเข้านอนโดยลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่มีเรื่องเกิดขึ้นตอนตื่นนอนครับ

ตอนเคลิ้มๆก่อนตื่นเต็มตา ผมเห็นภาพมากมายไหลเลื่อน และมีความคิดมากมายไหลมาในความรู้สึก และแล้ว ผมก็ได้บทสรุปจากความรู้ในตัวเอง เป็นข้อความที่อธิบายได้สั้นๆ (จากมากมาย ที่ตอนนี้นึกอธิบายได้ไม่ครบและไม่ชัดนักครับ)

ข้อความนั้น บอกได้แค่ว่า

"เวลานั้นไม่มีจริง ผมเป็นเพียงสำนึกของสิ่งใหญ่ และทั้งหมดที่มีอยู่นี้ ปัจจุบันที่มีอยู่นี้ ..มันเกิดขึ้นไปตั้งนานแล้ว"

ผมเข้าใจครับ แต่มันมากกว่าที่คำพูดจะเรียบเรียงได้
อย่างไรก็ตาม อยากแชร์ครับ และขอความเห็นจากผู้รู้คนอื่นๆด้วยครับ

ปล - ช่วงสัปดาห์หน้า มีธุระที่เชียงใหม่ครับ มีเวลาว่างบ้าง อยากขอคำแนะนำเรื่องสถานที่หย่อนใจ สบายๆครับ ร้านกาแฟ สปา ร้านหนังสือ และ พิพิธภัณฑ์ของโบราณ หรือที่มีข้อมูลเกี่ยวกับศาสตร์โบราณ และงานศิลปะโบราณครับ (เกี่ยวกับงาน) คล้ายๆว่าในที่นี้สมาชิกอยู่แถบนั้นหลายคนครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ชื่อผู้ส่ง : Karn ถามเมื่อ : 01/07/2009
 


มีร้านกาแฟน่ารัก ติดสระน้ำ บรรยากาศดี(นั่งทั้งวัน เจ้าของไม่ว่า) ขนมเค้กอร่อย พรุ่งนี้จะมาบอกชื่อร้านค่ะ(ลืมชื่อ) แต่ถ้าต้องการทำงาน(ใช้net) ก็เป็นอีกร้านใต้ต้นไม่ใหญ่ ลืมชื่ออีกเหมือนกันค่ะ

แต่หาข้อมูลให้ทีหลังได้
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 01/07/2009
ลืมบอกเรื่องสถานที่หย่อนใจค่ะ
มาเหนือนี้ก็ต้องบรรยากาศขุนเขาใช่มั้ยคะ
เส้นทางแม่ริม มีร้านตามข้างทางให้นั่งมากมายค่ะ รวมสถานที่ท่องเที่ยว 2ข้างทางแบบนับไม่ถ้วนค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 01/07/2009
เป็นประสบการณ์ ที่น่าสนใจดีจังครับ

โดยส่วนตัว ผมเข้าใจไปเองว่า
ทุกๆ สิ่ง และมิติต่างๆ มีอยู่เพราะ ความคิด
ถ้า ความคิด หยุดเงียบลง . . ทุกสิ่งมีเหมือนไม่มี
เมื่อความคิดเกิด ความหมายและความหมายมั่นมันก็เกิด
ระยะทางก็เกิด การแบ่งแยกก็เกิด เวลาก็เกิด
เมื่อใดว่าง ไม่เกิดความคิด ก็ดูเหมือนว่า เราก็ไม่มี ทั้งหมดก็ไม่มี
มีแต่ทั้งหมด เพียงสภาวะเดียว

เป็นความเข้าใจแบบของผม ที่ขอร่วมแชร์ ซึ่งไม่ใช่ผู้รู้นะครับ
ซึ่งคิดว่ามีแง่มุมที่สอดคล้องกับ ข้อความของคุณ karn อยู่เหมือนกัน
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 01/07/2009
ขอบคุณมากครับคุณแฟนพันธุ์แท้
จริงๆเมื่อสองสัปดาห์ก่อนก็เพิ่งไปมาครับ แต่ทำงานตลอด
มีแค่พาภรรยาไปดูแพนด้าครับ แต่ผมติดใจสิงโตขาวครับ
คราวนี้ไปงานหลายวัน และภรรยาไม่ว่างไปด้วย
เวลาว่างจึงคิดว่าจะไปนั่งทำงาน อ่านหนังสือครับ
เห็นกาแฟวาวีมีหลายร้านจัง ว่าจะไปลองนั่ง คงแถวๆกู๊ดวิวครับ ใกล้ๆ
นอกนั้น หากมีข้อมูล จะลองไปดูครับ
ขอบคุณมากครับ
คุณแฟนพันธ์แท้อยากได้อะไรจากแถวนี้มั๊ยหละครับ บอกได้นะครับ
ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 02/07/2009
ได้ชื่อร้านแล้วค่ะคุณ Karn ร้านไอเบอร์รี่ เป็นของคุณโน๊ต แต้อุดมค่ะ ชื่อเจ้าของร้าน ก็คงพอเดาไอเดียได้เนาะ อยู่ซอย 19 ถนนนิมมานเหมินทร์ค่ะ

อีกร้านคนใกล้ตัวไม่มีใครจำได้ค่ะ แต่บอกตาแหน่งได้
อยู่บริเวณ ปาล์มารีน่า วงแหวนรอบกลาง เชื่อมถนน ที่คู่ขนานระหว่างเส้นทางไปแม่โจ้ กับดอยสะเก็ดค่ะ


