อธิษฐานจิต
คุณjang ใช้คำอธิษฐานจิต เลยขอแชร์เหตุการณ์ในวันนี้บ้างค่ะ

มีเหตุการณ์บังเอิญ ที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็น บททดสอบจากจักรวาล ว่าเราจะยังคงรักษาระบบชี้นำ(อารมณ์ความรู้สึก) ให้อยู่แนวเดียวกะต้นกำเนิดได้ทุกสถานการณ์รึเปล่า???

ช่วงกลางๆสัปดาห์มีบริษัทเอกชนแห่งนึง ให้คนส่งเอกสารนำเงินมาชำระค่าลงทะเบียน(5ท่านเป็นเงิน20,000บาท) โดยเค้าเข้าใจว่าจะมาจ่ายที่ออฟฟิศ(ซึ่งเบอร์ที่ระบุในใบประชาส้มพันธ์เป็นเบอร์บ้าน) คุณแฟนพันธ์แท้อยู่ในงาน Medical Book Day คนส่งเอกสารได้โทรฯเข้ามือถือจึงแนะนำให้โอนเข้าบัญชีจะสดวกว่า....ซึ่งเค้าโอเค

จังหวะเดียวกันทางบริษัทได้สื่อสารยังไงไม่ทราบ ทำให้เข้าใจว่าสมัครไม่ได้เต็มแล้ว.....ทำให้ผู้ต้องการเข้าอบรมเปลี่ยนโปรแกรมกระทันหัน(เดินทางต่างจังหวัดมั่ง,นัดลูกค้ามั่ง)

ถ้าเป็นเมื่อก่อน คิดว่าตัวเองจะต้องพยามแก้ปัญหาให้กับ เรื่องนี้มากมาย แต่เนื่องจากเชคข้อมูล ตามช่วงเวลาที่เกิดปุ๊บปั๊บมาก และมั่นใจว่านี่เป็นเหตุบังเอิญอย่างแน่นอน(แม้ว่าจะบังเอิญเป็น....ลบ)

จึงเปลี่ยนโฟกัสทันที .....รวมทั้งปล่อยวางผลลัพท์

เช้าวันนี้ค่ะ

สิ่งอัศจรรย์ในหลักสูตร"พลังจิตอัศจรรย์"คือ
มีคน เดินเข้ามาหน้างานขอสมัครเข้าอบรม จากคนละทิศละทาง 5 ท่าน 1ใน5 เนี่ย คือคนที่เคยให้เลขาฯ โทรมาถามข้อมูลก่อนหน้านี่ ซึ่งตัวเอง เคยตั้งจิตอธิฐานไว้และเตรียมจะให้เขียนคำนิยมหลักสูตรให้ในรอบถัดไป(จากตำแหน่งหน้าที่การงาน)

เพราะท่านผู้นี้เป็น

ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่

มีโอกาสทักทายอีก 1ท่านที่เหลือด้วยความตื่นเต้น(อยากรู้ว่ามาได้ไง)

เค้าตอบ......ลิเก....มากกกกก

"ใจสั่งให้มา!!!!!"


ชื่อผู้ส่ง : แฟนพันธุ์แท้ ถามเมื่อ : 31/01/2009
 


ขอแก้ wording ที่ใช้หน่อยค่ะเดี๋ยวคนอ่านจะงงๆได้
ที่ถูก ต้องบอกว่า....มั่นใจว่านี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญอย่างแน่นอน

มันค่อนข้างแน่ใจว่า พออารมณ์ความรู้สึกตามที่ ลีนน์ แกรบฮอร์น เปรียบเป็น "วาวล์ปิด"

ปัญหาและอุปสรรค.........จะถูกส่งมอบทันที!!!
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 01/02/2009
เมื่อคุณดำรงอยู่ ด้วยความเปิดกว้างสำหรับทุกความคิดเห็น(รวมทั้งทุกเหตุการณืที่เกิดขึ้น :แฟนพันธ์แท้) ไม่ยึดติดกับความคิดใดความคิดหนึ่ง(รวมทั้งเหตุการณืใดเหตุการณ์หนึ่ง:แฟนพันธ์แท้) ความฝันและความปราถนาของคุณ ก็จะไหลรวมไปกับความปราถนาของธรรมชาติ เมื่อนั้น คุณก็จะสามารถปลดปล่อยความปราถนาของคุณออกมาได้โดยปราศจากการยึดตึด

และเพียงแค่รอให้ธรรมชาติจัดสรรช่วงฤดูกาลอันเหมาะสม ที่ความปราถนาของคุณจะเบ่งบานขึ้นสู่ความเป็นจริง

.........คุณจงมั่นใจว่า เมื่อฤดูกาลที่ถูกต้องมาถึง ความปราถนาของคุณจะปรากฏรูปขึ้นมาเอง
และนี่คือ..............

.........................กฏแห่งการพยายามให้น้อยที่สุด!!!!!!!

ดีพัค โชปรา
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 03/02/2009
ยินดีด้วยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 03/02/2009
คุณแฟนพันธุ์แท้ ผมติดต่อไปชมโรงเรียนฉือจี้ได้แล้วช่วงเช้าวันที่ 16 กพ. ที่เชียงใหม่ เลยถามถึง"สนทนากับเทพไท้เทวา" สนใจนะครับ มีข้อมูลเพิ่มไหม เพราะอาจจะได้รบกวนคุณแฟนพันธ์แท้พาไปจริงๆ.....

