ถามผู้รู้
อยากถามผู้รู้ทั้งหลายน่ะครับ พอดีผมเพิ่งเริ่มศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังแล้วก็ได้เจอเหตุการณ์หลายๆอย่างที่จักรวาลได้สรรสร้างมาให้ผม อย่างมหัศจรรย์ แต่หลายครั้งที่ผมรู้สึกท้อถอย หรือหมดกำลังใจ ผมจะไม่สามารถดึงพลังหรือไม่สามารถขออะไรได้จากจักรวาลเลย
อยากทราบน่ะครับว่ามีวิธีไหนบ้างที่เราจะสามารถกำจัดพลังด้านลบให้หมดไปได้
ปล.อาจอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องนะครับ แหะๆๆ เพิ่งเขียน
ชื่อผู้ส่ง : ศิษย์แฟนพันธุ์แท้ ถามเมื่อ : 20/04/2009
 


สำหรับผมคือ หดหู่ให้เต็มที่ครับ ไม่ฝืน ซึมเศร้าไปเลย ประชดประชัน เลิกศรัทธา เลิกเชื่อ และด่าทอทั้งจักรวาล กล้าๆที่จะเลิกรักครับ แล้วซักพัก ก็ค่อยๆดีขึ้นเอง ก็ทำตัวสบายๆ ค่อยๆทำสิ่งที่ฝันไว้มีละนิด อดทน และ รอ และมันก็เห็นทางที่ดีครับ
คือไม่มีหลักการครับ ทำจากสิ่งที่เรียกร้องในใจ แต่ทำไปนานๆ วิธีที่แก้ไขก็เปลี่ยนไปเอง อย่างแต่ก่อนท้อแท้ ก้หาคนโทษ ต่อมาโกรธก็ต่อยหน้าคน แต่ทำไปเรื่อยๆ ท้อแท้ก็แค่ออกไปจิบกาแฟ โกรธก็แค่ออกเดินทาง ต่อมา สับสนก็แค่คิดและหันมาหาเรื่องที่สำคัญและมีความหมายกว่าครับ มองโลกแบบเป็นจริง คิดช่วยตัวเองก่อนจะคิดว่าจักรวาลจะมาช่วยเราสำหรับผม จักรวาลนั้นขี้เล่นและต้องการความสนใจครับ พอเราสนใจตัวเอง พยายามช่วยตัวเอง แกก็จะมาเรียกร้องความสนใจด้วยการช่วยเราบ้าง ซึ่งมาก็ดีครับมีตัวช่วยเพิ่ม

ส่วนบุคคลนะครับ ขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ และคุณนันท์ด้วยครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 20/04/2009
ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ
คนที่สัมผัสว่าจักรวาลขี้เล่น......เป็นคนไม่ธรรมดาค่ะ!
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 20/04/2009
ประโยคแรกที่คุณศิษย์แฟนพันธุ์แท้ บอกว่า
". . แต่หลายครั้งที่ผมรู้สึกท้อถอย หรือหมดกำลังใจ ผมจะไม่สามารถดึงพลังหรือไม่สามารถขออะไรได้จากจักรวาลเลย"

ถุกต้องแล้วครับ ที่เห็นว่ามันเป็น เพราะเราท้อถอยหรือหมดกำลังใจ แค่การเห็นนี้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ ต่อมาพยายามรู้ให้ทันการเกิดขึ้นของมันได้ไหมครับ พอมันเริ่มท้อถอยหยุดมัน พอกำลังใจเรื่อมตก ก้หยุดมัน หยุดยังไงหรือครับ

คำตอบอยู่ในประโยคที่สองของคุณศิษย์แฟนพันธุ์แท้ ครับ
"อยากทราบน่ะครับ ว่ามีวิธีไหนบ้างที่เราจะสามารถกำจัดพลังด้านลบให้หมดไปได้"

คุณศิษย์แฟนพันธุ์แท้ ทราบแล้วนี่ครับว่ามันเป็นเพราะพลังด้านลบ ซึ่งน่าจะเป็นอันเดียวกับ การมีความคิดลบ ก็ต้องหยุดการเกิดความคิดลบใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้ ท้อถอยหรือหมดกำลังใจด้านบน

ซึ่งการหยุดความคิดลบนั้น ยากเอาการ เป็นเรื่องใหญ่ของสากลมนุษย์โลก โยงไปเป็นเรื่องเดียวกับที่พระพุทธเจ้าสอนวิธีปฏิบัติ เช่น สติปัฏฐาน ให้พ้นจากความทุกข์นี่แหละครับ หรือเป็นเรื่องเดียวกับการฝึกอยู่กับปัจจุบันเช่นกันครับ

ฟังดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่ผมว่ามันก็ใหญ่จริงๆ ผมว่าเราทุกคนก็ยังผจญภัยนี้อยู่เช่นเดียวกันครับ

แต่คุณศิษย์แฟนพันธุ์แท้ รู้ต้นเหตุที่แท้จริงแล้วครับ เหลืออย่างเดียวฝึกหัดทำให้สำเร็จครับ เหมือนกับที่ผมก็เพียรฝึกอยู่ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ให้เริ่มจากการมองว่ามันเป็นธรรมดาของโลก เป็นกันทุกคนนั่นแหละครับ

ส่วนวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ก็อย่าไปซีเรียสเครียดมากอย่างที่คุณ karn ว่าไว้แหละครับ เดี๋ยวจิตยิ่งหดหู่ไปใหญ่ เผชิญกับมัน รู้จักมันให้ฉ่ำกันไปข้างหนึ่งเลยก็ได้ (ทีหลังจะได้รู้ทันมัน) แล้วหาวิธีทำอย่างไรก็ได้ครับที่จะช่วยเปลี่ยนจิตกลับมาให้อารมณ์ดีก่อน เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนสิ่งที่สนใจ ทำตนประหลาดๆ ลุกขึ้นมาแต่งตัวหล่อ ไปร้องคาราโอเกะ ลูบหัวหมาที่บ้าน เล่นบันจี้จัมพ์ กราบเท้าคุณแม่ ดูคลิปที่ผม post ไว้ที่กระทู้ "ดูกัน . . ก่อนวัยอันควรครับ" ก็ได้ครับ สารพัดสารพันวิธีการเปลี่ยนจิต ที่อาจต้องเตรียมไว้เป็นทีเด็ดส่วนตัว สัก 4-5 วิธี เอาไว้ใช้แต่ละสถานะการณ์ พอฐานจิตกลับมารู้สึกดี ปัญญาเริ่มเกิดแล้วค่อยกลับไปฝึกตามรู้ ตามดูตามเห็นที่ใจ หรือความคิด หรือที่ความรู้สึกก็ได้ ที่มันคอยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนเห็นทันการเปลี่ยนไปของมันในแต่ละขณะ จะได้ควบคุมมันทันขึ้น เก่งขึ้น หลังจากนั้นก็คงจะพัฒนาสูงขึ้นไปเองตามธรรม(ชาติ)ครับ