มันมีเรื่องที่ทำท่าจะประจวบเหมาะดังนี้ค่ะ
คุณหนึ่ง(วรัญญา) ก็มีเหตุมาเชียงใหม่ช่วง 7-13 กค
ซึ่งตอนนี้พอจะเดาช่วงเวลาของความเป็นไปได้คือ บ่ายๆของวันที่ 7-8กค 52ค่ะ ถ้าประจวบเหมาะได้(อ้อ กำลังติดต่อคุณโก้อีกคนค่ะ) แฟนพันธ์แท้ขอเสนอตัวเลี้ยงกาแฟร้านที่มันอาจหายากๆ นั่นแล้วกันค่ะ ยังไงช่วยบอกเบอร์ติดต่อกลับด้วยค่ะ

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 02/07/2009
test
ชื่อผู้ตอบ : neo ตอบเมื่อ : 24/07/2009
test
ชื่อผู้ตอบ : neo ตอบเมื่อ : 24/07/2009
เข้าใจที่คุณสื่อ หากแต่สิ่งนั้นไร้การอาศัยโดยตัวมันเอง คุณอาจจะไม่ใช่แค่สำนึกของสิ่งใหญ่ แต่อาจเป็นสิ่งที่เป็นฐานให้สรรพสิ่งเกิด ดำรงอยู่ และแปรเปลี่ยนไปในนั้น... แต่มันก็ไม่ใช่อะไร

ชื่อผู้ตอบ : ยิ่งกว่าใจ ตอบเมื่อ : 24/07/2009
คุณ "ยิ่งกว่าใจ"
ตอบได้ "แนว" มากครับ น่าคิด!
ชื่อผู้ตอบ : โนบิตะ ตอบเมื่อ : 24/07/2009
ไม่ว่าคุณ ยิ่งกว่าใจ โผล่ข้อความนี้ มาจากเหตุสืบเนื่องแต่หนใด
แต่โดนใจผมดีจริงๆ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 24/07/2009
อีกนิดครับ . .
ว่าแต่มีต่ออีกไหมครับ ?
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 24/07/2009
วันนี้ได้อ่านข้อความเก่า ของเดือนก่อน
ผ่านมาวันนี้มีความเปลี่ยนแปลงครับ
ไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงของความคิด
แต่อยู่ดีๆ มก็เลิกคิดเรื่องพวกนี้แล้วครับ เลิกไปเอง ไม่มีสาเหตุ
เป็นมาซักพักแล้ว คือชีวิตมันทำอย่างอื่นไปเรื่อยหนะครับ
ไม่ได้คิดเลย แต่ก็มีความสุขดี

เลยขออภัยที่สนทนาต่อคุณยิ่งกว่าใจไม่ได้ เพราะไม่รู้เลยครับ
ว่าตนเองมีความเห็นยังไง คือมันไม่มีเลย
แต่ก็อยากอ่านต่อครับ
ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 24/07/2009
จริง ๆ แล้ว ใจไม่มี ที่มีไม่ใช่ใจ เพียงแค่คุ้นเคยและอุปโลกน์มันขึ้นมาเป็นกรงขังและขอบเขตให้ได้วกวนและค้นหา เพียงแค่กายและใจ ก็เท่านั้นเอง หากแต่สิ่งนั้นไร้การอยู่หรืออิงอาศัยสิ่งใด ไม่เพียงแต่การรู้ซึ้งในกายและจิตนี้ หากเป็นการไร้การรู้นั้นเอง ไม่ว่าสิ่งเป็นสาระหรือไร้สาระ หาความเป็นอะไรไปไม่ ไม่ทั้งใช่และไม่ใช่ ใยยังมีถูกหรือผิด ใยยังคงอยู่ในความดีอยู่อีก หากความดีคือสาระ หากนิพพานก็เป็นสาระแห่งการไปแล้วล่ะก็ ฉะนั้นการไปการมาจำต้องอิงอาศัยสาระหรือความไร้สาระในการเคลื่อนตัว แม้การหยุดอยู่ยังต้องอาศัยเนื้อที่ในปัจจุบัน หากอดีต อนาคต และปัจจุบันคือจุดเดียวกันที่เต็มไปด้วยสาระและไร้สาระ กิเลสเป็นสิ่งที่ไร้สาระที่ต้องกำจัดออก นิพพานคือสิ่งที่มีสาระที่ต้องเข้าไปถึงหรือไม่ หากสิ่งที่ไร้สาระและมีสาระเป็นสิ่งเดียวกันล่ะ เราจะเคลื่อนตัวไปทางไหนดี จะไปก็ไม่ได้ จะอยู่ก็ไม่ดี แล้วเราจะต้องหาทีที่ไหนกันอีกล่ะ แต่หากสภาวะเดิมแท้ของเราไร้การอาศัย ไร้การอยู่อยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะทำหรือไม่ทำอะไร ก็ไม่สามารถทำให้สภาวะเดิมแท้แปรเปลี่ยนไปได้ ใยต้องเสียเวลากับสมุทัย หาใช่มรรคาที่ไหน หากเป็นสิ่งที่นิโรธอยู่แล้ว ไร้การเข้าถึงหรือเข้าไม่ถึง ใช่ขบวนการของน้ำระเหยเป็นไอน้ำและกลับเป็นหยดน้ำ ซึ่งเป็นธรรมชาติในความเป็นเช่นนั้นเอง ใช่ว่าหยดน้ำตระหนักในความเป็นน้ำในตัวมันเอง แต่มันคือแม่น้ำที่เป็นสิ่งให้หยดน้ำ และไอน้ำเกิด ดำรงอยู่ และแปรเปลี่ยนไปในนั้นเอง ใยต้องใส่ใจต่อการระเหยของน้ำ หรือความเป็นน้ำนั้นอยู่อีกเล่า

ชื่อผู้ตอบ : ยิ่งกว่าใจ ตอบเมื่อ : 26/07/2009
ทำให้นึกถึงเรื่องๆ หนึ่งครับ ไม่รู้ว่าเปรียบกันได้ไหม คือ เรื่องการเรียนพูดภาษาอังกฤษ

