ทางโลก/ทางธรรม ยังเป็นเรื่องเดียวกัย อยู่เหรอ???
test ก่อนค่ะ
ชื่อผู้ส่ง : แฟนพันธุ์แท้ ถามเมื่อ : 17/06/2009
 


มีเหตุการณ์ "ไม่ไหลลื่น" ของแฟนพันธ์แท้ อยู่ติดกัน 3สัปดาห์ค่ะ
ต้องบอกว่า"ติดขัด/ตีบตัน" แบบไม่ธรรมดา หาสาเหตุ "บ่ได้เลย"

นอนเล่นเฉยๆไปเลยดีกว่า

และแล้วคำตอบก็มา
มาแบบผ่านเรื่องราวของคนที่เป็นฝ่ายขอคำปรึกษาตัวเราก่อนหน้านี้(โทรฯหากันทุกวัน บางวัน2-3รอบ)น้องเค้ามีความทุกข์ใจมากๆๆๆๆ
แล้วจู่ๆก็มีอันหายไป 10กว่าวัน
และโทรฯกลับมาพร้อมคำตอบของตัวเอง และเป็น แสงสว่างให้แฟนพันธ์แท้ค่ะ

เธอฝึก วิปัสสนา พร้อม ฝึก "การปล่อยวาง" ตามหลักของโชปราค่ะ
ทุกคนรอบๆตัวเธอ ไม่มีใครรู้วว่า เธอ "กำลังทำอะไร?"
จึงลงความเห็นว่า
"เฉื่อยชา....ไม่กระตือรือล้น"

คำตอบที่ได้จากการทำวิปัสสนาคือ
ทุกอย่างคือความไม่เที่ยงค่ะ(คำนี้ ฟัง/อ่าน แบบไม่เข้าใจลึกซึ้ง มันจะเชยยย ระเบิดค่ะ)

........ความลื่นไหล....ไม่ลื่นไหล....มันคือความไม่เที่ยง....

สรุปว่า หากเราเข้าใจ แบบลึกซึ้ง เราจะ ปล่อยวางได้เร็วค่ะ
พอเราปล่อยวางได้เร็ว เราจะดึงดูด สิ่งที่เรา "จินตนาการ"ไว้ได้เร็วมากค่ะ

ภายใน 5-6วัน จากที่ยังไม่รู้จะเริ่มธุรกิจที่ไม่ถนัดได้อย่างไร
ทุนจากไหน?
เช่า/ซื้อตึก อย่างไร?
คนรอบข้าง ไม่ไว้วางใจ เพราะไม่เคยทำธุระกิจ

ทุกอย่างเรียบร้อย แบบจักรวาล "จัดสรรค์"ค่ะ
มีที่ปรึกษาถูกแนะนำให้รู้จัก ในเวลาเหมาะสม
ทุนถูกระดมจากญาติพี่น้อง (ที่สำคัญจากพี่น้องคนที่ไม่เคยเห็นด้วย....เห็นความตั้งใจแล้วเกิดเปลี่ยนใจ) เป็นเงินหลายล้านบาท
ตึกอยู่ในทำเลที่ดีมาก แถมแบ่งให้เช่าเป็น แบบหอพัก
คิดแล้วได้ค่าเช่า ใช้เป็นค่าผ่อนซื้อได้เลย

แล้วแฟนพันธ์แท้ จะเล่าของตัวเองใน ตอนต่อไปนะคะ(หากระบบไม่เดี้ยงซะก่อนน่ะ...อิอิ)

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/06/2009
พอตัดสินใจ จับงานฝึกอบรม อีกรอบ
คุณลูกค้าในงานหลัก ก็"รัว!!" กันเข้ามาแบบ ไม่ต้องออกไปพบ

อะไรกันเนี่ย!!

Ordinary Magic มีจริงเหรอ????

