ว่าด้วยจิตวิญญาณที่เคยเล่ามา พร้อมการขยายความที่แจ่มชัด
นำกระทู้ที่ได้พิมพ์ไปแล้วมาพิมพ์เป็นหัวข้อใหม่เพื่อให้บูมกันอีกรอบครับ พอดีเห็นกระทู้นิวเอจและจิตวิญญาณทางเลือกเงียบเหงายังไงก็ไม่รู้ พอพูดถึงหนังสือนิวเอจแล้วเนี่ยไปพูดให้คนทั่วๆไปคงจะงงว่าหมายความว่าอย่างไร แต่ตอนนี้ที่อเมริกา(และน่าจะยุโรปด้วย)บูมเรื่องนี้กันมาก เพราะพวกเขา(ที่เป็นชาวตะวันตก)ก็เหมือนพวกเราตรงที่อยากสัมผัสกับบางสิ่งที่ช่างล้ำลึกและศักดิ์สิทธิ์เหนือกว่ากิจวัตรประจำประวันปกติคือ กิน ขี้ ปี้ นอน(แน่นอนต้องทำงาน แต่ก็ทำไปเพื่อจะได้อยู่รอดเลี้ยงปากเลี้ยงท้องมากิน ขี้ ปี้ นอน ไม่ได้หลงรักงาน
อย่าสุดขั้วหัวใจ) จึงได้แสวงหาอะไรก็ตามเกี่ยวกับจิตวิญญาณก็เลยมีบุคคลอย่างดีพัค โชปราหรือดร.เวย์นซึ่งผลิตสินค้าและบริการพวกนี้กับตลาดซึ่งเป็นที่นิยมมากทางอเมริกา คิดว่ามีคนผลิตแนวนี้มาเยอะได้รายใหญ่อย่างดีพัค เวย์น กับรายย่อยอื่นๆที่อ่านหนังสือและฟังซีดีของเขาทั้ง2แล้วเอามาต่อยอดให้ง่ายขึ้น กระทัดรัดขึ้นเป็นต้น(ซึ่งดีพัค เวย์น เขาก็ต่อยอดมาจาบรมครูทางนี้คนอื่นอีกที)
พูดถึงกฏแห่งการดึงดูที่ตอนนี้บูมกันมากนั้น ผมเห็นคุณแฟนพันธ์แท้พูดถึงหนังสือของลินด์ แกร๊บฮอร์นและไมเคิล เจ โลเซียร์ ก็เลยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวหนังสือของสนพ.ต้นไม้คลื่นลูกใหม่หน่อยเผื่อจะ
จูนกันได้มากขึ้น

เราจะเร่งเครื่องและจุดพลุอารมณ์ให้พลุ่งสุดขีดไปด้วยความปิติเบิกบานในทุกอิริยาบถได้อย่างไร หนังสือที่ออกใหม่เช่นทุกคำพูดมีพลัง หน้าปกสีเหลืองมีรูปกุญแจนูนออกมานั้น เป็นอีกเล่มที่คุณวันชัยแนะนำว่ายอดเยี่ยมากเหตุผลเพราะ
-กฏแห่งการดึงดูดคือดึงดูดสภาวะการณ์ที่ตรงกับสภาวะจิตของเรามาให้
-วิธีทำให้สภาวะจิตดีตลอดเวลาโดยเปลี่ยความคิดที่มีเกือบแสนเรื่องต่อวันไม่น่าจะเป็นไปได้
-เราน่าจะเปลี่ยนอะไรที่ทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องมาเปลี่ยนที่ความคิดโดยตรง
-นั่นก็คือเปลี่ยนคำพูดที่พูดซ้ำๆเพื่อให้memoryของเราเล่นวนซ้ำอยู่เรื่องดีดีซ้ำๆ เราจะกลายเป็นบวกโดยอัตโนมัติ แล้วก็ดึงดูดเรื่องดีดี โดนโดนมาหาตามกฏแห่งการดึงดูดได้
-พร้อมแบบฝึกหัดอัศจรรย์แห่งจิตถึง10ข้อเช่นการฝังสภาวะใหม่ให้จิตเป็นต้น
ส่วนในกรณีถ้าแบบผมและหลายๆคนในที่นี้ที่ชอบหนังสือแนวความคิดของดร.เวย์น และนีล โดนัลย์ วอลท์ ซึ่งเป็นคำเด็ดหลายอย่างเช่น
"เราเป็นจิตวิญญาณที่มามีประสบการณ์ในร่างมนุษย์ หรือความรักและเซ๊กส์คือสิ่งดีไม่ขัดกับจิตวิญญาณแถมสามารถสนับสนุนจิตวิญญาณได้" หรือ"เธอมีสิทธิอย่างสมบูรณ์ที่จะใช้ชีวิตตามที่เธอใฝ่ฝัน" "คุณเป็นจิตวิญญาณที่งดงามจากต้นกำเนิดของแก่นแท้อันศักดิ์สิทธิ์" อะไรทำนองนี้ ซึ่งทำให้รู้สึกว่าหนังสือแบบพวกฝังโปรแกรมจิตของแอนโทนี่ ร้อบบิ้นหรือไบรอัน เทรซี่ หรือเกี่ยวกับจิตใต้สำนึกจะไม่ค่อยสอดคล้องกับหนังสือแนวจิตวิญญาณที่เราชื่นชอบเท่าไร ซึ่งตอนแรกผมก็คิดอย่างนั้น แต่หลังจากพิจารณาอยู่หลายครั้งมีความเห็นดังนี้
เราต้องฝังโปรแกรมแนวคิดทุกแบบที่ดร.เวย์นและนีล โดนัลด์ วอลท์จากสนทนากับพระเจ้าเสนอให้เราโดยให้แนวคิดพวกนี้ซึมซาบไปทั่วสรรพางค์กาย ซึมซาบเข้าไปในจิตใต้สำนึก หรือทั้งตัวตนของเรา คือเป็นตัวตนสภาวะจิตแบบนั้นเลย หรือขอพูดหยาบๆว่าให้แนวคิดของดร.เวย์น หรือนีล โดนัลย์ วอลท์ ไม่ได้เป็นแค่ปรัชญาท่องสนุกปาก แต่ให้เป็นขันธสันดานของเราไปเลย ซึ่งสงสัยคิดว่าคุณวันชัยคงคิดเช่นนี้อยู่ว่าบางทีหนังสือของเวย์นและนีลอาจจะบอกแต่แนวคิดแต่ไม่บอกว่าทำยังไงให้แนวคิดนั้นกลายเป็นสภาวะจิตและตัวตนของเราเลยผลิตหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา คือ "อานุภาพจิตใต้สำนึก" เล่มสีม่วงผสมสีเนื้อๆ แฮร์รี่ ดับบลิว คาร์เพ็นเตอร์เขียน พรรณี ชูจิรวงศ์แปล
หนังสือเล่มนี้จะแนะนำให้เข้าสู่สภาวะอัลฟ่าแล้วก็โปรแกรมแนวคิดของดร.เวย์น หรือของนีล โดนัลย์ วอลท์ เช่น
-ฉันมีสิทธิโดยกำเนิดที่จะใช้ชีวิตตามฝัน
-ฉันคือจิตวิญญาณที่งดงามจาต้นกำเนิแห่งแก่นแทม้ที่บริสุทธิ์
-พระเจ้า(ธรรมะ)กำลังนำทางฉันไปในหนทางที่ถูกต้อง
ก็เลยเป็นเครื่องมือสุดวิเศษที่จะทำให้เราใช้แนวคิดดร.เวย์นและนีล โดนัลด์ได้เต็มที่
ได้ทั้งหมดก็เป็นอีกเล่มที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะเสนอ7กฏธรรมชาติ พร้องแบบฝึกหัดหาดาวเหนือจริงที่แสนโดนใจ
ในเร็วๆนี้จะมี ออกมาอีก2 เล่มคือ อานุภาพความเชื่อ กับความลับที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา อย่าลืมติดตามอ่านกัน