เบื้องต้นประมาณนี้พอไหวไหมครับ



ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 21/04/2009
ขอบคุณครับ ครับสำหรับคำแนะนำ ของผู้รู้ทุกท่านครับ ผมจะนำไปปฏิบัติตาม แต่อย่างที่คุณ นันท์ ว่าน่ะครับ ไอ้การที่จะกำจัดพลังงานด้านลบน่ะ เป็นเรื่องยาก ต้องพยายาม ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ ยิ่งพยายามยิ่งฝึกจะยิ่งค้นพบหนทางครับ ขอบคุณมากครับ
ชื่อผู้ตอบ : ศิษย์แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 21/04/2009
เห็นด้วยครับ เพียงแค่สังเกตุก็พอครับ อย่าถึงกับพยายามเลยเดี๋ยวจะกลายเป็นเพ่งเกินไป แค่มองดูให้รู้ว่ากำลังเป็นอยู่ ก็พอ แค่รู้สึกเท่านั้นว่ากำลังเป็นอะไรอยู่ ให้ทันความคิดอยู่เสมอ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 21/04/2009
เห็นด้วยกับทุกท่าน โดยเฉพาะคุณ Karn ผมเป็นผู้หนึ่งที่ไม่สนับสนุนการ "เก็บกด" ถ้าใครจำได้ ผมเคยพูดไว้ว่า เราไม่จำเป็นต้องดัดจริตเป็นคนดีไปทุกนาที ทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ต้องพยายามรักษาภาพอะไรทั้งนั้น อย่าพยายามไปเป็นคนอื่นเลย ก็เป็นอย่างที่เราเป็นนี่แหละ เพียงแต่เราระมัดระวังการแสดงออกให้เหมาะสม และรับผิดชอบผลกระทบกับบุคคลอื่นด้วย และที่สำคัญที่สุด..ต้องไม่เห็นว่านี่เป็น "ความผิดปกติ" ใดๆ จากนั้นก็ทำดั่งที่ทั้งคุณ Karn คุณนันท์ และคุณนีโอ ว่าไว้..อาการจะทุเลา (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 21/04/2009
ใช่ครับรับผิดชอบผลกระทบกับบุคคลอื่นด้วย!!!!
ชื่อผู้ตอบ : นิก-สปิริต-นิวเอจ ตอบเมื่อ : 21/04/2009
ฮั่นแน่.......มาแล้วครับคุณนิก
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 21/04/2009
สิ่งที่อาจารย์กำลังสื่อเนี่ย
ดังตฤน......บอกว่า
บุญกิริยาวัตถุ10
ข้อที่ดูเหมือนง่าย......แต่สำคัญและทำผิดเข้าใจผิดกันที่สุด
ก้อข้อนี้เลยค่ะ.......แสดงความเห็นให้ตรงและถูกต้อง
คิดว่าทั้งเล่มของ ลีนน์ แกรบฮอร์น....สื่อเรื่องนี้เรื่องเดียวเลย(ในความเห็นส่วนตัวค่ะ
ความคิด..อารมณ์..การแสดงออก...ทุกจุดคือพลังาน...ไม่ตรง(ทิศ)กัน...
มันกลับกลายเป็นพลังความสับสน.....ดึงดูดความสับสน

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 21/04/2009
"เป็นคนดีไปทุกนาที ทุกกระเบียดนิ้ว" หากเติมประโยคที่ว่า "เป็นคนสวยไปทุกกระเบียดนิ้ว " เข้าไปด้วยนะคะท่านอาจารย์ นั่นแหละตัวหนึ่งเอง (ฮา )

ไม่สนับสนุนการ "เก็บกด" เช่นกันค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 22/04/2009
"เป็นคนสวยทุกกระเบียดนิ้ว!!" (ฮา) พยายามต่อไปครับคุณหนึ่ง..โบราณบอกไว้ว่า.."ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น!" (ฮา) และ "ความพยายามอยู่ที่ไหน? ความสำเร็จอยู่ที่ใด?" (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 22/04/2009
สำหรับตัวเอง ช่วงเวลาที่มันย่ำแย่ ท้อถอย หมดพลังใจ เมื่อก่อนจะคิดคิดคิดคิดและคิด คิดอย่างไม่ยอมหลับยอมนอน เพราะเชื่อว่าความคิดจะช่วยเราได้ เราจะได้คำตอบจากการคิดคิดและคิดนั้น แต่คิดมากไปก็ปวดกบาลค่ะ เพราะที่สุดแล้วยิ่งไปเร่งไปบีบเค้นคั้นมัน มันยิ่งติดแหง๊กอยู่ตรงนั้นเลยค่ะ ไม่มีทางที่ความสว่างหรือความคิดสร้างสรรค์อันใดจะหลุดโพล๊ะออกมาให้เราได้อุทานอุ๊ยตายว้ายกรี๊ดได้สักที

เดี๋ยวนี้ปัญหามากนัก นอนอย่างเดียวค่ะ อ้อ ไม่ใช่นอนพร่ำเพรื่อเอา...ก่ายหน้าผากนะคะ ก็คือคิดมาได้ระดับนึงแล้วไม่ดันทุรังจะคิดคิดคิดอะไรไปให้มากความให้ได้คำตอบบัดเดี๋ยวนี้จนได้น่ะค่ะ เพราะว่ามันก็จะคิดไม่ออกบอกไม่ถูกหรอก พยายามปล่อยวางความรู้สึกต่างๆ นั้นลง แล้วก็นอนค่ะ วางใจให้ตัวเองได้นอนหลับให้อิ่ม บอกตัวเองว่า "พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว"

แล้วพอเราได้หลับเต็มอิ่มจริงๆ ไม่นำพาความเศร้าโศกาดูรต่างๆ เข้าไปในห้องนิทรารมน์ของเราด้วยแล้ว ตื่นเช้ามาก็ทำเนียนลืมๆ เรื่องราวหดหู่กับชีวิตนั้น สักพักนะคะสักพักไม่ทันได้ตั้งตัวหรอกมาแล้วค่ะ ปิ๊งแวบ!! มาได้งัยเนี่ย อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด ขอบคุณค่ะ

สำคัญคือเราต้องไม่ลืมว่าพลังใจดีดีเรานั้นแหละมีอยู่กับตัวเองแล้ว ให้กำลังใจกับตัวเองด้วยนะคะคุณศิษย์แฟนพันธุ์แท้ สาย (เสมอ) อิอิ อ้อ ที่สำคัญก็ต้องไม่ลืมว่าความท้อแท้เดียวดายหมดพลังใจนั้นหนาประเดี๋ยวมันก็จะพัดผ่านไป เพราะมันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อยู่ในความเป็นอนิจจังไม่เที่ยงเช่นเดียวกับความสุขสันต์หรรษากับชีวี นั่นแล

ก้อขอเป็นกำลังใจให้คุณศิษย์แฟนพันธุ์แท้ด้วยคนนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 22/04/2009
.....เราไม่จำเป็นต้องดัดจริตเป็นคนดีไปทุกนาที ทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ต้องพยายามรักษาภาพอะไรทั้งนั้น อย่าพยายามไปเป็นคนอื่นเลย ......

