เขียนมั๊ยครับ
คืนก่อนมีอดีตบ.ก.อีกเล่มที่สนิทกับกับผมแวะมา พี่แกกำลังดาวน์กับชีวิต เพราะลาออกแล้วแกว่ง และอะไรๆสำหรับแกก็คงยากกว่ายุคก่อนการมีเงินใช้ทุกเดือนโดยที่เราแค่คิดๆ สั่งๆ วันนั้น แกถามผมว่าชีวิตนี้ยากมั๊ย? ผมตอบ ยากสิครับ ชีวิตเป็นเรื่องยากและก็เรื่องเหนื่อยด้วย เพราะเราต้องทำหลายๆอย่างไปพร้อมๆกัน ครับ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ทุกวันนี้ไม่ทำอะไรแบบหมกมุ่นอย่างเดียวอีกแล้ว แต่ทำหลายอย่างทั้งเรื่องงาน ส่วนตัว ครอบครัว คนรัก ตัวเอง เพื่อนและก็ความรู้ ทำไปช้าๆ วันหยุดก็หยุด ถึงเวลาทำก็ทำ อาจเหมือนช้าลง แต่สบายใจครับ และทำได้ดีขึ้นด้วย

พี่ที่สนิทกับผมตอนนี้แกไม่มีเงิน ผมเองก็ไม่ได้สบายนัก แต่ไม่ใจฝ่อ และเวลาลำบากก็ไม่เคยเอ่ยปากบ่นให้ใครรู้ เพราะสำหรับผมมันไม่แมนครับ ที่ต้องมาคร่ำครวญ โอดโอย สงสารตัวเองให้คนอื่นฟัง เรื่องของเรื่องคือ ไม่ได้คิดว่าจะขออะไรใครหรือหวังพึ่งอยู่แล้วเลยยิ่งไม่มีเหตุผลให้พร่ำเพ้อ

อย่างไรก็ตาม มีคำถามมาในค่ำคืนนั้น "อะไรคือเรื่องรื่นรมย์สำหรับkarn" ส่วนผมก็ตอบ "ตัวเองครับ แค่ตื่นมาสดชื่น ไมเกรนไมลง ผมก็ดีใจแล้ว ออกมาทานข้าววันใหม่โดยไม่ทะเลาะกับใครผมก็ดีใจแล้ว" ผมตอบไปตรงๆครับ เพราะผมเคยยากมาแล้วครับ เกลียดโลกทั้งโลก และอยากทำลายทุกอย่าง แต่มันก็ไม่หายไป ดังนั้นสบายๆดีกว่าครับ

ถึงตรงนี้ผมนึกถึงนันท์บุ้คส์ อีกสิ่งที่ทำให้ผมรื่นรมย์ได้เสมอ แม้จะอ่านๆบางกระทู้ก็เหนื่อย เพราะลึกๆ ยาวๆ ก็ไม่ค่อยอ่านหรอกครับอันยากๆเวลาเหนื่อย แค่คลิกเข้ามาก็สบายใจแล้ว

ดังนั้น มีเรื่องเสนอครับ ว่านอกจากเรื่องที่เราๆสนใจศึกษากันอยู่และส่งมาแชร์กันบ่อยๆแล้ว ว่างๆใครมีเรื่องอะไรรื่นรมย์ก็เขียนมาให้อ่านกันไหมครับ เรื่องรื่นรมย์ที่ผมว่านี่ก็แบบ "วันนี้ไปกินเงาะ ที่บองมาเช่มา ร้านนี้เวิร์คมาก" หรือ "เมื่อคืนเข้าเว็บเจอไซด์ ทะลึ่งๆก็ฮาดีครับ" หรือ "ผมแอบไปเหล่สาวที่ร้านอาหารมา ก็ป๊ะสายตากัน แต่ก็ไม่นอกใจแฟน กลับบ้านดีกว่าภูมิใจ" อะไรทำนองนี้ครับ

ถ้าไม่รบกวนมากอยากชวนร่วมแบ่งปันกันครับ เรื่องของเรื่องคืออยากอ่านครับ เหมือนอยากรู้เรื่องของเพื่อนครับ

ชื่อผู้ส่ง : karn ถามเมื่อ : 10/05/2009
 


^^ ยินดีมากมายเลยค่ะ

ว่างๆฟางจะมาแชร์มั่ง

เพราะเวลาเข้ามาที่นี่ รู้สึกอบอุ่นมากจริงๆ

มีทั้งคุณลุง คุณน้า ^^

ชื่อผู้ตอบ : Fangly ตอบเมื่อ : 10/05/2009
พอดีเลยครับคุณ karn เรื่องรื่นรมย์ ใหม่เอี่ยมอ่องของผม คือ ไปทานน้ำผลไม้ที่คาฟูร์สาขาลาดพร้าว ครับ วันนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมได้ไปรื่นรมย์มา

ปกติผมเองไม่ได้เสาะหาน้ำผลไม้มากนัก ทั้งที่จริงๆ ก็มีใจชอบ เพราะว่าปกติทุกที่มักเจอน้ำผลไม้ที่คั้นใส่ขวดไว้ ต่อให้สดอย่างไร มันก็ไม่รู้สึกว่าสด แต่ผมพึ่งได้ทราบว่าที่คารฟูร์เขามีบริการคั้นน้ำผลไม้ให้ และที่สำคัญเป็นการคั้นแบบแยกกากสดๆ ตรงนั้นเลย (แบบชีวจิต ทำนองนั้น)

วิธีการได้มาก็คือ ให้เราไปเดินเลือกผลไม้ที่แผนกผลไม้ ที่เราอยากจะลิ้มรสชาติ (ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกรื่นรมย์) แล้วเอาไปให้เขาชั่งน้ำหนัก เพื่อติดราคา บอกเขาด้วยว่าเราจะเอาไปคั้น เพราะเขาจะติดราคารวมในถุงเดียวเพื่อสะดวกในการจ่ายเงินตรงทางออก

สูตรของผมวันนี้ คือ ฝรั่ง สัปปะรด แอปเปิ้ล หลังจากติดราคาเสร็จผมก็นำเอาไปให้เขาคั้น ซึ่งก็อยู่ตรงนั้นนั่นแหละ วันนี้ผมจ่ายเงินค่าผลไม้ไป 92.50 บาท ได้น้ำผลไม้ผสม 3 รส มา 2 ลิตร (ตามคำบอกของน้องที่เขาคั้นให้) จนน้องเขาต้องแยกมัดใส่ถุงพลาสติกให้เป็น 2 ถุง เอากลับมาบ้าน พอถึงบ้านก็รื่นรสทันที (ครั้งก่อนผมรื่นรสที่นั่นเลย ตรงเคาน์เตอร์เขาจะมีหลอดให้) มันสดชื่นใจจริงๆ เพราะมันยังมีความเย็นอยู่เล็กน้อย หากเอากลับมาบ้านใส่ตู้เย็นให้เย็นขึ้นได้ แต่ไม่ควรทิ้งไว้นาน ตามหลักโภชนาการเขาว่าคุณภาพชีวิตมันจะหายไป

ผมสังเกตที่คนนิยมกันมากที่สุด คือ แครอต เปล่าๆ เอามาวางเรียงให้คั้นกันคนละ 6-7 หัว แอบดูราคาแค่ 30 กว่าบาท คั้นออกมาก็มี ค่อนลิตร คุ้มจริงๆ น้องเขาบอกว่าเฉพาะ แครอตนี่ วันละหลายๆ ร้อยกิโล บางวันเป็นตัน ผมฟังยังตกใจ

ใครอยากรื่นรมย์ ตามแบบล่าสุดของผม และอยู่ใกล้คาฟูร์ ลองดูได้ครับ เห็นน้องเขาบอกว่ามีทุกสาขา แต่ที่ลาดพร้าวเครื่องคั้นใหญ่ที่สุด ถ้าเอารสชาติ ก็ต้องดูชนิดผลไม้ด้วย จะได้รสชาติกลมกล่อมครับ

สูตรของผมวันนี้ สัปปะรสเขียวๆ 1 หัว แอปเปิ้ล 4 ลูก ฝรั่ง 6 ลูก กำลังดี เปรี้ยวๆ หวานๆ มีรสน้ำฝรั่งนำเล็กน้อย เพราะปริมาณมากที่สุดครับ

ผมคงรื่นรมย์กับพฤติกรรมนี้ไปได้อีกสักพัก นึกแล้วเปรี้ยวปาก ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 10/05/2009
^^ ที่บิ๊กซีแถวบ้านฟางก็มีค่ะลุงนันท์ ... คั้นกันแบบสดๆ เลย

ขอแอบบอกสูตรของฟางที่ทานประจำบ้าง อิอิ

เป็น แครอท + แอบเปิ้ลเขียว + มะนาว
รสชาติตอนเย็นจัดๆ จะเปรี้ยวๆ ได้ใจดีค่ะ ฮ่าๆ

ดื่มแล้วสดชื่น แล้วไม่ง่วงด้วยนะคะ อิอิ
แต่ช่วงนี้มะนาวแอบแพง ก็เปลี่ยนเป็นส้มแทน ได้วิตามิน ซี เหมือนกาน อิอิ

วันนี้ฟางรื่นรมย์ จากการทำสมาธิบนรถ ^^
ฟางลองเปิดเพลงฟังเบาๆ แล้วหลับตา
แล้วก็ร้องตามเนื้อเพลงไปเรื่อย
ปล่อยใจให้ไปกับเสียงเพลง
ไม่สนใจเสียงอื่นใดนอกจากเพลง จากหูฟัง
เอาใจจดจ่ออยู่ที่เสียงเพลงที่ได้ยินอย่างเดียว

รู้สึกดีจิงๆค่ะ ... เพราะใจค่อยๆเงียบลง เงียบจนไม่คิดอะไร ว่างเปล่า อิอิ

ปกติเวลาฟังเพลง ใจไม่เคยอยู่ที่เพลงเลย ไปอยู่ที่อย่างอื่น วันนี้รู้สึกว่า ได้ฟังเพลงที่ไพเราะ กว่าก่อนมากมาย ^^

Have a nice dream นะคะ ไปนอนก่อนละค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : Fangly ตอบเมื่อ : 10/05/2009
ขอบพระคุณมากครับ ทั้งคุณนันท์ และน้องฟาง ผมเชื่อว่าการแลกเปลี่ยนเรื่องรื่นรมย์นี้จะช่วยโลกได้ ยินดีมากครับที่ได้ร่วมเล่นสนุกกัน

เรื่องรื่นรมย์ของผมวันนี้ก็คือ ฝนครับ วันนี้ฝนตกหนักมาก ตอนบ่ายผมมีเวลาว่างจึงหอบโน๊ตบุ้กไปนั่งทำงานที่ร้านกาแฟ ร้านเจ้าประจำของผมชื่อว่า กู้ดมอร์นิ่ง ครับ อยู่ที่พลาซ่าลากูน วังหิน ทำงานอยู่ๆฝนก็ตกหนักแบบพายุ ร้านไฟดับ คนเงียบพร้อมกันตามประสา(สากล) ตอนนั้นเองครับ ร้านก็มืด จวบกับฟ้าหม่นข้างนอก บ่ายสามเลยคล้ายใกล้ทุ่ม แต่ภาพที่สวยคือ แสงจากโน๊ตบุ้ค หลายเครื่องตามโต๊ะต่างๆนั้นยังเรืองรองครับ แปลกด้วย แต่ก็สวยดีครับ ชวนให้ผมนึกร้านอาหารริมหาดตามเกาะที่จะเอาโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆมาตั้ง แล้วมีเบาะให้เอน โดยจุดตะเกียงสลัวๆยามค่ำคืน บรรยากาศคล้ายกันมากครับ แม้ต่างองค์ประกอบกันลิบลับ วันนี้นั่งร้านกาแฟก็คล้ายแฮงค์ริมชายหาดได้ครับ