มีความสงสัยกันว่า ควรเริ่มหัดจากการท่อง a b c เรียนหลักไวยกรณ์หรือการใช้ tense เพื่อหัดสร้างประโยค แบบทีเราเรียนกันตอนเด็กๆ
หรือว่าหัดพูดเลย ดีกว่า เดี๋ยวก็พูด จนสื่อสารกันได้เอง
เช่นเหมือนที่มีคนบอกว่า เมื่อพูดได้ ก็ลืมไวยกรณ์ เสีย
พุดอีกมุม เมื่อพูดได้ ค่อยมาทำความเข้าใจไวยกรณ์ กันก็ยังได้

หรือคล้ายๆ นิทานปัญหาโลกแตก ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน
นักวิทยาศาสตร์ ตอบว่า ไก่เกิดก่อน
พระ ตอบว่า ไม่มีอะไรเลยที่เกิด
พ่อครัว ตอบว่า ไปสนใจทำไม ตกลงอยากกินไก่ย่าง หรือไข่เจียว เดี๋ยวจะทำให้กิน ! แป่ว .. !!
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 26/07/2009
ผมขอไข่เจียวละกันครับ


ปล. ว่าแต่คุณนันท์ เคยอ่าน "เต๋าของหมีพูห์" อ่ะป่าวครับ?
ชื่อผู้ตอบ : โนบิตะ ตอบเมื่อ : 26/07/2009
เต่า เอ๊ย "เต๋าแบบหมีพูห์"
ชื่อผู้ตอบ : โนบิตะ ตอบเมื่อ : 26/07/2009
ได้เลยครับคุณ โนบิตะ เดี๋ยวผมเจียวให้เองครับ
ขออภัยจริงๆ ครับ ไม่เคยอ่าน ..
ชื่อหนังสือ ตั้งได้น่าสนใจจริงๆ
ประหลาดดี มันสุดขั้ว ระหว่าง เต๋า กับ หมีพูห์
หนังสือไทยหรือฝรั่งครับ
ยังหาได้ตามแผงไหมครับ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 26/07/2009
คุณ ยิ่งกว่าใจ
ขออภัยครับ ผมไม่เข้าใจเลย อยากสนทนาด้วย แต่เข้าไม่ถึงจริงๆ
มีแค่ว่า ผมก็เลือกทานไข่ ทานไก่ไปเรื่อย ก็ชอบบ้างไม่ชอบบ้างครับ ก็สนุกดี ไม่ได้คิดเรื่องนิพพานครับ เพราะไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า เลยไม่ได้สนใจมากครับ
แต่สนใจความเห็นคุณนะครับ ขอบคุณครับ
ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 27/07/2009
สิ่งที่เราคิดว่ารู้แล้ว เราจะไม่ได้รับรู้สิ่งนั้น
สิ่งที่เราไม่รู้ เราก็ได้แค่ความเข้าใจหรือไม่เข้าใจ และสิ่งนั้นก็เป็นได้แค่ความเชื่อ
หากเราเข้าไม่ถึงแก่นแท้ สัจธรรมก็เป็นได้แค่เพียงปรัชญา
แต่สิ่งที่ฉันสื่อ ก็เพียงอยากให้เธอได้เอะใจ อย่าได้หาสาระในนั้นเลย !
อย่าพยายามใช้ความเข้าใจกับมันเลย ขอเพียงให้เปิดการรับรู้ที่เหนือผัสสะทั้งหก และซึมซับมัน การตระหนักรู้จะปรากฎ และนั่นแหละ...
ชื่อผู้ตอบ : ยิ่งกว่าใจ ตอบเมื่อ : 27/07/2009
เต๋าแบบหมีพูห์ (The Tao of Pooh)

เบนจามิน ฮอฟฟ์ เขียน
มนต์สวรรค์ จินดาแสง แปล
ภาพประกอบจากต้นฉบับ โดย เออร์เนสต์ เอช. เชปเพิร์ด
อัจฉรา ประดิษฐ์ บรรณาธิการพิเศษ

(ตัดตอนจากบทนำ "เต๋าแบบหมีพูห์")

“นายเขียนอะไรอยู่น่ะ” พูห์ถามขณะปีนขึ้นมาบนโต๊ะทำงาน
“เขียนหนังสือเต๋าแบบหมีพูห์” ผมตอบ
“หาวแบบหมีพูห์เหรอ” พูห์ถาม พลางทำคำที่ผมเพิ่งเขียนเสร็จเปื้อนไปแถบหนึ่ง
“เต๋าแบบหมีพูห์” ผมตอบซ้ำ พลางเอาดินสอจิ้มมือมันให้ออกไปห่างๆ
“ฟังเหมือนนายพูดว่า เหาแบบหมีพูห์” พูห์ว่าพลางถูมือที่โดนจิ้มไปมา
“ไม่ใช่” ผมตอบฉุนๆ
“มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไร” พูห์ถามพลางชะโงกหน้ามาดูอีก ทำให้ตัวหนังสือเปื้อนไปอีกแถบ
“เรื่องการทำตัวให้มีความสุข และใจเย็นต่อทุกสถานการณ์” ผมตะโกน
“นายอ่านรึยัง” พูห์ถาม

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=rainfallsunshine&month=06-2009&date=11&group=2&gblog=39

ปล. ผมก็ยังไม่ได้อ่านเหมือนกัน...ก็แค่นึกถึงไข่เจียว
ของคุณนันท์อ่ะครับ

ชื่อผู้ตอบ : โนบิ ตอบเมื่อ : 27/07/2009
โอ้ พระเจ้า จอร์จ พิมพ์ได้สักที!!!!!!!