พูดถึงหนังสือนิวเอจหรือแนวจิตวิญญาณทางเลือกเราก็จะนึกถึง:
-CELESTINE PROPHYCYเจมส์ เรดฟิวด์เขียน ที่สนพ.โอ้มายก้อดจะทำออกมาขายแปลโดยคุณอัฐพงศ์ บก. ที่คุณแฟนพันธ์แท้ซื้อสัมผัสที่10ของเขามานั่นแหละครับ แต่คิดว่าคงแปลสู้คุณอัฐพงศ์ไม่ได้แน่
สนทนากับพระเจ้าทั้ง 3เล่ม
-THE PURPOSE OF LIFE ของแครอล เอเดรียน ผู้ร่วมเขียน celetine prophecy ภาคสนาม(ที่สนพ.โอ้มายก้อดเอามาทำเป็นภาคนิยาย)
-QUANTUM SUCCESS ที่คุณวันชัยจะทำขาย น่าจะคลอดในงานหนังสือเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ให้หลานชายคนโปรด อาทิตย์ ประชาเรืองวิทย์แปล
SECRET OF SUCCESS ผู้เขียนคนเดียวกับ QUANTUM SUCCESS(แน่นอนสนพ.ต้นไม้ทำ)
THE GREATEST SECRET OF ALL ใกล้คลอดแล้วชื่อภาษาไทยคือ ความลับที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา วสันต์ ประชาเรืองวิทย์
ลูกชายคนโตสุดเลิฟคุณวันชัยแปล
(คุณวันชัยบอกว่าภาษาอังกฤษเขาเก่งกว่าคุณวันชัยซะอีก) เล่มนี้เขียนโดยมาร์ค อัลเลนเพื่อนซี้
ชัคติ กาเวน ผู้เขียนจินตนาการสร้างสรรค์
-หนังสือของดีพัค โชปราทั้งหมด(ซึ่งคุณวันัชยทำเพียงเล่มเดียว ตอนหลังติดต่ออีเจนซี่ของดีพัคแล้วเขาไม่ตอบกลับ ช่างน่าเสียดายจริงๆ)
-หนังสือของดร.เวย์น ซึ่งคุณวันชัยเอาไปครองไว้เกือบหมด แต่ยังไม่ทำขายเพราะบก.เริ่มเบื่อแนวการเขียนที่ซ้ำซาก(จะสังเกตได้ว่าหนังสือของดร.เวย์นจะซ้ำไปซ้ำมา จะบอกว่าเป็นแนวจิตวิญญาณเลยต้องซ้ำๆก็ไม่ใช่เพราะหนังสือของดีพัค โชปรา ถ้าสังเกต ไม่ซ้ำประเด็นกันสักเล่ม
7 กฏฯก็เน้นพูดภาพรวมกว้างๆเกี่ยวกับกฏธรรมชาติที่ประยุกต์ใช้ได้
แต่ถ้าจะดึงดูดความบังเอิญและชะตาชีวิตที่แท้จริงก็มีอีกเล่มหนึ่งต่างหากเลยคือ โชค ดวง ความบังเอิญฯ เรื่องสุขภาพก็แยกเป็นเล่มเดียวเลย เรื่องความรักก็เช่นกันแยกเป็นเล่มเดียวต่างหากเลย ซึ่งสไตล์การเขียนที่ทำให้ดีพัค โชปรามีเสน่ห์มากกว่าดร.เวย์นในความคิดของผมนะ ถึงแม้ว่าจิตวิญญาณทั้งคู่จะสูงปรี๊ดพอๆกันก็เถอะ)
-THE SECRETหรือแม้แต่ BEYOND THE SECRET ที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับ เดอะซิเคร็ต ทั้งหมดนี้คือหนังสือแนวนิวเอจ หรือจิตวิญญาณทางเลือกซึ่งเราจะยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับศาสนาอีกต่อไป ซึ่งแนวคิดนี้ คุณวิศิษย์ วังวิญญูก็เคยให้สัมภาษณ์ กับนิตยาสาร GM ว่ายุคนี้หมดยุค ยึดศาสดาเป็นใหญ่แต่เป็นยุค ที่แสวงหาธรรมะหรือจิตวิญญาณด้วยตนเองผ่านหนังสือ(ที่เมืองไทยก็มีน้อย) ซีดี(เมืองไทยไม่มี) วีซีดีและดีวีดี(เมืองไทยยิ่งไม่มี) หรือไทเก๊ก โยคะ ชี่กง(อันนี้ไทยเรามีเซียนเอกคือ ดร.สุวินัย ภรณวลัย) หรือนั่งสมาธิ พูดคำที่เป็นบวก ล่วงรู้ถึงพลังงานที่เราส่งออกไปภายนอก ให้ความฝันนำทาง หาจุดมุ่งหมายที่แท้จริงให้ชีวิต พระสูตร มนตรา ต้นแบบ ให้ความบังเอิญบอกใบ้ชะตาชีวิต และที่มาแรง(ในตะวันตก)คือแนวคิดของคาร์ล จุงเรื่อง synchronicity แต่ดีพัค โชปราก็เข้าใจอแด๊ปแอ๊พไพล์เป็น synchrodestiny และตอนนี้หนังสือหลายเล่มที่แปลไทยเล่มนึงก็ ยิ่งกว่าความลับ สนพ.ต้นไม้ ก็สนับสนุนให้ใช้กฏแห่งการดึงดูดโดยการดูแลของธรรมะหรือจิตวิญญาณ ไม่โลภเอาอย่างเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าช่วงนี้นิวเอจกำลังเฟื่องฟู และอีกหน่อยคงตรงกับที่พุทธทาสว่าจะเหลือศาสนาเดียว ก็น่าจะนิวเอจเนี่ยแหละ นิล โนลย์ วอลท์ สนทนากับพระเจ้าเล่ม 3ที่เคยให้สัญาญาในเล่ม1-2ว่าจะบอกว่าศาสนาที่เหลือศาสนาเดียวคืออะไร คุณอัฐพงศ์ บก.โอ้มายก้อด บอก คือสัจธรรม คือจิตวิญญาณซึ่งก็คือนิวเอจนี้เอง ไม่ได้ต่อต้านศาสนานะครับ แต่ถ้า6พันล้านคนทั่วโลกมีตุดมุ่งหมายในชีวิต มีความรักความเมตากับตัวเองและผู้อื่นจะมีศาสนาไปทำไม ก็คงเป็น common sense ไปด้วยตัวเองว่าควรทำอย่างไรถึงสอดคล้องกับธรรมะเหมือนโอโช่บอก เหมือนกฤษณมูรติ แล้วขอให้ถึงยุคนั้นเร็วๆ ยุคที่ไม่มีศาสนาแต่จิตวิญญาณเฟื่องฟู สาธุ!
ชื่อผู้ส่ง : นิก ชนันท์ภัทร์ สุขเจริญ ถามเมื่อ : 10/02/2009
 


