หมูกระดาษ
สืบเนื่องจากผมได้รับอีเมลล์ฉบับหนึ่ง อธิบายชีวิต เทียบกับหมูกระดาษ ผมเห็นว่ามันน่าสนใจ ที่จะแบ่งปันให้กับ พันธมิตรnantbook ทุกท่านได้อ่านครับ
แม้ว่าเรื่องราวจะออกไปในแนวทางพระพุทธศาสตร์ซะมากหน่อย แต่ผมเชื่อว่าทุกศาสนาอ่านได้ครับ
................................................................................................
อีกเรื่องที่ท่านใช้สอนลูกศิษย์ลูกหาบ่อยๆในช่วงปีที่ผ่านมา คือเรื่องหมูกระดาษครับ
เคยเห็นหมูกระดาษไหมครับ ไอ้หมูออมสินตัวแดงๆ ที่ทำจากเศษกระดาษมาแปะๆๆลงบนโครง
ให้มันเกิดรูปร่างขึ้นมา แล้วก็ทาสี วาดหน้าตา ให้มันยิ้มๆ
เป็นงานฝีมือจำพวกที่ ภาษาปะกิตเขาเรียก เปเปอร์มาเช่

ถามว่ามันคือหมูจริงๆไหม ไม่ใช่ครับ แต่ถ้ามันมีจิตใจเหมือนเรา ไปถามมันว่า "แกเป็นตัวอะไร"
ยังไงมันก็ต้องตอบว่า "ฉันเป็นหมูไง"

อย่างที่เคยเล่าถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า สิ่งที่เป็นตัวเรานั้นแท้จริงไม่มี
มีแต่ความสำคัญผิด มีแต่ตัวตนปลอมๆ ที่ถูกสร้างขึ้นจากความเข้าใจผิด แล้วยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเรา

มันคือผลจากการที่จิตสร้างเปลือกขึ้นทีละชั้นๆ จนเป็นรูปร่าง ตัวตนขึ้นมาเหมือนหมูกระดาษ
ว่าเราเป็นคนแบบไหน ต้องพูดแบบนั้น แต่งตัวแบบนี้ เดินแบบโน้น ถึงจะใช่เราที่สุดแล้ว

สมัยหนึ่ง เวลานักร้องจะออกอัลบั้ม มักจะมีคำพูดติดปากว่า "ชุดนี้เป็นตัวของตัวเอง"
แต่พอออกชุดใหม่ ดนตรีเปลี่ยนไป เนื้อหาเปลี่ยนไป ก็บอกว่า "เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น"

ฟังดูขำๆหน่อย แต่เขาไม่ได้ผิดนะครับ เพราะเวลาเปลี่ยน อะไรๆก็เปลี่ยน
หมูกระดาษของเขา ก็อาจจะเปลี่ยนสี แปรสภาพได้

เพราะถ้าเราไม่เคยรู้ทัน จิตมันก็จะสร้างตัวตนขึ้นมาเพิ่มเรื่อยๆ แล้วก็ยึดมั่นถือมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ
ถามว่าใครที่เป็นผู้สร้างหมูกระดาษของตัวเองขึ้นมา ก็จิตเราเองนี่แหละ

พอพูดเรื่องว่า ตัวเราไม่มี มักจะมีคนสงสัยว่า ถ้าตัวเราไม่มี
แล้วใครเป็นคนไปเกิดใหม่ ใครเป็นคนรับผลบุญ ผลกรรม ก็ตอบว่าจิตนี่แหละ

แต่จิตนี่ไม่ใช่ "ตัวเรา" นะครับ เพราะจิตเป็นสิ่งที่มีลักษณะอย่างหนึ่งคือเป็น "อนัตตา"
แปลว่า ไม่ได้อยู่ในอำนาจการควบคุมบังคับของเราได้จริงๆ

พูดง่ายๆ เกิดมาทีนึง จิตมันสร้างหมูกระดาษขึ้นมาครอบตัวเองไว้
แล้วก็ยึดมั่นถือมั่น หลงรักหวงแหน ไอ้หมูเปลือกๆนี่เป็นนักหนา

การพยายามเข้าใจ "หมูกระดาษ" ด้วยการคิดเอา อาจจะงงหน่อยนะครับ
แต่หลวงพ่อท่านสอนว่า ถ้าคอยมีสติ รู้ทันการปรุงแต่ง ความรู้สึก การคิด นึก ของจิตตัวเองไปเรื่อยๆ

