เรื่องเล่าดีๆ มีสนุกเล็กน้อย ครับ
สืบเนื่องจากวันนี้คุณ jang ได้ส่งอีเมลเล่าเรื่องดีๆ มาให้ผม (เข้าใจว่ารวมทั้งท่านอาจารย์วสันต์ และคุณหนึ่งด้วย) ผมได้ตอบคุณ jang กลับไป แล้วก็คิดว่า เอามาเผื่อแผ่เล่าสู่กันตรงนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี ข้อความทั้งหมด ก็ตามข้างล่างนี้ครับ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

คุณนันท์ อ.วสันต์ และคุณหนึ่งคะ

ผลจากการอ่านหนังสือในแนวทางที่คุณหนึ่งและคุณนันท์แปล มีผู้คนได้รับผลลัพธ์อย่างชัดเจน มีคุณพ่อของเด็กคนนึงที่อ่านหนังสือตามที่แจงได้แนะนำแล้วมีปาฎิหาริย์เกิดขึ้นกับลูกชายวัย 15 ซึ่งบังเอิญ(ที่ไม่บังเอิญ) ได้รับทุน Harrow International School (โรงเรียนเกี่ยวกับดนตรี)อย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถ้าว่ากันตามเหตุผลแล้วทุนนี้มีเด็กที่เก่งๆเข้าแข่งขันมากมาย มีใบรางวัลและเส้นสายในวงการการันตีทั้งนั้น แต่เด็กชายคนนี้ไม่มีอะไรเลย เจ้าหน้าที่ที่สัมภาษณ์ถามว่าเด็กเคยได้รับรางวัลหรือมีเอกสารอ้างอิงอะไรบ้าง คุณพ่อของเด็กบอกว่าไม่มี มีแต่เคยเข้าค่ายกับม.ศิลปากรครั้งเดียว และเล่นดนตรีก็เรียกว่า คุณครูผู้ฝึกสอนบอกว่าเล่นเหมือน..คนบ้านนอกที่เข้ากรุง คุณพ่อของเด็กเล่าว่า ลูกชายมีอย่างเดียวคือ..ความปรารถนาที่แรงกล้าและมีความฝันที่ยิ่งใหญ๋ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณพ่อ คุณแม่ของน้องคนนี้ก็ได้พูดคุยกับแจงอยู่เป็นประจำ แจงก็แนะนำไปตามหนังสือที่ได้อ่าน ที่ได้ศึกษา และทั้งสองคนก็นำไปปฏิบัติ

คุณพ่อของเด็กโทรฯมาเล่าให้แจงฟังอย่างตื่นเต้น เพราะจะได้มีโอกาสรับทุน 100เปอร์เซนต์ซึ่งทำให้เด็กได้มีโอกาสไปเรียนตามความฝันได้อย่างสบายๆ เพราะไม่เช่นนั้นมันจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะเฉพาะค่าเล่าเรียนต่อเทอมก็5แสนกว่าบาทแล้ว ครอบครัวของเด็กมีรายได้ปานกลางเท่านั้น แจงเคยบอกกับผู้ปกครองรายนี้ว่าอย่าคิดวิธีการว่าจะได้มาอย่างไร ให้คิดแค่ว่าอยากได้อะไร

มีเด็กหลายคนที่ปรึกษาแจงแล้วนำไปปฏิบัติตามก็ได้รับผลลัพธ์ตามต้องการจริงๆ ลูกสาวแจงก็ใช้วิธ๊นี้คือ เค้าไม่เคยได้เรียนพิเศษอะไรเลย (แจงไม่เห็นด้วยกับระบบการเรียนพิเศษ) แต่แกสามารถสอบAdmissionครั้งนี้ได้ เกือบ8000คะแนนซึ่งทำให้สามารถมีสิทธิ์เลือกได้หลายคณะมาก ไม่ว่าจะเป็นนิเทศจุฬาฯ บัญชีจุฬา บัญชีธรรมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์จุฬา และอีกหลายคณะแบบสบายๆ