จริตของคุณเรานี่.....แตกต่างกันจริงๆนะ
มีหลายคนรอบข้างก็เคยบอกว่า เวย์น ไดเออร์พูดซ้ำไปซ้ำมา
แต่ส่วนตัวไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นเลย

รวมทั้งนอร์แมน วีนน์เซนพีล ยกตัวอย่างซ้ำไปซ้ำมา แทบไม่ได้พูดถึงหลักการมากมายอะไรเลย

แต่ผลงานของทั้ง2ท่าน ก็ไม่รู้เป็นไรอ่านไม่เคยเบื่อเลย

จากการพูดว่าเบื่อ! ของหลายคน(ไม่ว่า บก.สำนักพิมพ์ต้นไม้,คนอื่นๆ,รวมทั้งคุณนิก)
เลยทำให้นึกถึงสถานปฏิบัติธรรม,รวมกิจกรรมที่มีในสถานที่แห่งนั้น
(มาทำอะไรกันซ้ำๆอยู้ได้)

หรือว่าคำตอบ......อยู่ที่....อะไรที่ซ้ำๆ
และอะไรที่ซ้ำๆ......ตัวเราทำมันได้ดีแล้วหรือยัง?????

คำถามนี้....ถามตัวเองค่ะ


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 11/02/2009
แก้คำผิด..จริตของคุณเรา
เป็น
จริตของคนเรา ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 11/02/2009
การวิ่งจากความเชื่อที่ว่า ติดอยู่ในความเชื่อ
ออกไปหาความเชื่อที่ว่า ไม่ติดอยู่ในความเชื่อ
อาจต้องระวังว่า ยังคงเป็นความเชื่อ อีกแบบหนึ่งครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 12/02/2009
ข้อความนี้
อยากบอกเล่ากะคุณนิกค่ะ

พอดีว่า หลักสูตรที่จัดทำอยู่ กำลังปรึกษากับวิทยากรเจ้าของหลักสูตร ให้มีการปรับเปลี่ยนบางอย่างเพื่อเป็นประโยชน์คุ้มค่าเงินผู้เข้าอบรม

มีการติงจาก วิทยากร นิดนึงว่า....มันจะถูกมองว่า มีแต่น้ำไม่มีเนื้อรึเปล่า?????(ติงด้วยความปราถนาดี..และต้องการคงมาตรฐานของหลักสูตร)

คำถามก็ผุดขึ้นในทันทีว่า
อะไรคือน้ำ???
อะไรคือเนื้อ???
ถ้าเนื้อหมายถึง ทฤษฏี จิตสำนึก/จิตใต้สำนึก ทำงานสอดคล้องกันอย่างไร? และรวมทั้งอื่นๆๆๆ
ถ้าอยากรู้ประมาณนี้มาเสียตังค์เป็นพัน(หลายพันด้วย)ทำไม?
เสียเป็นเลขหลักร้อย(ซื้อหนังสืออ่าน) ก็รู้เรื่องได้แล้วล่ะ
หรืออาจไม่ต้อง เสียตังค์เลย

ใช้วิธีเดียวที่คุณนันท์ทำคือ....ใช้บริการของ google ไปเลยไม่ต้องเปลือง
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 12/02/2009
ผมไม่เข้าใจที่คุณนันท์บอกครับ ก็อย่างที่ผมยกตัวอย่างข้อความที่ดร.เวย์นหรือนีล โดนัลด์ วอลท์บอกบางคนอ่านครั้งแรกนี่เปลี่ยนความสำนึกรู้ไปเลยคือสภาวะจิตเปลี่ยนไปเลย แต่บางคนก็แค่รู้อยู่ในหัวสมอง เหมือนพูดทวนไปทวนมา แต่ถ้าอยากให้เนื้อหาหรือข้อมูลนั้นเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนหรือสภาวะจิตของเรา เราก็ต้องโปรแกรมมันเข้าไปตอนอยู่ในสภาวะอัลฟ่าซึ่งจิตสำนึกไม่ทำงาน จิตใต้สำนึกเปิดรับเต็มที่ไม่ใช่หรือครับ หรือคุณนันท์มีวิธีอื่นที่จะรับแนวคิดของ
ดร.เวย์นกับ นีล โนลด์ วอลท์ได้ดีกว่าการโปรแกรมจิต
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 12/02/2009
ขอโทษครับคุณนิก ที่ทำให้สับสน ความหมายของผมก็คือ โลกเราบางทีชอบจัดหมวดหมู่หรือประเภทของสิ่งต่างๆ เช่น ในกรณีนี้คือ นิวเอจหรือแนวจิตวิญญาณทางเลือก ผมกลัวว่าจะตกหลุมพลางในการแบ่งแยก แล้วเอาตัวเองไปอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่เราหรือคนอื่นแบ่งแยกขึ้นมาเอง ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 13/02/2009
นิวเอจมีอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าดีกว่าศาสนาทั่วไปคือ เชื่อว่ามนุษย์ทุกคน 6พันล้านคนทั่วโลกเนี่ยมีแนวทางการเดินทางทางจิตวิญญาณหรือชะตาชีวิตที่แท้จริงเป็นของตัวเอง แต่ศาสนาพยายามจะบอกว่าหนทางของศาสนานั้นๆเท่านั้นที่ถูกต้องที่สุด ถ้าพูดถึงศาสนาทั้งหมดผมก็รู้สึกชอบศาสนาพุทธที่สุดตรงที่ให้อิสระในทางเลือกคือกาลามสูตร อย่าเชื่อด้วยเหตุผล10อย่าง และไม่เคร่งครัดจนเกินไปเหมือนศาสนาอื่นๆ แต่ถึงกระนั้นคนเขียนหนังสือศาสนาพุทธก็เขียนประมาณไม่ให้อิสระในการตัดสินใจกับคนอ่าน แต่ก็เขียนทำนองศาสนาพุทธดีและถูกต้องที่สุดยังไงอย่างงั้น และผมก็คิดว่ายังไม่ควรจะรีบเชียร์ให้ทุกคนต้องไปนิพพาน เพราะเรามีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ต้องทำให้เสร็จก่อน ซึ่งนิวเอจจะสนับสนุนแนวคิดนี้ แต่ถ้าพุทธจะพูดถึงปฏิจสมุปบาทตรงยิ่งสร้างสรรค์ผลงานก็ยิ่งเกิดกรรม แล้วก็ไม่หลุดพ้น ถ้าคริสต์ก็บอกว่ามนุษย์คือคนบาป มีแนวโน้มจะไหลไปทางต่ำถ้าไม่เชื่อฟังพระเจ้า ก็เลยคิดว่านิวเอจเป็นแนวคิดที่เห็นค่ามนุษย์ในการปฏิบัติภารกิจที่ยิ่งใหญ่ดุจเทพ ซึ่งเหมือนที่ดีพัค โชปราบอกคือวิญญาณของมนุษย์จะยังไม่ประสบความสำเร็จถ้าเรายังไม่ได้ปฏิบัติภารกิจที่แท้จริงที่เราเกิดมาเพื่อทำมัน
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 13/02/2009
ยินดี ด้วยกับการค้นหา.....แต่ทว่าอย่าลืมการสร้างตัวตนที่สูงขึ้น ดังเป้าหมายในแนวทางจิตวิญญาณด้วยน่ะครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 13/02/2009
ผมว่าถ้าคุณนิกจะพยายามตั้งใจ "ฟัง" ไม่ใช่แค่เพียง "ได้ยิน" แล้วละก็ ผมเชื่อว่าคุณจะสามารถ "เจริญเติบโต" (Growing up) ไปได้มาก ชนิดก้าวกระโดดเลยทีเดียว การ "บรรลุนิติภาวะ" กับการบรรลุ "วุฒิภาวะ" (Matulity) นั้น ต่างกันราวฟ้ากับเหว เลยทีเดียว