งานฝึกอบรม เพียงแค่ ตกลงใจจัด มีคนพร้อมจ่ายเงินลงทะเบียน 8 ท่าน 2ใน 8 เป็นคนไทยสามี-ภรรยา ทำธุรกิจอยู่ สิงคโปร์ ทั้งหมดเกิดช่วงยังทำ แผ่นพับประชาสัมพันธ์ไม่เสร็จค่ะ

ที่ประหลาดก็คือ
คราวนี้เลือกทำ แผ่นพับ แบบมีสีสรร สวยงามค่ะ หากเข้าโรงพิมพ์ ก็เป็นหลักหมื่นค่ะ ได้รับคำแนะนำจากร้านพริ้นเตอร์บอกว่า ค่อยๆ พริ้นเองได้(วันละ300-500แผ่น) ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่เลขหลักพัน ทำตามที่คุณน้องแนะนำค่ะ และคุณน้องร้านเติมหมึกบอกว่า เพื่อความสะดวกเวลาเกิดปัญหา เค้าอาสาทำงานชิ้นนี้ให้ เราก้จ่ายเฉพาะค่าหมึกที่เติม ตามจริง

ช่วงที่ผ่านมาฝนตกทุกวัน น้องเลขาที่ช่วยแพคจดหมายเพื่อการประชาสัมพันธ์เค้าใช้ มอเตอร์ไซด์ค่ะ ไม่สะดวกในการ ไปรับ แผ่นพับประชาสัมพันธ์จากร้าน พริ้นเตอร์ แฟนพันธ์แท้ต้องคอยรับหน้าที่นี้เองค่ะ ต้อง ขับรถไปกลับระหว่าง ออฟฟิศ-ร้านพริ้นเตอร์(ใช้เวลา ~10นาที)3-4รอบต่อวัน เพื่อทยอยส่งจดหมายให้ถึงผู้รับให้เร็วที่สุด

สิ่งประหลาดที่ทุกคนในร้านพริ้นเตอร์(6-7คน) พูดพร้อมกันคือ
"พี่ดึงลูกค้ามาให้หนูเหรอ?? ดูสิเมื่อกี้มันเงี๊ยบ เงียบ" (เงียบ ไม่มี ห,หีบ ค่ะ มีคนสอนไว้)

เป็นยังงี้ทุกรอบที่ไป ติดต่อกัน 3 วัน
จนกลายเป็นตัวตลก ของร้าน

หากความเป็น "แม่เหล็ก"เกิดขึ้น เฉพาะกาลจริง

คงเป็นความขี้เล่นของจักรวาลแล้วละค่ะ




ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/06/2009
ช่วงที่เกิดภาวะ "ไม่ไหลลื่น" เกิดอาการ ท้าทาย พระเจ้าค่ะ
เลิกสวดมนต์!!

อิอิ แต่ยังฝันแม่นๆ อยู่ค่ะ ฝันบางเหตุการณ์ก็เล่าในนี้ไม่ได้
แต่เมื่อคืนฝันว่า
คนเข้างานฝึกอบรม แน่นมากกกก

เรื่องนี้ต้อง

รอพิสูจน์ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/06/2009
เพื่อ...ฉลอง...การใช้เว็บบอร์ดวันแรก
ขอแชร์วิธีการที่คนน้องคนดังกล่าว ใช้ในการ"ค้นหาตัวเอง"
ซึ่งน่าจะใกล้เคียงที่อาจารย์ วสันต์ได้ "รวบยอดความหมาย"การค้นหาพระเจ้าในตัว(ของเราแต่ละคน)ไว้หน่อยนะคะ


ช่วงที่ดิ่ง ในสมาธิ
เธอใช้คำถาม 3คำถามนี้ค่ะ
#ฉันคือใคร?
#จิต-วิญญาณที่อยู่ในร่างนี้ มาเพื่ออะไร
#อะไรคือเจตนารมณ์ของฉันทีจะรับใช้ผู้อื่น

คำตอบจะมาแบบไหน,เวลาไหน ไม่ต้องไปกังวล(เธอเล่ามาแบบนี้ค่ะ)
ซึ่งบางทีอาจมาในสมาธิทันที , บางเรื่องมาผ่านการสนทนากะผู้คน ในเวลาต่อมา ,บางเรื่องมาผ่านความฝัน