ก็จะเหมือนการได้ลอกเปลือกของหมูกระดาษออกทีละชั้นๆ เปลือกของหมูก็จะบางลงๆ
ลอกไปลอกมาระยะหนึ่ง จะเห็นแจ้งได้ว่า ความจริง "หมูกระดาษ" ไม่ใช่หมูหรอก

ลอกต่อไปอีกเรื่อยๆ จนถึงที่สุด ชิ้นสุดท้าย จะค้นพบว่า
ข้างในมันก็เป็นแค่โครงเปล่าๆ ไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่าเป็น "หมู"

เหมือนที่บอกว่า สิ่งที่เรียกว่า "ตัวเรา" ไม่มี มีแต่ กายที่เกิดจากธาตุ 4 มารวมกัน
มีจิตใจ ที่เกิดจาก ความคิด นึก ปรุงแต่ง ความรู้สึก และตัวที่รับรู้สิ่งทั้งหลาย

ถ้าเห็นได้อย่างนั้นเมื่อไหร่ จิตถึงจะเป็นอิสระ เพราะไม่มีอะไรควรค่าให้ยึดมั่นถือมั่น
ไม่ยึดมั่นในตัวตน ก็จะไม่แบก ไม่แบก ก็ไม่หนัก ไม่หนัก ก็ไม่ทุกข์

เรียนวิปัสสนา เรียนรู้ "ตัวเอง" ด้วยเพียงการ "รู้สึกตัว" จึงพาคนพ้นทุกข์ได้ในที่สุด ด้วยเหตุนี้เองครับ

ง่ายจริงๆนะ ผมไม่ได้โฆษณาชวนเชื่อ

เพียงแต่กว่ามันจะคลำทางเจอ ว่าจะเริ่มลอกเปลือกไอ้หมูกระดาษของเรา ตรงไหน
อันนี้อาจจะยากสักหน่อย แต่รับรองได้ว่าไม่เกินความพยายาม

ถ้าไม่คิดมาก ถ้าไม่พยายามทำอะไรสักอย่าง ด้วยการ "พยายามคิด"
แต่รู้ทันว่าจิตมันกำลัง "คิด" มันหลงไปคิดมันก็ทำของมันเอง เราไม่ได้สั่ง

แค่นั้น ครูบาอาจารย์ท่านว่า คุณได้ต้นทางของการปฏิบัติแล้วครับ

ไม่ต้องรอให้ลางาน โดดงานไปวัด ไม่ต้องรอให้ถึงวันพระ วันโกน วันตรุษ
ไม่ต้องรอจนได้ไปนั่งหน้าหิ้งพระห้องพระที่ไหน

แค่เริ่มภาวนา รู้ลงใน กายเรา ใจเราเอง ไอ้ก้อนที่กว้างคืบยาววาหนาศอกนี่
ก็จะเป็นเขตศักดิ์สิทธิไม่ต่างจากวัดเลย

สุขสันต์วันงานยุ่งครับ เพราะแปลว่าเรายังมีงานทำอยู่


ปล. อยากเรียนเรื่องการลอกหมูกระดาษ เชิญได้http://www.wimutti.net/pramote/
ชื่อผู้ส่ง : ผู้อ่าน ถามเมื่อ : 03/06/2009
 


ดีจังครับ คุณผู้อ่าน
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 03/06/2009
ฉลองที่มีคนตอบกระทู้ผม เป็นคนแรก ผมแถมเรื่อง บารอนมิเตอร์ให้อีกเรื่องนึงครับ แต่ช่วงนี้คนหายไปไหนกันหมดก็ไม่รู้
......................................................................................
ข้อสอบวิชาฟิสิกส์
คอลัมน์ คุยกับประภาส
โดย ประภาส ชลศรานนท์

ผมมีเรื่องๆ หนึ่งขออนุญาตนำมาเล่าให้ฟัง
เพื่อนชาวสถาปัตย์ท่านหนึ่งเป็นคนเล่าให้ผมฟังอีกที
ผมฟังแล้วก็ชอบใจอยู่มาก
เพราะมันให้ข้อคิดทั้งคนเป็นนักเรียนและคนเป็นครูได้อย่างดี
เรื่องนี้สนุกครับ ถึงจะมีสูตรมีศัพท์ทางวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง
ลองฟังดูครับ