ว่าแต่ว่า คุณยิ่งกว่าใจ กำลังพูดถึงความรู้สึกของ คุณKarnในข้อความ
ข้างต้นใช่ไหมครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 27/07/2009
สำหรับความเห็นของคุณ"ยิ่งกว่าใจ" นั้น
ผมพูดได้แค่ว่า "อืม..."
ชื่อผู้ตอบ : โนบิ โนบิตะ ตอบเมื่อ : 27/07/2009
ด้วยควมเคารพ
ขอถามสองข้อครับ ในฐานะเราสนทนากัน

1 อยากให้เธอได้เอะใจ อยากให้เอะใจอะไรหรือครับ

2 ผมเห็นด้วยเรื่องเปิดใจและประสาทรับรู้ทั้งหมดครับ แต่อยากรู้ว่า และนั่นแหละ...นั่นแหละอะไรหรือครับที่คุณพยายามหมายถึง ต่ออีกนิดได้ไหม คือเรื่องของเรื่องคือเจ้าความตระหนักรู้นั้น ผมไม่ได้มีสนใจหรือปรารถนาจะตระหนักรู้อะไรเลยครับ ดังนั้น เลยอยากขอคำอธิบายความต่อจาก...ของคุณยิ่งกว่าใจครับ

อ้อ อีกข้อชื่นชมครับ ชื่อเจ๋งจริงๆ ยิ่งกว่าใจ แนวดี
ขอบคุณมากครับ

2
ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 27/07/2009
ลองหาดูใน google พบว่า เต๋าฉบับคุณหมีพูห์ เป็นของมติชน พึ่งออก พฤษภาคม 2552 น่าจะยังมีตามแผง จะลองไปหาอ่านดู ตามประสาแฟนเต๋า แต่ไม่ใช่แฟนคุณหมีพูห์

แต่ผมเป็นแฟน โดเรม่อน ครับ ไม่มี เต๋าแบบโดเรมอน บ้างเหรอครับ หรือ เซนแบบโดเมอน ผมว่าก็ไม่เลว นะ !

ว่าแต่คุณโนบิตะ คิดว่าไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันครับ ห้ามตอบว่า อืม... นะครับ (ผมว่ายากพอๆ กับคำถามของคุณกานต์เลยครับ ..แป่ว !!)
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 27/07/2009
อย่าพยายามเข้าใจกับมันเลย มันไม่ใช่อะไรเข้าใจอะไร สิ่งที่ต้องเข้าใจตอนนี้ก็คือ ไม่มีอะไรที่จะต้องเข้าใจอะไรทั้งนั้น มันไม่ใช่ตรงไหนทั้งนั้น มันไม่ใช่อะไรกับอะไร มันเป็นของมันอยู่แล้ว อย่ามัวอะไรกับอะไรอยู่เลย
ชื่อผู้ตอบ : ยิ่งกว่าใจ ตอบเมื่อ : 27/07/2009
เท่าที่ประสบการณ์ผมเคยเห็นนะครับ
ผมขอใช้คำตอบของธรรมชาติก็แล้วกัน
ตัวอย่างจากดอกไก่ฟ้าพญาลอ มันเริ่มจากออกดอกเป็นตัวไก่ ก่อนแล้วค่อย ๆ หลุดร่วงไป แล้วตรงดอกที่ร่วงลงไปนั้นก็จะเหลือเพียงไข่ใบเล็ก ๆ ที่จะโตขึ้นเรื่อยๆ และมีเมล็ดอยู่ภายในเพื่องอกเป็นต้นใหม่ต่อไปครับ
ผมก้อเลยสันนิษฐานว่า ไก่เกิดก่อนไข่ครับ

สำหรับเซนแบบโดเรมอน ไม่มี แต่โดราเอมอนตัวเป็นๆ ผมมีครับ :) อิจฉาล่ะสิ...แป๋ว
ชื่อผู้ตอบ : โนบิตะ ตอบเมื่อ : 27/07/2009
ลืมไป
มีภาพยืนยันด้วยครับ
http://www.jittraflorist.com/%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%9F%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AD.html
ชื่อผู้ตอบ : โนบิตะ ตอบเมื่อ : 27/07/2009
ถ้าผมต่อด้วยคำว่า .. มันเป็นเรื่องของการเข้าถึง
ไม่รู้ว่า คุณยิ่งกว่าใจ จะบอกว่า ไม่มีอะไร เข้าถึงอะไร หรือ ไม่มีอะไรให้เข้าถึง อีกหรือเปล่าครับ .. แป่ว !! ว่าแล้วก็เงียบสงัด
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 27/07/2009
อืม.. ผมเพิ่งได้ความรู้ใหม่ 2 เรื่อง จากคุณโนบิตะ คือ
1.ไก่ฟ้าพญาลอ เป็นชื่อดอกไม้ ได้ยินทีแรก พาลคิดไปถึงเรื่องพระลอตามไก่ อะไรโน่น เลยครับ
2.เป็นชื่อดอกไม้ชนิดเดียวกันกับ กระเช้าสีดา
นอกจากนี้ได้เห็นรูปจริงๆ ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ขอบคุณครับ ฟังดูคุณโนบิตะ มีความรู้เรื่องดอกไม้ดีนะครับ

แต่สงสัยว่า โดราเอมอน ตัวเป็นๆ หมายถึงอะไรครับ เลี้ยงแมวเหรอครับ หรือคนข้างตัวอ้วนเหมือน โดเรมอน ครับ .. แป่ว !
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 27/07/2009
คุณกานต์ ลองซึมซับทุกคำที่สื่อ ไปให้พ้นจากความเข้าใจ แล้วคุณจะทราบว่านั่นแหละ... คืออะไร