แต่เมื่อเราฝึกทุกวัน

ทุกคำถาม มีคำตอบเสมอค่ะ

คำตอบที่เธอได้มีดังนี้ค่ะ
#ฉันมาปรากฎที่นี่เพื่อค้นพบสัจธรรม,และยกระดับจิตวิญญาณ

พอได้คำตอบนี้ เปรียบเป็นวงกลมใหญ่ๆ

อย่างอื่นๆ ในชีวิต เป็นสิ่งที่เล็กกว่า วงกลมนี้ทั้งหมด
เช่นว่า
เรื่องราวลดคววามอ้วนของฉัน...เป็นเรื่องเล็ก
เรื่องราวความรักของฉันอาจไม่ได้พัฒนาไปถึงการแต่งงาน...เป็นเรื่องเล็ก
เรื่องราวอาชีพในฝัน....เป็นเรื่องเล็ก

แต่เรื่องเล็กทั้งหมดเป็นจริงได้โดยใช้หลักการ .... การพยายามให้น้อยค่ะ

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/06/2009
ชอบที่คุณ dadeeda ส่งข้อความมาว่า

"จงสะสางกรรม ด้วยความสุข"

ไม่ว่าจะมองมุมไหน ได้อารมณ์จริงๆ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 18/06/2009
แต่เราจะปล่อยการรับกรรมแบบ ชดใช้กรรม ให้เหลือน้อยสุดน่ะ

ชอบวิธี ที่โชปรา บอกว่า มันแก้ไขได้โดยการก้าวอยู่เหนือกรรมน่ะ

ไม่ว่า โชปรา หรือ น้องริชชี่(อุ้ย! หากทำให้ใครๆ รวมทั้ง อาจารย์วสันต์หงุดหงิด ในหัวใจ ต้อง ขออภัยจริงๆค่ะ) พูด/เขียนไว้

ตรงกัน เป๊ะ!

มีกำลังใจที่จะค้นหา(สัจธรรม) รวมทั้งมั่นใจที่จะบอกคนรุ่นต่อๆๆๆๆๆ ไปว่า


ทางโลก และทางธรรม

เป็นเรื่องเดียวกัน!!!!!!
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 18/06/2009
ตรงกันเป๊ะ ! จริงเหรอครับ .. ผมยังไม่ได้อ่าน

ในความเข้าใจของผมเฉพาะในส่วน ความหมายของโชปรานั้น น่าจะมีนัยยะว่า อย่าเผชิญกรรม ด้วยความกลัว ให้เริ่มจากยอมรับ (surrender) เพื่อเห็นและเข้าใจความเป็นไป เพื่อเราจะได้ก้าวขึ้นสู่การเห็นแง่มุมอันเป็นประโยชน์ของมัน ซึ่งไม่ใช่การเริ่มจากการวิ่งหนีหรือหลบหลีกมัน ซึ่งไม่อาจนำพาไปสู่สภาวะเหนือกรรมที่แท้จริงได้

ผมเข้าใจเอาเองว่า แค่ระดับที่หนึ่ง คือการยอมรับ เพื่อเห็นและเข้าใจความเป็นไป นี่ก็เป็นการก้าวขึ้นเหนือระบบกรรม ขั้นใหญ่แล้ว เพราะเราได้เริ่มก้าวขึ้นอยู่เหนือทุกข์ อันเป็นผลของกรรมที่เราเผชิญอยู่นั้นได้ ไม่มากก็น้อย และผมเชื่อว่า เมื่อก้าวขึ้นมาสู่ระดับนี้ได้ ผลกรรมที่เราต้องเผชิญต่อๆ ไป จะไม่มีความหมายให้เราต้องกลัว รวมทั้งยังจะช่วยนำพาให้ผลกรรมที่ต้องเผชิญใหม่ๆ เหล่านั้น มาแต่ผลของดีๆ อันเป็นเหตุ มาจากการที่เราได้ยกระดับจิตของเราขึ้นไปได้แล้วตามลำดับ

อีกอย่างหนึ่ง ผมคิดว่า คำว่า "ชดใช้กรรม" ไม่ใช่สิ่งไม่ดีเสมอไป ไม่แน่ใจว่าคุณแฟนพันธุ์แท้ พูดในความหมายไหน ทั้งผลกรรมดี หรือผลกรรมร้ายเลยหรือเปล่า ?