เรื่องราวที่เล่าน่าสนใจนะครับ เคยมีประสบการณ์คล้ายๆกัน แต่อาจไม่ทันตั้งข้อสังเกต และปล่อยวางหรือพยายามให้น้อยอย่างที่คุณแฟนพันธุ์แท้ทำ เพราะส่วนตัวนอกจากงานหลัก ยังรักที่จะทำงานด้านอบรมเพื่อพัฒนาบุคคลากร ซึ่งต้องวุ่นๆกับการตลาดหาคน หลังๆก็คลี่คลายไปได้มากเลย ไม่ต้องหาดึงดูดอย่างเดียว

เพิ่งไปจัด "นพลักษณ์กับการทำงาน" ที่อุบลมา ทีแรกก็ไม่สามารถวางใจได้โดยง่าย ว่าคนจัดเขาจะหาคนได้ไหม จำนวนจะมากพอที่จะจัดและเป็นประโยชน์ได้เต็มที่ไหม ในที่สุดเมื่อปล่อยวาง.... วันสุดท้ายเขาก็มีคนมาสมัครเพิ่ม และเหมือนจะเป็นผู้เชื่อมโยงอีกด้วยซ้ำไป....
ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 06/02/2009
ยินดีอย่างยิ่งค่ะ....เหมือนจะเป็นหน้าที่ ที่ต้องทำด้วยซ้ำไป
คุณคนขอนแก่นเป็นวิทยากรเองเหรอคะ หลักสูตรนพลักษณ์น่ะ

แล้วสนใจเป็น organizer หลักสูตร พลังจิตอัศจรรย์ที่ขอนแก่นมั้ย??
ยินดีเป็นพี่เลี้ยงให้ อยู่ในฟิวด์ของความไม่แน่นอนเนี่ย....เค้าบอกว่าอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง ของการกำหนดอนาคตแนวจิตวิญญาณน่ะ

อาจารย์ชนาธิป เค้า จำคุณได้นะ
14-15กพ.52 มีหลักสูตร "พลังจิตขั้นสูง" จะมา REUNION ด้วยกันมั้ย??? 16กพ.52 คุณพร้อมเวลากี่โมง
เมลมาที่ Supimsan@gmail.com
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 06/02/2009
อะไรเหรอครับ หลักสูตรนพลักษณ์กับการทำงาน รบกวนอธิบายให้ฟังมั้งซิครับ ..........
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 07/02/2009
อาจารย์ชนาธิป เค้า จำคุณได้นะ........ มีการไปสืบด้วย ผมเป็นแฟนพันธ์แท้ของอาจารย์ครับ การผ่านหลักสูตรเปลี่ยนกรอบความคิดผมหลายประการ เป็นประโยชน์มากกับชีวิตผม

คุณคนขอนแก่นเป็นวิทยากรเองเหรอคะ หลักสูตรนพลักษณ์น่ะ...... แม่นแล้วครับ นอกเหนือจากงานเลี้ยงชีพ นี่ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง คุณนีโอลองค้นดูเองดีกว่าด้วยคำว่านพลักษณ์ หรือ enneagram น่าจะได้คำตอบที่ตรงใจมากกว่า แต่หากยังสงสัยก็ค่อยมาพูดคุยกันต่อ

15 ต้องเดินทางทั้งวัน 16 ดูงานครึ่งเช้าที่ฝาง ไม่มีโอกาสREUNION แต่ผมรุ่นล่าสุดนะ ไม่ใช่รุ่นแรกเหมือนคุณแฟนพันธุ์แท้ ยังอินอยู่ครับ แหะๆ

จะเมลล์ไปนัดนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 07/02/2009
ขอแจ้งเวลาทำการ...คุณคนขอนแก่นค่ะ
เวลา11.00-17.00น
คุณดูงานครึ่งวัน กว่าจะทานข้าวกลางวัน เดินทางเข้าในตัวเมืองจะทันมั้ยเนี่ย???
หากสุดวิสัยให้แจ้งล่วงหน้านะ...จะไปจองคิวให้...และขอเป็นกรณีมาจากต่างจังหวัดน่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 07/02/2009
ถึงอาจารย์วสันต์ค่ะ
เราจะเจอกันที่น่าน บ่ายๆ(เย็นๆ) วันที่20กพ.52นะคะ
มีโอกาสที่น้องที่เป็น"ร่างผ่าน"ติดตามไปด้วย.....เค้าถูกกำหนดให้ไปเรียนธรรมะที่นั่นค่ะ แต่งานนี้ไม่มีการ"รับใช้" นอกพื้นที่คะ ไว้อาจารย์มาเชียงใหม่ โทรมาฯแล้วพาไปทีหลังได้ค่ะ

วันที่21กพ.52 บรรยายวิชาการ
22กพ.52 เจ้าภาพพาเที่ยวรอบเมืองครึ่งเช้า
และพาอาจารย์ไปดูปรากฏการณ์"สนทนากับพระเจ้า" ตอน"สอนธรรม"ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 07/02/2009
ได้รับเมล คุณคนขอนแก่นและได้ตอบไปแล้วนะคะ
ที่แท้ก็.....เป็นคุณนี่เอง(อิอิ)
อาจารย์เค้าชื่นชมคุณ ว่าทำหลายอย่างแล้วทำได้ดีทุกอย่างน่ะ
(พอดีว่าบอกเค้าไปว่า.....ขอทำงานหลักให้เป็นตัวเลขคงที่ซัก5ปี แล้วค่อยมาทำงานที่ชอบและอยากทำ..ประมาณว่าขาดทุนก็ยังจะทำ...เค้าก็พูดถึงคุณคนขอนแก่นน่ะ....ยังทำตั้งหลายอย่างและทำได้ดีด้วย)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 08/02/2009
แล้วสนใจเป็น organizer หลักสูตร พลังจิตอัศจรรย์ที่ขอนแก่นมั้ย??.....
เคยสนใจครับ แต่ภารกิจหลากหลาย จึงต้องวางใจ แค่organizer หลักสูตรตนเองก็ลดลงแล้วครับ ดึงดูดเอา และมีน้องสนใจมาทำให้ จะลองสอบถามเขาอาจสนใจหลักสูตรของอาจารย์นะครับ
ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 08/02/2009
มีพี่เค้า..อยู่ รพ.รัฐบาล เค้าสนใจหลักสูตร นพลักษณ์
ขออนุญาติเอาเบอร์โทรฯ คุณคนขอนแก่นให้เค้าไปนะคะ
ที่จริงพี่เค้ามาเรียนหลักสูตร"พลังจิตขั้นสูง" 14-15กพ.52
ยังนึกว่าจะมีโอกาส สอบถามตัวเป็นๆซะอีก แต่ต้องกลับเย็น15กพ.52ค่ะ ให้เบอร์ฯไปคุยกันเองละกันเนาะ

สนใจรายละเอียด....ไม่ต้องหาดึงดูดอย่างเดียว...จังเลย
ถ้าจะกรุณาช่วยเล่าในนี้ได้มั้ยคะ??