ชื่อผู้ตอบ : ยิ่งกว่าใจ ตอบเมื่อ : 27/07/2009
โดราเอมอน คือ ทุกสิ่งสำเร็จได้ดั่งใจหวัง ตามกฎของจักรยาลไงครับ
ชื่อผู้ตอบ : โนบิตะ ตอบเมื่อ : 27/07/2009
โอว .. คิดได้ไง และทำได้ไง
ว่างๆ เล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานบ้างนะครับ
ว่าแต่ชอบจริงๆ ครับ คุณโนบิตะ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 27/07/2009
เข้าใจว่าทั้งหมดนั้นคือควมปรารถนาดีครับ แต่ผมขออนุญาติปฏิเสธการลองซึมซับครับ คุณยิ่งกว่าใจ เพราะอย่งที่บอกครับ คือผมไม่ได้อยากตระหนักรู้ เข้าใจ หรือเข้าถึงอะไรหรอกครับ คือ ผมไม่ได้มีคำถามอะไรในชีวิตหนะครับ ตอนนี้ก็มีความสุขดี เลยไม่ได้อยากรู้อะไรจริงๆ

อาจทำให้คุณยิ่งกว่าใจต้องเสียเวลามาตอบ ก็ขออภัยด้วยครับ คือที่ผมถามไปนั้นผมถามไปแบบบ้านๆตามประสาอ่านภาษา อ่านประโยคไม่ชัด เลยไม่รู้เรื่องหนะครับ คือ ผมแค่อยากสนทนาด้วยแบบชัดเจนเท่านั้นครับ เหมือนเราอ่านหนังสือดีๆที่ตกผลึกก็มีบางคำที่เขาบอกออกมา ก็เลยอยากอ่านครับ ตามประสาชอบอ่าน ยังไงถ้าศิษย์เขลาไป คือสอนไม่ขึ้นแนะแล้วไม่เข้าใจ ก็ขออภัยครับที่ทำให้การสนทนาต่อยอดได้ไม่เท่าไหร่ แต่อยากคุยด้วยครับ แบบสบายๆ ง่ายๆ แค่แชร์ จะได้เพลินๆในเวลาว่างจากงานเหนื่อยๆและก็ภารกิจต่างๆที่สนุกสนานรับผิดชอบอยู่ ยังไงก็ยินดีครับ
ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 28/07/2009
เพียงแค่โยนคำถามให้กับจักรวาล แล้วก็ไม่ต้องไปตั้ง ไปมุ่งเอากับมันให้กลายมาเป็นตัณหา ปิดกั้นการทำงานของจักรวาลซะเอง !

ลองรู้จักใช้คำว่า "วางใจ" " ช่างมัน" "แล้ว ๆ ไป"
"ไม่ต้องมุ่งกับอะไร" แบบหมีพูห์ดูสิครับ...
แล้วบางทีมันอาจจะ ok เลย
เป็นอัตโนมัติ อัจฉริยะของมันเองก็ได้นะ!? ไม่ลอง...ก็ไม่รู้

ปล. กับคำพูดที่ดูง่าย ๆ ธรรมดา ๆ ...แต่ทรงพลังอย่างยิ่ง ต่อเมื่อเรามีความกล้าหาญและเด็ดขาด
ที่จะใช้มันให้ได้จริง ๆ
ส่วนผมก็ยังไม่ได้อ่านซะที เจ้าหมีพูห์เนี่ย
ชื่อผู้ตอบ : โนบิตะ ตอบเมื่อ : 28/07/2009
ที่คุณเป็นก็ดีอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องดิ้นกับอะไร ที่สื่อไปก็แค่อยากให้เอะใจภาพสะท้อนของดวงจันทร์บนพื้นน้ำก็เท่านั้นเอง
ชื่อผู้ตอบ : ยิ่งกว่าใจ ตอบเมื่อ : 28/07/2009
ขออนุญาต คุยด้วยคนค่ะ
เอะใจ ของ คุณยิ่งกว่าใจ นี่
ใช่ เรื่องราว เดจาวู และการรับรู้ของคุณ Karn ที่ว่า
"เวลานั้นไม่มีจริง ผมเป็นเพียงสำนึกของสิ่งใหญ่ และทั้งหมดที่มีอยู่นี้ ปัจจุบันที่มีอยู่นี้ ..มันเกิดขึ้นไปตั้งนานแล้ว"
รึเปล่าคะ??

ว่าการรับรู้สิ่งนี้..........ไม่ธรรมดา
เคยสังเกตุหลายครั้งค่ะ

"ไม่ได้คิดเรื่องนิพพานครับ เพราะไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า "

แต่ในหลายๆครั้งที่คุณ Karn สื่อออกมา(เช่นการกลับบ้าน ,มองท้องฟ้า)
มันคือสิ่งที่ผู้รู้เคยบอกว่า
นี่คือกลับนิพพานค่ะ


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 28/07/2009
ฮะ ฮ่า .. เรียบง่าย สามัญ ดีจังครับ
เอาอีกครับ คุณโนบิตะ
พูดเรื่องเดิม แต่เล่า(แบบ)ใหม่ก็ได้ครับ
ชอบครับ อ่านแล้วได้ใจดีจัง !

อ่านเรื่องของคุณยิ่งกว่าใจแล้ว ทำให้นึกถึงเรื่อง ที่มีท่านหนึ่งพูดถึงเรื่องดวงจันทร์ไว้ ..
เนื้อหาที่ท่านพูดไว้ คือว่า เราเห็นความงามของดวงจันทร์ ก็เฉพาะในความมืด เมื่อใดที่เราเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ก็จะหายไป

ฟังแล้วทำให้จินตนาการต่อว่า ..
เงาในน้ำเป็นเพียงภาพสะท้อนของดวงจันทร์
ดวงจันทร์นั้นก็เป็นเพียงภาพสะท้อนของแสงแห่งดวงอาทิตย์
ส่วนดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวันนั้น เจิดจ้าจนไม่เคยมีภาพสะท้อนในน้ำให้เห็นได้เลย