ผมเข้าใจเช่นนั้น เลยขอแชร์มาเช่นนี้ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 18/06/2009
จะหาโอกาส ส่งชีทไปให้ค่ะ แต่ต้องรอรับดีวีดีรายการสุริวิภาก่อนน่ะ(อิอิ ปกติไม่ชอบทวงของกะใครๆ แต่นี่เห็นว่าเป็น อัลไซเมอร์ เค้าคงไม่ถือสาน่ะ) ตอนนี้คุณนันท์ เข้าอ่าน/ชมก่อนที่
WWW.SuperRicy.org ค่ะ

เรื่องตรงกันเป๊ะเนี่ย คงต้องทำความเข้าใจกันก่อนค่ะ มันหมายถึงพูดเรื่องเดียวกัน มุ่งสู่จุดเดียวกัน

แฟนพันธ์แท้เคยเขียนในกระทู้(ไหนซักแห่ง) เรื่องกฎการดึงดูดว่ามี 3ช่อง
ช่องศาสนา*(ทางธรรม)
ช่องสมอง*(ทางโลก)
ช่องจิต*(ทางโลก)
จากความเข้าใจและประสบการณ์ส่วนตัว ต้องเลือก อย่างน้อย 2ช่อง แล้ว ต้องยืนที่ช่องทางธรรม 1 ช่อง

ขอยกตัวอย่างที่เค้า ดูเหมือนเขียน ไม่ตรงระหว่างช่องทางโลก และช่องทางธรรม (ซึ่งหากเราไม่เข้าใจ วงกลมใหญ่ๆ ทั้งหมด ก็จะเปิดเวที ถกเถียงไม่มีสิ้นสุด).....ซึ่งอันนี้ตัวเองเคยตั้งข้อสังเกตุเหมือนกัน แล้วก็สงสัยว่า ระดับ จีรนันท์ พริตปรีชา ยังพลาดได้เหรอ??(แฟนคลับอย่าพึ่งโกรธกันนะคะ ช่วยอ่านต่อให้จบก่อน)

ในหนังสือ เดอะซีเคร็ทเขียนไว้ว่า เราสั่งจักรวาลเพียงครั้งเดียวพอ ไม่จำเป็นต้องสั่งกันหลายๆ รอบ

ถึงตรงนี้ หากนำมา เปรียบเทียบการสะกดจิต.....คุณกำลังเขียนผิดหลักการแล้ว...มันต้องบอกซ้ำๆไม่ใช่เหรอ...แล้วเขียนผิด เอ้า! แล้วใครเขียนถูก และหลักการการดึงดูดเกือบทุกตำรา เราต้องสร้างภาพลวงใจให้ได้ถึงระดับในรายละเอียดที่ลึกมาก(เช่นบ้านในฝันก็จะต้องให้เห็นทุกซอกมุม ของบ้าน ต้นไม้ทุกต้น สนามหญ้า ฯลฯ)

คำตอบที่เฉลยจากคน วิปัสสนากรรมฐาน ออกมาแบบนี้ค่ะ
เขียน/พูด ถูก ทั้ง 2 หลักการค่ะ

บอกจักรวาลครั้งเดียว ไม่ต้องบอกซ้ำ ,รายละเอียดนึกไม่ออก ก็ไม่จำเป็น ให้นึกเป็นเพียง โครงสร้างใหญ่ๆ .....ใช้กับบุคคลที่วิปัสสนาค่ะ จะเข้าใจได้ทันที เพราะถึงขั้นนี้จริง จิตนิ่งมาก เชื่อมั่นในจักรวาลมาก การไปบอกซ้ำกลับกลายเป็นเรื่องความไม่เชื่อมั่น หรือ ลังเลขึ้นมาอีก สภาวะที่โชปราบอก(ในดีวีดี) "ถึงจุดหนึ่งเราบรรลุทุกสิ่งได้ โดยไม่ต้องทำอะไร" ซึ่งสภาวะนี้บอกให้รู้ว่ามีอยู่จริง (หากเอาเรื่องนี้ พูดช่องทางโลก มันจะเกิดการขัดแย้ง:แฟนพันธ์แท้)

ขอสรุปเป็นการส่วนตัวจากการ ฝึกและแชร์ของคนใกล้ตัวว่า ข้อความด้านบนจะเข้าใกล้หรือบรรลุ ในช่องทางธรรมมีความเป็นไปได้มากมากกว่าค่ะ