ในงานหลักจริงๆ ตอนนี้แทบไม่หาเลย....ปล่อยมาตามน้ำ
ไม่ค่อยแน่ใจจว่าตัวเองทำถูกรึเปล่าน่ะ เพราะแทบไม่ได้ตั้งเป้าหมาย
เลย
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 08/02/2009
จะเล่าทางเมลล์เหมาะกว่านะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นคุยเรื่องส่วนตัวมากไป
ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 09/02/2009
ได้เลยเจ๊า!
พอดีคิดว่า...เผื่อเป็นประโยชน์กะคนอื่นๆน่ะค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 09/02/2009
ผมก็คิด และอยากให้คุณคนขอนแก่น ลองคิดดูว่า (ถ้า)เผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ นะครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 09/02/2009
ปิด 3 วัน ที่บ้านไม่มีเนตเล่น (เป็นการบริหารตัวเองแบบหนึ่ง ) ได้แต่อาศัยสัญญาเนตข้างบ้านที่สัญญาณขลุกขลัก เลยไม่ได้ตอบ เอาเป็นว่า จะตั้งใจตอบเพื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ นะครับ

ผมสรุปเอาเองว่า กฎของแรงดึงดูด มีแนวความคิดสนับสนุนอยู่ 3 แบบ

1.ทฤษฎีควอนตัม
2.จิตสำนึก และจิตใต้สำนึก
3.จักรวาลอันอุดมสมบูรณ์



1.ทฤษฎีควอนตัม

ซึ่งผมเชื่อว่า ในชุมชนนี้รู้ดีแล้ว ขอพูดเสริมเล็กน้อยว่า มันคือปรากฏการณ์ในระดับเล็กกว่าอะตอม ที่มีพฤติกรรมแปลกๆแบบไม่น่าเชื่อ เป็นต้นว่า ขึ้นกับจิตใจของผู้สังเกต ฯลฯ ผมขอยกตัวอย่างสัก 1 เรื่อง

ถ้าเราเอาแตงโมมาวางบนพื้นเรียบลูกหนึ่ง จัดการเอามีดอีโต้ผ่าลงบนกลางลูกแตงโม แตงโมถูกแบ่งออกเป็น 2 ซีกกลิ้งไปคนละทิศละทาง ก่อนที่แต่ละซีกของแตงโมจะหยุดก่อน เรารีบวิ่งไปจับแตงโมซีกใดซีกหนึ่ง โอจอร์จไม่น่าเชื่อเลย ! แตงโมอีกซีกหนึ่งที่กลิ้งอยู่ จะหยุดพร้อมกันกับที่ซีกแตงโมที่เราบังคับให้หยุดทันที เราไม่มั่นใจจึงนำแตงโมมาทดลองแบบเดิมอีก 20 ลูก แต่ได้ผลแบบเดิมอีกทุกครั้ง....

เป็นเพียงตัวอย่างสมมุตินะครับ อย่าเพิ่งไปหาแตงโมมาทดลองละ เพราะแท้ที่จริงเขาทดลองในระดับอนุภาคบางชนิดที่เล็กกว่า อะตอม แปลกดีเน้อ


กฎของแรงดึงดูดมีควอนตัมสนับสนุนว่า ทุกสิ่งเป็นกลุ่มพลังงาน การสั่นสะเทือนแบบใดจะดึงดูดกลุ่มพลังงานแบบนั้นเข้ามาหา


2.จิตสำนึก และจิตใต้สำนึก

ทางจิตวิทยาบอกว่า จิตมนุษย์ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ จิตสำนึก และจิตใต้สำนึก ซึ่งจิตใต้สำนึกจะเป็นสถานที่เก็บผลการประมวลผลการคิดการตัดสินใจในอดีตของจิตสำนึกไว้

หากจิตสำนึกกับจิตใต้สำนึกเกิดขัดแย้งกัน จิตใต้สำนึกจะชนะเสมอ ยกตัวอย่างเช่น

คนกลัวแมว จิตสำนึกเขารู้ว่า แมวไม่น่ากลัว แมวไม่ดุร้าย ถึงขนาดกระโจนมาใส่ แต่เขาก็ยังคงกลัว อธิบายว่า ในระดับจิตใต้สำนึก เขามีประสบการณ์ที่กลัวแมวมาก่อน(อาจในขณะที่จิตใต้สำนึกเปิดมากๆ) เช่น แมวกระโจนทำให้ตกใจ ขณะที่กำลังค้นหาสิ่งของในที่มืดสลัว....... วิธีรักษาคือ ต้องไปโปรแกรมจิตใต้สำนึกใหม่ หลักสูตร"พลังจิตอัศจรรย์" ที่คุณแฟนพันธ์แท้จัด จะอธิบายมุมนี้ได้ชัดเจนขึ้น
คนที่ไม่รวย คนไม่มีแฟน ฯลฯ ในระดับจิตสำนึกเขาอยากมีอยากได้ แต่หากค้นไปในระดับจิตใต้สำนึก จะพบว่า มันมีแนวความคิดขัดกันอยู่


3.จักรวาลอันอุดมสมบูรณ์

ไม่พูดพล่ามทำเพลง ไม่อ้างหลักฐานสนับสนุน สรุปได้ว่า เราอยู่ในจักรวาลอันอุดมสมบูรณ์ที่มอบทุกสิ่งให้กับทุกๆคน แต่เป็นเพราะเรามีการสร้างแรงต้านทาน จึงไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้น


พูดมาเสียยาว จะเข้าเรื่องประสบการณ์แล้วครับ


สรุปว่า ผมเริ่มต้นใช้ข้อ2 และ3 ครับ


ในหนังสือคัมภีร์สมใจนึก จะสอดคล้องแนวคิดแบบที่ 3 เน้นการลดแรงต้านทาน ที่ผมได้นำมาทดลอง โดยเฉพาะการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ตามใจเรา โดยเริ่มต้นวันแรกฝาก 10,000 บาท ถอนใช้หมด เขียนรายการของที่ต้องการ วันต่อมาเพิ่มขึ้นอีก 10,000 บาท (ปัจจุบันวันละ 3 ล้านกว่าบาทแล้ว เพราะทำมา 300 กว่าวันแล้ว)

ผมและคนอื่นๆ ที่ตั้งใจทำ ต่างประสบกับเหตุการณ์แปลกๆเรื่องเงินทั้งนั้น รู้สึกว่า เงินคล่องขึ้น หลายอย่างที่เขียนก็เกิดผล..... อย่างน่าประหลาด