คงความหมายเดียวกับที่คุณยิ่งกว่าใจต้องการบอกว่า "หากแต่สิ่งนั้นไร้การอยู่หรืออิงอาศัยสิ่งใด" ในความหมายตามข้อความข้างบนสุดของคุณยิ่งกว่าใจ ไม่มีแม้แต่จิต ให้อาศัย ทำนองนั้น

แต่ทำอย่างไรได้ เราทุกคนก็ยังต้องมีกลางวันและกลางคืน เป็นของตัวเอง
ยามค่ำคืนอันมืดมิด หากได้เห็นดวงจันทร์ หรือแค่เงาสะท้อนของมัน ก็ยังชื่นใจ ว่าได้มีแสงสว่างนำทาง
แต่จริงอย่างที่คุณยิ่งกว่าใจว่า ถ้าเมื่อใดใจสว่างได้อย่างเช่นดวงอาทิตย์ จะมืดมิดแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวแล้ว
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 28/07/2009
คุณนันท์ครับ

ผมชอบเรื่องของดาวบางดวงครับ ที่เราจะเห็นมันก็ต่อเมื่อมองดาวดวงอื่นที่อยู่ข้างๆครับ แต่พอมองไปที่มันมันจะหายไป ต้องมองใหม่ไปข้างๆมันจะปรากฏขึ้นอีก เวลาฟ้ากระจ่างกลางความมืด ผมชอบ
มองดูเจ้าดาวนี่ครับ

คุณยิ่งกว่าใจ ผ่านตามอักษร ผมว่าผมรับรู้ได้ถึงแรงรู้สึกของคุณแล้วครับ ขอบคุณมากครับกับสิ่งที่แชร์

เรื่องอักษรพวกนี้ คิดแล้วก็ทำให้นึกถึงการพบปะกับคนลาวแปลกหน้าคนหนึ่งครับที่จู่ๆก็พุ่งเข้ามา พยายามพูดไทยปนลาวบอกผมว่า รู้ไหม อักขระทุกตัวมีพลัง ว่าแล้วก็พูดภาษาประหลาดวกวนก่อนแยกย้ายไปครับ ส่วนผมก็อยากทานเบียร์ลาวครับ

ดีใจครับที่ช่วงนี้เข้ามาพิมพ์ได้อีกไม่เด้งออก

สวัสดีครับพี่แฟนพันธ์แท้ เชียงใหม่สบายดีครับ เร็วๆนี้จะไปอีก
ไว้ขอเลี้ยงอาหารจีนพี่ซักมื้อครับ ร้านเหม่ยเจียง ครับ โดนมาก

คุณโนบิครับ
มีเต๋าแบบหมีแพนด้าไหมครับ ถ้ามีคงประมาณว่า

“นายทำอะไรอยู่น่ะ” แพนด้าถามขณะปีนขึ้นมาคอนโดผม
“กินไผ่แบบเต๋า” ผมตอบ
“เต๋าที่เมียท้องแล้วนะเหรอ ” พูห์ถาม พลางเด็ดใบไผ่คำของผมไปแถบหนึ่ง
“เต๋า โว้ย เต๋า เต๋าแบบปรัชญาหนะ เต๋าที่ลึกซึ้งไง”
ผมตอบย้ำ พลางเอามือกำใบไผ่ยัดเข้าปาก แล้วใช้ทั้งหมดของจิตวิญญานของผมสัมผัสใบไผ่นั้น ตอนนั้นผมทุ่มเทกายใจและผัสสะทั้งหมดไปที่ใบไผ่ ความรู้สึกท่วมท้นบังเกิด คล้ายว่าจักรวาลกำลังอ้าแขนตอบรับ ปรัชญา กำลังกลายเป็นอภิปรัชญา ภาษาเรื่มใช้การไม่ได้ เพราะมันยากไม่พอความเป็นอภิปราชญ์อันยิ่งใหญ่ที่เหนือยิ่งกว่าทุกอย่าง และตรงนั้นเอง..นั่นแหละ...

แพนด้าขัดจังหวะ
“ฟังเหมือนนายพูดว่า เขลาที่ลึกซึ้ง” พูห์ว่าพลางถูมือเด็ดไผ่ของผมต่อ

“ไม่ใช่ จะบ้าเหรอ” ผมฉุนๆ "ไม่ได้เขลา เต๋าเว้ย เต๋าอันสูงส่ง ไม่เกี่ยวกับความเขลาเลย นายนี่ไม่เข้าใจอะไรเลยเจ้าหมีแพนด้า วันๆเอาแต่ทำอะไรเนี่ย"

"วันๆก็ทำตัวให้มีความสุข กินไผ่และใช้ชีวิต แค่นี้ก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้วนี่ ” แพนด้าตอบ พร้อมถามผมกลับว่า "ขอถามอะไรนายอีกข้อได้ไหม"

"ได้สิ เชิญ"

แพนด้ามองหน้าผม แล้วทำท่าอายๆแบบเกรงใจ เขาม้วนนิดๆ ลังเลบางอย่าง ก่อนสูดหายใจลึก รวมความกล้า แพนด้ายื่นมือฉวยเอาไผ่ในมือผมไปถือ พร้อมถามเบาๆไม่กระโตกกระตาก

"โทษทีนะ แล้วนายหนะมาทำอะไรที่นี่ นี่มันกรงแพนด้า ไม่มีเต๋าหรอก มีแต่กล้องวงจรปิด แล้วก็คนที่ใช้ชีวิตไม่เป็น เลยต้องมาดูวิธีกิน วิธีนอนจากเรา"




ชื่อผู้ตอบ : Karn ตอบเมื่อ : 28/07/2009
ระวังใบไผ่บาดปากนะครับคุณกานต์
ว่าแต่ กินหน่อไม้ไม่ง่ายกว่าหรือ...