ที่นี้ช่องทางโลก คือไม่จำเป็นต้องไป ฝึก วิปัสสนา เพียงเราคิดบวก ผ่อนคลาย บอกย้ำตัวเองบ่อยๆ(สะกดจิต) ความละเอียดของจิตเข้าใจว่ามันต่างกันแน่นอน ครั้นจะบอกหรือสั่ง จักรวาล เพียงครั้งเดียว คงเป็นวิธีการ/หลักการ ที่เข้าถึงยาก จึงจำเป็นต้องบอกซ้ำๆ และย้ำเข้าไปให้เห็นในรายละเอียด

หากเราเข้าใจ วงกลมใหญ่ๆ ทั้งหมดได้ เราจะกลับไปตอบข้อคำถามในกระทู้ของอาจารย์วสันต์ได้ทุกข้อ แบบไม่มีข้อขัดแย้งค่ะ

ถ้าจะเขียน ภาษาของจิ๊กโก๋(จิ๊กกี๋) พระพุทธเจ้า ว่าท่านแน่แค่ไหน ในสมัยพุทธกาลเอง ก็ยังเปรียบมนุษย์เป็นบัวถึง 4 เหล่า


แล้วจะมาเขียนต่อ ในตอนต่อไปค่ะ

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 18/06/2009
มีเรื่องสำคัญมากเรื่องนึงค่ะ
ที่มันตรงกันตั้งแต่
คำสอนของพระพุทธองค์ (ข้อที่10 ในบุญกิริยา วัตถุ 10)
องค์ดาไลลามะ
ท่านติช นัท ฮันน์
หลวงพ่อปราโมทย์

กูรูภาคสนามอย่าง
ลอล่า เบอร์แมน ฟอตร์แกง
ลีน แกรบฮอร์น
ดังตฤณ

คือการแสดงความเห็นให้ตรงและถูกต้อง(ตั้งแต่ การคิด,อารมณ์,การกระทำ/แสดงออก)

จากคำถามที่คุณแม่เธอบอกว่า
ตอนยังไม่เรียนจบด๊อกเตอร์
และตอนยังไม่มีแฟนคนนี้ ลูกไม่เคยเถียงเลย ว่านอนสอนง่าย
อะไร ทำให้ลูก เปลี่ยนไป???

นี่เป็นคำถามที่ทำให้เธอ เกิดความทุกข์

เธอได้คำตอบ(จากการวิปัสสนา)ว่า
เมื่อก่อนคือ ตัวตน ที่ถูกเก็บกด(กลัวถุกมองไม่ดี จึงเก็บความรู้สึกไว้)
แต่ตอนนี้คือตัวตนที่แท้จริง

แล้วทำอย่างไรให้เกิด การแสดงความเห็นให้ตรงและถูกต้อง(ไม่ต้องเก็บกด)

เธอเล่าว่าก่อนหน้านี้ที่เธอมีความทุกข์ แล้วโทรฯหาแฟนพันธ์แท้ ปรึกษาว่าในแต่ละเหตุการณ์ จัดการอย่างไร พอทำตามแล้วมีคลี่คลาย จึง"ติด"ที่จะต้อง โทรฯ กันบ่อยๆ

ความแตกต่างหลังทำวิปัสสนาคือ เหตุการณ์เดียวกัน(ความไม่พอใจผู้คนรอบๆตัว) วิธีการที่ควรแสดงออก เป็นแบบเดิม แด่เธอทำด้วยความผ่อนคลายกว่า เพราะมาจาก "การเข้าใจ" และเต็มใจ รวมทั้งสนุกที่จะเฝ้าดูผลลัพท์ของการฝึก Surrender


ที่เขียนเล่าเรื่องราวเหล่านี้ (ขออนุญาติเจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว) ก็ด้วยเห็นว่า เป็นการยืนยันในภาคสนามว่า


ทางโลก/ทางธรรม

เป็นเรื่องเดียวกัน!!!!