ด้วยประสบการณ์แบบนี้ก็เลยมาประยุกต์กับการจัดหลักสูตร โดยใช้เวิร์คชอปจากในหนังสือคัมภีร์สมใจนึก “สั่งงานให้จักรวาลทำให้” ให้จักรวาลหาคนเข้าอบรมให้ มีคราหนึ่งคนเต็มใน 3 วันแรกเลย ทั้งๆที่ทำการปชส.แบบเดิม แต่ผลต่างกันมากเลย มีประสบการณ์ที่สั่งให้จักรวาลจัดการอบรมให้เลย ก็มีหน่วยงานติดต่อไปให้อบรมให้ แต่ไม่เคยสั่งให้จักรวาลอบรมให้เลยนะครับ แหะๆ เดี๋ยวจะตกงาน


วิธีการจากหนังสือกฎแห่งกระจก ก็ใช้ได้ผลนะครับ ผมว่ามันเป็นการลดแรงต้าน ของด้านความสัมพันธ์ที่ดีนะครับ ใครจะลองดูก็ได้ ได้ผลจริงๆนะ



พิจารณาตามข้อ2 ก็พบว่า เรื่องนี้จิตใต้สำนึกของผมมันมีความขัดแย้งอยู่ เช่น ผมมักคิดว่า คนไม่ค่อยสนใจหลักสูตรแบบนี้ เพราะไม่ได้ช่วยงานเขาโดยตรง , วิทยากรยังไม่เป็นที่รู้จัก ฯลฯ ก็ค่อยๆเคลียทีละข้อ โดยวิธีการต่างๆ ตามที่ศึกษามาครับ

ในงานหลักจริงๆ ตอนนี้แทบไม่หาเลย....ปล่อยมาตามน้ำ
ไม่ค่อยแน่ใจจว่าตัวเองทำถูกรึเปล่าน่ะ เพราะแทบไม่ได้ตั้งเป้าหมาย
เลย
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้


ก้าวต่อไปที่ผมต้องทำคือ การเขียนความปรารถนาในด้านนี้ ที่ผ่านมาผมไปทำเรื่องงานหลักและเรื่องอื่นๆ เลยยังไม่ได้เขียนด้านการฝึกอบรมครับ แต่สิ่งที่ตนเองเขียน และแนะนำให้คนอื่นเขียน ก็มีผลให้ปรากฏ มีตัวอย่างหนึ่งน่าสนใจ สตรีท่านหนึ่งเขียนความปรารถนาเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับสามี (แนวทางการเขียนจากหนังสือ Law Of Attraction สนพ.ต้นไม้) 3-4 วัน หลังจากผมบอกให้เธอไปท่องอย่างน้อย 2 ครั้ง/วัน เธอบอกว่า สามีทำตามที่เธอเขียนไว้หมดเลย โดยไม่ต้องขู่เข็ญ และขอร้อง อย่างที่เคยเป็น


ตอบคุณแฟนพันธุ์แท้ น่าจะมีเป้าหมายครับ เริ่มต้นจากการเขียนความปรารถนา และจดจ่อ แล้วก็ไปใช้ 7 กฎ ไม่ว่าปล่อยวาง หรือพยายามน้อย......

เอาเป็นว่า เรามาเริ่มเขียนเรื่องนี้ไปพร้อมๆกันดีกว่า 1 2 3











ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 10/02/2009
ขอบคุณมากค่ะ!
อ่านแล้วสะดุ้งอยู่หลายๆจุดทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว
ถ้าเป็นงานหลัก...จิตใต้สำนึกคงบันทึกไว้เยอะเกินว่า...เป้าหมายจับคู่กับความเหนื่อยล้า(ก็ตอนนั้นเดิน..สลับมาทางอัตตาเยอะน่ะ..แต่ส่วนใหญ่พอตั้ง ก็ถือว่าสอบผ่านทุกครั้ง) พอมีของเล่นที่สนุก ก็ปล่อยตัวเพลิดเพลินเต็มที่เลยค่ะ

ต้องแบ่งเวลากันใหม่ละ

ขอส่งข้อมูลไปยังจิตสำนึก...ผ่านไปยังจิตใต้สำนึกที่ขัดแย้งเรื่อง...วิทยากรไม่เป็นที่รู้จัก..หน่อยนะคะ ตอนนี้น่าจะเป็นที่รู้จักในเว็บบอร์ดนี้แล้วล่ะ และกำลังจะเป็นที่รู้จักในจังหวัดทางภาคเหนือ.....เร็วๆนี้(ถ้าไม่มีอะไรผืดพลาด)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 10/02/2009
ดีใจครับ หากที่เขียนจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ที่จริงเขียนอาจไม่ชัดเจนเท่าไรกลัวเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าให้พูดท่าจะง่ายกว่า
ขอบคุณสำหรับการโปรแกรมจิตใต้สำนึกให้ใหม่ และกำลังใจ จากคุณแฟนพันธ์แท้ ขอน้อมรับครับ


ตัวผมเองหลังจากอ่าน สนทนากับพระเจ้า ไปเข้าหลักสูตรสะกดจิต จึงได้รู้ว่า จิตใต้สำนึกเราโปรแกรมเรื่องเงินไม่ค่อยดีเลย แถมแต่ก่อนชอบพูดแบบที่คิดว่าเท่ห์เหลือหลาย

“ฉันอยากใช้ชีวิตแบบเศรษฐี แต่ไม่อยากเป็นเศรษฐี”


เอ!แต่มีตรงไหนไปทำให้คุณแฟนพันธ์แท้สะดุ้งนะ.....

ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 11/02/2009
เห็นไหม เป็นประโยชน์ดังว่าจริงๆ แถมทำเอาสะดุ้งไปเหมือนกัน
สงสัยต้องไปอบรม หลักสูตร"พลังจิตอัศจรรย์"
ตกลงยอมรับใบสมัครผมหรือยังครับคุณแฟนพันธุ์แท้
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 11/02/2009
ขอคิดทบทวนดูอีกทีค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 11/02/2009
วันนี้ได้มีโอกาสเล่าเรื่องคุณคนขอนแก่นให้พี่สาว(ที่รักและนับถือกัน)
เลยได้ทราบความคืบหน้าของการโปรแกรมจิตฯใหม่ค่ะ
จริงๆก็เจอกันอยู่บ่อยๆเพราะบ้านใกล้กัน(แปลว่าหากไม่คุยเรื่องคุณคนขอนแก่น ก็คงไม่มีโอกาสรู้ความเคลื่อนไหวนี้)

เมื่อซัก~2เดือนที่แล้วพี่เค้าคุยให้ฟังเรื่องสินค้าที่เค้าออกแบบ ว่ามันแพงไปสำหรับคนไทยเลยขายไม่ออก และทำให้กิจการที่ทำอยู่เจอสภาวะ"ขาดทุน"

คุณแฟนพันธ์แท้ได้ให้ข้อคิดไปว่า ก่อนที่เค้าจะออกแบบมาได้เค้าได้ใช้ความคิดแบบเปิดกว้าง
พออยู่ขั้นตอนจำหน่ายเค้ากลับมาใช้ความคิดแบบปิดกั้น

ถ้าใช้หลักทางธรรม ต้องกลับไปทบทวนว่าแพงจริงรึเปล่า??(วัสดุต้องสั่งจากต่างประเทศ รวมทั้งค่าแรงของตัวเรา...เรามีคุณค่าพอที่จะมีค่าแรงรึเปล่า?)

แล้วหากใช้ความคิดแบบเปิดกว้าง ในช่วงของการจำหน่ายสินค้า....มีความเป็นไปได้ทางอื่นมั้ย???

ก็ไม่แน่ใจว่าพี่เค้าจะฟังตัวเรารึเปล่า? เพราะปกติเวลาคุยกันเรื่อง ความมั่งคั่ง ล้นเหลือของจักรวาลที่ผ่านมา เค้าจะมองเราว่า"ฟีเว่อร์"ไปแล้ว

วันนี้มีเฉลยค่ะ
พี่เค้าบอกว่า จากวันที่คุยกัน..ก็ทำให้ได้คิด
อยู่ๆก็มีออเดอร์ จากห้างใหญ่ในกรุงเทพฯซึ่งปกติ ห้างฯดังกล่าวเค้าสั่งสินค้าแนวเดียวกัน จากญี่ปุ่น ,อังกฤษ เป็นประจำ (ชินกับราคาที่สูงกว่านี้ด้วยซ้ำไป)

ก็น่าจะเป็นคำตอบได้ทั้ง
การโปรแกรมจิตใต้สำนึก...และ
พลังงานที่ถูกำกับลงไปในงานโฆษณาสินค้าค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 11/02/2009
แหมคุณแฟนพันธุ์แท้หาเรื่องให้คะแนนกันอยู่เรื่อย.....ขอน้อมรับ

สรุปกฎของแรงดึงดูดในความคิดผม มี 2 สิ่งที่ต้องทำ
1. สร้างการสั่นสะเทือน(ที่เหมาะสม)
ด้วยการจดจ่อกับความคิดความปรารถนาต่างๆ จนรู้สึกว่า สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว และทำบางสิ่งเพื่อรองรับการเกิดขึ้นของความปรารถนา
2. ลดแรงต้านทาน


มีเรื่องอยากแชร์กรณีการทำบัญชีจากหนังสือคัมภีร์สมใจนึก ที่เกิดกับตัวเองและเพื่อนๆ

วันแรก ๆ ความคิดฝืดเลย ไม่รู้ว่า จะเอาเงินไปใช้อะไรดี แปลกมากเลย เงินก้หลักไม่กี่หมื่น พวกเราต่างเคยคิดว่า อยากมีเงินเยอะๆ แล้วจะได้ซื้อในสิ่งที่ปรารถนา พอให้คิดจริงๆ คิดไม่ออก

เปรียบเทียบกับเหตุการณ์หนึ่ง ถ้าลูกมาหาพร้อมบอกว่า
“ขอเงินหน่อยสิครับแม่”
คำถามที่แม่น่าจะถาม และลูกจะตอบคือ

เอาเท่าไหร่ (หนึ่งหมื่นบาท)
เอาไปทำอะไร (ยังคิดไม่ออกครับแม่ แม่ให้มาก่อนเถอะครับ ผมคิดออกเมื่อไร ก็จะได้ซื้อเองเลยไง ไม่ต้องเสียเวลามาขอ)

ถ้าเราเป็นแม่ จะให้เงินลูกไหมครับ ถ้าคิดว่าไม่ให้ จักรวาลก็คงไม่อยากให้เหมือนกัน ขอเงินแต่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
ผมและพวกถึงบางอ้อเลย พยายามคิดกันใหญ่ ...... พอเริ่มจริงจังความคิดความฝันก็พรั่งพรู

น้องเลขามาบอกผมหลังจากเขียนไปได้หลายวันว่า หนูเขียนว่า 2หมื่นไปใช้หนี้ให้แม่ แม่ก็ดันถูกหวย มีเงินใช้หนี้เองเฉยเลย เขียนซื้อทองเป็นของขวัญให้แม่ 2 บาท ดันมีพี่ชายซื้อทองให้เท่ากันกับที่เขียนอีก ถือว่าได้ผลไหมค่ะเนี่ย

ผมอึ้งไปพักหนึ่งเลยตอบว่า พี่คิดว่าได้ผลแล้วนะ จักรวาลจะส่งผ่านเธอคงต้องรออีกนานนะ และอาจจะรอไม่ไหว เลยส่งผ่านคนอื่นมาให้แทน แฮะ ๆๆๆ เอาตัวรอดแบบ...... ช่วยเติมคำในช่องว่างหน่อยคุณแฟนพันธุ์แท้


ระยะต่อมาทำนานวันเข้า ข้าวของที่อยากได้ก็ซื้อไปหมด เขียนไปเที่ยวต่างประเทศติดต่อกัน 5 วัน พอวันที่ 6 รู้สึกขึ้นมาเลยว่า ฉันจะเที่ยวอะไรกันนักกันหนา หยุดเที่ยวก่อน แหมรู้สึกเหมือนเที่ยวมาแล้วเฉยเลย ได้ฟิลด์มากๆๆๆๆๆๆๆ

แต่ก่อนแต่ละวัน คิดถึงเรื่องเงิน วันนี้จะไปหาเงินที่ไหน จะได้ไหม หนี้จะหมดเมื่อไร แต่พอทำบัญชีไปหลายวัน จำนวนเงินมันสูงขึ้นทุกวัน เริ่มมีทุกข์ใหม่ให้ต้องคิด หลังจากเขียนเสร็จแต่ละวัน จะอดครุ่นคิดต่อไปไม่ได้ว่า พรุ่งนี้จะเอาเงินไปใช้อะไรๆๆๆๆๆ feel good เรื่องเงินเหลือเกิน เข้าใจความรู้สึกของเศรษฐีก็ตอนนี้แหละ...