ประโยคนี้เป็นที่พึ่งทางใจที่ดีมากค่ะ
การบอก/สอน ของเทพไท้เทวา(โดยเฉพาะเรื่องการให้ความรักแบบไร้เงื่อนไข).........ตัวเรายังไม่สามารถทำได้กะทุกคน/ทุกเวลา
รับฟังทีไรก็ให้อึดอัดใจทุกที

เคยต่อรองเป็น........ไม่รู้สึกอะไรใดๆเลย.....ก่อนได้มั้ย??
ท่านก็บอกว่าเรายังสอบไม่ผ่าน

เคยได้พูดคุยเรื่องนี้กะคุณคนขอนแก่น
คลับคล้ายว่า.....ช่องว่างของการเดินทางตรงนี้
อยู่ในเนื้อหาของหลักสูตร"นพลักษณ์"

ก้อหวังว่าซักวันนึง...คงได้มีโอกาสไป.....วิเคราะห์และเจาะลึกค่ะ

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 01/05/2009
สวัสดีค่ะ ศิษย์แฟนพันธุ์แท้

วิธีไหนบ้างที่เราจะสามารถกำจัดพลังด้านลบให้หมดไปได้?

@@@ กำจัดพลังด้านลบ "ให้หมดไปเลย " เหรอคะ( อืมมม ) โดยส่วนตัวหนึ่งแล้วแค่ใช้เวลาคิดลบให้สั้นลง ก็ดีใจแล้วนะคะ ไม่ต้องถึงกำจัดหรือโฟกัสกับเค๊ามากมาย เพราะมีพลังลบบ้างก็เป็นสีสันให้ชีวิตน่าสนใจกว่ากันมั๊ยคะ :O)

ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 03/05/2009
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับคุณหนึ่ง คุณใช้ถ้อยคำได้น่ารักมาก..."เพราะมีพลังลบบ้าง ก็เป็นสีสันให้ชีวิตน่าสนใจกว่ากัน...."..

ทำไมคนเราส่วนใหญ่ชอบปฏิเสธ "อีกครึ่งหนึ่ง" ของสรรพสิ่งกันอยู่เรื่อยก็ไม่ทราบ เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้ไปซื้อดีวีดีหนังเรื่อง "กังฟูแพนด้า" มานั่งดูกับลูกสาว (ใครที่ยังไม่ได้ดู ผมแนะนำให้ไปหามาดูให้ได้ ทั้งเรื่องนั้น แฝงเรื่องของ "เซน" ไว้ตลอด ประเทืองปัญญากว่าดู "ก้านกล้วย" เป็นล้านเท่า!!) ตอนหนึ่ง นกสื่อสารที่มาส่งข่าว ตะโกนว่า "ข่าวร้าย! ข่าวร้าย!" แต่อาจารย์เต่า ซึ่งเป็นเจ้าสำนัก กลับสงบเรียบเฉย พร้อมกับพูดว่า.."ข่าวก็คือข่าว..ไม่มีข่าวดี หรือข่าวร้ายหรอก!!" นี่คือเชาวน์ปัญญาแบบเซน

เพราะฉะนั้น แทนที่จะไปกำจัดพลังด้านลบ ผมว่าแค่เพียงเรามีสติรู้ตัว เฝ้าดูมัน จับตาดูมัน อย่างที่ภาษาเซนเขาบอกว่า "รู้ตัวทั่วพร้อม" แค่ยอมรับมัน รู้เท่าทันมัน เท่านั้นเอง ไม่เห็นต้องไปกำจกกำจัดอะไรมันเลย ผมชอบคำๆ นี้ ในหนังสือ "สนทนากับพระเจ้า" มาก ขอยกมากล่าวอีกครั้งว่า.."อะไรที่เราต่อต้านมันจะคงอยู่ แต่อะไรที่เราเฝ้าดูมันจะหายไป"..ฉันใดก็ฉันนั้นครับ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 03/05/2009
เห็นด้วยกับอาจารยจ์และคุณหนึ่งครับ ผมเสริมความเห็นอีกนิดที่เพิ่งรู้สึกเมื่อวันก่อนนี้เองครับ คือ ไม่ต้องทำลายให้มันหายไปหรอกครับพลังลบ หรือเรื่องอุปสรรคต่างๆ แต่ว่าอย่าให้มันมากวนใจให้ฟุ้งซ่านได้ เท่านั้นก็ไปต่อได้แล้วครับ

คิดแบบนี้ก็นึกย้อน ถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่อยู่ในtop ten ของผม the beautiful mind ครับ เรื่องของจอห์น แนช นักวิทยาศาสตร์จีเนียสที่ต้องทรมาณกับภาพหลอนเป็นตัวเพื่อนสมมติ และคนสมมติสองสามคนมาตลอดชีวิต ทำยังไงเจ้าคนสมมติพวกนี้ก็ไม่เคยหายไปหรอกครับ สุดท้ายทางออกที่แนชใช้จัดการพวกเพื่อนกวนใจไม่มีจริงพวกนี้คือ ปล่อยให้มันอยู่ไปครับ แต่เลิกสนใจมันและเลิกพูดด้วยซะ ไปไหนๆก็เห็นออกมาโบกมือ ก็ให้มันโบกไปซะ ไม่โต้ตอบ นี่แหละครับที่ทำให้เขาหลุดขอบบ้ากลับมาใช้ชีวิตปกติได้
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 03/05/2009
(อิอิ ) ท่านอาจารย์ดู "กังฟูแพนด้า" คุณกานต์ดู "the beautiful mind " สวนหนึ่งเพิ่งได้ดูวีดีโอ "slumdog millionaire" หนังดีใช้ได้เลยนะคะ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ลบๆ ร้ายๆ ท้ายสุดเป็นประโยชน์หากเรามองว่าเป็นประโยชน์ เพราะในดีมีเสีย ในเสียมีดี ไม่รู้จักทุกข์ จะรู้จักสุขได้อย่างไร เนื้อหาเริ่มต้นด้วยประมาณนี้น อยากให้ดูกันนะคะ (ยิ้ม ยิ้ม )








ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 03/05/2009
ขอเสริมด้วยคนครับ ผมเคยเขียนบันทึกเอาไว้เตือนตนเองว่าอย่างนี้ครับ

ทุกอย่างมันจะเริ่มต้นผิดพลาดในทันทีทันใด ที่เราคิดว่ามันผิดพลาด
ทุกอย่างมันจะเริ่มต้นเลวร้ายในทันทีทันใด ที่เราคิดว่ามันเลวร้าย
ทุกอย่างมันจะเริ่มต้นล้มเหลวในทันทีทันใด ที่เราคิดว่ามันล้มเหลว
ทุกอย่างมันจะไม่เป็นอะไร ตราบใดที่เรามั่นใจว่ามันกำลังดำเนินไปสู่สิ่งที่ดี