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 18/06/2009
มีคนโทรฯมาแซว ว่าพอเว็บ post ได้ก็เขียนซะมากมาย
ก็นึกได้ว่า ยังไม่ได้ตอบคำถามคุณนันท์ค่ะ(อิอิ)

ส่วนใหญ่คำ ชดใช้กรรม ตามความหมายจริงๆคงทั้งกรรมดี/ร้าย มั้งค่ะ ในส่วนกรรมดีเค้าเรียกเสวยบุญ กันไม่ใช่เหรอค่ะ หากเป็นกรรมดีเราคงไม่แสวงหาวิธีการหลบเลี่ยงอยู่แล้ว ในส่วนตัวก็จะหมายถึงกรรม
ร้ายค่ะ ที่ควรตั้งรับแบบ "ก้าวอยู่เหนือกรรม"

ที่จะขยายความ" ริชชี่" "โชปรา"
ได้ให้นิยามไว้ตรงกัน คือ ..........การอยู่ในช่องว่างของการคิด.......

*อยู่ในหน้า 78 ของหนังสือ 7กฎฯค่ะ
ซึ่ง ริชชี่ เอง เค้า จะ ขยายให้เห็นในภาคของการ "ปฎิบัติ"

ก็เห็นว่าอยู่ในแนวทางเดียวกัน

ทางโลก/ทางธรรม เป็นพี่/น้องกัน ได้อยู่
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 18/06/2009
อืม ! เป็นเพราะอัลไซเมอร์ จริงๆ ลืมไปแล้ว .. แต่ตอนนี้จำได้แล้วครับ

อ่านที่คุณแฟนพันธุ์แท้เล่ามา ไม่รู้ว่างง เพราะอาการอัลไซเมอร์หรือเปล่า เพราะหลายศาสตร์ หลายกูรู จริงๆ ทั้ง กรรม ศาสนา สมอง จิต วิปัสสนา สะกดจิต กฎแห่งแรงดึงดูด ทางโลก ทางธรรม ช่องว่างของการคิด บุญกิริยา วัตถุ 10 ภาคสนาม ภาคปฏิบัติ พระพุทธองค์ องค์ดาไลลามะ ท่านติช นัท ฮันน์ หลวงพ่อปราโมทย์ ลอล่า เบอร์แมน ฟอตร์แกง ลีน แกรบฮอร์น ดังตฤณ ริชชี่ โชปรา จีรนันท์ พิตรปรีชา

ไม่รู้ครบหรือเปล่า พลิกตำราไม่ทันเลยครับ (ฮา ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 18/06/2009
หลายศาสตร์ หลายกูรู เพื่ออยากรู้เรื่องเดียวค่ะ

ว่า

ทางโลก/ทางธรรม

เป็นเรื่องเดียวกันอยู่รึเปล่า???
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 19/06/2009
ถ้าความหมายตามหนังสือ 7 กฎฯ เดินทางไปบนเส้นเดียวกันครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 20/06/2009
มีคำถามและการถกกันจาก คุณลูกค้า
ว่า สกดจิต/สั่งจิต(ทางโลก)
กับ วิปัสสนากรรมฐาน (ทางธรรม)

อย่างไหน ดีกว่ากัน

คำตอบที่ได้ น่าจะเป็นว่า ไม่มีวิธีไหนดีกว่า กันได้ในทุกๆเหตุการณ์
ขึ้นอยู่ที่การเลือกใช้ให้เหมาะและทันกะเหตุการณ์มากก่วา

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 20/06/2009
เพิ่มเติม ขยายประสบการณ์ ถึงเป้าหมาย แบบ
#อยากถึง(ติดกิเลส)
#เชื่อว่าถึง(เชื่อมั่นในจักรวาล ปล่อยวางผลลัพท์)

เธออยากเรียนให้จบ ปริญญาเอก เลยใช้เวลาเรียนทั้งหมด 8ปี
เชื่อว่าได้ทำงานที่เหมาะมีอิสระเรื่องเวลาที่จะทุ่มเทให้ครอบครัวใน อนาคต ได้คำตอบคือทำธุรกิจ รวมระยะเวลาได้ทุกอย่าดังใจจนทำสัญญา เช่า/ซื้อ ตึก ใช้เวลา 3สัปดาห์