ปล. ถึงทุกท่านครับ สิ่งที่คุณยิ่งกว่าใจสื่อมาทั้งหมดทำให้ผมนึกถึงโศลกบทหนึ่งขึ้นมาได้

".....สรรพสิ่งล้วนปราศจากความหมาย และไร้ความแตกต่าง
มันว่างอยู่แล้วเหมือนกันหมด
สัจธรรม มันจะหมายถึง ความไม่ยึดติด
เมื่อมันไม่ยึดกันอยู่แล้ว ก็อย่ามัวแต่หาที่พึ่งที่ยึดเกาะ
ก็แค่ปลงซะ วางใจ ช่างมัน ไม่ต้องมุ่งกับอะไร
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันก็แค่ทางผ่าน
ก็เราไม่ได้เกิดมาเพื่อหลงโลก
แล้ว ๆ ไป ทุกอย่างมันจบด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว
ไม่สร้างเหตุไปเสียเอง
ดับก่อนเกิด จบก่อนเริ่มต้น"

ซึ่งทั้งหมดนี้ (จริง ๆ ยังมีอีกมากกว่านี้ ผมเพิ่งขุดเอาออกมาแค่ครึ่งกระเป๋าของโดราเอมอนเองครับ)
ล้วนแล้วแต่เป็นหัวข้อธรรมะของหลวงพ่อรูปหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสไปกราบท่านมา จึงขออนุญาตมาแชร์ด้วยกันนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : โนบิเตะ ตอบเมื่อ : 28/07/2009
โทษทีนะครับ
โศลกนี้ไม่มีการคำว่า "ปลงซะ" จะดีกว่า...แป๋ว

คุณนันท์ กรุณาแก้ให้หน่อยก็ดีนะครับ ขอบคุณมากครับ

ชื่อผู้ตอบ : โนบิ ตอบเมื่อ : 28/07/2009
แต่เดิมไม่อิจฉา ตอนนี้ชักนึกอิจฉา ..
ไม่ได้อิจฉาเรื่อง โดราเอมอน แต่อิจฉาอยากมีหลวงพ่อ แบบคุณโนบิเตะ บ้างครับ

ลองเข้าไปแก้แล้ว ไม่รู้ว่าแก้เฉพาะคำได้ยังไง เห็นมีแต่แบบแก้ลบทั้งหมดเลย เลยไม่ได้แก้ครับ .. ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาเป็นว่ารู้กัน

คุณกานต์ครับ แพนด้าขี้อายของคุณกานต์ น่า เบิ้ดกระโหลกจริงๆ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 28/07/2009
ไม่ว่าจะเป็นโดราเอมอน หรือหลวงพ่อก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากที่ใครจะเข้าถึงได้ จนทำให้คุณนันท์ต้องอิจฉาหรอกครับ เพราะทุกอย่างล้วนไม่ใช่ของใครแต่แรก...อยู่แล้ว !

ผมเต็มใจและยินดี แชร์สิ่งนี้กับทุกคนเสมอ
หากมีโอกาสเราอาจได้เจอกัน ในที่ ๆ ประจวบเหมาะพอดี...อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็เป็นได้นะครับ...(ไม่ใช่ whisper นะ)

ปล. ถ้ายังอยากรู้ พรุ่งนี้จะเฉลยให้นะครับว่าทำไม...ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว

ปล. วันนี้ขอฝากคำพูดหนึ่ง ที่เพื่อนสนิทคนนึงเคยเอ่ยกับผมว่า

"หากเข้าสู่ศูนย์กลางแล้ว ทุกสิ่งก็ไร้ความหมาย"


ชื่อผู้ตอบ : โน โนบิตะ ตอบเมื่อ : 28/07/2009
ไม่ให้อิจฉา ได้ยังไงครับ
นอกจะมี โดราเอมอน และหลวงพ่อ แล้ว
ยังมีเพื่อนสนิท เด็ดๆ อีกด้วย

ขอบคุณที่กรุณาแชร์กันครับ แล้วเจอกันเมื่อไหร่จะรู้ได้ไง ว่าใครเป็นใครล่ะครับเนี่ย

ผมมีมาฝากเหมือนกัน ครับ ..

"พบความสุขได้ ในความว่าง เพราะในความว่างนั้น มีอิสรภาพที่แท้จริงดำรงอยู่"

ท่าทาง ความว่าง น่าจะอยู่ตรงศูนย์กลาง อย่างที่เพื่อนสนิทของคุณโน โนบิตะ บอกไว้ น่ะครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 29/07/2009
อาจมีอะไรที่นอกเหนือความว่างที่เป็นฐานให้ความว่างตั้งอยู่ด้วยหรือเปล่านะ ซึ่งที่นั้นความอิสรภาพก็อิสระจากอิสรภาพนั้นเองด้วย
ชื่อผู้ตอบ : ยิ่งกว่าใจ ตอบเมื่อ : 29/07/2009
กลางคือศูนย์ มันไม่ใช่แม้กระทั่งตัวมันเอง
แต่มันว่าง...อยู่แล้ว ว่างจากความว่างนั้นอีกที
มันจึงกว้างขวางและไร้ขอบเขตได้อย่างแท้จริง ไร้การอาศัย และยิ่งกว่าสิ่งใด ก็เพราะมันไม่ใช่อะไรทั้งนั้น...
จริงมั้ยครับคุณยิ่งกว่าใจ?