ประทับใจเรื่องคาร์ฟูลาดพร้าว และผลไม้สดมากครับ เพราะอยู่ใกล้ๆโซนที่พักผมเลย พรุ่งนี้บ่ายๆตั้งใจจะแวะไปลิ้มรสบ้างครับ ข่าวสารนี้มาตามที่กำลังค้นหาอยู่พอดีเลยครับ ตอนนี้ผมกำลังสนุกกับการลดน้ำหนัก แล้วดูแลผิว คือเล่นท้ารทายกับตัวเองหนะฮะ

คุณ Fangly ฮะ การได้เอาใจไปอยู่กับเพลง บางทีเราอาจสามารถได้ยินเสียงเพลง ตรงกับเสียงในหัวของนักแต่งเพลงคนนั้นตอนแต่งเพลงก็ได้นะฮะ ณ ตรงนั้น คงเป็นเวอร์ชั่นที่เพราะที่สุดของเพลงนั้น
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 11/05/2009

สองเดือนที่ผ่านมานี้ มีเวลาอยู่กับที่ ไม่ได้เดินทางไปไหน ทุกวันอาทิตย์ ออกไปขึ้นเขาบ้าง เล่นเซริฟบอร์ด ว่ายน้ำบ้าง เลือกทะเลสลับที่กันไป ช่วงนี้หนาวแล้วคนไม่ค่อยมากนัก แต่นกนางนวลบินหลบหนาวมาเยอะมากๆๆ อาทิตย์นึงขณะที่ว่ายน้ำมือไปชนอะไรไม่รู้ ตัวใหญ่ๆ แข็งๆ ใจคิดไปว่าเป็นปลาฉลาม ฮาไม่ออก แต่ตอนนี้obviously แขน ขายังอยู่ครบดี

อาหารเช้าทุกวันอาทิตย์จะทานที่ร้านสุดโปรดติดหาด Balmoral เจ้าของร้านน่ารักที่สุด เจ็ดโมงเช้าเมาเรียบร้อยแล้วเพราะเค๊าทานอาหารเช้าพร้อมแชมเปญหนึ่งขวด ทานเสร็จจะขับรถไปเดินเล่นที่ตลาดขายของเก่า ของมือสอง บางทีคุยกับคุณตาคุณยายที่เอาของตัวเองออกมาขาย แล้วก็เล่าประวัติอย่างว่าของนี้มาจากไหน สำคัญกับเค๊ายังไง ราคาของถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับพูดคุยถูกคอกัน หากคนขายไม่ถูกใจผู้ซื้อ ไม่ขายให้ก็มี

หนึ่งได้เม็ดถั่วตากแห้งที่คนเผ่าอะบอริจินี่นำออกมาจากป่า ร้อยเป็นกำไลมาเส้นนึง หลังจากที่คุยกับคุณยายอย่างสนุกสนานมาสองชั่วโมง คุณยายบอกว่าพ่อเค๊าเป็นฝรั่งคนแรกๆที่เข้าไปผูกมิตรกับชาวพื้นเมือง และกำไลเส้นนี้ เป็นหนึ่งชิ้นที่ชาวอะบอริจินี่ให้มา
ราคากำไรเส้นนี้ คุณยายบอกเก็บเงินแก้เคล็ดในราคา 50 cent (ประมาณสิบกว่าบาท) ชอบมากๆๆๆๆๆ ทุกวันนี้ใส่กำไลเม็ดถั่วไปประชุมมีแต่คนมาถามว่า มันคืออะไร ?

ตกเย็นจะพบเพื่อนสนิททั้งกลุ่ม ส่วนมากจะทำบาร์บีคิวกันง่ายๆ ตามสวนสาธารณะ หรือ ทะเลใกล้บ้านใครคนใดคนหนึ่ง คุยไร้สาระ ร้องเพลง เต้นเร้งเต้นกา แยกย้ายกันกลับบ้าน

ไม่รู้ว่าทำไมทุกคืนวันอาทิตย์ จะถูกตำรวจสายตรวจหยุดรถเรียกตรวจค่าแอลกอฮอล์ทุกครั้งไป คิดเองว่าตอนง่วงๆหน้าคงคล้ายกับคนเมา ......



ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 11/05/2009
เรื่องรื่นรมณ์....กับเรื่อง..ลี้ลับ..ไม่รู้แทนกันได้รึเปล่า?

เริ่มต้นก็เป็นเรื่องรื่นรมณ์ค่ะ พาแม่ และหลานไปเที่ยวน้ำตกคลายร้อน
วางแผนว่าจะอยู่ที่นั่นครึ่งค่อนวันค่อยกลับ พอไปถึงก็ลืมว่าเป็นหน้าร้อนไปเลย ขากลับนึกได้ว่าเป็นเส้นทางเดียวกับ สถานบูรณะรักษ์ธรรม ของอาจารย์ รัตน รัตนญาโน

สถานที่แห่งนี้ เป็นบริเวณที่ลูกศิษย์ ยกให้พระอาจารย์รัตน์ เพื่อเป็นสถานที่รองรับบำบัดผู้ป่วยจากทั่วประเทศ(สดวกกว่าที่ต้องไป..แม่ฮ่องสอน) ในกรณีที่รักษาทางแผนปัจจุบันแล้วไม่หาย

ท่านบำบัดโดยการให้ใช้..พลังสมาธิ ค่ะ..และใช้เรื่อง พลังปิรามิด
ที่คาใจเมื่อซัก 3 สัปดาห์ที่แล้วได้มีโอกาสไปทดลอง..นอน..ในเตียงปิรามิด มาค่ะ ความประหลาดก็คือนอนหลับตาไปไม่ถึง 20นาที เหมือนว่าได้หลับพักผ่อนเป็น1-2ชั่วโมงเลย...หายเหนื่อยหายเพลีย
เพื่อนที่ไปด้วยกันเค้าบอกว่าเค้าหลับไปเลย มีสภาพตอนนั้เหมือนถูกสกดจิตระลึกชาติ เห็นภาพมากมาย ไม่แน่ใจว่าฝัน หรือกำลัง ระลึกชาติอยู่

มีคุณสมบัตินึงที่อยากให้คุณแม่และหลานสาว ได้ร่วม...ทดลอง...
ท่านบอกว่า..สามารถ..ลดของเสียโดยเฉพาะโลหะหนักได้(คงไม่ต้องไปรู้ถึงกลไกกันหรอกนะคะ....เพราะขนาดว่านักวิทยาศาสตร์ก็ยังต้องค้นคว้ากันอยู่เลย...เอาแค่ว่าดีต่อสุขภาพก็พอละ)

เมื่อวานนี้จึงมีโอกาส นอนลงไปบนเตียงปิรามิดค่ะ นอนไป 1ชั่วโมงเต็มๆ สิ่งที่ประหลาดเห็นได้ทันทีคือ ผู้หญิงอายุ 65 ปีผิว ขาว-เหลือง หน้าตาสีผิวเปลี่ยนไป บ่งบอกว่า Blood circulation ดีมากๆ
ส่วนเด็กหญิงอายุ14ปี บอกว่า..หลับสบายมากๆ พอกลับมาถึงที่พัก ก็เพิ่มความประหลาดใจว่า แผลร้อนในที่ปากหายแล้ว ปกติจะใช้เวลา2-3วันกว่าจะหายได้......พูดพอถึงความอ้ศจรรย์ของเตียง ปิรามิด แม่ก็บอกว่า ไม่รู้ว่าจะ อุปทานรึเปล่า เหมือนว่าอาการปวดเข่า เบาบางไป

การมีส่วนช่วยให้คนรอบตัวมีสุขภาพที่ดีขึ้น.......ถือเป็นความสุขใจคลื่นพลังงานคงอยู่ใกล้ๆ........กับความรื่นรมณ์ส่วนตัวนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 11/05/2009
ดีจังครับ ผมเห็นว่า นั่นน่าจะเป็นความรื่นรมย์ ชั้นดีจริงๆ ด้วยซ้ำไปครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 11/05/2009
ช่วงนี้ยุ่งมาก ได้มาอ่านความรื่นรมย์ในนี้แล้วพลอยรู้สึกสบายไปด้วย...ว่าแล้วในรายการทัวร์ของเราน่าจะมี optional นอนเตียงปิรามิดด้วยนะคะคุณแฟนพันธุ์แท้
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 11/05/2009
เมื่อคืน ผมมีเรื่องรื่นรมย์สองเรื่องครับ หนึ่ง ผมได้เปิดเพลงฟังเล่นเอง ตอนร้านเลิก เพลงที่ว่านั้นเป็นเพลงแนวซึมๆที่ชอบฟัง ซึ่งไม่ได้ฟังมาพักใหญ่ (แนะนำคร่าวๆว่าเป็นผลงานเพลงของน้าทิวา สาราจูฑะ เจ้าสำนักนิตยสารสีสัน ชื่ออัลบั้ม ซึมเศร้า เหงา แฮงค์ครับ ร้องโดย จอมยุทธโอว ยื่นย้ง หรือ ยืนยง โอภากุล ครับ) ที่ผมไม่ได้ฟังอัลบั้มนี้มาพักนึง ไม่ใช่เพราะลืมหรือไม่อยากหรอกครับ แต่ที่ผ่านมาผมสังเกตุได้ว่า เวลาฟังทีไร ผมจะซึมเศร้าแล้วหดหู่จนหงุดหงิดคนอื่นอยู่เรื่อยๆ เลยพยายามเพลาๆไว้เนื่องจากเคยถูกวินิจฉัยไว้ว่ามีอาการซึมเศร้าขนาดน่าห่วงมาก่อน และห้ามอยู่ใกล้อาวุธเด็ดขาด

อย่างไรก็ตามหลายปีผ่านไป ผมก็แค่ดำรงชีวิตไปตามเรื่องราวมากมายที่มีมาให้คิดและทำครับ เมื่อวาน ฝนตกพรำ ร้านเหงาๆเก้าอี้วางซ้อนในแสงไฟบางสลัว ผมเปิดและนั่งฟังเล่น และพบว่าน่เป็นครั้งแรกที่ฟังได้อย่างซาบซึ้งโดยที่หลังจากฟัง ผมไม่มีความหดหู่เลยแม้แต่น้อย ผมรู้เลยว่าช่วงหลังที่ความคิด อารมณ์ และจิตใจเริ่มเปลี่ยนแปลงไปนั้น มันคิอสัญญานบอกว่าผมได้ตายและเกิดใหม่แล้ว
ราวๆครึ่งปีก่อน ผมได้แค่รู้สึกว่า ผมตายไปแล้ว และก็บอกคนอื่นๆแบบนี้โดยไม่เข้าใจมันนัก แค่รู้สึก แต่เมื่อวาน ผมเริ่มพบว่าผมกำลังรู้สึกถึงการเกิดใหม่ครับ มันสวยงาม ปลอดภัย และร่าเริงครับ