"the beautiful mind" ดูแล้ว "กังฟูแพนด้า" กับ "slumdog millionaire" ยังไม่ได้ดูครับ มีหนังอังกฤษเรื่องหนึ่ง เป็นหนังรางวัลตามเทศกาลต่างๆ น้องนักวิจารณ์หนังคนหนึ่งแนะนำมา ชื่อ "Happy Go Lucky" เป็นเรื่องคิดบวกขนานแท้ แต่ผมเองยังไม่ได้ดูเหมือนกัน คุณ karn ได้ดูหรือยังครับ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 03/05/2009
พี่หนึ่งคะ เพื่อนของdadeedaให้ slumdog millionaire มา บอกว่าอยากให้ดู แช่แป้งอยู่นานสองนานแล้วก็ยังไม่ได้ดูสักที พี่หนึ่งมากระตุ้นแบบนี้คงได้เวลาดูแล้วสิเนี่ย ยิ้ม..ยิ้ม
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 03/05/2009
happy go lucky นั้นไม่เคยดูครับ แต่คุ้นๆว่าเคยได้ยินมา ว่าจะหามาดูเช่นกันครับ ส่วน Slumdog นั้น ผมกำราบไปเรียบร้อยแล้ว สามรอบ เพราะจำได้ว่ารอบแรกที่ดูนั้น ถึงกับอึ้งเมื่อเห็นเส้นหลายเส้นเรื่องที่ชัดเจนและสามารถนำไปเป็นตัวอย่างสำหรับ theory การเขียนที่ผมคิดสำหรับนำมาเป็นวิชาของตนเองขึ้นมาได้อย่างดี ไม่นานเลยดูรอบสองอีกครับ แล้วนำไปเขียนแจกแจงประกอบทฤษฎี สำหรับ work shop การเขียนครับ วงพัฒนาเขียนนี้ผมตั้งขึ้นมาเองเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆที่ฝันๆอยากเขียนหนังและก็งานเขียนชนิดต่างๆครับ จัดทุกคืนวันพฤหัสที่บาร์ผมเองที่เคยเล่าให้ฟัง ก็สร้างมาเพื่อการนี้แหละครับ ต้องการเป็นที่บ่มของคนตามหาการเขียน ซึ่งก้ทำแบบไม่ซีเรียสครับ คล้ายๆวงสุนทรียะสนทนา ผสมวงวิจารณ์บท และก็มีผสมๆวงเหล้าสำหรับบางคนครับ ก็สนุกดี แต่ที่สำคัญที่อยากขอบคุณคือ ผมพบว่า ในขณะที่เตรียมการชักนำเวิร์คช้อปให้เพื่อนๆ และเดินเรื่องวงสนทนา แทนที่จะเหนื่อย เปล่าเลยครับ ผมพบว่า ผมได้ประโยชน์จากวงนี้มากกว่าที่คิดไว้มาก ได้เห็นเส้นงาน เส้นคิด maping และความเชื่อมโยงของส่วนประกอบความคิดในงานต่างๆทั้งของคนอื่นและงานตนเองอย่างไม่น่าเชื่อครับ ความรู้เหล่านี้เริ่มชัดขึ้นมาเอง ตอนนี้ยังหาคำมาแจกแจงไม่ได้ แต่ว่าเริ่มเข้าใจแบบไร้ภาษาแล้วครับ
ความรู้นั้นเกิดจากการเดินทาง และลงมือกระทำการบางอย่างจริงๆ

เล่ามายาว ก็อยากขอบคุณคุณนันท์ ทานอาจารย์ และเพื่อนๆทุกท่าน ณที่นี่ครับ เพราะที่นี่เองก็เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตและโลดแล่นผจญภัยที่น่าสนุกของผม ขอบคุณครับ

อ้อ ล่าวสุดที่เพิ่งกร๊ด คือ trance america ครับ อยากแนะนำให้ไปดูครับ jeezมาก

ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 04/05/2009
ลืม เล่าครับว่า รอบสามของslumdogนั้น คือดูนางเอกครับ ชอบแนวนี้มาหลายคนแล้ว
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 04/05/2009
ต้องถึงรอบที่สามเชียวหรือครับคุณ karn ของผมนี่ แค่รอบแรก ก็ดูแต่นางเอก จนไม่ได้ดูอย่างอื่นเลย (ฮา) นี่ว่าจะต้องกลับไปดูอีกรอบ เพื่อให้เข้าถึงคุณค่าที่แท้จริง อย่างที่คุณหนึ่งบอกมา

เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า การได้ดูหนังดีๆ มันก็มีผลอย่างมหาศาลต่อจิตวิญญาณ (นี่ไม่ได้พยายามจะพูดเพื่อโยงให้มันดูเป็นคนมีสาระนะครับ) ในข้อนี้ ผมจึงนิยมยกย่องในฝีมือการทำหนังของคนตะวันตกหลายคน โดยเฉพาะหลายคนของฮอลลีวู้ด ผมเคยเขียนข้อเขียน "คนไทยเก่งไม้แพ้ชาติใดในโลกจริงหรือ?" (ถ้าสนใจก็เข้าไปเปิดอ่านดูในเว็บของผมได้) โดยผมได้ชี้ว่าในเรื่องการทำหนังนั้น คนไทยไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทุน หรือเรื่องเทคโนโลยี แต่เรามีปัญหาเรื่อง "ระบบคิด" หรือ "แนวคิด" หรือ "วิธีคิด" นี่นับเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด และก็น่าจะเป็นปัญหาเดียวของเราด้วยซ้ำไป ผมไปดู "ก้านกล้วย 2" มาแล้ว ผิดหวังมาก โอเค ด้านเทคนิค นั้น แม้อาจไม่เทียบเท่ากับฮอลลีวู้ด แต่ก็ไม่ถึงกับขี้เหร่ แต่ที่แย่มากๆ ก็คือ "พล็อตเรื่อง" (ซึ่งก็คือการสะท้อน "วิธีคิด" และ "ทัศนคติ") พวกเขายังวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์น้ำเน่าในประวัติศาสตร์ พวกเขายังตอกย้ำเรื่องความ "คลั่งชาติ" (ไม่ใช่ "รักชาติ") พวกเขายังย้ำคิดย้ำทำเรื่องวีรกรรมของพระองค์ดำ พวกเขายังตอกย้ำเรื่องความเลวทรามต่ำช้าและโหดร้ายของพม่า ฯลฯ ลองไปศึกษาประวัติศาสตร์ที่เขาบันทึก ที่เขาสอนกันในประเทศพม่า ประเทศกัมพูชา ประเทศลาว รวมทั้งอาจจะประเทศเวียตนามด้วยก็ได้ ดูสิครับ แล้วเราจะประหลาดใจ ประวัติศาสตร์ของเขานี่เหมือนหนังคนละม้วนกับที่เราเล่าขานกันในประเทศไทยเลยทีเดียว! ฝรั่งตะวันตกเขายังเคยมาทำวิจัยในเรื่องนี้ เขายังพบว่าประเทศเพื่อนบ้านที่รายล้อมประเทศไทยเราอยู่นี้ ทุกประเทศล้วนไม่ชอบเรากันทั้งนั้น ทุกประเทศไม่มีใครไว้ใจประเทศไทย ทุกประเทศระแวงประเทศไทย ขอโทษนะครับ หากจะบอกว่า ทุกประเทศเพื่อนบ้านของเรานั้น มองว่าประเทศไทยนั้น คบไม่ได้! กะล่อนสุดๆ....อันนี้ก็เล่าสู่กันฟัง ส่วนว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ หรือจะคิดเห็นเป็นประการใด ก็คงต้องแล้วแต่อัธยาศัย

ว่าจะคุยเรื่องหนัง เรื่องละคร แล้วไหงถึงย้อนไปเรื่องประวัติศาสตร์ได้ไงก็ไม่ทราบ?!?