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 20/06/2009
มีเพื่อนคนนึงไปปฎิบัติธรรม ที่ "จีรังสปา"
ได้รู้จักกับวิศกรท่านนึง ซึ่งทำธุรกิจเหมืองแร่ที่ประเทศประเทศพม่า
ได้แนะนำให้เพื่อนคนนี้อ่าน หนังสือ 7กฎฯ (เพื่อนตั้งใจฟังจนจบ ไม่ได้บอกว่าจริงๆอ่านแล้ว) และบอกออกไปว่ามีกลุ่มคนที่อ่านแนวนี้จับกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและเป็นสังคมน่ารักมาก(ความจริงเธอ โม้ เธอยังไม่เคยมาร่วมกิจกรรมใดๆ)

วิศกรท่านนี้บอกว่าอยากเจอและเสวนา กับผู้แปลฯ และผู้อ่านที่นำกฎ ต่างๆ ไปปฏิบัติแล้วได้ผล

เหตุการณ์นี้คงต้องบอกว่า
มีผู้คนอื่นๆ อีกจำนวนไม่น้อยที่อยากเชค ว่า

ทางโลก/ทางธรรม

ยังเป็นเรื่องเดียวกันอยู่รึเปล่า??
หรือว่า

ทางใคร! ทางมัน!

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 23/06/2009
การจำแนก ตามความเห็นของคุณแฟนพันธุ์แท้ว่า..
> สกดจิต/สั่งจิต (ทางโลก)
> วิปัสสนากรรมฐาน (ทางธรรม)

เป็นความหมายทางโลก และทางธรรม ที่คนละความหมายกับของส่วนตัวผมครับ ความหมายส่วนตัวผมมีง่ายๆ ว่า

ทางโลก คือ ดูแลกายภาพของชีวิต ทำกิจ การงาน มีครอบครัว เล่นกีฬา ผึ่งพุง ฯลฯ ไปตามปกติ และมีประสิทธิผลของกิจกรรมเหล่านั้นด้วยความราบรื่นด้วยดี
ทางธรรม คือ ดูแล(รู้ทัน)สภาวะของใจ ในการทำกิจ การงาน มีครอบครัว เล่นกีฬา ผึ่งพุง ฯลฯ ได้อย่างปกติ ถุกต้อง ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดประสิทธิผลต่อกิจกรรมทางโลก

หรือจะพุดอีกแบบก็คือ โลกกับธรรมตามนี้ มันก็ยังคงอยู่ในอ่างหรือชามเดียวกัน ดีที่สุดคือ อยู่เหนือความหมายหรือบัญญัติ ที่ผมกล่าวอ้างมาข้างต้น ผมเข้าใจของผมว่าอย่างนั้นครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 24/06/2009
คนละความหมาย

แล้วจะเข้าข่าย
ทางใคร/ทางมัน รึเปล่า??

อิอิ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 25/06/2009
โดยอาชีพแล้วได้มีโอกาสพบผู้คนมากมาย
จึงได้สัมผัส ความคิด เกี่ยวกับการบริหารผู้คน และความสัมพันธ์ของเจ้านาย-ลูกน้อง ในสถานทำงานต่างๆ

สังเกตุได้แบบนี้ค่ะองค์กรที่ผู้คนมีความสุข ส่วนใหญ่มีความคงอยู่ของพนักงานที่สูง(อยู่กันยาวนาน) และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยงานที่มีศักยภาพในการจ่ายฯ ล้วนมีแนวคิดนี้เหมือนกันหมด

มีแห่งหนึ่งที่ทำให้เกิดความประหลาดใจ คือเจ้าของธรุกิจที่ทำมายาวนาน(มากกว่า 10ปี) แต่มีพนักงานกว่า 90%อยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี ที่เหลือ 10% อยู่ได้ไม่เกิน 2ปี เค้ามีแนวคิดดังนี้ค่ะ เค้ายอมเหนื่อยที่จะเทรนคนใหม่ๆ หลายคน ดีกว่าที่จะเอางบฯ ไปเพิ่มให้กับคนที่อยู่นานๆ เป็นไหนๆ(เจ้าของธุรกิจท่านนี้จบ ปริญญาเอกค่ะ แล้วจบปริญญาโทบริหารธรุกิจด้วย)

เหตุการณ์ดังกล่าวถ้าให้ "เครดิต" กับ ปริญญาเอก ตัวเราคงไข้วเขวและสับสนมาก

แต่ทำให้นึกถึงข้อความของคุณ ฐิตินาถ ณ พัทลุง(ผู้เขียนเข็มทิศชีวิต) ว่า ปริญญาทางโลก เค้าหลอกให้เราเรียนอะไรก็ไม่รู้ซึ่งไม่เคยนำมาใช้ "แก้!!!!" ปัญหาชีวิตได้เลย!!!!!!!!