สิ่งที่แจงต้องการสื่อสารให้ทราบครั้งนี้เพราะต้องการยืนยันความเป็นจริงที่เกิดขึ้นว่าหากใครตั้งใจอ่านหนังสือในแนวทางนี้อย่างจริงจังแล้วนำไปปฏิบัติตามอย่างตั้งใจจะได้รับผลลัพธ์ตามที่ตัวเองปรารถนาค่ะ

และที่ต้องส่งเป็นe-mailครั้งนี้เพราะไม่แน่ใจว่าจะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ที่จะพิมพ์ลงในบอร์ด อีกประการคือต้องการขอบคุณ ขอบคุณหนังสือทุกเล่มผู้เขียน สนพ.และผู้แปลทุกท่าน รวมถึงผู้ที่จัดสัมมนาแนวทางนี้ แจงปรารถนาที่จะให้ผู้คนได้รับทราบว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นสร้างความสุขให้กับผู้คนรวมถึงเด็กๆด้วยค่ะ แจงเชื่อว่าสังคมไทยกำลังเปลี่ยนไปในทิศทางที่เป็นบวกมากขึ้นเพราะพวกเราช่วยกัน

หวังว่าจะได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่คุณนันท์ และคุณหนึ่งแปลเล่มต่อมาในเร็ววัน รวมถึงได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับทุกท่านในไม่ช้า และคงได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมสัมมนาของอ.วสันต์ด้วยค่ะ

ขอบพระคุณจากหัวใจ

Jang

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขอบคุณคุณ jang สำหรับเรื่องสิ่งดีๆ และขอแสดงความยินดีกับหลานๆ ที่จะได้เข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาด้วยครับ

ผมมีเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่งครับ

เหตุการณ์มันเริ่มต้น ตอนบ่ายของเมื่อวานนี้ครับ
ผมมีธุระต้องแวบเข้าบ้านนิดนึง ขณะที่แวบเข้าไปนั้นพอดีเหลือบไปเห็นเด็กในบ้านคนหนึ่งกำลังนั่งทานไก่ทอดกับข้าวเหนียว
ความปราถนาของผมบังเกิดขึ้นทันที ในตอนนั้น
ขณะขับรถออกจากบ้าน ก็นึกอยากทานข้าวเหนียวไก่ทอดไปตลอดทางที่ไปยังนัดคุยธุระ
นึกภาพไก่ทอดเนื้อแห้งๆ ไม่มัน รสชาติเค็มนิดๆ ไป นำลายสอไป

พอไปถึงที่นัดหมาย ก็นั่งคุยงานจนถึงสัก 5 โมงเย็นกว่าๆ
ผมก้บ่นกับน้องคนหนึ่งว่าอยากกินไก่ทอดแห้งๆ กับข้าวเหนียวจัง พอดีฝนก็เริ่มตกลงมาพรำๆ
ระหว่างคุยกันต่อไป น้องคนนั้นก็ช่วยคิดว่าที่ไหนมันมีไก่ทอดอร่อยๆ ขาย
คุยไปนึกไป น้องคนนั้นก็บอกว่านึกออกแล้ว
บอกกว่ามี "ไก่ทอด 7 กะทะ" แถวๆ สุทธิสาร แต่ป่านนี้แล้วไม่รู้ว่าปิดหรือยัง
จากตรงที่ผมอยู่ และฝนก็เริ่มตกลงมา น่าจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที น่าจะถึง ว่าแล้วก็ตัดสินใจไปดูให้เห็นเลยดีกว่า

ช่วงขับรถเข้าซอยสุทธิสารฝนเริ่มหนาเม็ด และเริ่มมืดน้องคนนั้นบอกว่าผมไม่ได้มานานแล้ว ไม่รู้หยุดกิจการไปหรือยัง
พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็เห็นป้ายขวามือชื่อร้าน ให้เลี้ยวขวาเข้าไป พอเลี้ยวตามเข้าไปถึงร้านด้านซ้าย