ผมว่าคุณนิกโชคดีนะ ที่มีโอกาสเข้ามาร่วมสังสรรค์เสวนากับคนอื่นๆ ในพื้นที่นี้ ผมเห็นแต่ละคน "อดทน" "อดกลั้น" กันได้อย่างงดงาม กับการพยายามแลกเปลี่ยน แบ่งปัน ความเห็นกับคุณ (ซึ่งผมขอสารภาพว่า ผมก็ยังทำไม่ได้) แต่ละคนพยายามจะมอบความรัก ความปรารถนาดี ความเมตตา ความเอื้อเอ็นดู ไปสู่คุณ ซึ่งไม่ทราบว่าคุณจะสามารถ "รู้สึก" ได้หรือไม่ และผมขอปรบมือให้กับทุกท่านในที่นี้ ที่ก็ยังพยายามทำเช่นนั้นอยู่อย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย (ซึ่งผมก็ไม่เคยมีความอดทนพอที่จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน ไม่ว่ากับใคร)

ถ้าคุณนิกจะย้อนกลับไปอ่านกระทู้เก่าๆ นับเนื่องตั้งแต่คุณเข้ามาร่วมสังสรรค์กันในที่นี้ คุณจะพบเห็นข้อคิด ความเห็น ของคนที่นี่หลายต่อหลายคน ที่ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี และล้วนแล้วแต่ที่เป็นประโยชน์กับคุณอย่างหาที่สุดมิได้ทั้งสิ้น เว้นแต่แต่คุณจะไม่ได้ฟัง หรือแม้แต่จะทำเป็นไม่ได้ยิน เท่านั้น

ในเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนาแล้ว แค่ลำพังความเห็นอย่างสั้นๆ ของคุณ "ผู้อ่าน" (ซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณด้วยซ้ำ) ในกระทู้ "กระทู้เก่า เอามาเล่าใหม่" ของคุณเอง เพียงเท่านั้น ก็น่าจะทำให้คุณหูตาสว่างไสวได้เลยทีเดียว ถ้าคุณจะรู้จัก "ฟัง" อย่างแท้จริงบ้าง

มาเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อเจริญเติบโตไปเป็น "ประภาคาร" ไปด้วยกันเถิดคุณนิก ไม่สนุกนักหรอก กับการเป็นได้แค่ "กังหันลม" ไปตลอดชีวิต!!

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 13/02/2009
ขออภัย อ้างอิงกระทู้ผิดไป ที่ต้องการอ้างถึงความเห็นของคุณ "ผู้อ่าน" นั้น คือในกระทู้ "ว่าด้วยกฎข้อที่ 5 : The Law of Intention and Desire" ซึ่งเป็นกระทู้ของคุณ kiki

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 13/02/2009
ในฐานะแม่ที่มีลูกสองคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับคุณนิก ขอเป็นตัวแทนของความรู้สึกของแม่ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านในที่นี้ ที่มีความงดงามทางจิตใจที่พยายามช่วยทำความเข้าใจแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆให้คุณนิก ดิฉันเฝ้าอ่านมาตลอด หลายครั้งก็รู้สึกเหมือนอ.วสันต์ แต่ลึกๆแล้วถ้าดิฉันเป็นแม่คุณนิก ดิฉันคงภาคภูมิใจที่มีลูกอย่างคุณนิก ฝักใฝ่ใส่ใจในการพัฒนาทางจิตวิญญาณ แม้จะยังแรงตามวัย บางสิ่งก็ยังน้อยด้วยประสบการณ์ของชีวิตก็ตาม แต่เป็นเด็กที่ใฝ่ดี ผิดกับเด็กอีกนับล้านนับแสนที่ คึกคะนองไล่ตีกัน เข้าผับเข้าบาร์ไปตามวิถีที่วิ่งหาความสุขอย่างไม่เข้าใจ แต่คุณนิกของเรากลับใช้เวลาของวัยรุ่นมานั่งวิเคราะห์เรื่องนิวเอจ เรื่องศาสนา เรื่องการยกระดับจิตวิญญาณ อ.วสันต์ คุณนันท์ คุณแฟนพันธุ์แท้ และน้องๆอีกหลายท่านก็กรุณาเหลือเกิน ตั้งใจแลกเปลี่ยนเติมเต็มความรู้อย่างลึกซึ้งให้กับคุณนิก.