สอง เรื่องรื่นรมย์ก่อนนอนคือ ผมเดินไปหยิบหนังสือที่เคยเขียนเมื่อสี่ปีก่อนมาอ่าน ระหว่างอ่าน ผมมีความภูมิใจ และ ชายหนุ่มผู้เขียนคนนั้นเหลือเกิน ผมซาบซึ้งครับที่เขาเคยเจ็บ และเข้าใจ และผ่านมันมาได้ อย่างไรก็ดี การอ่านเมื่อคืน ผมรู้สึกราวกับว่าเป็นคนละคนกับผู้เขียน คนในนั้นคิดคนละแบบและมองโลกคนละแบบกับคนที่ถือหนังสืออ่านเมื่อคืนนี้ แต่ก็รู้อยู่ เราคือคนคนเดียวกัน ผมอ่านอย่างรื่นรมย์ครับ เอ็นดูเขา เมื่อคืนไม่ได้คิดเรื่องสรรพสิ่ง พลัง หรือความรู้ใดๆเลย มีแค่ความเงียบและความอบอุ่น อบอุ่น อบอุ่น

ขอให้พลังรื่นรมย์เกิดกับทุกท่านครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 12/05/2009
แก้คำ ตกหล่นครับ
ผมมีความภูมิใจ และ "รัก" ชายหนุ่มคนนั้นเหลือเกินครับ
ขออภัยครับ

พอย้อนมาปรูฟคำตกหล่น เลยทำให้แว้บประโยคใหม่ในใจขึ้นมาได้ครับ ประโยคที่ผุดมาในใจผมเมื่อครู่คือ

การรักตัวเองนั้นไม่ใช่การคิดปกป้องหรือทำอะไรเพื่อประโยชน์ตนเองหรอกครับ การรักตนเองเป็นแค่การ "รัก" ตนเอง แค่นั้นครับ แล้วสิ่งที่ว่ามาก็จะเกิดขึ้นเอง

ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 12/05/2009
หลายเดือนมานี้ dadeeda รู้สึกรื่นรมย์ไปกับการเฝ้ามองดูฝูงนกบินฉวัดเฉวียนไปมาบนท้องฟ้าค่ะ

ไม่รู้ทำมัยเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อก่อนไม่เคยได้สังเกตุ ไม่เคยเหล่ ไม่เคยมอง หรือมันถึงเวลาแล้ว ทุกวันนี้สายตาของdadeedaจึงต้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าทุกครั้ง หรือถึงแม้ไม่ได้ตั้งใจมอง บรรดานกสารพันชนิดก็จะโผผินโบยบินโฉบเฉี่ยวให้ต้องแหงนคอมองทุกทีไป

แล้วก็จะรู้สึกถึงความเป็นอิสระเสรีของพวกมัน บางวัน บางตัวมันจะไม่บินแต่จะร่อน ร่อนถลาลม ฟู่ววว์ บางวันพวกมันมากันเป็นฝูงบินไปในทิศทางเดียวกันไม่แตกแถว บางวันพวกมันเหมือนจะบินแข่งกัน dadeedaเฝ้าสังเกตุว่ามีบางตัวแซงหน้า ประเดี๋ยวอีกตัวก็แซง และใช่ค่ะ พวกมันไม่เคยชนกันจนตกลงมาสักที อิอิ บางวันมันก็มาตัวเดียวโด่เด่แต่มันคงไม่เหงาใจเพราะเห็นเกาะต้นไม้ร้องเพลงเสียงหวานเชียว

ล่าสุดdadeedaไปอยู่กลางทะเลใต้ขณะที่เรือวิ่งฝ่าคลื่นลมและฝนตกลงมาอย่างหนักนั้น บรรดานกทะเลทั้งหลายต่างก็ออกมาบินถลาเล่นลมเริงร่าท้าลมฝนกันอย่างมีความสุข มันไม่ยักกะบินหลบฝนเหมือนอย่างมนุษย์เราที่ฝนตกเมื่อไรเป็นหาที่กันฝนกันวุ่นวาย

สำหรับdadeedaการโผผินโบยบินของเหล่านกพวกนี้ ทั้งสวยงาม สงบ สบายใจ ปลอดโปร่ง และมันทำให้ระลึกถึงเสรีภาพอันยิ่งใหญ่ เสรีภาพที่เราเองก็มีอยู่กับตัวเช่นกัน

ตอนนี้นึกเพลงได้เพลงนึงค่ะ " ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน ติดปีกบินไปได้ไกลไกลแสนไกล จะขอเป็นนก..ถ้าหากฉันเกิดเป็นเมฆบนนภา จะนำพาความร่มเย็นเพื่อท้องนา...จะขอเกิดเป็นเม็ดทราย.." อาจไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่ แต่เนื้อเพลงมีทั้งนก มีทั้งเมฆ มีทั้งท้องนา มีทั้งเม็ดทราย เหล่านี้ช่วยสร้างความรื่นรมย์ให้กับชีวีได้อีกพะเรอเกวียน




ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 12/05/2009
เขียนด้วยครับ..คุณkarn

สวัสดีครับ.....อ่านเรื่องราวแห่งรื่นรมย์ของทุกๆท่าน แล้วมีความสุขจังครับ สัมผัสได้เลยว่าความสุขรื่นรมณ์แทรกตัวอยู่มากมาย เป็นการทำให้ตอนนี้ผมสังเกตความรื่นรมย์ ผลคือหาสุขได้มากขึ้น ขอบคุณครับ

และความรื่นรมย์ของผม อันแรกในขั้นต้น ผมช่วงนี้และตอนนี้ ยังไม่ได้ไปไหนมาก ผมขออณุญาติเป็น ผลงานนะครับ

คือผม มีความรื่นรมย์มากๆกับการทำงาน(ปั้น)อิสระรูปแบบที่อยากทำครับ(ที่เมื่อก่อนจะได้แต่ตั้งท่า ว่าจะ ว่าจะ ไม่ว่าง ไม่มีแรงบันดาลใจ ไปเรื่อยเปื่อยครับ สารพัดข้ออ้าง) แต่ตอนนี้ มาเต็มสูปครับ ตั้งใจทำงานปั้นขนาดเล็กตั้งโชว์ ที่ผมสร้างสรรค์และใส่ไอเดียสะใจไปเลยครับ ออฟชั่นเพียบครับ ทำอย่างละชิ้นเดียว อันเดียว ทำแล้วทำเลยไม่ทำซ้ำอีก เอาสะใจ ปลดปล่อย ทำแล้วค่อยว่ากัน และผมคิดว่าจากนี้ไปผมจะสร้างรูปแบบชิ้นเดียวไปตลอดเลยครับ
แรงบันดาลใจ พลังใจ ได้เรียกความเป็นศิลปินกลับมาอีกครั้งครับ ความคิดพรั่งพรูจนผมคิดว่าแทบจะตามเก็บไม่ไหว พลังนี้ทำให้มีแรงกายมากมาย ผมนวดดินเอง ปั้นเอง ลงสีเอง เหงื่อติ๋งๆ แต่สนุกมาก ไม่อยากหลับอยากนอนเลยครับ ,แต่ก็ต้องแบ่งเวลาให้ดีๆเพราะเพลินครับก็ลงมือไปแล้วเรื่อยๆครับ ซึ่งการดีไซน์ เป็นลักษณะเฉพาะตัวของผมเอง คือเป็นงานจินตนาการกึ่งการ์ตูนครับ

งานปั้นขนาดเล็กที่สร้างรอยยิ้ม setแรก ผมเลือกเจ้าแมวไทยสีสวาดเป็นตัวเอกของผลงาน...แมวหเมียวนางเงือก.แมวเหมียวนายเงือก(ครึ่งแมวครึ่งปลา ) ,เจ้าแมวเหมียวในชุดย้อนยุคแกสบี้,เจ้าแมวในยุค60,เจ้าเหมียวกามเทพ, เจ้าเหมียวนั่งสมาธิ,เจ้าแมวเหมียวทหาร(หน่วยซิว) ,แมวเหมียวแม่หญิงเมือง,

Set ต่อมา เป็นแนวนางในวรรณคดี,นางกินนรี,กลุ่มหญิงไทยนุ่งกระโจมอกอาบน้ำ,นางเงือก,

และ ปิ๊งๆล่าสุดครับ...พลังยิ้มๆ พลัง(ฮา) สร้างงานปั้น ที่ผมเรียกว่า *ทีมยิ้มแฉ่ง*
ครับมี...ยิ้มแฉ่งฟันหล๋อ,ไฮโซยิ้มแฉ่ง,เด็กน้อยนั่งสมาธิ(ยิ้มปิติ),ครอบครัวยิ้มแฉ่ง ผมเริ่มทำไปขำไป ฮาๆบ้างอะไรๆไปเรื่อยเปื่อย รื่นรมย์มากอย่างแท้จริง ไม่รู้เวลา นาทีเลยครับ ซึ่งงานทั้งหมดก็ยังกำลังทำอยู่ในขณะนี้ครับ แฮะๆผมเล่าเล่าซะอย่างกับโฆษณาขายเลยนะครับ เปล่าครับมันรื่นรมย์จริงๆครับ ไม่ได้คิดเรื่องการขายเลยครับ ทำไว้ก่อน เพราะอยากทำครับ และผมมีความคิดว่าตั้งใจจะทำ ตุ๊กตายิ้มแฉ่งเก็บไปเรื่อยๆ โดยตั้งใจว่าเมื่อมากพอจะนำเป็นที่ระลึกให้เพื่อนๆนะครับ

คุณแฟนพัน์แท้ครับ.....ปีระมิดผมเชื่อนะครับ จำได้ว่า ครั้งที่ผมรื่นรมย์กับหนังสือต่วยตูน(แฮะๆยังไม่ผิดคอนเซปท์นะครับคุณ karn) แบบติดงอมแงม ชอบอ่านมากๆเรื่องพลังปิรามิด ที่เค้าว่าเป็นศุนย์รวมสนามแม่เหล็กโลก ตัวเราก็เป็นคลื่นพลังงานนะครับ ยอมมีผลนะครับ ยิ้มๆ


อ้อ!เมื่อหลายวันก่อน ตอนกลางคืน ไฟดับหลังเว้นหลัง ขำๆดีครับ ข้าวก็หุงไม่ได้ ผมก็เลยฟาด ผัดกระเพราไก่ใส่เส้นมาม่าลวกแบแห้งๆ รื่นรมย์ดีครับ และวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา พระจันทร์สวยมากๆนะครับ มองแล้วรื่นรมย์สุขใจครับผม...ยิ้มๆๆ


ชื่อผู้ตอบ : โก้ครับ ตอบเมื่อ : 13/05/2009
ชอบเรื่องนกมากครับ คุณ dadeeda ชอบมากที่บอกว่า อยู่กลางทะเลพวกเรามนุษย์หลบฝน แต่นกนั้นยังร่าเริง ชอบมากๆครับ ซาบซึ้งท่วมท้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตือนใจได้ดีที่คุณบอกว่า มันทำให้เราระลึกถึงเสรีภาพยิ่งใหญ่ เสรีภาพที่เราเองก็มีอยู่กับตัวเช่นกัน

ทีมยิ้มแฉ่ง เจ้าเหมียว และโลกส่วนตัวของนักปั้น รื่มรมย์และเย็นใจดีครับ ขอให้คุณโก้มีความสุขมากๆในแต่ละนาทีนะครับ