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 04/05/2009
เหมือนผมแหละครับท่านอาจารย์ตอนแรกคุยกับคุณผู้อ่านเกี่ยวกับหนังสือฟอร์มยักษ์ที่ผมชื่นชอบอยู่ดีดี แล้วไหงเลี้ยวไปด่าหนังสือแนวสัปรังเคแต่ดันขายดีในเมืองไทยได้ไงก็ไม่ทราบเช่นกัน?!?
ผมก็เป็นแบบ ว่าจะไม่พูดแล้วน้าแต่เห็นแล้วก็อดไม่ได้ จะดูระบบคิดของคนในประเทศนั้นๆอย่างที่ท่านอาจารย์บอกต้องดูที่แนวละครที่ชอบดูและหนังสือที่ชอบอ่าน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ระบบคิดของประเทศเราทำให้สแกนกรรมขายดีนำหน้ามากกว่า 7กฏทางจิตวิญญาณหรือหนังสือทุกเล่มของสนพ.ต้นไม้ชนิดไม่เห็นฝุ่น!!!
ชื่อผู้ตอบ : นิก-สปิริต-นิวเอจ ตอบเมื่อ : 04/05/2009
(ฮา ) ทั้งท่านอาจารย์และคุณกานต์ชื่นชมนางเอก slumdog หนึ่งกำลังคิดว่าหากคุณนันท์ดูแล้วยังคงยืนยันว่าสาวๆ ชาวกิมจิ ยังน่ารัก น่ารักอยู่หรือเปล่าน๊า ? หนึ่งจะไปหา happy go lucky มาดูนะคะ ขอบคุณค่ะ



คุณ dadeeda คะตัวแสดงนำวัยเด็กทั้งสามคนทีมงานคัดมาจากสลัมจริงๆเลยค่ะ เด็กแสดงได้ดีมาก (เหมือนในหนังเลยค่ะประสบการณ์ตรงที่บางครั้งอาจจะ traumatics แต่นั่นก็คือ knowledge ของความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะคนที่มี absolute determination อย่างพระเอกหนุ่ม) ทั้งหนึ่งและเพื่อนคุณdadeedaเชียร์ขนาดนี้ แช่แป้งต่อมั๊ยคะ (อิ อิ )
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 04/05/2009
สั่งซื้อ Slumdog Millionaire ไปแล้วครับ ยิ่งมีแรงจูงใจชวนดูใหญ่เลยครับ ทั้งคุณ Karn และท่านอาจารย์ การันตี นางเอกขนาดนี้ สั่งซื้อ "กังฟูแพนด้า" ไปด้วยแล้ว แต่ Happy go Lucky ร้านนี้ไม่มี เป็นหนังหายากหน่อย แต่ trance america นี่หนังอะไรเหรอครับ คุณ Karn

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 05/05/2009
ซาบรีน่า หรือ บรี เธอชอบเรียกตัวเองอย่างนั้นครับ เป็นสาววัยกลางคนที่ยังเหลือภารกิจอีกเพียงอย่างเดียวเธอก็จะสามารถเป็นฐานะจากสาวไปเป็น"ผู้หญิง" ได้อย่างสมบูรณ์ บรีกำลังจะได้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า สมหวังตั้งใจตามที่บริการสาวคนนี้ตั้งใจเก็บหอมรอมริบเงินมาหลายปี เนื่องจากจิตแพทย์นักให้คำปรึกษาหญิงแท้เพิ่งลงความเห็นว่าสภาพจิตของบรีพร้อมที่จะเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงความหมายหนึ่งของชีวิตแล้ว
แต่อย่างไรก็ดี ความคิดและการวางแผนอย่างตั้งใจนั้น ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวและแปรเปลี่ยน
จู่โทรศัพท์ลึกลับ จากอีกฟากฝั่งของอเมริกาก็ดังขึ้นที่บ้านพักของบรี ในสายถามหามิสเตอร์แสตนลีย์ซึ่งเป็นจัวตนเก่าของบรี ตอนแรกบรีปฏิเสธว่าเขาย้ายออกไปแล้วในฐานะผู้เช่าก่อนหน้าเธอ แต่เมื่อเสียงเจ้าพนักงานเรือนจำในสายพยายามถามหาแสตนลีย์ต่อ บรีก็ได้ค้นพบว่า พวกเขาพยายามตามหาแสตนเพราะลูกชายวัยรุ่นของเขากำลังจะได้รับการปล่อยตัวจากคุก จากข้อหาเร่ร่อนขายตัวตามข้างถนน ความทรงจำเก่ากลับเข้ามา บรีปฏิเสธไม่ได้ว่าเซ็กซ์เพียงไม่กี่ครั้งในวัยเรียน สมัยที่เธอยังไม่ค้นพบตัวตนแท้จริงนั้นได้ก่อให้เกิดบุตรคนนี้ ตอนนี้ลูกชายของบรีกำพร้าแม่ บรีตัดสินใจแสร้งเป็นคริสเตียนนักการกุศล เดินทางไปหาลูกชายแล้วพาเขาขับรถข้ามประเทศกลับมายังเมืองที่เธออาศัย ในการเดินทางนั้น สองพ่อลูกได้ค้นพบความลับมากมายระหว่างกันและกัน บรีอยากเดินทางกลับมาเพื่อผ่าตัดเปลี่ยนเพศ ส่วนลูกชายวันรุ่นนั้นต้องการไปแคลิฟอร์เนียเพื่อเป็นดาราหนังโป๊ชื่อดังให้ได้

เรื่องคร่าวเป็นแบบนี้ครับ การันตีว่าสนุก เท่ห์ แห และซึ้งน้ำตานองครับ แต่อย่างไรก็ตามผมไม่ได้ดูเพราะนางเอกเรื่องนี้นะครับ