ในฐานะแม่คนหนึ่ง ขอเป็นกำลังใจให้คุณนิก สงสัยต่อไปเถอะนะ ค้นคว้าเถอะ ถามเถอะค่ะ คุณมาถูกที่ ถูกคนแล้ว พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ๆสวยงามที่แม่อีกหลายคนจะวางใจได้ว่าลูกๆพวกเค้าจะปลอดภัยสุดๆในทุกด้าน ลูกๆวัยรุ่นกำลังจะได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ดิฉันก็ให้ลูกๆ เพื่อนของลูกๆซึ่งรุ่นเดียวกันกับคุณนิกเข้ามาหาความรู้ในนี้ ดิฉันถือว่าแกเป็นตัวแทนของเยาวชนไทย และคุณนิกกำลังเป็นครูที่ดีให้กับบรรดาพี่ป้าน้าอาในนี้ในมุมหนึ่งได้ด้วย

ดิฉันวางใจในฐานะแม่ที่เป็น Single Mom ฝากลูกๆด้วยนะคะ กรุณาตอบด้วยความอดทนในความรู้บ้างไม่รู้บ้างของลูกๆ ของเด็กๆไทยที่กล้ามากขึ้น ดีกว่าให้แกไปวิ่งไล่ตีกันเพื่อวัดความแน่ทางจิตวิญญาณที่แกไม่รู้เลยว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริง หรือไปมั่วสุมกับเพื่อนที่ไม่เคยแม้แต่จะมองหาหนังสือเหล่านี้ด้วยซ้ำ

และสิ่งหนึ่งที่ยังคงชื่นชมคุณนิกคือ ขยันอ่านหนังสือ และใช้ภาษาที่สุภาพ รู้จักมีสัมมาคารวะ รักษาสิ่งที่ดีงามนี้ไว้นะคะ

หากดิฉัน ได้กล่าวสิ่งใดที่ล่วงเกินท่านใดในที่นี้ขอความกรุณาให้อภัยดิฉันด้วยนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 13/02/2009
ด้วยความที่ดิฉันมักมองเด็กที่อายุ 18-21ปี เป็นเหมือนลูกตัวเองเพราะลูกทั้งสองของดิฉันอยู่ในวัยนี้ หลายครั้งดิฉันและลูกก็มีความเห็นไม่ตรงกัน ด้วยต่างวัย ต่างประสบการณ์แต่เราก็ปรับมาให้เข้าใจกันเสมอ ดิฉันคิดว่าถ้าคุณแม่ของคุณนิกได้อ่านทั้งหมดที่ผ่านมา ในกระทู้ต่างๆของคุณนิกก็คงมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห้นด้วยเหมือนกับหลายท่านเช่นกัน....และท่านก็คงรู้สึกเช่นเดียวกับดิฉันคือ ขอบคุณเหลือเกินกับทุกท่านในสังคมนี้

และเนื่องในเทศกาลวันแห่งความรัก ขอความรักจากหัวใจอันงดงามของทุกท่านได้มอบความรักให้คุณนิก และมอบให้กันและกัน ตรงนี้นะคะ...ดิฉันขอส่งความรักให้ทุกท่าน และคุณนิก ขอให้มีความสุขสมตามความปรารถนาค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 13/02/2009
ขอแสดงความชื่นชม คุณนิกเช่นกันครับ อยากบอกเช่นกันด้วยว่า
คุณนิกเป็นคนมีแววประกายบางอย่างนะ เพียงแต่บางสิ่งที่ยิ่งสำคัญนั้น
อาจต้องอดทนและเพียงรอเวลาครับ ผมเองไม่มีความรู้มากนักหรอกครับในเรื่องศาสตร์ตรงนี้ เพราะยอมรับว่าอ่านไม่มากเท่าไหร่ ไม่เคยอ่านทั้งของใครหลายๆท่านทั้งคุณ ลีน เวย์น หรือต่างๆของสนพใต้นไม้ ที่ไม่ได้อ่านนั้นไม่ใช่ว่าไม่สนใจ แต่ในชีวิตช่วงหลังๆนี้มีเรื่องที่น่าสนใจกว่าอยู่เสมอ และผมก็ไม่เคยฝืนตนเองครับ อย่างไรก็ตาม สำหรับผม อยากมอบของขวัญวานเลนไทน์ให้นิกครับ มันชื่อว่า เห็ด!
ผมเองเพิ่งมีเห็ดเหมือนกัน เพราะเพื่อนคนหนึ่งให้มา เห็ดนี้บอกว่า บางอย่างที่เราพบ เราฝืน และเราเห็นค้านนั้น ถ้ามันกวนใจนัก ก็ให้สมมติว่าตัวเองเป็นเห็ดซธพักนึง เห็ดไม่มีหู ไม่มีตา ไม่มีปาก ไม่สน ไม่คิด ไม่เอา ไม่ยุ่ง ไม่ได้เกี่ยวอะไร แล้วพอผ่านไปซักพักก็ ผลุง!กลับมาเป็นคนเก่าใหม่ก็ได้

ครับ ขอมอบเห็นให้นะฮะ ช่วงก่อนสมัยแรกหนุ่มและว่างจัด ผมเองก็เคยขัดแย้งกับหนังสือแนวคิด และวิชาเกี่ยวกับศาสนาเหมือนกัน แต่แค่ว่าผมใช้วิชาไม่สน ไม่ศรัทธา และไม่ให้คะแนนใครมากกว่าใครเท่านั้นเอง ผมเชื่ออย่างไรก็ลองทำไปแบบนั้น และก็เรียนรู้เองครับ ซึ่งก็ไม่รู้หรอกว่าใครจะว่าถูกหรือผิด เพราะถึงรู้ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ผมยังรักคนอื่นได้เหมือนเดิม และผมก็มีความสุขได้เช่นเดิม
แต่นั่นหลังจากผ่านคลื่นขึ้นลงอันปั่นป่วนมาหลายลูกก่อนนะครับ
ถือว่าผ่านมาได้เองแม้ยังไม่รู้จักเห็ด

ยังไงก็ตาม มีเห็ดหลายตะกร้าครับตอนนี้ ขอมอบให้ทุกท่านหากใครสนใจเอาไปใช้บ้าง

สำคัญกว่านั้นคือ ขอชื่นชมผู้ใหญ่ทุกท่านครับ ที่ให้ใจปรารถนาดีแด่คุณนิกเสมอมา สวัสดีครับ


ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 13/02/2009
คุรนิกครับ ขอให้ความเห็นเพิ่มเติม ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการเสริมหรือว่าแย้งกับคุณนิก โดยขอต่อความจากที่คุณนิกบอกว่า
". . . ซึ่งเหมือนที่ดีพัค โชปราบอก คือ วิญญาณของมนุษย์จะยังไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าเรายังไม่ได้ปฏิบัติภารกิจที่แท้จริงที่เราเกิดมาเพื่อทำมัน"

จากประโยคนี้เข้าใจว่า คุณนิกจับความแล้วเอามาสรุปเป็นประโยค ซึ่งเมื่อผมอ่านแล้ว เสี่ยงกับการที่ผมจะเข้าใจเจตนาหรือความเข้าใจของคุณนิกผิดไป ยังไงก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าครับ