เรื่องรื่นรมย์ของผมช่วงนี้คือ ผมพบว่าผมโกรธแล้วหายเร็ว และโมโหน้อยลงอีกนิดครับ คิดมาน้อยลง และวิตกน้อยลงหลังจากเริ่มสะสมเรื่องรื่นรมย์ครับ ไปไหนๆก็มีหัวเราะเองคนเดียวได้บ่อยๆ เห็นหมาที่ไม่รู้จักเป็นหมามากขึ้น แล้วมีความรู้สึกใกล้ชิดมัน เรียกคุย สื่งสารความรู้สึกกับมัน เห็นมุมขำๆของเรื่องเรียบง่ายเคยชิน หรือเรื่องที่ไม่มีอะไรน่าสนใจได้มากขึ้นครับ

วันนี้ฝนตก วันนี้ผมตกลงใจสุขครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 13/05/2009
นี่เป็นกระทู้ ที่ช่างส่งเสริมพัฒนาการของสมองซีกขวา ได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ อ่านเรื่องของคนตั้งกระทู้ และผู้เข้ามาร่วมเล่าประสบการณ์ของความรื่นรมณ์ แล้ว ต้องบอกว่ามันยอดเยี่ยมมากจริงๆ

ผม คุณนันท์ และคุณหนึ่ง อาจโชคดีกว่าหลายคนในที่นี้ เพราะได้สัมผัส "งานที่หลอมรวมจิตวิญญาณ" ของคุณโก้ ได้เป็นรูปธรรมแล้วอย่างชัดเจนยิ่ง เมื่อเร็วๆ นี้ เพิ่งได้ดูรายการทีวีรายการหนึ่ง ซึ่งเขาได้นำเสนอเรื่องราวของปราชญ์ชาวบ้านท่านหนึ่ง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "ช่างตีดาบด้วยหัวใจ" ดูแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงคุณโก้ขณะทำงานปั้น คิดถึงคุณนันท์ขณะทำงานแปล นี่มันก็เรื่องเดียวกันเลยนะเนี่ย นอกจากนี้ ยังได้ดูเรื่องราวของคณะละครหุ่นโรงเล็ก (ซึ่งเดิม มีชื่อว่าโจ หลุยส์ แต่ภายหลังมาเปลี่ยนชื่อ ตามชื่อพระราชทานจากสมเด็จพระพี่นางฯ ซึ่งทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นแห่งสุดท้าย ก่อนเสด็จสวรรคต) ดูทายาทของผู้ก่อตั้งหุ่นละครโรงเล็กเขาทำงานกันแล้ว ก็ต้องบอกว่าปลื้มปิติจนน้ำตาเอ่อ จริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้ทำงาน พวกเขาไม่ได้กำลังหาเลี่ยงชีพ พวกเขาไม่ได้กำลังดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดไปวันๆ แต่พวกเขากำลัง "ใช้ชีวิต" พวกเขากำลัง "ดำรงอยู่" พวกเขากำลังอยู่ใน "สภาวะไหลื่น" พวกเขาสามารถเข้าไปอยู่ใน "มณฑลแห่งพลัง" ได้แล้วโดยสมบูรณ์ ซึ่งพวกเราในที่นี้หลายคน โดยเฉพาะคุณโก้ ก็กำลังมีสภาวะอย่างนั้นกันอยู่

คงไม่ทำให้กระทู้ของคุณ karn ต้องมาเสียบรรยากาศไปนะครับ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 13/05/2009
ไม่เลยครับอาจารย์ ยินดีมากครบที่อาจารย์เข้ามา ยังนึกถึงอาจารย์อยู่บ่อยๆ และขอบคุณเสมอกับ "มณฑลแห่งพลัง" ครับ การอ่านข้อเขียนของอาจารย์ก็ถือเป็นเรื่องรื่นรมย์อย่างหนึ่งของผมครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 13/05/2009
"ทีมยิ้มแฉ่ง" . . คุณหนึ่งต้องแอบกรี๊ด ด้วยความชอบมาก แน่ๆ เลยครับ

ผมรู้สึกได้ว่า ทุกขณะที่เราเห็นสิ่งรื่นรมย์ทั้งหลาย เราจะยิ้ม ทั้งใจ และมุมด้านในของปากเป็นอย่างน้อย ทุกทีเลยครับ

สำหรับผมมันเป็นของคู่กัน ขาดกันและกันไม่ได้ จนไม่แน่ใจว่าสิ่งใดเกิดก่อนกัน

ชอบที่ท่านอาจารย์พูดประโยคนี้จังครับ . . พวกเขาไม่ได้กำลังดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอดไปวันๆ แต่พวกเขากำลัง "ใช้ชีวิต" พวกเขากำลัง "ดำรงอยู่". . มันจริง !! และได้อารมณ์เนื้อเน้นๆ ดีจังครับ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 14/05/2009
กราบสวัสดีอาจารย์วสันต์ คุณนันท์ และทุกๆท่านครับ

ผมขอ....ยิ้มแฉ่งกับคุณนันท์ไว้ก่อนเลยครับ ครับทุกๆท่านที่นี่เป็นคำตอบได้ดีที่สุดถึงคำว่า....พวกเขากำลัง "ใช้ชีวิต" พวกเขากำลัง "ดำรงอยู่"

คุณkarnครับ ในวันนี้ของคุณkarn ช่างมีมิติของความสุขมากมาย ดูกลมกลืนไปกับความรื่นรมย์อย่างชนิดที่เรียกว่า “ฉันเป็นความมหัศจรรย์”ระดับคลื่นความถี่ของอารมณ์แบบนี้ช่างสอดคล้องและมีพลังดึงดูดในสิ่งที่คุณ karnปรารถนาให้สำเร็จได้ดีมากๆเลยครับ การตั้งกระทู้อันนี้ ผมขอคาราวะในความคิดสร้างสรรค์ของคุณ karnจริงๆครับ

และผมมารายงานความรื่นรมย์ครับ

รื่นรมย์สมอุรา ชื่นตาฟ้าเบิกบาน นกร้องขับขาน สราญแสนสุขใจฯฯฯฯ

ช่วงตั้งแต่ต้นปีนี้ ที่บ้านผมจะมีนกมาอยู่มากเป็นพิเศษ มากจนผิดสังเกต (ปกติไม่กี่ตัวครับ)เรียกว่าหลายฝูงเลยครับ และเสียงร้องเจื้อยแจ้วดังทั้งวัน และรอบทิศทาง ทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน ข้างบ้าน แถมลงมาอาบน้ำที่อ่างบัวตอนเย็นๆอีก เล่นเอาเจ้าสี่ขาของผมได้อลหม่าน เสียงร้องเพลินมากๆเพราะมีหลายชนิดมาก ทั้งดังกังวาล ทั้งจุ๊บๆจิ๊บ ระงมไปหมด ทั้งวันและรอบทิศทางจริงๆครับ รื่นรมย์ดีแท้ครับ และตามประสาผมครับ(ที่ชอบเล่นกับจิตใน) เหตุที่ผมสงสัย เพราะคำใบ้เผยตัวค่อนข้างชัดเจน ผมพิสูจน์ในเรื่องคำใบ้มามากครับจนมั่นใจอย่างที่สุด เหลือเกินว่า..เมื่อเราสงสัยและน้อมหาคำตอบ จากภายใน ปล่อยวางไว้ คำตอบจะมีให้เราเสมอ จริงๆครับผม

ผมจึง หาคำตอบ เพราะจากคำที่ว่า*ไม่มีสิ่งใดเป็นเหตุบังเอิญและ ทุกๆเหตุบังเอิญคือคำใบ้ของจักรวาล*
ผมถามตัวเองทิ้งไว้ว่าเมื่อสักอาทิตย์ที่ผ่านมา
“ *เหตุที่นกมากๆและร้องดังทั้งวัน ทุกๆวันมีความหมายว่าอะไร*”
แล้วก็ลืมไปแล้วครับว่าถาม ได้แต่นั่งวิเคราะห์กันเองกับคนในครอบครัว และที่ดูจะน่าเชื่อถือเ คือ เป็นเพราะทิศทางลมเปลี่ยนฮวงจุ้ยเปลี่ยนทิศ ดีนะ ครับ..... ดี แต่ดีอย่างไร?

จากที่คุณ dadeeda ได้กรุณาเล่าเรื่องราว ความรื่นรมย์ ไว้ เมื่อวานผมก็อ่านอย่างเพลิดเพลิน เพลินจนอยากจะไปท่องทะเลเสียวันนี้เลย คำบรรยายพาไปใจลอยทะเลใต้เลยครับ แบบกลิ่นทะเลมาเลย เสียงฝูงนกมาเลย ก็อ่านจบครับ ไม่รู้เลยว่าคำตอบซ่อนตัวอยู่ในข้อความของคุณ dadeeda แล้ว

และในที่สุด..ผู้มีจิตหยั่งรู้มาเฉลยวันนี้เอง ผมขนลุกเลย ที่ขนลุกเพราะรู้ชัดแล้ว จิตในบอกว่าคำเฉลยถูกต้องแล้ว และผู้เฉลยคำตอบคือ ผู้นำความรื่นรมย์มาตั้งกระทู้นี้ คือคุณ karnนี่แหละครับ ชัดเลย ยกมาวางให้เลย เน้นๆเลยผมอ่านแล้วลุกพรวดไปบอก พ่อ แม่เลยว่า ได้คำตอบแล้ว....ครับ

คุณkarn เขียนไว้เสริมจากคำของคุณ dadeeda
*ชอบเรื่องนกมากครับ คุณ dadeeda ชอบมากที่บอกว่า อยู่กลางทะเลพวกเรามนุษย์หลบฝน แต่นกนั้นยังร่าเริง ชอบมากๆครับ ซาบซึ้งท่วมท้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตือนใจได้ดีที่คุณบอกว่า มันทำให้เราระลึกถึงเสรีภาพยิ่งใหญ่ เสรีภาพที่เราเองก็มีอยู่กับตัวเช่นกัน

ผมมาสะดุดกับคำที่ว่า.....(ชอบเรื่องนกมากครับ ชอบมาก ชอบมากๆ) ที่เน้นถึงสามครั้ง และเน้นอีกกับคำว่า(โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตือนใจ) ครับเตือนใจ ๆๆๆๆ ก็เตือนแล้วถึงคำตอบไง......ใช่..ใช่...และที่ทำให้ผมขนลุก และผมลุกพรวดเลย คำตอบคือ

..............เหตุที่นกมากๆและร้องดังทั้งวัน ทุกๆวันมีความหมายว่า? ***เสรีภาพยิ่งใหญ่****

ครับ นกมาบอกว่า ให้มีเสรีภาพที่ยิ่งใหญ่ ไม่ติดกรอบ ให้สร้างงานอย่างอิสระเสรี เพื่อชีวิตอิสระและเสรีภาพ


รื่นรมย์อีกแล้วครับทุกท่านๆ ขอบพระคุณคุณ dadeeda ขอบพระคุณ คุณkarn ผู้นำคำใบ้จากจักรวาลมาเฉลยครับผม


ชื่อผู้ตอบ : โก้ครับ ตอบเมื่อ : 14/05/2009
ดึกคืนนี้ผมมองดูฟ้า
บอกกับเพื่อนคนหนึ่งไปว่า นั่นคือเพื่อนผม
เราไม่ได้ตัวเล็ก เราไม่ได้ตัวใหญ่
เราไม่ได้อยู่ใต้ ไม่ได้เหนือ
เราจึงไม่สมควรกลัว
ความนอบน้อมนั้นดี แต่คนละเรื่องกับความกลัวหรือกล้า
สำหรับผม ผมเคารพธรรมชาติ แต่ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเล็กหรือใหญ่กว่า