โจทย์ข้อหนึ่งในข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนมีดังนึ้
"จงอธิบายว่าท่านจะใช้บารอมิเตอร์วัดความสูงของตึกระฟ้าได้อย่างไร"

รู้จักกันนะครับ
บาร์รอมิเตอร์นี่ก็คือเครื่องมือวัดความกดอากาศนั่นเอง
(อธิบายเพิ่มเติมก็คงต้องบอกว่า อากาศนั้นมันมีน้ำหนักหรือมีแรงกดนั่น
และแรงกดของอากาศนั้นเมื่ออยู่ในระดับความสูงที่เปลี่ยนไป
ความกดอากาศก็เปลี่ยนไปด้วย)

นักศึกษาคนหนึ่งเขียนคำตอบลงไปว่า "เอาเชือกยาวๆ
ผูกกับบารอมิเตอร์แล้วหย่อนลงมาจากยอดตึก
แล้วก็เอาความยาวเชือกบวกความสูงบารอมิเตอร์ก็จะได้ความสูงของตึก"
ฟังดูเป็นอย่างไรครับคำตอบนี้ ผมฟังครั้งแรกผมยังอมยิ้มเลยครับ
แต่อาจารย์ที่ตรวจข้อสอบไม่นึกขันอย่างผมด้วย
อาจารย์ตัดสินให้นักศึกษาคนนั้นสอบตก
นักศึกษาผู้นั้นยืนยันต่ออาจารย์ที่ปรึกษาว่า
คำตอบของเขาควรจะถูกต้องอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
และคำตอบของเขาก็สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์
ทางมหาวิทยาลัยจึงตั้งกรรมการชุดหนึ่งมาตัดสินเรื่องนี้
และในที่สุดคณะกรรมการก็มีความเห็นตรงกันว่า
คำตอบนั้นถูกต้องอย่างแน่นอน
แต่เป็นคำตอบที่ไม่แสดงถึงความรู้ความสามารถทางฟิสิกส์ ดังนั้น
เพื่อเป็นการแก้ข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้น
ทางคณะกรรมการจึงให้เรียกนักศึกษาคนนั้นมา
แล้วให้สอบข้อสอบข้อนั้นอีกครั้งหนึ่งต่อหน้า โดยให้เวลาเพียง 6 นาที
เท่ากับเวลาในการสอบข้อสอบเดิม
เพื่อหาคำตอบที่แสดงให้เห็นถึงความรู้ทางด้านฟิสิกส์
หลังจากผ่านไป 3 นาที นักศึกษาคนนั้นก็ยังนั่งนิ่งอยู่
กรรมการจึงเตือนว่า เวลาผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้วจะไม่ตอบหรืออย่างไร
นักศึกษาหัวรั้นจึงตอบว่า เขามีคำตอบมากมายที่เกี่ยวกับฟิสิกส์
แต่ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะใช้คำตอบไหนดี
และเมื่อได้รับคำเตือนอีกครั้ง
นักศึกษาจึงเขียนคำตอบลงไปดังนี้
ให้เอาบารอมิเตอร์ขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกและทิ้งลงมา
จับเวลาจนถึงพื้น
ความสูงของตึกหาได้จากสูตร H=0.5g*t กำลัง 2
หรือถ้าแดดแรงพอ
ให้วัดความสูงบารอมิเตอร์แล้วก็วางบารอมิเตอร์ให้ตั้งฉากพื้น
แล้ววัดความยาวของเงาบารอมอเตอร์
จากนั้นก็วัดความยาวของเงาตึก
แล้วคิดด้วยตรีโกณมิติก็จะได้ความสูงของตึกโดยไม่ต้องขึ้นไปบนตึกด้วยซ้ำ
หรือถ้าเกิดอยากใช้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์มากกว่านี้
ก็เอาเชือกเส้นสั้นๆ มาผูกกะบารอมิเตอร์แล้วแกว่งเหมือนลูกตุ้ม
ตอนแรกก็แกว่งระดับพื้นดิน แล้วก็ไปแกว่งอีกทีบนดาดฟ้า
ความสูงของตึกจะหาได้จาก ความแตกต่างของคาบการแกว่ง
เนื่องจากความแตกต่างของแรงดึดดูดจากจุดศูนย์กลางของมวล
คำนวณจาก T = 2 พาย กำลัง 2 รากที่ 2 ของ l/g
ถ้าตึกมีบันไดหนีไฟก็ง่ายๆ
ก็เดินขึ้นไปเอาบารอมิเตอร์ทาบแล้วก็ทำเครื่องหมายไปเรื่อยๆ
จนถึงยอดตึกนับไว้คูณด้วยความสูงของบารอมิเตอร์ก็ได้ความสูงตึก
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่น่าเบื่อและยึดถือตามแบบแผนจำเจซ้ำซาก
คุณก็เอาบารอมิเตอร์วัดความดันอากาศที่พื้นและที่ยอดตึก
คำนวณความแตกต่างของความดันก็จะได้ความสูง
ส่วนวิธีสุดท้ายง่ายและตรงไปตรงมาก็คือ ไปเคาะประตูห้องภารโรง
แล้วบอกว่า อยากได้บารอมิเตอร์สวยๆ ใหม่เอี่ยมสักอันไหม
ช่วยบอกความสูงของตึกให้ผมทีแล้วผมจะยกให้