ขอให้สนุกครับ

ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 05/05/2009
ใครมีหนังเรื่องอะไรมาบอกเล่า แลกเปลี่ยนเพื่อเรียนรู้ ยินดีและขอบคุณมากครับ อ้อ สำหรับหนังสือ แนวเราๆนี้ หลังจาก7กฏ และอ่านเล่มอื่นไปอีกบางเล่ม ผมก็เพิ่งเจอเล่มที่ชอบอีกเล่มครับ "พลังแห่งการขอบคุณ" เด็บ นอร์วิล สำหรับผมอ่านเพลิน ง่ายและรู้สึกได้เหมือนตอน7กฏครับ คงถูกจริงบางอย่าง หรือไม่ก็เป็นที่ได้ค่อยๆอ่านอยู่หลายวันในร้านกาแฟโล่งโปร่ง แอร์เย็นฉ่ำ ในยามบ่ายของอาทิตย์ก่อนประกอบกับคาปูชิโน่แก้วโต และการใช้เวลาหลายวันช่วงนั้นไปเล่นเทนนิส นอนหนัง เปลี่ยนทรงผม ซื้อเสื้อใหม่ เข้านอนเร็ว อดอาหารแค่วันละมื้อ เปลี่ยนยี่ห้อบุหรี่ใหม่ โดยตัดสินใจไม่ทำงานแล้วหยุดให้สมองบ่มงานที่เพิ่งคิดและทำไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนั้นครับ ช่วงอาทิตย์แบบนี้สุขสุดๆครับในระหว่างทำงานที่ต้องคิดต่อเนื่องนานๆ วิธีผ่อนคลายพวกนี้แนะนำครับ ทำเป็นช่วงๆแล้วจะกลับมาทำงานได้สนุกขึ้นครับ และที่สำคัญเราจะไม่ทรมาณกับการคิดวาดหวังผลตอบแทนจากงานมากจนเกินไปครับ ยังไงก็ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณสิ่งต่างๆครับ ส่วนตอนนี้ก็กลับมาลุยงานหนักต่อครับ พักตลอดมันจะไปสนุกอะไร
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 05/05/2009
พล็อตมันแรงดีนะครับคุณ karn คงต้องไปหามาเสพบ้างเสียแล้ว หลังๆ หลายปีมานี่ (แก่ตัว) ดูหนังน้อยลง ดูแล้วมันเบื่อๆ เหมือนมันเดิมๆ และไม่ค่อยได้ขวนขวายเหมือนเมื่อก่อน คุณ karn ยังมีสัมผัส ด้านนี้และอื่นๆ ของชีวิตสูงอยู่ ดีจังครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 05/05/2009
ขอบคุณครับคุณนันท์ และจริงๆอยากเรียกพี่นันท์ครับหากพี่ยินดีและให้เกียรติ อาจเป็นเพราะผมทำงานด้านนี้ และมีชีวิตวุ่นๆอยู่กับการหาสิ่งที่มีความหมายสำหรับการเดินทางต่อไปของผมครับ ไม่ใช่ว่าต้องเป็นความสุขตลอด และก็ไม่ใช่ว่าต้องเป็นทุกข์ถึงเรียนรู้ ผมแค่อยากรู้สึกพวยพุ่งอยู่ตลอดเหมือนตอนเด็กๆครับ เพราะตอนโตมาในวัยเลขสามนี้ มีหลายอย่างหลายเรื่องที่มันเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและสังคมที่ทำให้ผมซึมเซาลง เลขสองยิ่งหดหู่ซึมเศร้าและเคว้งคว้าง ผมพยายามเกิดใหม่เสมอ อาจเป็นเพราะอยากรักภรรยา อยากรักพ่อแม่ น้องสาว ได้เหมือนเมื่อรักใหม่ๆอยู่เสมอ อยากทำงานได้เพียวๆเหมือนตอนเริ่มทำเสมอ และอยากแข็งแรงปราดเปรียวเหมือนตอนวัยรุ่นเสมอ โดยที่มีความสงบใจในแบบวัยกลางคนนี้ด้วย ผมรักชีวิตและสิ่งที่มีอยู่ครับ (แม้จะรู้สึกผิดหวังกับมันมากมาก่อน) แต่เมื่อพบว่ามันคือความรับผิดชอบของเราเองต่อการมีชีวิตของเราก็ยิ่งรักมากขึ้นครับ เลยดื่มด่ำกับทุกอย่างเท่าที่ทำได้ครับ (ตอนนี้อยากหัดเล่น เซิร์ฟบอร์ดครับ ถ้ามีตังค์และมีโอกาส) แต่ก็ไม่แน่หรอกฮะ หากวันใดไปในวัยของพี่แล้ว ผมก็คงเบื่อๆเช่นกันครับ เพราะทุกวันนี้มันก็เริ่มมาเยี่ยมผมบ่อยแล้วครับความเบื่อ ก็อย่างว่าครับ เมื่อมันมา ผมก็จะเซ็ทอัพพลังใหม่ทันที เพราะอยากไปเดินเล่นสุดขอบจักรวาล

มีหนังอะไรที่รู้สึกดีๆ จะมาแนะนำครับ บางทีแลกเปลี่ยนกันดูก็ได้นะครับถ้าคุณนันท์สนใจ (แลกเปลี่ยนกันดูนี่ ฟังคล้ายๆหนังเฉพาะทางเลยนะครับ)
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 06/05/2009
"หนังเฉพาะทาง" ที่คุณ karn ว่ามานั้น คงหมายถึงพวก "หนังต้องห้าม" ซึ่งประเทศที่ประชากรยังไม่มีวุฒิภาวะมากพอ เขาจึงต้องห้ามฉาย และห้ามดู โดยมากก็มีอยู่แค่สองประเภทเท่านั้น คือหนังที่เกี่ยวกับความเชื่อทางการเมือง และ "หนังโป๊" แต่น่าจะหมายถึงอย่างหลังนี้มากกว่า

ใน "สังคมดัดจริต" แบบสังคมไทย เราก็จะไม่มีทางได้ดูหนังแนวอีโรติค ที่เป็นศิลปะ ที่สร้างสรรค์ ที่มีคุณค่า เพราะสังคมไทยเรา ตีค่าเป็น "หนังโป๊" ไปเสียหมด เราจึงเป็นสังคมที่ชอบเอามือปิดตา แล้วทำท่าวี้ดว้ายกระตู้วู้ ทนดูไม่ได้ ทนฟังไม่ได้ แต่ทนทำกันได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ผมเคยดูหนัง (สมัยนั้นเป็นวีดิโอ) เรื่อง The Lover และ Madame Butterfly รวมทั้งอีกหลายๆ เรื่อง อย่างเช่นหนังของเกาหลีบางเรื่อง แล้ว ก็รู้สึกซาบซึ้ง เต็มตื้น เต็มอิ่ม ไม่ได้มีความรู้สึกอยากจะข่มขืนใครในบัดเดี๋ยวนั้น ไม่เคยเก็บเอาไปคิดเพื่อวางแผนว่า วันนี้จะปล้ำใครดี? แต่อย่างใดทั้งสิ้น!

แต่ทว่าหนัง และละครไทย ที่ฉายกันโครมๆ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นั่นสิ ผมว่ามันเจือยาพิษไว้เต็มไปหมด ชนิดที่ผู้คนอาจไม่รู้ตัว มันมีผลต่อระบบคิด ต่อรูปการจิตสำนึก ของเราทีละน้อยๆ แล้วมันก็ทำให้คนไทยเราส่วนใหญ่ มีบุคลิกลักษณะไปในแนวนั้น นี่เป็นเหตุผลที่ผมนั้น จะห้ามไว้อย่างเด็ดขาด มิให้ลูกสาวของผมดูละครไทยใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นละครซิทคอม บางเรื่อง ซึ่งผมต้องนั่งดูอยู่ด้วย

เรายังคงต้องดู "สวรรค์เบี่ยง" "จำเลยรัก" ฯลฯ วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเวอร์ชั่นแล้ว ซึ่งก็มิได้ช่วยให้เกิดสติพุทธิปัญญาอะไรเพิ่มขึ้นเลย สมัยก่อน ละครไทยก็จะวนเวียนอยู่แต่ "บ้านทรายทอง" "ดาวพระศุกร์" "ดอกโศก" กันอยู่อย่างนี้ รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา ท่านยังเคยพูดว่า.."ละครไทยนี่ มันก็ไม่มีอะไรมาก มันก็จะวนเวียนซ้ำซากเป็นวงจรอุบาทว์อยู่อย่างนี้..คือพอ 'อีดาวออก ก็อีดอกเข้า'..วนเวียนกันอยู่อย่างนี้" (ฮา)..ต้องขออภัยที่มีคำไม่สุภาพ พิมสาร หลุดเข้ามาด้วย (ฮา)