สรุปคร่าวๆของบทสนทนาที่ผมพูดกับเพื่อนไปครับ
อย่างไรก็ดี คุณโก้มาเติมบางอย่างให้ผมเกิดขนลุกและมีความรื่นรมย์ อ่านความห็นคุณโก้แล้วประโยคที่ผุดในใจ ดังว่า
เราเกี่ยวข้องกัน
เราเกี่ยวข้องกัน
เราเกี่ยวข้องกัน

มีความสุขทุกคนนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 14/05/2009
สวัสดีครับทุกๆท่าน ผู้รวบรวมใช้ชื่อเรื่องว่า "เรื่องเกี่ยวกับในหลวงที่เราอาจไม่เคยรู้. หลายท่านคงเคยทราบแล้วนะครับ แต่ผมเห็นว่า รื่นรมย์และงดงามจริงๆครับ จึงขอนำมาเป็นความรื่นรมย์อีกนะครับ ยิ้มๆ






1.ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2.นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ ทรงมีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์
3.พระนาม 'ภูมิพล ' ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
4.พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช
5.ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6.ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า 'H.H Bhummibol Mahidol 'หมายเลขประจำตัว 449
7.ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า 'แม่ '
8.สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9.แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
10.สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต
11.สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยทรงพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า 'บ๊อบบี้ '
12.ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำพระองค์ต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
13.สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรองว่า 3 ที มากเกินไป 2 ทีพอแล้ว
14.ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์นั้นระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
15.ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก 'การให้ ' โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า 'กระป๋องคนจน ' เอาไว้ หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก 'เก็บภาษี ' หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
16.ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า 'ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน '
17.กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
18.ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง
19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก 'การเล่น ' สมัยทรงพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไรต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับพระเชษฐา ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง
20.สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็นจิ๊กซอว์
21.ในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ หีบเพลง (แอกคอร์เดียน)
22.ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
23.ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
24.ทรงพระราชนิพนธ์พลงครั้งแรก เมื่อพระชนมพรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ 'แสงเทียน ' จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
25.ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง 'เราสู้ '
26. รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5
27. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
28. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง 'นายอินทร์ ' และ 'ติโต ' ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์ แต่ 'พระมหาชนก ' ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
29. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และ เรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น 'กีฬาซีเกมส์ ') ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
30. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่ง และตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
31. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ 'กังหันชัยพัฒนา ' เมื่อปี 2536
33. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว
34. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง
35. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
36. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า 'น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่ารักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
37. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
37. หลังอภิเษกสมรส ทรง 'ฮันนีมูน 'ที่หัวหิน
38. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
39. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
40. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
41. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
42. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
43. หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
44. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ เมื่อถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง
45. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ
46. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่ง คือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ
47.ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเนียวกระดาษที่จะนำมาให้ข้าราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
48. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน
49. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯ ร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
50. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
51. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
52. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า 'ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
53. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน
54. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
55. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังฉ่าย
56. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
57. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
58. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง
59. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
60. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
61. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
62. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูไลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
63. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ
64. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว
65. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า 'นายหลวง ' ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
66. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน
67. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า 'ทำราชการ '
68. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
69. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า 'อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก '
70. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด
71. หัวใจทรงเต้นไม่ปรกติ ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
72. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์
73. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน
74. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน
75. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
76. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
77. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง จึงให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด

*ขอบพระคุณคุณฉัตรสุดา หนูเสริม ผู้ส่งเรื่องรื่นรมย์นี้ครับผม*
ชื่อผู้ตอบ : โก้ครับ ตอบเมื่อ : 14/05/2009
สวัสดีวันฝนพรำครับ...คุณkarnและทุกๆท่านครับ

เรื่องรื่นรมณ์สำหรับผม คือเมื่อคืนวานผมได้เข้าไปที่ เวปอาจารย์วสันต์ หลังจากที่ไม่ได้เข้ามานานพอควรครับ ด้วยสาเหตุที่เกี่ยวกับโปรแกรม Crazy Browser ของผมเองที่พอเปิดเวปอาจารย์แล้วจะมีตัวคลิ๊กหน้าจอ yesและnoมาตลอด แล้วไม่ว่าจะคลิ๊กตัวใดก็ไม่ลบซะที ไม่สามารถเปิดหน้าเพจได้

พอวันนี้ผมลงโปรแกรมใหม่ ดีใจมากรื่นรมณ์สุดๆเข้าเวปอาจารย์ได้แล้วครับ โอ้!!ว้าว มีอะไรใหม่ๆมากมาย และตอนนี้ผมก็รื่นรมย์กับหัวข้อ *First Things First! ( สำคัญกว่า ทำก่อน! )*อยู่ครับ โดนใจกับคำพูดมากมายครับผม ผมขออณุญาติอาจารย์ยกตัวอย่างบางท่อนที่เข้าไปในความรู้สึกผมมากๆ และรื่นรมย์สุดๆครับ

**ผมเชื่อว่า คนเราต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าอะไร “สำคัญ” ที่สุดในชีวิตเรา เราจะรู้ได้ว่าอะไรสำคัญสำหรับเรา ก็ต่อเมื่อเราต้องถามตัวเองว่า สวรรค์ส่งเรามาเกิดในโลกใบนี้ เพื่อให้สามารถเป็นอะไรได้ดีที่สุด อะไรเป็นพรสรรค์ของเรา อะไรเป็นจุดแข็ง อันเป็นจุดเด่นของเรา อะไรเป็นความถนัดแท้จริงสำหรับตัวเรา

ในกระบวนการ “ค้นหา” เพื่อจะ “ค้นพบ” และเพื่อจะ “สร้างสรรค์” นั้น เราย่อมรู้สึกได้ด้วยหัวใจ ด้วย “ญาณทัสนะ” หรือ “ปัญญาญาณ” (Intuition) ว่าอะไรเหมาะสม และเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับเรา เราจะสามารถหยั่งรู้ได้ด้วยใจว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับเรา และเราจะเลือก และตัดสินใจ ทำสิ่งที่สำคัญจริงๆ เท่านั้น ที่เหลือ ก็เพียงแต่มาแยกแยะให้ได้ว่า อะไรควรทำก่อนหลังเท่านั้น****

เป็นโชคดีของผู้ที่มีโอกาสได้ฟังอาจารย์ในการบรรยายเหลือเกิน กราบขอบพระคุณอาจารย์ครับผม เป็นความรื่นรมณ์อย่างมากจริงๆครับ

มีความสุขมากๆทุกท่านครับ ยิ้มๆครับ
ชื่อผู้ตอบ : โก้ครับ ตอบเมื่อ : 15/05/2009
สวัสดีครับ เรื่องรื่ยรมย์ของเมื่อวานนี้ของผมมีสองเรื่องครับ คือ
ผมต้องเร่งงานเพราะวันอังคารหน้ามีนัดพรีเซ้นท์งาน และยังคิดอะไรได้ไม่มาก เมื่องานผมจึงวุ่นวายทำตัวให้ยุ่งสารพัด รีบตื่น ออกจากบ้านแต่สายๆ เอากางเกงไปเปลี่ยน ทานอาหาร วางแผนจะรีบกลับมานั่งร้านกาแฟประจำ จะได้สบายๆทำงานรื่ยรมย์ แต่พอคิดมากไปมันก็กลายเป็นเร่งรดและเครียดครับ ไปๆมาๆคิอะไรไม่ออกเลย
ผมก็เซ็งๆ แต่เดี๋ยวนี้ไหวตัวเร็ว แทนที่จะกลุ้ม ผมบอกตัวเองว่า เดี๋ยวก็มาเว้ย ของดีจะมาทำแบบปลูกถ้วงอกได้ไง ไปๆมาๆก็เลยคิดเรื่องอื่น ขับรถกลับคอนโด ซื้อไก้ย่างทาน(ทั้งๆที่ลดน้ำหนักอยู่) แล้วไปๆมาๆก็คิดออกครับ คิดหัวใจของงานออกเลย ดีใจมากครับ คิดแค่ประโยคเดียว แต่มันใช่ออกแค่นี้ผมก็โล่งแล้วครับ แต่นั่นเองครับ แค่ปิ๊งประโยคที่ตามหา ไม่ใช่ว่าไม่เหนื่อยครับ อยู่ดีๆผมก็วูบแบบหมดแรงเลย ตอนนั้นแค่หกโมงเย็นเท่านั้น
ผมร่วงเลยครับ นอนไม่ได้ตั้งใจ แต่หลับไปเลย จริงๆมีหน้าที่เข้าร้านตอนค่ำ แต่ก็ล่วงเลย ตื่นมาโทรไปบอกเพื่อน และก็ได้รับความเข้าใจอย่างดี วันนี้ตื่นเช้ามาเลยอิ่ม สดชื่น สดใสครับ

เรื่องธรรมดานี่แหละครับ รื่นย์รมย์
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 15/05/2009
คุณkarnครับ รื่นรมย์ครับ.....ยิ้มๆ

สำหรับผม ผมสัมผัสได้ในมุมมองชีวิตผ่านข้อเขียนเรื่องเล่าในทุกๆเรื่องของคุณkarn คือสามารถทำเรื่องธรรมดาๆให้เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา ซึ่งผมก็ได้เรียนรู้จุดนี้จากคุณkarnครับ ผมก็พยายามซึบซับเรื่องธรรมดาๆ รอบๆตัว ครับ..รู้สึกได้เลยว่าทำให้เราเก็บสุข เก็บความหัศจรรย์ได้มากขึ้นจริงๆครับ ขอบคุณมากๆครับ (ดังประโยคที่คุณหนึ่งได้บอกไว้ว่า)

*มิราเคิลมีอยู่รอบๆตัวเรา เพียงแต่เรามอง มองเพื่อให้เห็นสิ่งดีดี*

ชื่อผู้ตอบ : โก้ครับ ตอบเมื่อ : 15/05/2009
*คุณkarn-เรื่องธรรมดานี่แหละครับ รื่นย์รมย์* กลายเป็นธรรมดาที่ไม่ธรรมดาไปได้นะคะเนี่ย

*คุณโก้-ซึบซับเรื่องธรรมดาๆ รอบๆตัว ...รู้สึกได้เลยว่าทำให้เราเก็บสุข เก็บความหัศจรรย์ได้มากขึ้น* พลังงานบวกยิ่งเก็บยิ่งเพิ่มยิ่งสุขนะคะ

*พี่หนึ่ง-มิราเคิลมีอยู่รอบๆตัวเรา เพียงแต่เรามอง มองเพื่อให้เห็นสิ่งดีดี* สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวพราย

ความรื่นรมย์มันอยู่รอบๆ ตัวเราจริงๆ นะคะเนี่ย เป็นธรรมดาที่ไม่ธรรมดา อีกหนึ่งความรื่นรมย์ของdadeedaที่เพิ่งประสบพบมา นึกถึงคราใดเป็นต้องอมยิ้มน้อยๆ ทุกครั้งไปแถมบางทีหลุดหัวเราะกับตัวเองคนเดียวก็มี ..ณ ขณะยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบรอรถตู้กลับบ้านที่จตุจักร จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหมาเห่าดังมาแต่ไกล หันไปมองเห็นเจ้าตัวเล็ก (กระรอก) วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตโดยมีเจ้าตัวใหญ่ (หมา) วิ่งไล่กวดตามมา เจ้าตัวเล็กเกือบจะแพ้ภัยแล้วแต่ยังโชคดีมีต้นไม้ต้นหนึ่งตระหง่านอยู่ตรงหน้า แล้วเจ้าตัวเล็กก็ใช้วิชาตัวเบาป่ายปีนขึ้นไปบนยอดไม้นั้นอย่างเร็วรี่ ส่วนเจ้าตัวใหญ่นั้นเล่าจะทำอะไรได้นอกไปเสียจากเห่าโฮ่งๆๆๆๆอยู่ข้างล่างโน่น เหมือนพยายามจะตะกายขึ้นไป แต่ก็เหลวไม่เป็นท่าได้แต่ครูดคราดอยู่บริเวณลำต้นเท่านั้น แล้วก็เห่าเสียงดังข่มขู่หวังให้เจ้าตัวเล็กกลัว ส่วนเจ้าตัวเล็กน่ะเหรอเฮอะเฮอะขึ้นไปนอนตีผลุงกระดิกเท้าฮัมเพลงสบายใจเฉิบไปแล้ว อิอิ เจ้าตัวใหญ่ตัวเล็กนี้ทำเอาdadeedaฮากระจายอยู่คนเดียวเลยค่ะ แบบว่าขำอ่ะ ขำเจ้าตัวใหญ่ แอบสมน้ำหน้ามันที่รังแกเจ้าตัวเล็กไม่สำเร็จได้แต่หมดท่าอยู่แค่นั้น ส่วนเจ้าตัวเล็กก็ทำให้dadeedaกระหยิ่มยิ้มย่องในความปราดเปรียวและความเป็นเล็กพริกขี้หนูที่ในที่สุดก็ปกป้องตัวเองไว้ได้จนสุดความสามารถ นี่เป็นภาพที่ติดตาติดใจติดในความรู้สึกที่นึกถึงทีไรนอกจากจะมีรอยแย้มปรากฎตรงมุมปากแล้ว ก้อนเนื้อหัวใจก็พลอยแย้มยิ้มสูบฉีดโลหิตยิ้มไปทั่วสรรพางค์กาย

ความรื่นรมย์จากธรรมดาที่ไม่ธรรมดามีอยู่รอบตัวเรา ขอเพียงเปิดตาเปิดใจเปิดสัมผัสเปิดมุมมอง เมื่อนั้นเราจะรับรู้ได้ว่า..หัวใจยิ้มได้..เป็นเช่นนี้เอง
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 15/05/2009
เมื่อตะกี้ .. ไปแอบฟังคนคุยกันเรื่องสวดมนต์ ตอนนี้มาแอบฟังคนคุยกันเรื่องรื่นรมย์ .. ไม่ต่างกันเลย

เผลอนึกไปว่า .. เป็นเรื่องเดียวกันซะอีกครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 15/05/2009
ท่ามกลางภาระและเรื่องงานมากมายที่ยังต่อสู้ ต่อไป
ที่บางวันคล้ายโบยบินได้ แต่อีกวันกลับรู้สึกถูกกักขัง
แต่ว่า
สิ่งดีๆ เรื่องหนึ่งที่ผมค้นพบคือ
ผมยังปิ๊งภรรยาได้เสมอ และบ่อยๆครับ
ปิ๊งแบบวัยรุ่นๆเลย
แม้ว่ารหว่างนั้นจะมีปะทะกันอยู่ตามวาระ
แต่ที่กลับมารู้สึกเสมอคือ ยังสดใหม่เหมือนรักแรกๆได้เรื่อยๆครับ
ชอบ ความรัก
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 16/05/2009
น่ารักจังค่ะคุณkarn ขอให้ความรักยังคงสดใสซาบซ่านต่อเนื่องต่อไปนะคะ

ชอบและรัก ความรัก เช่นกันค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 16/05/2009
เธอเคยถามกับฉัน ที่ฉันรักเธอ ว่าอยากจะรู้รักเพราะอะไร . .

ผมเชื่อว่าคุณ dadeeda โปรดเพลงนี้ เพียงแต่ว่า ตอบได้ไหมครับ

หรือจริงๆ แล้ว ไม่มีคำตอบ ?
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 16/05/2009
สุดยอดเลยครับคุณ..karn พลังความรักที่สร้างโลก ช่างเป็นความรักที่ความสดชื่น ยิ้มๆให้โลกเลยครับ ผมขออวยพรเช่นเดียวกับคุณdadeedaครับ...ขอให้ความรักยังคงสดใสซาบซ่านต่อเนื่องต่อไป..ตลอดไปเลยครับ...ยิ้มแฉ่งๆ

..คุณนันท์ฮัมเพลงมาส่งมอบด้วยความสุขหลายเพลง เป็นความรื่นรมณ์ของผู้ได้รับ และอานิสงค์นี้ได้มาถึงผมด้วยครับ ยิ้มๆ

และความรื่รมณ์ในวันนี้ของผมคือ....เมื่อเปิดคอมแล้ว เห็นหลานฟาง เข้มแข็ง พลังใจเต็มร้อย พลังนี้น้าโก้ได้รับทันที น่าทึ่งที่สุด ขอคาราวะเลยครับ ทำให้รู้สึกถึงสิ่งที่คุณพ่อหลานฟางได้รับ ท่านช่างมีบุญแท้ ช่างโชคดีจริงๆครับ รื่นรมย์ ปิติสุข ครับ
ชื่อผู้ตอบ : โก้ครับ ตอบเมื่อ : 17/05/2009
หัวใจบอกว่า
...แค่ตัวฉันเพียงรู้ ว่าเป็นสุขใจเมื่ออยู่เคียงกัน...นั่นเป็นเพราะตัวฉันมาเจอ เจอสิ่งดีงาม...ตั้งแต่วันฉันพบเธอ ได้เจอแต่สิ่งดีงาม...

ความคิดบอกว่า
...ที่ผ่านมานั้นไม่คิดอยากรู้ที่มา และไม่เคยหาเหตุผลใดๆ...กลับไปคิดไปค้น ใคร่ครวญมากมาย ไม่เจอ...คำตอบ...หากจะหาเหตุผลสักคำ ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันรักเธอ...หรือเป็นเพียงรอยยิ้ม รอยนั้นเมื่อวันแรกเจอ...

พิมพ์ไปยิ้มหวานไป เฮ้อ มีความสุข แล้วนี่คุณนันท์มีหูทิพย์หรือคะ dadeedaโปรดเพลงนี้จริงๆ เสียด้วยล่ะ ตั้งเป็นเพลงรอสายด้วยค่ะ อ่ะ หรือแอบมีพรายกระซิบคะ ><










ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 17/05/2009
วันนี้ผมพบว่าในใจแท้จริงนั้น ความรื่นรมย์ไม่ใช่ความสุข หรือความเพลิดเพลินหรอกครับ
แต่มันหมายถึงความรู้สึกถึงการมีชีวิตมากกว่า
หลายครั้งเจอเรื่องปวดใจ แต่เมื่อได้รู้สึกถึงชีวยิต ก็ถือว่ารื่นรมย์ครับ

วันนี้ดูหนังเรื่อง Grace is gone อยากขอแนะนำครับ สำหรับคนมีความรัก ไม่ครับไม่หวานอะไรแบบนั้น (ตอนพิมพ์นี่ เดจาวู อีกแล้ว ช่วงปีหลังมานี่มาบ่อยมากครับ แทบทุกวัน) แต่เป็นเรื่องของพ่อ ที่ขับรถพาลูกสาวไปสวนสนุกที่ฟลอริด้า เพียงเพื่อจะพยายามบอกลูกว่า แม่ของพวกเธอตายแล้วในสงครามอิรัก แนะนำครับ จอห์น คูแซค อีกแล้วที่โปรดิวซ์และเล่นเอง หนังของหมอนี่เจ๋งเสมอครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 18/05/2009
ความรู้สึกที่มีอยู่ในขณะนี้ มากกว่าความรู้สึกรื่นรมย์ ไม่รู้ว่าคำพูดหรือพิพม์ตัวอักษรกี่คำจึงจะบรรยายสิ่งที่อยู่ในใจหนึ่งได้ชัดเจน

ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นทุกครั้งเวลาเข้าไปอ่านกระทู้ของน้องฟาง+คุณพ่อ +พลังงานพลังใจจากเพื่อนๆๆ ในพื้นที่สีขาวนี้ ......

many blessings to all, :O)
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 18/05/2009
มีเรื่องดีๆที่มีความสุขมาเล่าให้ฟังบ้างค่ะ เมื่อวันก่อนได้ไปเป็นเพื่อนลูกในวันสอบสัมภาษณ์ ใจจริงแล้วไม่อยากไปเลยเพราะห่วงงานที่ต้องทำแต่ก็ต้องสละเวลาเพราะลูกร้องขอ

บรรยากาศหลังจากที่ลูกสอบสัมภาษณ์เสร็จ เค้าก็จัดให้มีการซื้อเครื่องแบบนิสิต แม่ได้เห็นลูกมาแต่เล็กแต่น้อยดูแลมาตั้งแต่เกิด ยังจำภาพที่ลูกเข้ารร.ครั้งแรกได้อยู่เลยมันเป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นบอกไม่ถูก วันนี้ก็เหมือนกันแต่เปลี่ยนจากเด็กอนุบาลมาเป็นนิสิต

รุ่นพี่ของสถาบันนี้น่ารักมากเข้ามาจัดแจงดูแลทุกอย่างให้แทนผู้ปกครอง ตั้งแต่ดูขนาดของชุด วัดความยาว จับให้ลองเปลี่ยนดูว่าถูกต้องมั้ย แม่ได้แต่นั่งดูอยู่ห่างๆพลางคิดในใจว่าทำไมมันง่ายดายและน่ารักอย่างนี้ตอนลูกเข้าอนุบาลมันเหนื่อยกว่านี้นะ รุ่นพี่ที่สถาบันนี้รับภาระแทนหมดคณะนี้เค้าต้องถูกระเบียบเพราะเค้าภาคภูมิใจในสถาบันและคณะที่เรียน กระโปรงต้องยาวคลุมเข่า เสื้อต้องไม่คับปลิ้น ช่างถูกใจแม่เหลือเกิน เค้ามีค่านิยมที่ตกทอดกันมาได้อย่างดีเยี่ยม

ความรู้สึกคือหมดห่วง .. ได้แต่บอกลูกว่า จงใช้ชีวิตจากนี้ไปอย่างสนุกสนานให้เต็มที่เวลา4ปีเร็วมาก ใช้ศักยภาพที่ลูกมี ตั้งเป้าหมายอย่างที่ลูกได้ฝันไว้..ลูกอยากเป็นอะไร อยากมีชีวิตแบบไหน สร้างขึ้นด้วยมือของลูกเองเพราะมันอยู่ในมือลูก ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ก็ให้มองเป้าหมายไว้เลยว่าจะจบแบบไหน ลูกสาวตอบทันทีโดยไม่คิด(เค้าคงมีอยู่ในใจอยู่แล้ว)ว่า..ลูกจะทำเกียรตินิยมค่ะ..แม่ก็ตอบลูกทันทีเช่นกันว่า แม่เชื่อว่าลูกได้มันเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างอยู่ที่ความคิด แต่ลูกต้องคิดให้ได้ว่าเกียรตินิยมนั้นเพื่ออะไร ลูกตอบว่าอยากมีรายได้เยอะๆเพราะลูกต้องตอบแทนหลายคนที่เคยให้(อุปการะในช่วงที่ลำบากสุดๆ)เรามา และมันท้าทายสำหรับลูกมาก ลูกอยากเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะมีวันที่เรารับอุปการะเด็กที่เค้าลำบากเหมือนที่เราเคยลำบากอยู่ช่วงหนึ่ง ...แม่พอใจในคำตอบของลูก