การที่ โชปรา บอกว่าเราเกิดมาโดยมีเป้าหมายในชีวิตหรือธรรมะ (กฎข้อที่ 7) ซึ่งผมคิดว่าน่าจะตรงกับประโยคที่คุณนิกพูดว่า ". . ปฏิบัติภารกิจที่แท้จริงที่เราเกิดมาเพื่อทำมัน" นั้น ตามความเข้าใจของผม ในทางลึกแล้วมันมีเป้าหมายที่สูงกว่าเป้าหมายของการทำหน้าที่หรือภารกิจตามธรรมะที่ว่านี้อีก

คำว่า "เป้าหมายในชีวิตหรือธรรมะ" หรือคำขยายความก็คือ ความถนัดหรือความสามารถพิเศษนี้ หากเราได้รู้ว่ามันคือสิ่งใด แล้วเรานำไปรับใช้ผู้อื่น สิ่งนี้จะกลายเป็น "สะพานเชื่อม" ให้เราเข้าถึงเป้าหมายที่สูงกว่า คือ สภาวะแห่งตัวตนหรือจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่แท้ของเราได้ (หากถือตามหลักของโชปราแล้วละก็คงจะต้องครบสมบูรณ์พร้อมด้วยกฎข้ออื่นๆ ด้วย)

และความเห็นของผม การกระทำตามภารกิจแบบนั้น น่าจะไม่มีความคิดขัดแย้งแบบที่คุณนิกบอกว่า "ผมก็คิดว่ายังไม่ควรจะรีบเชียร์ให้ทุกคนต้องไปนิพพาน เพราะเรามีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ต้องทำให้เสร็จก่อน" แต่มันอยู่บนเส้นทางเดียวกันนั้นแล้ว หากจะว่าไป การทำภารกิจหรือการทำหน้าที่ในชีวิตได้เช่นนี้ ตามความเข้าใจของผม ก็น่าจะไม่ก่อให้เกิดกรรมไปแล้วด้วยในตัว

ถ้าจะยกอุดมคติสูงสุดเป็นตัวอย่าง ก็เช่น พระพุทธเจ้า ท่านก็บรรลุเป้าหมายหรือภารกิจ หรืออยู่บนเส้นทาง หรือพ้นไปจากกรรมในขณะชีวิตนั้นของท่านเลย

ประเด็นมันคงอยู่ตรงที่ว่า เราเห็นสิ่งนี้ในระดับไหน หรือคิดว่าเป้าหมายหรือภารกิจของตัวเอง(ตามคำของคุณนิก) อยู่ในแบบหรือระดับไหนในปัจจุบันหรือขณะนี้ ตัวอย่างบุคคลอื่นๆ เช่น โทมัส อัลวาเอดิสัน หรือไทเกอร์ วู๊ด(ขอยกตัวอย่างคนโปรดของผมตามเคย) หรือ ฮิตเลอร์ ก็คงมีสิ่งที่ตนเองคิดว่าเป็นภารกิจหรือธรรมะหรือเป้าหมายไม่เหมือนกัน และมีมิติประกอบที่แตกต่างกัน

ทั้งหมดที่แสดงความเห็นมาไม่มีบทจบนะครับ เพียงแต่คิดว่า อาจเป็นมุมมองให้คุณนิกไม่สรุป แบ่งทุกสิ่งเป็นบล็อคๆ แล้วขีดกรอบล้อมรอบตัวเองไว้ เหมือนเล่นหมากรุกที่ปฏิเสธช่องอื่นๆ ลองเปลี่ยนมุมมองมามองเห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันทั้งกระดาน ทั้งช่องขาว ช่องดำ ช่องที่มีเบี้ย และไม่มีเบี้ย เห็นคุณค่าที่ต่างกันในแต่ละช่อง เพื่อใช้ประโยชน์จากมันดู เราไม่น่าเล่นหมากรุกช่องเดียวหรือสองช่องได้หรอกครับ

ขอเพิ่มเติมเรื่องที่คุณนิกบอกว่า "ปฏิจจสมุปบาทตรงยิ่งสร้างสรรค์ผลงานก็ยิ่งเกิดกรรม" หากเป็นการสร้างสรรค์อันไม่ประกอบด้วยอัตตา หรืออย่างที่ท่านพุทธทาสพยายามบอกว่า "จงทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง" หรือ บางความเชื่อก็บอกว่า "ให้พระเจ้าทำงานผ่านเรา" จิตหรือการกระทำชนิดนั้นไม่ประกอบกรรมหรือก่อกรรมครับ

หลักปฏิจจสมุปบาทนั้น พระพุทธเจ้าท่านกำลังสอนเรา บอกกลไกที่ทำให้เรายังคงประกอบกรรมต่อกรรมไม่จบสิ้น ให้เราได้เข้าใจได้เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเริ่มต้นด้วย เพราะ "อวิชชา" เป็นเหตุ เลย . . . ทีเดียวเชียวครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 14/02/2009
น่ายินดีมากๆนะครับคุณนิก พวกเราโชคดีมากๆรู้มั๊ยที่มีมิตรและได้มิตรภาพจากคุณนันท์ ขอแสดงความชื่นชมและส่งกลับความรัก ความปรารถนาดีให้แด่คุณนันท์ครับ ด้วยความจริงใจครับ และซาบซึ้งที่ได้ร่วมเดินไปในช่วงเวลาอันดีงามเช่นนี้ครับ

ปล - ภารกิจของผมยังไม่เสร็จครับ จึงยังไม่มีโอกาสได้รู้ว่าดีวีดีของคุณนันท์ได้เดินทางมาหรือยัง อย่างไรก็ตาม ขอบคุณล่วงหน้าครับ และ ข่าวคราวคร่าวๆ ช่วงหลังมานี้คือ ผมตื่น และตื่น และตื่นขึ้นมาสัมผัสกับความจริงได้มากขึ้นเรื่อยครับ และพบว่า โลกนี้ช่างงามจับใจ และ "หน้าที่" นั้นช่างเต็มไปด้วยความหมายที่ไม่มีความน่าเบื่อหน่ายเลย เจอกันครับพี่
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 14/02/2009
ขอบคุณคุณนันท์ คุณkarn คุณjang และอ.วสันต์มากๆครับ ที่อย่างน้อยก็ถอนอัตตาอันเหนียวแน่นของผมได้นิดหนึ่งก็ยังดี ที่เหลือผมคงต้องไปถอนเองครับ
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 14/02/2009
". . ซาบซึ้งที่ได้ร่วมเดินไปในช่วงเวลาอันดีงามเช่นนี้"
เป็นความรู้สึกเดียวกันครับคุณ Karn

ช่างงดงามเหลือเกินครับ สำหรับประโยคนี้
". . ผมตื่น และตื่น และตื่นขึ้นมาสัมผัสกับความจริงได้มากขึ้นเรื่อยครับ และพบว่า โลกนี้ช่างงามจับใจ และ "หน้าที่" นั้นช่างเต็มไปด้วยความหมายที่ไม่มีความน่าเบื่อหน่ายเลย . ."