ไม่ถือว่าเป็นความเห็นครับ ถือว่าเป็นการรำพึงออกมาดังๆ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 06/05/2009
สำหรับผม ผมว่าถือเป็นสุนทรียะสนทนาครับอาจารย์ เชื่อมต่อจิตคิด ความคิด แล้วเสวนาตามแรงบันดาลใจ แล้วก็เกิดการสร้างสรรค์ความคิดใหม่ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ รื่นรมย์ครับ

อ่านอักษรของอาจารย์แล้วชวนคิดไปถึงโฆษณาเช่นกัน วันก่อนผมได้ยินโฆษณาโทรทัศน์ประเภทเครื่องสำอางผู้หญิง มีคำโปรยประมาณว่า "ใช้แล้วมีผิวขาวใสเหมือนสาวเกาหลี" ก็ถึงกับฮา ฮานั้นคือว่าเออเฮ้ย หาจุดขายกันได้ไว ได้เพียวดีจริง ได้ไม่อายดีจริง ส่วนอึ้งก็คือ เอากันงี้เลยเหรอ ทำไมบ้านนี้เมืองนี้ มีแต่คนที่อยากเป็นคนอื่น
พออยากเป็นคนอื่น ก็คือความคิดแบ่งแยก
เปรียบเทียบ
รู้สึกเหนือ หรือด้อย
อิจฉา หรือ กดขี่
ชอบ ไม่ชอบ
แบ่งสังกัด
ไม่รู้ตน
หาไม่เจอ
โศกเศร้า สับสน
ไหว้พระ ไหว้เจ้า ไหว้ผี
ยึดเหนี่ยว ความกลัว
มีชีวิตซ่อนเร้น
ไม่มีตัวตน
ขี้เกียจหาตน
วกวนเช่นนี้
เป็นคนอื่นดีกว่า ง่ายดี
เป็นสาวเกาหลีกันเหอะ ผู้ชายชอบ
มีคนนอนด้วยก็เริงใจ ลืมเรื่องตัวตนที่ไม่มีไป
แล้วก็กาลเป็นคลั่งรัก
จะมีค่าได้ก็เพราะมีคนอื่นยืนยัน
ยึดเหนี่ยวอะไรก็ไม่รู้
คิดแล้วเหวอ
บางครั้งก็อยากอ้วก

ยอมรับครับว่า ผมอึ้งกับสังคมดัดจริตนี้อยู่บ่อยๆเช่นกันครับ
และยินดีมากที่ได้อ่านอักษรของอาจารย์ และได้สุนทรียะสนทนาครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 06/05/2009
ไอ้ที่คุณเขียนมานั้น นั่น "บทกวี" เชียวนะคุณ karn แม้คุณจะคิดว่ามันเป็นเสียงบ่น เสียงรำพึงรำพัน เสียงละเมอ หรือคำปรารภ แต่ผมว่ามันเป็นบทกวีว่ะ!! (ฮั่นแน่ พอเริ่มคุ้นเคย เริ่มมีวะเว้ย..ฮา..)
ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 06/05/2009
เรื่องผิวใสนี่ ผมได้ยินจากสาวๆ (คนรอบตัว) ว่ามีแบบรับประทานแล้วด้วยครับ . . เร็วๆ นี้ คงมีแบบฉีด แหงๆ

ผมเคยตั้งข้อสังเกตกับสาวๆ กลุ่มเดิมว่า แล้วผู้ชายที่มีรสนิยมผิวสีแทน จนถึงดำขำคมเข้ม หายไปไหนหมด รสนิยมเปลี่ยนกันไปทั้งประเทศจริงๆ เหรอ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 06/05/2009
จริงๆแล้ว รสนิยม อาจไม่เคยมีก็ได้ครับ เพราะรสนิยมนั้นจะว่าไปคือตัวตน และสิ่งที่สอนหรือทำตามกันไม่ได้ครับในความเห็นของผม

ส่วนยาผิวขาวแบบทานนี่ ตอนนี้หลายๆคนก็หันไปบำรุงโดยเสตมเซลล์ครับ สนนราคา 7 หมื่นต่อคอร์ส พอดีเพื่อนผมนำมาเสนอขายครับ ผมขอแลกจ่ายเป็นโซดาที่ร้านก็ไม่ยอม เลยไม่ได้ทานเลย
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 07/05/2009
(หัวเราะ ) ผิว "ดำแทนขาว" เนี่ยหนึ่งมีประสบการณ์ตรงตั้งแต่เด็กเลยค่ะ

ตอนเด็กๆ เพื่อนๆ ยกย่องให้เป็นนางเองหนังเลยนะคะ เรื่อง "ข้าวนอกนา" บ้าง "ผู้หญิงคนนี้ ชื่อบุญรอด" บ้าง

ทุกวันนี้ถึงได้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ออสเพราะผู้ชายที่รสนิยมผิวสีแทน จนถึงดำปี๋ อยู่ที่นี่กันหมด (ฮา ) (เวลากลับบ้าน เพื่อนๆๆ ยังต่อว่า ทำไมไปอยู่เมืองนอกตั้งนาน ไม่มีการพัฒนาดำปี๋อยู่เหมือนเดิม (กรรมของบุญรอด (ฮา ) )
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 07/05/2009


ผมเข้ามาแอบอ่านสุนทรียะสนทนา ที่สนุกสนานมากขึ้นๆ ครับ

สวัสดีครับคุณkarn
เห็นด้วยครับอาจารย์ ที่ว่าคุณkarn บ่นยังเป็นบทกวี สัมผัสได้จากเรื่องเล่าการเดินทางที่ผ่านมา ร้อยเรียงภาษา สบายๆๆคมๆแต่สุดยอด(ยังเชียร์การเขียนอยู่นะครับ)แอบคิดไม่ได้ เวลาคุณkarn ควันออกหู จะเป็นรูปแบบไหน(ฮา)

รบกวนเรียนถามอาจารย์ครับ แล้วนิสัยแบบชอบทั้งสองสีผิว แต่ว่าจะเป็นช่วงๆ คือ....สักพักชอบขาว สักพักชอบเข้ม ดีมั้ยครับ ยิ้มๆๆ
ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 07/05/2009
สวัสดีครับคุณโก้
เวลาผมควันออกหูนี่ คอร์ทเทนนิสกระเจิงครับ เล่นจริง ไม่มีออม แล้วก็ทุบๆๆๆจนหมดฮะ เรียกได้ว่าขาลากแทบคลานออกจากคอร์ทเลยฮะ จากนั้นก็อาบน้ำที่คลับ ซาวน่านานมาก ต่อด้วยอาหารรอบดึกชุดใหญ่เช่นที่13 เหรียญ ฟู้ดแลนด์ หรือ แถวข้าวสาร เดินเล่นหรือขับรถกินลมยามดึกเล่นไปซักพัก แล้วก็หายครับ พอหายก็ไทรไปหาคนที่ทำให้โกรธ "รู้ไหมกูเกือบฆ่ามึง "บอกอะไรประมาณนี้ครับ แล้วก็กลับบ้านนอนสบายใจ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 07/05/2009
ขอบคุณครับ คุณkarn

เป็นการปล่อยวางที่ต้องถือเป็นแบบอย่างเลยครับ กีฬาเป็นยาวิเศษ และทุกๆสเตปถือเป็นการปลดปล่อยกาย จิต วิญาณ แบบไม่กดดัน "สบายๆสไตร์คุณkarn" แถมสรุปเสร็จในวันนั้นเลย ..ขอคาราวะครับผม