หลายคนบอกว่าโชคดีที่มีลูกดี แต่แม่จะแอบเถียงว่า ..ลูกต่างหากที่โชคดีมีแม่อย่างแม่ และแม่ไม่ลืมที่จะสอนลูกทั้งสองว่า..จงเรียนอย่างสนุก มีความสุข มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้อื่น เราผ่านอะไรร่วมกันมาเยอะ เราสัมผัสความรู้สึกที่แตกต่างของการเป็นผู้ให้และการเป็นผู้รับได้ดี ลูกบอกว่า ลูกรู้ดีว่าทำไมลูกต้องก้าวออกไปอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เป็นผู้รับ แต่ก้าวออกไปอย่างเป็นผู้ให้มันมีความสุขกว่ากันมากมายนัก

วันนี้ของแม่ไม่ใช่มีความสุขที่ลูกสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เท่านั้น หากแต่เป็นสุขที่ลูกสองคนคิดเป็น และกำลัง เป็น ทำและมีอย่างยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า อย่างที่เคยเรียนให้ทราบแล้วว่าเราเป็นครอบครัวที่ไม่ได้สมบรูณ์แบบเหมือนกับหลายครอบครัว แต่เราสมบรูณ์แบบในความรักที่เรามีร่วมกันระหว่างแม่ลูกและเราต้องการแบ่งปันความรักนี้ให้กับผู้อื่น

เราสามแม่ลูกก็แค่เป็นตัวอย่างนึงที่ทำทุกๆวันอย่างรู้คุณค่ากับสิ่งที่มีอยู่ ลูกทั้งสองเรียนมาอย่างประสบความสำเร็จโดยที่ไม่เคยเรียนพิเศษที่ไหนเลย ไม่เคยกดดัน เคยให้ลูกไปเรียนพิเศษอยู่คนละครั้ง แล้วต่อรองกับลูก(เพราะเค้ามาขอเรียน)ว่าถ้ามันไม่สนุกหรือทุกข์เพราะกดดันหรือเหนื่อยต้องเลิกทันทีนะ แล้วเค้าก็เลิกเพราะมันเหนื่อยมาก แม่หลายท่านบังคับเคี่ยวเข็ญให้ลูกไปเรียนพิเศษโดยไม่ดูความต้องการของลูกเลย นี่คือสิ่งที่ตั้งใจเป็นตัวอย่างเล็กๆในสังคมตัวอย่างนึง ...เป็นเรื่องรื่นรมณ์ที่อยากแบ่งปันในสังคมพื้นที่สีขาวแห่งนี้ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : Jang ตอบเมื่อ : 18/05/2009
ขอร่วมยินดีและรู้สึกรื่นรมณ์ไปกับคุณ jang กับอนาคตที่สวยงามของลูกสาวด้วยคนค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 18/05/2009
ใครที่คิดว่า "สภาวะไหลลื่น" คือสภาวะเฉพาะเรื่องเฉพาะราว เป็นเรื่องหนักๆ จริงจัง ต้องได้เข้ามาอ่านสิ่งละอันพันละน้อย ในกระทู้นี้ แล้วจะรู้ได้ว่า สภาวะไหลลื่นคือทุกเรื่อง! ทุกคนในที่นี้กำลังเล่าถึงประสบการณ์ของสภาวะนี้กันอย่างมีความสุข คุณ karn กำลังอยู่ในสภาวะไหลลื่นของความรัก แม้กับภรรยาคนเดิม คุณแจงก็อยู่ในสภาวะไหลลื่นในความสัมพันธ์กับลูกสาว (นี่ชี้ให้เห็นว่าการเป็น Single Mum ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ เลย)

ขอบคุณทุกคนที่ทำให้ผมเข้าใจ และซาบซึ้งในความหมายของ "สภาวะไหลลื่น" ได้แจ่มชัด และรื่นรมย์ขึ้น

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 18/05/2009
ขอบคุณอาจารย์เช่นกันครับ ที่ผ่านเข้ามาเป็นผู้ให้อย่างสม่ำเสมอ
อย่างน้อยในรอบเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา การให้ของอาจารย์ก็ทำให้ผมเข้มแข็งขึ้นมาได้เสมอในยามที่ไขว้เขว ลังเล สงสัย ซึ่งยอมรับว่ามีบ่อยครับ เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกมาในที่นี้ เพราะทุกวันนี้ผมเรียนรู้ว่าเลือกมองด้านดีดีกว่าครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 18/05/2009
เธอกับต้นไม้ แลกลมหายใจกันอยู่ตลอดเวลา
แค่นี้เธอยังไม่ตระหนักรู้อีกหรือว่า เธอกับทุกสิ่ง ไม่ได้แยกจากกันเลย

หนึ่งในความรื่นรมย์ของผมครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 18/05/2009
ในรอบหนึ่งวัน(ตามเวลาของผม)ก่อนหน้านี้ ความรื่นรมย์ของผมนั้นช่มฉ่ำและชื่นมื่นไม่น้อยหน้าสายฝนเย็นชื้นเลยครับ เพราะผมได้ชมภาพการเล่นแมทช์พิเศษของฮีโร่ของผม กับภรรยาของเขา อังเดร อากัสซี่ จับคู่กับ สเตฟฟี่กราฟ ลงเล่นคู่กันประกบ ทิมเฮนแมน และคิม ไคลส์เลอร์ ทั้งสี่มาเล่นเทนนิสเป็นเกียรติ เพื่อฉลองหลังคาสนามวิมเบิลดัน สนามที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ปีนี้จะมีหลังคากันฝนใช้เป็นปีแรกครับ

ผมยิ้มละไม ดูอังเดรไปอย่างมีความสุข ผมรักเขาครับ เพราะนานมาแล้วเรื่องราวและวีรกรรมของเขาเขาเป็นผู้นำทางหลายๆอย่างให้วัยรุ่นไทยคนหนึ่งแบบผม และการนำทางนั้นก็ยังคงมีมาต่อเนื่องจนผมกลายเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้เลยครับ แต่สองปีมานี้อังเดรหายไปจากสารบบชีวิตผม เพราะเขารีไทร์ เมื่อรีไทร์ข่าวก็เงียบหายไป ทิ้งไว้แต่ความคิดถึงและอยากรู้ความเป็นไปของเขา

แต่ค่ำวานนี้ ผมได้เห็นเขาอีกครั้งครับ กับเสตฟฟี่ที่วัยรุ่นคนนั้นก็เคยแอบหลงรัก สองคนอยู่ในสนามอย่างมีเกียรติ และเมื่อเล่นจบคนดูก็ลุกขึ้นปรบมือยาวนาน ผู้คนยังรักพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลงครับ เขาทำงานกันมาหนักและสมควรแล้วที่จะได้รับรางวัลเหล่านี้ ผมเองส่งรักไปให้ฮีโร่และศรีภรรยาฮีโร่ของผมเช่นกันครับ แม้มันจะเป็นการส่งผ่านจอโปรเจคเตอร์ ในร้านส้มตำ ใกล้ๆร้านผม ที่ต้องไปรบกวนขอเขาดูชม

(เฟด กับ ราฟา ยูห้ามน้อยใจนะ ยูมาทีหลังว่ะ! ฮีโร่เรามีคนเดียว โอเค๊?)
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 19/05/2009
เขาทั้งคู่คงไม่มีเวลามานั่งน้อยใจหรอก คุณ karn! เฟดเอ๊กซ์ คงกำลังฉลองชัยจากมาดริด โอเพ่น นาดาล ก็คงต้องเตรียมตัวไปป้องกันแชมป์เฟรนซ์ โอเพ่น!

ผมเผอิญไม่ได้มีความหลังกับนักเทนนิสคนใดเหมือนคุณ karn ก็เลยเฉยๆ กับอากัสซี่ แต่ที่นิยมเฟดเอ๊กซ์ เพราะก็คงเป็นเรื่องรสนิยมส่วนตัวในบุคลิกลักษณะ และลีลาการเล่นของเขา ผมเบื่อๆ อยากๆ ในการติดตามการแข่งขันเทนนิสอยู่ตั้งเกือบครึ่งปี เพราะพ่อเจ้าประคุณรุนช่องของผม แกไม่เคยคว้าแชมป์อะไรได้สักเท่าไหร่เลย นาดาลก็งั้นๆ ไม่เห็นว่าจะหล่ออะไรนักหนา ทำไมแฟนสวยเป็นบ้า (ฮา)

เพิ่งดีใจกับแมนยูฯไปแหม็บๆ นี่พ่อทูนหัวเฟดเอ็กซ์ กลับมาทำให้ผมค่อยดูเทนนิสได้รื่นรมณ์ขึ้น (ฮา) คิดดูก็แล้วกัน คนๆ เดียวเท่านั้น มีอิทธิพลกับผู้คนได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 19/05/2009
ตามประสาคนรักเฟดเอ๊กซ์ แบบดูเป็นแต่เล่นไม่เป็นเลย เมื่อวานก่อนเลยได้รื่นรมย์ตามสมควร หลังจากหงอยมาพักใหญ๋ เหมือนกับท่านอาจารย์เลยครับ

แล้วยังไงจะช่วยท่านอาจารย์เชียร์แมนยู ให้ปราบบาซาร์ ในแมทช์หยุดโลกแน่นอน คู่นี้สมน้ำสมเนื้อน่าดูจริงๆ (ลูกชายผมก็เป็นแฟนแมนยูมาตั้งแต่เริ่มดูบอลเป็นเหมือนกันครับ) ส่วนผมเมื่อก่อนจะตามดูเชลซี หลังๆ เจือจางลง เพราะตามเฮียมู แกไปดูอินเตอร์ ผมเป็นแฟนเฮียมู แกน่ะครับ ชอบแกจิ๊กโก๋ดีครับ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 19/05/2009
เห็นเกมส์ แมดริดแล้ว บอกได้สั้นๆครับ ว่าเฟดชนะได้หนนี้ แตกต่างจากห้าครั้งที่ผ่านมา นั่นคือ เฟดกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งครับ ตีในแบบที่ถนัด มากกว่าตีไปตามแผนคิดวิเคราะห์ว่าราฟาไม่ชอบแบบนี้ เรียกว่า มุ่งสร้างตน มากกว่า ทำลายคู่ต่อสู้ครับ ผมคุยกับน้องสาววันก่อน ยีงแซวเล่นกันเลยว่า แววตาเฟดหนนี้ไม่เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา นั่นคือไม่แสดงอาการหวาดกลัว(ช่วงหลังเห็นชัด) และมากกว่านั้นคือไม่แสดงอาการกล้า หรือฮึกเหิมด้วย แต่เฟดไปแบบเรียบๆ นิ่งๆ ว่างเปล่าไร้อารมณ์ ตีแบบได้ก็ได้ เสียก็เสีย ซึ่งคือการตัดสินใจแบบชัดเจนมากครับ ยังเล่นมุขกันเลยว่า เฟดไปหาโชปรามาหรือเปล่า เพราะ ดูๆไปหน้าเฮียแกก็คล้ายๆกับดีพัคนะครับ