นักศึกษาคนนั้นคือ นีล โบร์
ผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปีค.ศ.1922
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 05/06/2009
ขอบคุณครับ ไปร่วมเป็นกรรมการตรวจข้อสอบกันหมดครับคุณผู้อ่าน
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 05/06/2009
ทดลอง
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 11/06/2009
คุณนันท์ครับ ผมลองเปลี่ยนเครื่องคอม ฯ ที่ไม่เคยเข้ามาพิมพ์ ทดลองดูใช้ได้ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 11/06/2009
ทดลอง
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ ตอบเมื่อ : 11/06/2009
หมายความว่า คุณนีโอใช้เครื่องเดิม แล้วยัง post ไม่ได้เหรอครับ ของผมลองดุใช้ได้แล้ว
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 11/06/2009
ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆ ลองครับผม
ชื่อผู้ตอบ : โก้ครับ ตอบเมื่อ : 13/06/2009
ทดลอง
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 15/06/2009
เอ๊ เกิดอะไรขึ้น ทำไม ทุกคนมาแต่เข้ามาลองโพสดู ปกติ พี่ๆก็โพสพูดคุยกันได้นี่ครับ หรือว่าคุณนันท์ไปเปลี่ยนระบบอะไรเว็บนี้หรอ ทำไมมีแต่คนมาลองโพส .... แล้วทำไมเว็บนี้กลายเป็นเว็บร้างไปแล้ว พี่ๆไป สิงในเว็บอื่น กันหรอครับ
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 15/06/2009
คุณนันท์ครับ
มีเรื่องจะรบกวนคุณนันท์ครับ ว่าจะสั่งหนังสือ 7 กฏ 5 เล่มแล้วจะเอาไปแจกหัวหน้าที่บริษัท แล้วบังเอิญผมมีหัวหน้าเป็นฝรั่งด้วยจึงอยากให้คุณนันท์หาเล่มที่เป็นภาษาอังกฤษให้เล่มนึงครับรวมกันเป็น 6 เล่ม ( ไทย 5 อังกฤษ 1 ) แล้วยังมี DVD เหลืออีกบ้างไหมครับ

รบกวนอีกซักครั้งน่ะครับ ขอบคุณครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 15/06/2009
ลืมไปครับ
เครื่องเดิม ( คอมฯ ) โพสข้อความได้แค่ครั้งเดียวก็ใช้ต่อไม่ได้แล้วครับ Security Code มันยังคงค้างเป็นรหัสเดิมไม่เปลี่ยนเลยครับหรือจริง ๆ แล้วมันจะไม่เปลี่ยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 15/06/2009
ระบบมันผิดปกติไปช่วงหนึ่งครับคุณผู้อ่าน หลายท่านเลยต้องกลับมาทดลอง จนวันนี้ ท่านอาจารย์เองยังบอกผมว่า ของท่านโพสต์ ไม่ได้ ผมก็เลยว่าจะให้ โปรแกรมเมอร์ตรวจดูอีกครั้ง แต่บางท่านคงโพสต์ได้แล้วครับ

ยินดีครับคุณนีโอ แต่ขอเวลาเดี๋ยวนะครับ เรื่องฉบับภาษาอังกฤษผมต้องเช็คร้าน kinokuniya หรือ asia book ดูก่อนนะครับ แล้วจะส่งไปให้พร้อมกันครับ พร้อม dvd ด้วย