ร้าน "ปิด !" แล้ว ยกเก้าอี้ขึ้นวางบนโต๊ะหมดแล้ว ร้านก็ปิดไฟ ออกจะเริ่มมืดนิดหน่อย
มองไปไม่เห็นใคร ในใจก็นึกเสียดายนิดๆ เลยบอกให้น้องเขากลับรถเพื่อออกจากซอยโดยต้องถอยรถเข้าประตูลานจอดของร้าน
พอถอย ก็นึกในใจว่า ไหนๆ ก็ลองถอยไปดูว่าร้านเขาเขียนว่าเปิดปิดกี่โมงกัน เผื่อวันหลังจะได้มากินกัน
พอถึงช่วงหน้าร้าน ที่เป็นเหมือนโรงไม่มีผนัง ก็เห็นเด็กร้านยืนอยู่คนหนึ่งด้านใน
เลยแง้มกระจก ตะโกนถามว่า "ปกติปิดกี่โมงครับ"เด็กตะโกนตอบมาว่า "ปิด 4 โมงเย็นค่า . ." ก็เลยตะโกนกลับไปว่า "อดกินเลย !"
ทันใดนั้น ก็มีคุณยายคนหนึ่ง (เจ้าของร้าน) โผล่หน้าออกมาตะโกนว่ามีไก่ทอดเหลือเอาไหม ! . . มีเหรอครับจะไม่เอา !!
ว่าแล้วก็รีบจอดรถ วิ่งหลบฝนเข้าร้าน
คุณยายยกไก่ทอดในตะกร้าที่มีมาให้ดู แล้วบอกว่ามีไก่อย่างเดียวนะ ถ้าเอาจะอุ่นให้ผม
บอกว่า "ครับ . . แต่ขอข้าวเหนียวด้วยได้ไหมครับ" ว่าแล้วก็ขออนุญาตคุณยาย นั่งทานตรงนั้นเลย
คุณยายก็แสนใจดี ให้เด็กเสิร์ฟน้ำท่าให้เสร็จสรรพ แถมมานั่งคุยด้วย

ตกลงผมได้ทานไก่ทอด ที่อร่อย และแห้งสมใจอยากจริงๆ (เลยซัดซะเต็มที่) ซึ่งผมไม่คิดว่ามันเป็นเหตุบังเอิญ . .
ผมนั่งทานไป ก็ขอบคุณจักรวาลไป ที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรง ให้ผมสมปรารถนาถึงขนาดนี้
และตอนออกจากร้าน ต้องขอบคุณคุณยาย ที่คิดราคาถูกเป็นพิเศษให้ผมอีก
จักรวาลช่างมีแถม การเอาอกเอาใจผม ซะจริงๆ

จบครับ
นันท์ วิทยดำรง

ปล. ร้านนี้เปลี่ยนชื่อเป็น "ไก่ทอด 8 กะทะ" (จากเดิม 7 กะทะ)
ถามคุณยาย บอกว่ามีคนขโมยเอาชื่อไปใช้ ขายเลียนแบบ
เลยเปลี่ยนหนี และจดทะเบียนชื่อใหม่แล้วด้วย




ชื่อผู้ส่ง : นันท์ วิทยดำรง ถามเมื่อ : 08/04/2009
 


ตื่นมารับอรุณเพราะเสียงไก่ขัน พร้อมซึมซับการแบ่งปันก้าวย่างความสำเร็จจากคุณjangโดยคุณนันท์ และเรื่องราวน่ารักน่าเอ็นดูน่าหยิกแกมหยอกจากคุณนันท์ ขอบคุณนะคะ

ยิ้ม...ยิ้ม...มีความสุขกับเช้าวันใหม่ค่ะ



ค่ะที่แบ่งปัน
ขอแสดงยินดีกับก้าวย่างของหลานๆ ด้วยนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 09/04/2009
ดอกเบี้ยที่มี...รู้ละว่าจะเลี้ยงเป็นอะไร?(อิอิ)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 09/04/2009
กฎที่คุณนันท์ใช้นั่น จะเรียกว่าอะไรดีครับ? "กฎแห่งการดึงดูด" หรือ " กฎแห่งการดึงแ_ก!" กันแน่? (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 09/04/2009
จริงๆ แล้วงานนี้เป็นกฎครบ สาม ด. เลยละครับ (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 11/04/2009
คุณนันท์ครับ.....กฎแห่งการดึงดูดเต็มๆเลยครับ และตอนนี้หิวๆๆๆๆอยากกินๆๆๆท้องร้องๆๆๆๆๆครับผม
ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 12/04/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code