ปล. ใครเป็นใคร ไม่ยาก ก็ผมโนบิตะไงครับ ยินดีที่ได้รู้จัก
แถมครับฟังสบาย ๆ http://www.baanmaha.com/community/8304-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.html
ชื่อผู้ตอบ : โน โนบิตะ ตอบเมื่อ : 29/07/2009
หากจะขอตอบคุณยิ่งกว่าใจ คงตอบได้ว่า ..
มันไม่เป็นทั้งอะไร และไม่เป็นทั้งฐาน ให้สิ่งใด
หรือหากจะสื่อสารกันให้ได้ความ
ก็ขอตอบตามสำนวนของคุณยิ่งกว่าใจว่า สภาพหรือสภาวะนั้นมันไปพ้นจากทั้งความมีและไม่มี
หรือหากจะไม่ตอบก็ใช้วิธีแก้ตัวว่า
มันยากหรือพ้นไปจากการสื่อสารกันด้วยภาษาหรือคำพูดไปซะแล้ว
หรือ ใช้เงียบฉี่ ไม่พูด ไม่ตอบไปเลย ครับ

ผมใช้นึกหน้าคุณโน โนบิตะ เป็นเด็กตัวเล็กๆ ผอมๆ หน่อย ใส่แว่นอยู่ครับ ไม่รู้ล่ะ เจอเด็กหน้าตาอย่างนี้เมื่อไหร่ ผมเข้าไปทักก็แล้วกันนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 29/07/2009
น่าจะประมาณนั้นมั้งครับ :)
ชื่อผู้ตอบ : โนโน่ โนบิตะ ตอบเมื่อ : 29/07/2009
สุดท้ายก็ขอฝากความทิ้งไว้เผื่อหากมีใครผ่านมาได้ยินได้ฟัง

มันพออยู่เองแล้ว พอเป็นจบเป็น... อย่ามัวแต่หลงไม่รู้จักพอไปเสียเอง... ไม่ต้องดิ้นรนเสาะแสวงหา ไม่หลงยุ่งไปซะเอง ไม่ต้องเกาะกระแส อย่ามัวแต่อัพเกรด อัพเดต........อย่ามัวแต่หาที่ระบายถ่ายเท มันผ่อนคลายด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว....เลิกโหยหา...ห่า เลิกตามใจตัวเอง...เลิกงมโข่ง....ออกจากกะลาครอบ...ออกจากวังวนของจิต...ออกจากตัวเอง...อย่ามัวแต่หลงโลกส่วนตัว...ไม่หลงความเป็นอยู่...ไม่หลงวนอยู่แค่พฤติกรรม....นอกเหนือจิต นอกเหนือชีวิต......ไม่ติดสุขไม่ติดทุกข์.........บนพื้นฐานแห่งความไม่ยึดติด และความเป็นจริงที่ไม่ใช่ตัวเอง...ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ คือ ธรรมบรรลุอยู่แล้ว

มันไม่มีความหมายอยู่แล้ว นั่นเอง บทสรุปของทิฐิ
มันไม่ใช่การยึดติดอยู่แล้ว นั่นเอง บทสรุปของอุปาทาน
มันไม่ใช่ตรงที่รู้หรือตรงที่เข้าใจ นั่นแหละบทสรุปของการตรัสรู้

“ตัดซะรู้” มันไม่ใช่ตรงที่อะไรเข้าใจอะไร หรืออะไรรู้อะไร
นั่นแหละบทสรุปของการตรัสรู้
คือ ไม่ติดรู้ ไม่ยึดรู้ ไม่หลงรู้ .....

"ไม่เนื่องด้วยกาย ไม่เนื่องด้วยจิต ไม่เนื่องด้วยการปฏิบัติ ไม่เนื่องด้วยความคุ้นเคย ไม่เนื่องด้วยวิถี ไม่เนื่องด้วยวิธีการ นิพพานอยู่แล้ว"....มันก็ว่างอยู่แล้ว ว่างของมันเอง...อยู่แล้วโว้ย!

ปล. แถม ไหน ๆ ก็ไหน ๆ
ขออนุญาตแจม (เสือก) อธิบายตามที่เข้าใจนะครับ

หากว่าเรา คือ แม่น้ำอันเป็นสิ่งที่ทำให้หยดน้ำ และไอน้ำเกิด ดำรงอยู่ และแปรเปลี่ยนไปในนั้นเอง
= ต้นกำเนิด (Source of the Origin)

ใยต้องใส่ใจต่อการระเหยของน้ำ = วัฏฏะ/สังสารวัฏ (Process/Cycle)

หรือ (สถานะของ) ความเป็นน้ำ = ความเป็นหนึ่ง/เอกภาพของทุกสิ่ง(Status: Oneness / Unity) นั้นอยู่อีกเล่า ?

หวังว่าคงจะไม่เพี้ยนความหมายไปจากที่สื่อมานะครับ คุณยิ่งกว่าใจ
ชื่อผู้ตอบ : โนโน่ โนบิตะก็ไม่ใช่! ตอบเมื่อ : 30/07/2009
ฟังการสนทนาธรรมของท่านผู้รู้ทั้งหลายแล้ว ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะ "ตรัสรู้" หรือ "ปรินิพพาน" ดี มึนไปหมดเลยละครับ
ชื่อผู้ตอบ : ผู้ไม่รู้ ตอบเมื่อ : 30/07/2009
เห็นเขาบอกว่า ไม่มีทั้ง ผู้รู้ ตรัสรู้ หรือปรินิพพาน ไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมยังมี ผู้ไม่รู้ อีกล่ะครับ . . แป่ว ! แซวเล่นครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 30/07/2009
ฮึ ฮึ ฮึ โดน!!!!!!!
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 31/07/2009
โดนด้วย โดนด้วย บันเทิงดีครับ สนุกดี
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 31/07/2009
เพิ่งเข้ามาโดนค่ะ แหะแหะ

ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 01/08/2009
ผมไม่โดนครับ
ผมมี กย. 15 เลยหายห่วง 555:)
ชื่อผู้ตอบ : โนบิตะ จอมป่วน ตอบเมื่อ : 02/08/2009
Uhm ! นั่นแหละ...
ชื่อผู้ตอบ : ยิ่งกว่าใจ ตอบเมื่อ : 02/08/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code