อ่านงานของดีพัค คิดว่า ท่านก็ให้เราทำทั้ง 2 ส่วนนะครับ แต่ดูเหมือนจะหนักไปทางลดแรงต้านทาน สร้างความสอดคล้องมากกว่า


ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 12/02/2009
น่าสนุกจังเลย!.....ไว้จะลองทำในโอกาสต่อไปค่ะ
เคยลองทำ......
*กระบวนการที่รองจาน
*การตั้งใจเป็นช่วงๆ
*ส่งให้ผู้จัดการ
*กล่องวิเศษใส่ผลงานสร้าง(อันนี้ทำเองก่อนที่จะอ่าน คัมภีร์สมใจนึกซะอีก)แต่คงเป็นเพราะไม่ปล่อยไม่วาง(อยู่ในช่องอัตตา) เลยประเมินไม่ค่อยได้ว่าผลลัพท์ที่เกิดแปรผันตามการทดลองรึเปล่า?
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 12/02/2009
คำในช่องว่างที่ให้เติมเนี่ย.....คงต้องขอยืมพวกพี่ๆในวงการที่พูดไม่ค่อยสุภาพว่า......เป็นผู้ชายนี่นาทำไมบอกเรียนจบมาจาก...มาแตร์(อิอิ)

ขอถามนิดนึงว่า...จำนวนเงินที่ต้องใช้เนี่ยต้องระมัดระวังคุณค่าของ ของที่จะซื้อรึเปล่า หรือว่าจักรวาลไม่สน ของฟุ่มเฟือยอะไรก็ได้
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 12/02/2009
มาแตหลอน่ะ
บ่ใช่ มาแตร์เดออี
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 12/02/2009
อ่านดูน่าสนุกอย่างที่คุณแฟนพันธุ์แท้ว่าจริงๆ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 13/02/2009
“ผมอึ้งไปพักหนึ่งเลยตอบว่า พี่คิดว่าได้ผลแล้วนะ จักรวาลจะส่งผ่านเธอคงต้องรออีกนานนะ และอาจจะรอไม่ไหว เลยส่งผ่านคนอื่นมาให้แทน แฮะ ๆๆๆ เอาตัวรอดแบบ...... ช่วยเติมคำในช่องว่างหน่อยคุณแฟนพันธุ์...”


แต่จริงๆ ผมเชื่อในสิ่งที่พูดนะครับ โดยการประเมินจากประสบการณ์ตัวเองและคนอื่นๆ ที่เป็นประมาณนี้แหละ อย่างเช่นผมเขียนว่าซื้อบางอย่าง จู่ๆก็มีคนเอามาฝากให้โดยไม่ทันได้ซื้อจริง

“ขอถามนิดนึงว่า...จำนวนเงินที่ต้องใช้เนี่ยต้องระมัดระวังคุณค่าของ ของที่จะซื้อรึเปล่า หรือว่าจักรวาลไม่สน ของฟุ่มเฟือยอะไรก็ได้”

ผมคิดว่า.......สำคัญเป็นสิ่งของที่เราอยากได้จริงๆ รู้สึกดีจริงๆ คงไม่เกี่ยวกับคุณค่า (คุณค่าของแต่ละคน คงไม่เหมือนกัน) มีเพื่อนบางคนเขียนไปงั้นๆ แหละ เพราะคิดตลอดว่า เป็นเงินสมมุติ เขาบอกไม่เห็นได้อะไร และไม่รู้สึกเหมือนคนรวยเลย

ถ้าลองพยายามเขียนสิ่งที่อยากได้จริงๆ ยากส์นะ..... นำนำให้ลูกค้าคนหนึ่งเขารวยมากกกก 100 ล้านได้มั๊ง พอลองทำบัญชีได้ไม่กี่วัน บอกผมว่า
“ทำไมมันยากจัง หาเงินว่ายากแล้ว ใช้เงินยากกว่าอีก” กับดักของคนมีเงิน

อ่านหนังสือ และดู DVD ที่คุณนันท์ให้แล้วบางส่วน สรุปเองว่า

ดีพัค ท่านเน้นไปยังต้นกำเนิดเลย จะได้ค้นความปรารถนาที่แท้จริงจากภายใน เทพมากๆ

แต่ในประสบการณ์การฝึกอบรมคน กับความคาดหวังผลเร็วๆ การให้เขาได้ประสบการณ์ของแรงดึงดูดโดยเร็ว แม้จะรู้ตอนหลังว่า ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการจริงๆ เป็นทางผ่านก่อยสู่ระดับเทพก็น่าจะใช้ได้นะครับ

ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 13/02/2009
หากแหย่กันรุนแรงไปหน่อย..ก็ขออภัย(ก็อยากเปิดช่องนิ)

ก็นับถือคุณคนขอนแก่นในการนำร่องตรงนี้
และอิจฉาที่มีกลุ่มคนพอที่สามารถเรียนรู้และ"ลอง"ไปในแนวทางเดียวกัน ภาพฝันทีมงาน(หลัก)เคยอยากให้เป็นแบบนี้ จะได้ไม่เป็นตัวประหลาดเชื่ออะไรก็ไม่รู้ (รู้เรื่องอยู่คนเดียว)

ขออนุญาตถามคำถามต่อไปนี้ค่ะ
1.กลุ่มคนดังกล่าว คุณคนขอนแก่นโปรแกรมเข้ามารึเปล่า?

2.เข้าใจว่าการเล่นเกมส์ดังกล่าวจะสัมฤทธ์ผลจริง น่าจะมีส่วนประกอบอื่น(หมายถึงคลื่นพลังงานสั่นสะเทือนตามความหมายของ ลีนน์ แกรบฮอร์น) ถามให้ง่ายขึ้นคือ "การอยู่ในช่องว่าการคิด" คุณคนขอนแก่น รวมทั้งทีมงาน ให้ความสำคัญเฉพาะเจาะจงมั้ยคะ?