คุณนันท์ครับ""ผมยังชอบดำขำคมเข้มนะครับ และก็ชอบขาวๆด้วยครับ แต่ต้องคนละช่วงเวลาที่เหมาะสมนะครับ ขืนชอบช่วงเดียว ผมเองนี่แหละครับจะเขียวแทน (ฮาๆนะครับคุณนันท์) แต่สรุปแล้วเสน่ห์มาก่อนครับ
ชื่อผู้ตอบ : โก้ครับ ตอบเมื่อ : 08/05/2009
คุณหนึ่งครับ แวดวงงานแถวๆ ที่ผมพอรู้จัก เช่น คนที่ทำงานด้านถ่ายภาพ หรือภาพยนตร์ หรือวิดีโอ มักชอบคนผิว 2 สี ถึงระดับคมเข้ม เพราะจัดแสงให้สวยได้ง่ายกว่าครับ

แต่ถ้าอย่างที่คุณโก้บอกว่า แล้วแต่เสน่ห์ ละก็ แบบนี้เรียกรักจริงหวังแต่ง ไม่ใช่เรื่องขอถ่ายภาพอย่างเดียวแล้วหละ ส่วนเรื่องเขียวหรือรอดนี่ อยู่ที่ความสามารถเฉพาะตัว แต่คนที่มีสิทธิเขียวนั่นแหละ แสดงว่า เสน่ห์ตนเองนั้นแรง ชัวร์ครับ เรื่องนี้คิดว่าท่านอาจารย์น่าจะมีประสบการณ์สูงกว่าผม คงชี้แนะคุณโก้ได้ดีกว่าผมครับ (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 08/05/2009
ยืนยันตามที่คุณนันท์ให้ความเห็นครับ สมัยที่ผมทำรายการทีวี นั้น ช่างไฟในสตูดิโอ ก็กล่าวอย่างนี้กับผมเหมือนกัน เขาบอกคนที่มีผิวสีเข้ม นั้นจัดแสงง่าย เพียงแต่มีข้อเสียนิดเดียว คือ ต้องเพิ่มไฟอีกหนึ่ง หรือสองดวง ทุกทีเลย!! (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 10/05/2009
ผมว่าแล้วเชียว มิน่า ตอนนั้นที่ คุณมอริส เค มาออกรายการทีไร บิลค่าอุปกรณ์ไฟมันถึงได้แพงผิดปกติ (ฮา)

เอ . . ว่าแต่ พวกหลานๆ จะรู้จัก คุณมอริส เค กันไหมเนี่ยะ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 10/05/2009
หลานหนึ่งรู้จักคุณมอริส เค ค่ะคุณลุงนันท์ (อิอิ)
ชื่อผู้ตอบ : หลานหนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 11/05/2009
ถ้ายังจำมอริส เค ได้นี่ ก็ต้องเป็นกลุ่มคนที่มาถึงสะพานใหม่ดอนเมืองแล้ว คือเลยหลักสี่มาสักระยะหนึ่งแล้วละ (ฮา) เอ แต่ว่ามอริส เค นี่ใครกันครับ? (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 13/05/2009
จำคุณมอริส เค ได้ยังไม่เท่าไหร่ครับท่านอาจารย์ ถ้าจำ เกร็ก มอริส ได้นี่สิ อาจวิ่งวนหลักสี่เกือบครบ 2 รอบแล้วละครับ (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 13/05/2009
คุณนันท์ ทำเป็นเล่นไปค่ะ หนึ่งไปฮอลิเดย์ที่
Las Vegas โรงแรมที่พักมีรูปและประวัติ Greg Morris เต็มไปหมดเพราะเกร็ก มอริส เกิดและจากไปที่ลาสเวกัส ยังจำได้ว่าเดือนเกิดเค๊า เป็นเดือนเดียวกับหลานหนึ่งด้วยค่ะ แต่ที่แน่ๆคุณปู่เกิดก่อนหลานหนึ่งนานแย้ววววค่ะ ! (อิอิ )

ชื่อผู้ตอบ : 1 kha ตอบเมื่อ : 14/05/2009
คุณหนึ่งนี่ก้อ จริงๆ เล้ย!!!!....เดี๋ยวถ้าใครเขาโยงไปถึงคลาร์ก เกเบิล กับวิเวียน ลี คุณก็จะจำได้อีก (ฮา) ทำเป็นจำไม่ได้บ้างสิครับ ทำเป็นรู้จักแค่สิงโต เดอะสตาร์ ได้แค่คนเดียวบ้างดิ๊! (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 14/05/2009
(ฮา) ที่ดีใจจนออกนอกหน้านอกตา เพราะนานๆทีแม่หนึ่งถึงจะรู้จักกับเค๊าสักคนน่ะค่ะ (ฮา)


ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 14/05/2009
ฮา . . ฮา . . ฮา . . คุณหนึ่งน่ารักดีครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 14/05/2009
คุณนันท์ช่างให้กำลังใจหนึ่งดีจริงๆ น่ารักเนี่นนะคะ ? (ฮา) แบบนี้แถวบ้านเค๊าเรียกหนึ่งว่า "เชย" vs "เฉิ่ม" ( ฮา) ใคร๊จะอินเทรนและสดใสวัยสะรุ่นเท่าอาจารย์ใหญ่ของพวกเรา( อิอิ ฮา )

ระลึกถึงทุกๆๆๆท่านค่ะ :O)


ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 17/05/2009
ผมเห็นด้วยกับคุณหนึ่งครับ ว่าอาจารย์ใหญ่ท่าน ทั้ง intrend และ oldtrend เลยครับ (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 17/05/2009
oldtrend (ฮา )
เต็มที่เลยค่ะท่านบรรยายอยู่พิษณุโลก ไม่ได้ยินหรอกค่ะ (:O)
ชื่อผู้ตอบ : 1 kha ตอบเมื่อ : 18/05/2009
มันก็ไม่ทุกเรื่องหรอกครับ หลายเรื่องก็ยัง outtrend เหมือนกัน อย่างเรื่องสวดมนต์นั่นยังไง (ฮา) ได้แต่อ่านโฉบไปโฉบมา ไม่กล้าเข้าไปสาระแนห้าวเป้ง (ฮา) ไม่อย่างนั้น คงได้เห็นปรากฏการณ์เสื้อเหลืองเสื้อแดง ในเว็บบอร์ดนี้แหงๆ (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 18/05/2009
ขนาดนั้นเลยเหรอคะ......เดี๋ยวจะเขียนยั่วโมโห..ไปเรื่อยๆๆๆๆ

อิอิ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 19/05/2009
ผมคงต้องขอเตือนไว้สักหน่อยนะครับ ว่าผมเป็นคนโมโหร้าย มีอารมณ์ค่อนข้างจะรุนแรง และก้าวร้าว เวลาที่ผมโมโหมากๆ ครั้งใด ผมมักจะเป็นลมทุกที!! (ฮา..โธ่เอ๊ย นึกว่าจะเกิดเรื่อง!!)
ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 19/05/2009
นี่ก็อีก ขอตามมาฮากะถ้อยความของท่านอาจารย์อย่างเดียวเลย อิอิ
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 19/05/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code