ด้วยความขอบคุณครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 14/02/2009
ขอบคุณ คุณนันท์ผู้ใหญ่ใจดีที่อธิบายให้กระจ่างขึ้น เนื่องในวันแห่งความรัก ดิฉันและลูกๆได้มีโอกาสมาอยู่ด้วยกัน เราเข้ามาอ่านในกระทู้นี้ด้วยกัน แล้วเราก็แลกเปลี่ยนมุมมองกันและกัน ลูกสาวคนโตหันมาถามดิฉันว่า..ตัวตนคืออะไรล่ะ แม่ ..ดิฉันยังไม่ทันตอบ ลูกสาวคนเล็กก็ชิงอธิบายง่ายๆตามประสา แล้วดิฉันก็หันไปถามลูกว่า..แล้วลูกล่ะมีมั้ย ..ตัวตน ..ลูกคนโตตอบทันทีไม่ต้องคิดว่า..มากมายเลยแม่ แล้วเราก็ขำกันด้วยหัวข้อ ขยะใหญ่ตัวตนของเรา ที่ต้องเก็บทิ้ง

เราแม่ลูกก็เริ่มวิเคราะห์คุณนิก แบบดิบๆว่าคุณนิก น่ารัก กล้าที่จะยอมรับว่าตัวเองมี ตัวตน อายุขนาดนี้รู้จักที่จะละตัวตน อนาคตไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณนิกจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน

ครอบครัวเราเริ่มที่จะสนุกในการละตัวตน(ที่มีมากมาย) คงต้องฝึกกัน ...ขอกำลังใจจากคุณนันท์และคุณนิกเช่นกัน

ลูกสาวคนเล็กก็ติดใจ..เห็ดของคุณKarn เข้าใจคิด และเราก็ได้ข้อคิดเพื่อนำไปฝึกปฎิบัติด้วยค่ะ

ขอบคุณพื้นที่นี้ที่ให้เรื่องราวและ ข้อมูลดีๆต่อ เรา..สามแม่ลูก
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 15/02/2009
ยินดีครับคุณ jang และยินดีกับความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ผ่านมาถึงผมด้วยครับ

คุณนิกครับ พอดีนึกถึงข้อเขียนนี้ขึ้นมาได้ คิดว่าพอจะเกี่ยวพันกับสิ่งที่ผมอยากจะสื่อสารถึงคุณนิก อยู่พอสมควร เลยยกมาให้อ่านดูครับ ผมคัดลอกไว้ เมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 ครับ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ไม่มีอะไรบกพร่อง และไม่มีอะไรที่ทนไม่ได้
เสียงทุกเสียงในธรรม-ชาติจะชัดเจนและลึกฃึ้งในธรรม-ชาตินั้นๆ
เสียงเหล่านั้นจะใสสะอาด
มันเป็น การเปิดประตูมารับรสธรรม-ชาติรอบๆ ว่าเสมอกัน

ส่วนการห่างจากธรรม-ชาติ
เป็นการปิดตาย เพื่อจะได้เหลือแต่ตัวตนและทรมานสลับไปมา
เปลี่ยนรสอร่อยและขมขื่นสลับกันไปเรื่อยๆ
พร้อมกับสร้างความหวังใหม่ ไว้สำหรับวิ่งไล่คว้าสิ่งที่สร้างขึ้นนั้นเอง
จึงแห้งใจและเหน็ดเหนื่อย

ไม่กลัวเมื่อจิตใจในขณะแห่งความดับนั้น
ไม่อ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง ไม่หวาดระแวง ไม่สะดุ้ง
ทุกสิ่งทุกอย่างจะรับรู้ทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ
ได้อย่างสะอาด บริสุทธิ์ เป็นเบื้องต้น
โลกบริสุทธิ์ ในขณะเช่นนี้ . .
ความชั่วไม่มีอยู่ ความดีนั้นไม่เผาผลาญ

(เขมานันทะ ภิกขุ)

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ตรงคำว่า "ธรรม-ชาติ" ผมใส่เครื่องหมาย - คั่นกลางเอาไว้เอง เพื่อเตือนตัวผมเองว่า คำว่า "ธรรมชาติ" นั้นไม่ใช่เพียงมีความหมายถึง สภาวะแวดล้อม ต้นไม้ ทะเล น้ำตก แต่ยังหมายถึงสภาพธรรม(ชาติ)แห่งความเป็นไป หรือสภาพธรรม(ชาติ)หรือเนื้อหาของสิ่งแต่ละสิ่ง หรือ ธรรมะ + ชาติ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 15/02/2009

ยิ้ม ยิ้ม ชื่นใจค่ะ

ณ พื้นที่แห่งนี้ มีผู้มีจิตวิญญาณที่น่ารักแห่งความเป็นครูอยู่รอบตัว หยอกล้อ พูดคุย บอกกล่าวกันไป ในหลายรูปแบบ

แต่จุดหมายสุดท้ายก็ไปบรรจบ ณ ที่เดียวกัน คือดินแดนอมตะพื้นที่แห่งความเมตตาและเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของครูผู้ใจดี

อ่านไป ยิ้มไปค่ะ แต่คุณนันท์คะ ตำแหน่งครูใหญ่หนึ่งสงสัยว่าจะไม่พ้นท่านอาจารย์ “บาทหลวงวสันต์” ของเราหรือเปล่าคะ (ฮา ) หยอกล้อด้วยความเคารพรักค่ะอาจารย์ (เดี๋ยวเถิดแม่หนึ่ง เดี๋ยวจะยิ้มไม่ออก)
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 18/02/2009
โอ้ . . อันนี้แน่นอน เป็นการถาวรอยู่แล้วครับคุณหนึ่ง นี่ผมยังคิดว่าจะกราบเรียนเชิญท่านอาจารย์ควบ 2 ตำแหน่ง ให้เป็น อาจารย์ฝ่ายปกครอง อีกตำแหน่งอยู่เลยเชียว (ฮา ) หยอกล้อด้วยความเคารพเช่นกันครับท่านอาจารย์
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 18/02/2009
คร้าบ..พี่หนึ่ง..คุณนันท์ ผมขอสนับสนุน ให้เป็นตำแหน่งที่ถาวรสำหรับ*อัจฉริยะผู้ไร้กาลเวลาท่านนี้* และท่านจะถือไม้เรียววิเศษที่มีรังสีเปล่งประกาย โอว....คร้าบ...คร้าบ.....ผมรีบเข้าห้องเรียนก่อนนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 19/02/2009
ฮา (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 19/02/2009
เห็นภาพเลยนะครับนี่ นึกภาพท่านอาจารย์กำลังกอดอกถือไม้เรียววิเศษที่มีรังสีเปล่งประกาย เท่จริงๆ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 19/02/2009
ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนซะนาน พอดีติดสอบครับ
สอบเสร็จเลยแวะมาทักทายทุกๆท่าน