ช่วงหลังนี้อะไรก็ได้ ขอให้เฟดชิงกับราฟาครับ เพราะรักแบบแพ็ตคเกจ ไม่ต่างกับช่วงคลั่งบอริสเบคเกอร์ คู่กับสเฟานเอ็ดเบิร์ก หรือ อากัสซี่ คู่ แซมพราส

ข่าวล่าคือ ปีหน้า มารัต ซาฟินจะรีไทร์แล้วครับ เทนนิสอัจฉริยะผู้บอกว่าเล่นเทนนิสนั้นเหมือนเข้าฌานจะอำลาแล้ว ผมว่าจะตามดูว่าแกจะไปปีนหิมาลัยอีกแบบปีก่อนอีกหรือเปล่า หรือจะไปเล่นหนัง หรือจะดื่มหลุดโลก (มารัตขึ้นชื่อว่า เคยเมายันเช้า แล้วมาลงแข่งได้ตอนสายได้อย่างเหลือเชื่อ) หรือแกจะไปเป็นโค้ชให้น้องสาว ทที่ตอนนี้เป็นมือหนึ่งแล้ว

แต่ข่าวดีเล็กๆคือ คิม ไคลส์เลอร์ จะกลับมาเล่นในเร็ววันนี้

ข่าวเซ็งคือ นิโคลาส กาสเกต์โดนจับตรวจโด๊ป เผลออาจเป็นโคเคนด้วยครับ

และมาช่า มาเรีย ชาราโปวา ลงประเดิมแมทช์รายการแรกแล้วครับ

มากกว่านี้ เดือนหน้า ผมมีภารกิจต้องไปแข่งให้กับคลับที่เป็นสมาชิกครับ ในรายการที่ตอนนี้มีประโยคกำกับว่า "เทนนิสรุ่นอายุ ไม่ต่ำกว่า สามสิบห้าปี สูงอายุ!" ไม่ตำกว่าสามสิบห้าแปลว่าอาจเจอคู่แข่งอายุล้านปีก็ได้ครับ รสชาติใหม่ของชีวิตครับผม

ส่วนบอลนั้น รักท๊อฟฟี่ครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 20/05/2009
อ้าว!! คุณkarn บอลเค้าไม่ได้รักอยู่กะนาตาลีเหรอคะ??
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 20/05/2009
ฮา..สุดยอด!! ขอซื้อจ้ะ ขอซื้อ ขอซื้อมุขนี้เลย ไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย คุณ dadeeda ("ไม่เบา" หมายถึง "ไม่ธรรมดา" นะครับ ไม่ใช่หมายถึง "เป็นนิ่ว" หรือ "ฉี่ไม่ออก"...ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 21/05/2009
บอลเขาเลิกกับมาช่าไปนานแล้วครับ ส่วนนาตาลีนั้นน้ำท่วมอยู่
ตอนนี้ตาลีกำลังคิดจะไปเป็นยามครับ ได้นอนเยอะดี ไม่เหนื่อย แค่ต้องฝึกนิดหน่อยว่า เรียกยามห้ามหัน ต้องเรียกรปภ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 21/05/2009
ขอเตือนทุกท่านว่า มุขของคุณ karn นี้ ต้องค่อยๆ อ่าน และต้อง "ขบ" ก่อน จึงจะ "ขัน" ได้ (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 21/05/2009
ใครก็ได้ช่วย"ขบ"ออกมาให้หน่อย
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 21/05/2009
โอ๊ะ . . แม่สาวที่ว่าตาคมนี่ มุขคมด้วยนะ

คำว่า "ขบ" ของท่านอาจารย์นั้น หมายความว่า ขี้เกียจ บอก หรือให้คิดเอง ไม่มีใคร ขบ แทนได้ครับ (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 21/05/2009
เว็บบอร์ดร้าง...
แต่ละคนคงกำลังมีเวลาแห่งตน...
แต่เวลาแห่งความรื่นรมย์...
คงยังไม่หายไปไหน...
.......................................

สวัสดีทุกๆท่านบ้านนันท์บุ้คค่า หายหน้าหายตาไปไหนกันหมดคะเนี่ย ที่แน่ๆ dadeeda เองก็ไปเชียงใหม่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พี่แฟนพันธุ์แท้เลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดีเช่นเคย ขอบคุณนะค๊า และเราได้พูดคุยประเด็นบอร์ดร้างนี้เหมือนกัน อืมม พี่แฟนพันธุ์แท้ตั้งข้อสังเกตว่า บอร์ดไม่ได้ร้างลาถาวรเพราะตัวเลขผู้อ่านก็เพิ่มขึ้นทุกวัน อืมม สงสัยตอนนี้มีแต่คนรออ่านเนอะ dadeedaก็รออ่านรอติดตามด้วยความระทึกตึกตึกตึก จนแล้วจนรอดก็ เฮ้อ !! นี่ขนาดช่วงนี้งานยุ่งขิงไม่ได้เข้ามาบ่อยๆ พอเคาะประตูที เงียบ! เคาะอีกที เงียบ! ลองเคาะอีกสักที เงียบ!! ถึงตานี้จึงต้องร้องเรียกแล้วล่ะค่า ><

2-3 วันที่ผ่านมาdadeedaงานเข้าชนิดทำกันหามรุ่งหามค่ำหามจั่วหามเสา >< เหนื่อย ล้า และอ่อนแรง นอนไม่พอเพียง เป็นแบบนี้เข้าตอนที่ตั้งตัวไม่ทันจิตก็ไปสิคะ โน่นค่ะ ไปคิดลบคิดเหนื่อยตัดพ้อต่อว่าชีวิตไปหลายบทตอน กว่าจะตามเค้าทันเล่นเอาหมดแรงพลังใจไปเหมือนกันนะคะ

แต่โชคดียังคงเป็นของdadeedaค่ะ หรือจะพูดได้ว่าโชคดีที่dadeedaสามารถสัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของสิ่งเล็กๆน้อยๆไปจนกระทั่งความมหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ของธรรมชาติรอบตัวได้โดยง่าย ทำให้ชีวิตที่จิตตกไม่สามารถดำรงคงอยู่ได้ยาวนานเกินไปนัก

ความมหัศจรรย์รอบๆตัวdadeedaก็เช่น รอยยิ้มของหลานชายตัวน้อยของdadeedaเองที่ส่งยิ้มหวานมาให้อย่างแสนที่จะบริสุทธิ์ กระทบตากระทบใจและกระทบความรู้สึกจังเบ้อเร่อ และรอยแย้มยิ้มนั้นได้ตามติดชิดแนบใจ หวนนึกถึงขึ้นเมื่อไรต่อให้กำลังจิตตกก็ไม่อาจฆ่ารอยแย้มยิ้มบริสุทธิ์นั้นลงได้ เด็กๆ ช่างเป็นของขวัญอันแสนมหัศจรรย์สำหรับdadeedaเหลือเกินค่ะ ขอบคุณที่โลกนี้มีเด็ก ขอบคุณเด็กทุกคนบนโลกนี้ ขอบคุณเส้นสายโยงใยทุกเส้นทางที่นำพาเด็กๆมาสู่ชีวิตdadeeda

นอกจากนี้ มหัศจรรย์ธรรมชาติที่สยบทุกความคิดลบทั้งปวงของdadeedaได้ชะงัดที่สุดในทุกวันนี้ก็คือ ฟ้า ใช่ค่ะ ฟ้า ท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้ายามเช้าสายบ่ายค่ำคล้อย ไม่ว่าเวลาไหนเวลาใดฟ้าเปิดใจ เปิดกว้าง เปิดมุมมอง เปิดความรู้สึกดีดี เปิดให้เห็นถึงความกว้างใหญ่ เปิดให้ใจเป็นอิสระ เปิดให้รู้ว่าโลกนี้ยังคงสวยงามสำหรับเราเสมอ dadeedaแทบจะต้องขอบคุณฟ้าทุกวันทุกเวลาที่ได้แหงนเงยขึ้นไปสบตาฟ้า เพราะฟ้าทำให้หัวใจ ภายใน หรือจะบอกว่าจิตวิญญาณของdadeedaอิ่มเต็มเปี่ยมล้นไปด้วยพลังงานแห่งความสุขสงบอันยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง เกิดปิติในหัวใจ ช่วงจังหวะสบตาฟ้านี้ทำให้หัวใจ รอยยิ้มที่มุมปาก ประกายยิ้มในดวงตาทำงานสอดประสานกัน ถ้าบังเอิญตอนนั้นผละสายตาจากฟ้าไปสบตาใครเข้าสักคน คนคนนั้นคงรับรู้ได้ถึงความสุขที่อาบฉายรอบตัวเรา และแล้วพลังแห่งความสุขก็ส่งต่อไปยังคนคนนั้นด้วยเช่นกัน และมันได้ส่งต่อไป ส่งต่อไป ส่งต่อไปซึ่งพลังแห่งความสุขสงบ

ณ จุดแห่งการเปลี่ยนถ่ายพลังงานความคิด เสริมสร้างพลังใจให้ชีวิต ให้ความฝันในใจได้รับการปลอบประโลมกระตุ้นชี้แนะ ณ จุดที่ตรงนี้ ตรงที่สบดวงตาแห่งฟ้า dadeedaเห็นท้องฟ้านั้นๆแล้ว

แล้วเธอล่ะ เธอเห็นท้องฟ้านั้นไหม? (ต้องเปลี่ยนสรรพนามมาเป็น "เธอ" ซะแล้วค่ะ อิอิ เอาให้ตรงกับชื่อเพลงของพี่เจี๊ยบ วรรธนาซะหน่อย)
.........................................

อู้ เอ๊ย!คั่นการทำงานมาพักใหญ่แล้ว และก็เช้าแล้วซะด้วยสิคะ งั้นเช้านี้อรุณสวัสดิ์ทุกท่านนะคะ ขอให้ทุกท่านมีความสุข หรือมองเห็นความสุขจากชีวิตนะคะ dadeedaคงต้องออกไปรับอรุณสบตาส่งยิ้มกับฟ้าแล้วล่ะค่า บ๊ายบาย

สวัสดีค่า
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 15/06/2009
ผมเขียนเป็นรอบที่สอง เพราะรอบแรก กดส่ง แล้วมีปัญหา กลับมาหายหมดเลย สรุปว่า เวบบอร์ดยังรักษาไม่หาย

อ่านของคุณ dadeeda แล้ว พลอยสดใสไปด้วย ผมเป็นสมาชิกคนหนึ่งที่ชอบมองฟ้า (เอาไปตั้งเป็นชื่อลูกสาวด้วย) มองเวลาไหน มุมไหน ได้คลายใจทุกที

ยิ่งเวลาได้มองฟ้า แบบกว้างตา (กรุงเทพฯ หาดูยากจริงๆ) ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่หนักหรือกดทับ มันคลายลงหรือหายไป ผมเคยสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเพราะอะไร มันเป็นเพราะอาการที่เราเงยหน้า ซึ่งตรงกันข้ามกับอาการก้มหน้า เวลาเราหนักใจ หรือเป็นเพราะความกว้างโล่ง ชวนฝัน ชวนจินตนาการ หรือเป็นเพราะว่าตัวเองเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่ได้มองกลับขึ้นไปยังที่ที่จากมา (อันนี้ผมก็สงสัยซ้อนสงสัย ว่าน่าจะเกิดจากการที่จินตนาการไปเอง .. ฮา ฮา)

แต่มองทีไร ที่หนักใจก็คลายลง ที่สบายใจก็สดใสยิ่งขึ้นทุกทีครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 17/06/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code