3.เอาไว้คุณแฟนพันธ์แท้ขอเวลาโปรแกรมกลุ่มคนคล้ายๆยังงี้ แล้วลองซักพัก มีความเป็นไปได้(ในอนาคต) จะขอเชิญมาแชร์ในฐานะกัลยาณมิตร..........ได้มั้ยคะ?
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 13/02/2009
หากแหย่กันรุนแรงไปหน่อย..ก็ขออภัย(ก็อยากเปิดช่องนิ)...... ไม่มีอะไรต้องเคืองหรอกครับ สบายใจได้


ชี้แจงดังนี้ครับ

1.ผมจะทดลองก่อน จนพอเข้าใจ และเห็นผล
2.ด้วยงานหน้าที่ มีโอกาสเป็นวิทยากรหลายกลุ่ม ก็จะขายความคิดเรื่องนี้ ให้คนลองทดลองทำ จะมีคนส่วนน้อยทำ
3.แล้วเราก็เริ่มติดตามผลจากคนที่ได้ไปลองทำ


สรุป ไม่ได้โปรแกรมคนเข้ามาโดยตรงครับ

ถ้าผมจะเป็นประโยชน์ ยินดีครับ

ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 13/02/2009
เกมส์ที่เล่นอยู่ เชื่อว่าเป็นพลังจินตนาการนะ
เคยเรียนหลักสูตร build to last ก็บังอาจจินตนาการว่าทีมงานต้อง full time ทั้งหมด คิดอยู่เดือนเศษๆมีน้อง ลาออกจากงานประจำแบบไม่ได้นัดหมาย 3คนพร้อมกัน(ซึ่งตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจหลักการนี้)คุณแฟนพันธ์แท้ ตื่นเต้นมาก บวกรู้สึกเหมือนต้องรับผิดชอบ ทั้ง3ชีวิตใหม่นี่ทำให้ป่วยไป1-2วัน(แปลว่ายังอยู่ในช่องอัตตา...วิตกกังวล)

หากจะรอภาพฝัน(ทีมงาน)มันอาจนาน หรือกำหนดไม่ได้
ตอนนี้มีกลุ่มคนที่สนใจอยู่ในอาชีพต่างๆที่พอรวมกัน5-10คน ที่พร้อมจะลอง ยังไงเกิดต้องมาเชียงใหม่ในโอกาสอื่น ช่วยส่งข่าวด้วยจะได้นัดรวมตัวเพื่อขอเลี้ยงข้าวค่ะ

อ้อ! หากมีโอกาสนี้จริง ก็จะอัดเทปส่งให้เจ้าของพื้นที่ฟังด้วยค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 13/02/2009
ซึ้งในน้ำใจจริงๆ ที่ยังนึกถึงกัน ขอบคุณล่วงหน้าครับคุณแฟนพันธุ์แท้
ความจริงแอบนึกว่าจะชวนไปร่วมเลี้ยงข้าวด้วยซะอีก (ฮา)
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 13/02/2009
ถ้าเป็นไปได้แบบที่แอบนึก
คนอื่นๆในกลุ่มเค้าคงดีใจ

ส่วนคุณแฟนพันธ์แท้..ไม่ค่อยอยากเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้น่ะ(อิอิ)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 14/02/2009
ก็นึกเอาแล้วกันครับคุณแฟนพันธุ์แท้ ว่าดอกเบี้ย "กาแฟ" จะเป็นกี่แก้ว
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 14/02/2009
ยังงั้นก็ทำให้เป็น NPL เลยคงจะดีกว่า
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 15/02/2009
NPL นี่ใช่ย่อมาจาก Not Pay Loan หรือเปล่าครับ
ถ้าภาษาธนาคารเขาบอกว่ามาจาก Non Performance Loan
แต่ถ้าเป็นภาษาไทย ก็คงตรงกับ น.ป.ล หรือ น้องๆปลาไหล ละครับ
อันไหนถูกครับ (อิอิ)
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 15/02/2009
ถูกทุกข้อค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 16/02/2009
มัวแต่สนุกเรื่อง NPL เลยลืมที่จะแลกเปลี่ยนความเห็นกับคุณคนขอนแก่น ใน 2-3 เรื่องที่บอกว่า

"ดีพัค ท่านเน้นไปยังต้นกำเนิดเลย จะได้ค้นความปรารถนาที่แท้จริงจากภายใน เทพมากๆ
แต่ในประสบการณ์การฝึกอบรมคน กับความคาดหวังผลเร็วๆ การให้เขาได้ประสบการณ์ของแรงดึงดูดโดยเร็ว แม้จะรู้ตอนหลังว่า ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการจริงๆ เป็นทางผ่านก่อนสู่ระดับเทพก็น่าจะใช้ได้นะครับ"

ขอเสริมเพิ่มตามความเข้าใจของผมว่า โชปรา เน้นไปที่คำว่า "ความสำเร็จในชีวิต" ซึ่ง "ความร่ำรวย" เป็นหนึ่งประสบการณ์ในนั้น และพยายามให้เรายกระดับจิตใจภายในของตนเองเข้าสู่วิถีนั้น โดยเอาแนวทางศาสนามาช่วยกำกับ เพื่อให้ทุกสิ่งเกิดจากรากอันบริสุทธิ์ และมีความมั่นคงระยะยาว ไม่เป็นพิษตามมาในอนาคต

ความหมายที่ โชปราพูดถึง "ความสำเร็จในชีวิต" จะไม่เน้นที่ ความร่ำรวย หรือเงินแต่เพียงอย่างเดียว แต่มันหมายถึงวิถีหรือสภาวะที่ ทุกสิ่งดีๆ ในชีวิตมันเกิดขึ้น ทั้งในรูปของ เงินทอง ทรัพย์สิน อาหาร เครื่องใช้ ผู้คน ความสะดวกสบาย สถานการณ์ ความสุข ความมั่นคงภายใน ฯลฯ หรือที่ชอบพูดถึงบ่อยๆ คือ การสังเกตเห็น เหตุบังเอิญ หรือความมหัศจรรย์ของชีวิต ที่มันอาจเข้ามาสู่เราได้ หลากหลายวิธี กรอบที่มันมากว้างขวางทุกๆ ทาง เช่นไม่จำเป็นต้องมาจากความร่ำรวยแล้ว จึงมีได้ หรือต้องนำเงินที่มี ไปใช้จัดการให้มันเกิดอีกต่อหนึ่ง (คล้ายกับตัวอย่าง น้องคนที่จะซื้อทองให้แม่ ของคุณคนขอนแก่น) มันเลยไปถึงว่า อุปสรรค มันหายไป เป็นวิถีแห่งความราบรื่น มีความสุขสงบภายใน ซึ่งเกิดขึ้นทั้งจากมุมมองชีวิตเปลี่ยนไป ไม่เห็นว่ามันเป็นอุปสรรคอีก รวมทั้งเหตุการณ์มันแปรเปลี่ยนไปในทางดีเอง ซึ่งคงเป็นเรื่อง สอดคล้องกันเหมือน ไก่กับไข่ ที่ไม่รู้อะไรเกิดก่อนกัน