คุณนันท์พูดถึงคำว่า ธรรม-ชาติ ทำให้ผมนึกถึงหลวงพ่อปราโมทย์ท่านเคยสอนไว้ดังนี้ครับ...(ผมอาจจะจำคำเป๊ๆไม่ได้แต่ใจความดังนี้)
หลวงพ่อเคยบอกว่า ธรรมชาติ เป็น subset ของ ธรรม(ะ)ครับ เพราะธรรมชาติยังมีการเกิด และการดับอยู่ แต่ธรรม(ะ) เป็นสัจจะธรรมครับ คือไม่มีเกิดไม่มีดับเป็นจริงตลอดกาลครับ

ผมขออนุญาตแสดงความเห็นหน่อยครับ ซึ่งอาจจะต่างหรือขัดแย้งกับความรู้สึกของท่านอื่นไปบ้าง
ณ นาทีนี้ ผมเชื่อว่าวิธีของการเข้าถึงซึ่งสภาวะ enlightened ไม่ได้มาจากการคิดครับ เพราะการคิดของเรายังเป็นสภาวะที่เจือด้วยกิเลสอยู่ และแม้แต่การทำจิตใจให้ว่าง(น้อมจิตเข้าสู่ความว่าง) หรือการทำให้สงบด้วยครับก็ไม่ใช่หนทางครับ แต่วิธีการของการ enlightened ที่แท้จริงนั้นคือ ใช้สติปัฏฐาน4 ครับ
ขอเพียงปฎิบัติ สติปัฏฐาน4 อย่างถูกต้อง ท่านว่าไม่นานก็จะenlightened ครับ
แต่การฝึกนั้นมี trick อยู่ที่ต้องไม่เจือด้วยความอยากจะ enlightened ครับ อาจารย์บางท่านบอกว่า ทำแบบคนโง่ๆ ไม่ต้องไปหวังอยากได้นู้นได้นี่ บรรลุนู้นี่ แต่ทำชิวๆ ไปเรื่อยๆ วันหนึ่ง จิตจะพัฒนาการขึ้นมาเองครับ เช่นเดียวกับการปลูกต้นไม้ เราไม่สามารถสั่งต้นไม้ให้โตได้ แต่เราก็รดน้ำ พรวนดินไปเรื่อยๆ ต้นไม้จะมีกระบวนการ การเติบโตของมันเอง
สติ(ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญานั้น)เป็นอนันตา ครับคือไม่สามารถสั่งได้ มันจะเกิดมันก็เกิดเอง เราเพียงแต่สร้างสภาวะที่มันมีแนวโน้มที่จะเกิดบ่อยๆ เดี๋ยวมันเกิดเอง(เค้าเรียกว่าจิตจำสภาวะได้) เหมือนกินข้าว กินไปซักเรื่อยเดี๋ยวมันอิ่มเอง อย่าไปคาดหวัง คาดคั้น เดียวมันมามันมาเอง ยิ่งหา ยิ่งคาดคั้น ยิ่งอยากได้ ยิ่งไม่มาครับ

ถ้าคุณนิกอยากลองฝึกตามวิธีสติปัฏฐาน4 ตามแบบพระพุทธเจ้า ผมก็ยินดีบอกที่ฝึกให้นะครับ .... โดยส่วนตัวผมคิดว่า คุณนิกน่าจะลองฝึกดู ไม่มีอะไรเสียหาย มีแต่ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ถือซะว่าเป็นศาสตร์ๆนึงก็ได้ท้าทายให้พิสูจน์ (แม้ว่าการตลาดของศาสนาพุทธเราจะไม่ดีสู้กับหนังสือใน Amazons หรือ คำในพระไตรปิฏกอาจจะไม่กระตุ้นความสนใจได้เท่ากับหนังสือแนว how to แต่ก็ไม่เสียหายอะไรมิใช่หรือ ที่จะพิสูจน์ครับ ลองมาตั้งหลายสาสตร์แล้ว ลองศาสตร์พระพุทธเจ้ากันบ้างจะเป็นไรไป)
แต่ทั้งนี้ ก็แล้วแต่คุณนิกจะตัดสินใจ ผมแค่แนะนำเฉยๆ เพราะเห็นว่าคุณนิกเป็นคนกระตือรือร้น ใฝ่หาความรู้จึงไม่อยากให้พลาดโอกาสครับ
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 21/02/2009
คุณผู้อ่านครับ ขอใช้สิทธิด้วยคนครับ ยังงัยผมหนึ่งคนที่ขอน้อมรับคำเเนะนำ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 21/02/2009
เรียนคุณนีโอ โดยส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้เก่งกาจ แต่ประการใด ผมคงแนะนำอะไรใครด้วยตัวเองไม่ได้ แต่ผมมีครูบาอาจารย์ที่เก่ง ที่จะแนะนำให้คุณนีโอลองไปเรียนดูครับ ช่วยลงอีเมลล์ให้หน่อย เดี๋ยวผมส่งรายละเอียดไปให้
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 22/02/2009
คุณ ผู้อ่านครับ

- may_neo@hotmail.com ขอบคุณอีกทีครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 23/02/2009
คุณ jang ได้กรุณาส่ง e-mail ดีๆ มาให้ผม เป็นภาพท่านหลวงพ่อปัญญา พร้อมข้อความประกอบ
ขออนุญาตยกข้อความสั้นๆ นี้ แต่ได้ใจความมากๆ มาให้ทุกท่านอ่านกันด้วยครับ

"หน้านอก" บอกความงาม
"หน้าใน" บอกความดี
"หน้าที่" บอกความสามารถ
หน้านอก . . แต่งให้พอดี
หน้าในและหน้าที่ . . แต่งให้มากๆ

ขอบคุณคุณ jang ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 23/02/2009
โอวว์ ข้อความดีจัง ทำให้ผมคิดปลิ้นไปอีกด้านว่า..

"หน้าไหว้ หลังหลอก".."หน้าเนื้อ ใจเสือ".."หน้าด้าน หน้าทน" นั้น เราต้องจดจำไว้..สมัยหน้าก็อย่าเลือกพวกเขาเข้ามาอีก! (ฮา..แล้วรีบหลบเข้าบ้าน)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 23/02/2009

ข้อความของอาจารย์อ่านดีๆ เป็นข้อความที่ซีเรียส อ่านแล้วต้องให้อารมณ์ในด้านลบ ถ้าเป็นคนอื่นเขียนข้อความนี้คง อารมณ์บูดหรือมีอารมณ์ร่วม แต่ทำไมถึงอ่านแล้วกลับรู้สึก ขำ ฮา ฮาและอารมณ์ดี ก็ไม่ทราบ

เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะคนที่ยากจะลอกเลียนแบบได้จริงๆค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 23/02/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code