เรื่อง security code มันเป็นอย่างนั้นแหละครับ ว่ามันมักเป็นรหัสตัวเดิม แต่ก็โพสต์ได้ครับ นี่ก็ถาม โปรแกรมเมอร์ ไปอยู่เหมือนกัน

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 15/06/2009
ขอบคุณมากครับ ถ้างั้นคุณนันท์แจ้งยอดเงินให้ผมด้วยน่ะครับ


ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 16/06/2009
เครื่องเดิม ใช้ไม่ได้อีกแล้วครับ

โพสต์ได้ครั้งเดียวครับต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่


ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 16/06/2009
คุณนีโอครับ ผมได้รับ mail จากคุณแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งคุณคนขอนแก่นให้ทดลองแก้ปัญหาดูได้ 2 วิธี ครับ

1. เปลี่ยน IP (ต่อเน็ตใหม่ก็หาย)
2. ไปที่ Tools (ด้านบน) เลือก > Internet Options เลือก > Delete ตรงใต้ Browsing history เลือก > Delete cookies ก็หาย

ถ้าเปลี่ยนสองอันนี้แล้วยังโพสไม่ได้ ก็แปลว่ามีปัญหาที่เครื่องนั้นๆ เพราะเว็บมันจะไม่รู้ว่ามาจากเครื่องเดียวกันแล้ว

มีหลายท่านที่มีอาการนี้ ลองดูนะครับ เพราะตัวผมเองไม่มีปัญหาแล้ว เลยลองไม่ได้ครับ

คุณนีโอ เรื่องหนังสือรอหน่อยนะครับ ตอนนี้มีอยู่ที่เดียวคือ ที่สยามพารากอน ซึ่งผมจะหาโอกาสรีบไปซื้อมาให้ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 17/06/2009
test
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/06/2009
ใช้ได้แล้วจริงๆ ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/06/2009
test
เครื่องเดิมที่ออฟฟิศ
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 17/06/2009
ด้วยวิธีการจากคุณขอนแก่น ผ่านพี่แฟนพันธุ์แท้ ส่งตรงคุณนันท์สู่บ้านนันท์บุ้ค ใช้ได้
ขอลองอีกรอบ
security code ไม่เปลี่ยน
...เพี้ยง
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 17/06/2009
สำเร็จคร๊าบบบผม..เย้ ดีใจจิงจัง
เด๋วคืนนี้จากลับไปแก้ไขเครื่องที่บ้าน

ขอบคุณนะค๊า
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 17/06/2009
พอใข้ได้ ก้อมีเหตุให้เปลี่ยนกันอีกรอบน่ะ
เอ๊ะ ยังไงกันนี่
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/06/2009
ของผมกลับมีปัญหา เมื่อกี้ไป post ต่อกระทู้ "เขียนมั๊ยครับ" (หน้า 2) กดส่งไม่ได้ กลับมาหายหมด ต้องเขียนใหม่อีกรอบ ถึงส่งได้ ใครจะ post ก่อนกดส่ง copy เอาไว้ก่อนก็ดีนะครับ

จะพยายามแก้ไขให้หายโดยเร็ว สงสัย หวัด 2009 ระบาดเข้าทาง net ! ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 18/06/2009
จะใช้ได้ดี ไม่เกิน 2ครั้งค่ะ
หลังจากนั้น ต้องมาเริ่มแก้ไข ตามคำแนะนำคุณคนขอนแก่น ใหม่
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 18/06/2009
โอนเงินให้แล้วน่ะครับ คุณนันท์ เมื่อเช้านี้เองครับ ขอบคุณครับ




ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 19/06/2009
ขอบคุณครับ ผมยังไม่รู้เลยว่าเท่าไหร่ น้องที่ office ช่วยจัดการให้น่ะครับ เพราะขืนรอผม คงอีกนาน
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 20/06/2009
ไม่เห็นมีใครตอบเกี่ยวกับกระทู้ผมเอง
TT สงสัยมันจะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 25/06/2009
ผมว่ามีประโยชน์ แต่มันเป็นเรื่องเล่า เลยไม่รู้จะแสดงความเห็นอย่างไร
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 26/06/2009
test
ชื่อผู้ตอบ : neo ตอบเมื่อ : 26/06/2009
test
ชื่อผู้ตอบ : neo ตอบเมื่อ : 26/06/2009
test
ชื่อผู้ตอบ : neo ตอบเมื่อ : 26/06/2009
test
ชื่อผู้ตอบ : neo ตอบเมื่อ : 26/06/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code