ทางโลก ทางธรรม

ยังเป็นเรื่องเดียวกันอยู่รึเปล่า???????
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 06/07/2009
ได้มีโอกาสไปวิปัสสนาใน ครอสปฎิบิติธรรมแห่งหนึ่ง
มีสิ่งที่แปลกไปจากที่อื่นๆคือ พระอาจารย์ มี วิธีปฎิบัติให้เลือก ถึง 4วิธีค่ะ แปลกไปมากก่วานั้นคือ วิธีสุดท้ายสอนโดย ฆาราวาส ซึ่งฆาราวาส ท่านนี้ ก่อนนำกรรมฐาน ได้เข้ากราบพระอาจารย์ที่สอน พระอาจารย์บอกว่า นี่เป็นเพียงภาพสมมุตินะโยมนะ นี่ถ้าไม่ติดว่าห่มจีวร อัตมากราบพ่อครู(ทุกคนจะเรียกฆาราวาสท่านนี้ว่า"พ่อครู")ได้เลยเพราะนับถือโดยความเป็น อัจฉริยะ เดี๋ยวพวกเราจจะได้สัมผัส คววามอัจฉริยะของพ่อครูกันนะ(พูดด้วยแววตาชื่นชมจริงๆ)

เหตุการณ์ดังกล่าว
ก็ทำให้มองเห็นว่าแม้แต่การวิปัสสนากรรมฐาน ทางโลกทางธรรม

มีเค้าว่าจะ เข้าใกล้กันแล้วค่ะ


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 15/07/2009
ทางโลก/ทางธรรม ตามความหมายของคุณนันท์ ทำให้นึกถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
ของผู้คนที่ "ปิ๊ง" ในการดู ดีวีดี 7กฏฯ เรื่องนี้ค่ะ

หลายๆครั้งของการตัดสินใจคุณ มักคิดว่า "มันไม่มีทางเลือก"
(โดยเฉพาะเหตุการณ์ใดที่ผลติดตามมา เกิดความเสียหาย)
จริงๆแล้วคุณมีทางเลือก(ผลลัพท์) ของการตัดสินใจในทุกๆขณะ

เรื่องมีว่าแบบนี้ค่ะ
ที่ผ่านมา เววลาพบเจอ ตะเข็บ ตะขาบ หรือสัตว์มีพิษอื่นๆ
เธอต้องรีบตัดสินใจ "ฆ่า" มันทันที ด้วยเหตุผลว่า "มันไม่มีทางเลือกอื่น" เพราะนี่เป็นสัตว์มีพิษ หากไม่เลือกทำเช่นนี้ สัตว์ดังกล่าว
อาจเป็นอันตราย กับคนในบ้านได้

พอเจอคำ...........ทุกการตัดสินใจ.......คุณมีทางเลือก

(มีสติ)

เธอใช้เวลามากขึ้นนิดนึง ในขบวนการขนย้ายจัดการให้สัตว์พิษดังว่า
ออกจากบริเวณบ้านโดยไม่จำเป็นต้อง เข่นฆ่ากันค่ะ

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 19/07/2009
เอาใหม่ค่ะ

ต้องบอกว่า ทุกครั้งที่คุณตัดสินใจมีผลลัพท์ติดตามมาเสมอ......และทุกครั้งก่อนการตัดสินใจ คุณมีทางเลือกที่ดีกว่าเสมอ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 19/07/2009
เห็นด้วยครับ เพียงขยับ สรรพสิ่ง ก็สะเทือน การขยับ ที่เป็นผลจาก "การตัดสิน" ของใจ แต่ทำยังไง จึงจะรู้ทันชั่วขณะ การตัดสิน นั้น ของตน มันยากจริงๆ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 19/07/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code