ความจริงหนังสืออื่นๆบางเล่ม เช่น พลังแห่งความรู้สึก หรือ คัมภีร์สมใจนึก หรือของ เวย์น ดายเออร์ ก็มีเนื้อหาสอดคล้องทางลึกอยู่พอสมควรเพียงแต่อาจจะคนละมุม และไม่เน้นวิถีแห่งความบริสุทธิ์ทางศาสนาแนวตะวันออก คือ พุทธและฮินดู เท่ากัน

ชอบฟังที่คุณคนขอนแก่น นำมาแลกเปลี่ยน เอาอีกนะครับ ได้ความรู้ดีครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 16/02/2009
คุณนันท์สรุปได้ดีเลยครับ...... ชัดเจน ขอบคุณมากๆ

เมื่อแนะนำคนใช้กฎของแรงดึงดูด หากแนะนำใช้วิธีตามของดีพัค ที่ต้องท่องพระสูตรต่างๆ จากหนังสือโชคดวง... เห็นทีจะต้องตอบคำถามกันอีกหลายยก เลยต้องใช้วิธีอื่นก่อน ค่อยวกมาอีกที

แต่ส่วนตัวชอบแนวทางดีพัคมากเลย

ดูดีวีดีจบแล้ว ต้องอ่านหนังสือด้วยนะครับถึงจะลึกซึ้งกว่า

ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 19/02/2009
อ่านหนังสือที่ให้ไป แล้วหาก ลองแล้วได้ผล นำมาแชร์ด้วยนะคะ
ที่คุณคนขอนแก่นสรุปหลักแห่งการดึงดูด
1.ทฤษฏีควอนตัม
2.จิตสำนึก/จิตใต้สำนึก
3.จักรวาลอันอุดมณ์(ความลับของจักรวาล)

คุณแฟนพันธ์แท้ เคยแยกช่องทางแบบนี้ค่ะ
1.ช่องศาสนา(ธรรมะ,คำสอนในทุกศาสนา,รวมการสื่อกับพลังไร้รูป)
2.ช่องสมอง(การโปรแกรมเหตุการณ์ต่างๆ..โดยใช้ความรู้สมองซีกซ้าย/ขวาทำงานร่วมกันอย่างไร)
3.ช่องจิต(จิตสำนึก/จิตใต้สำนึก)

ซึ่งข้อ1.จัดเป็นช่องทางธรรม
ข้อ.2,3จัดเป็นช่องทางโลก

จากการลองด้วยตัวเอง และสังเกตุคนอื่นๆ คิดว่าควรใช้อย่างน้อย2/3ช่อง แล้ว1/2ช่องนี้ควรยืนไว้ที่ช่องทางธรรม 1ช่อง
เหตุผลคิดว่า
คำว่า"อัตตา"กะ"จิตวิญญาณ"
มีรายละเอียดลึกมาก
แล้วในความหมาย....ความอุดมณ์ล้นเหลือของจักรวาล...เข้าไปในช่อง"จิตวิญญาณ" จะปลอดภัยไร้แรงต้านกว่าช่องใดๆ

ขอแอบยกเหตุการณ์สนับสนุนดังนี้
คนที่เชี่ยวชาญช่อง 2. มากๆๆๆๆๆ
คนที่เชี่ยวชาญช่อง3.มากๆๆๆๆ
ใช้2/3เหมือนกัน แต่เป็นช่องทางโลกทั้ง2ช่อง

ส่วนใหญ่ที่มีให้เห็นยังเหนื่อยและยังสับสนกัน
และจากการลองด้วยตัวเอง.......พอถึงเป้าหมายต้องป่วย
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 19/02/2009
เห็นด้วยครับคุณคนขอนแก่น ในหนังสือโชค ดวง ความบังเอิญ เนื้อหาในส่วนพิธีกรรม อาจจะเหมาะกับบางกลุ่มและต้องตอบคำถามกับหลายกลุ่มครับ

การดู ดีวีดี จะให้เข้าใจได้จริงๆ คงต้องอ่านหนังสือด้วย เพราะหนังสือมีเวลาให้รายละเอียดได้มากกว่า เยอะเลยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 19/02/2009
คุณแฟนพันธุ์แท้คะโดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าพอป่วยขึ้นมา สิ่งอื่นๆทั้งหลายก็ดูไร้ความหมายไปทันที...ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ทรัพย์สินเงินทอง อาหารอร่อยๆ ความสนุกสนานในการได้ทำสิ่งต่างๆที่เราชอบ ฯลฯ ... ช่องทางแห่งธรรม เช่นเรื่องของบุญกรรม การทำแต่ความดี อริยสัจ4 ทางสายกลาง หรือกฎแห่งอนัตตา ดูจะเข้ามาเป็นคำตอบและที่พึ่งทางใจทันที รวมทั้งคำถามทางธรรมะยอดฮิตของอาจารย์วสันต์ที่ว่าคนเรา"เกิดมาทำไม" กับ"ตายแล้วจะไปไหน".... จึงคิดว่าหากใครสามารถนำช่องทางแห่งธรรมที่คุณแฟนพันธุ์แยกแยะไว้ผสานกับหลักทางด้านพลังงานของคุณคนขอนแก่นอย่างพอเหมาะพอควรได้ คงอาจจะกลายเป็นคนที่อยู่ในช่องกึ่งสวรรค์กึ่งโลกมนุษย์ได้เลยนะคะ

ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 20/02/2009
จริงๆ โดยหลักการแล้ว ใช้ช่องใดช่องหนึ่งคงถึงเป้าหมาย(สัมผัสความอุดม/ล้นเหลือของจักรวาล)ได้เหมือนกัน

แต่ทีนี้เดินช่องทางโลก(ไม่ว่าช่องเดียว หรือ 2ช่อง) มักเกิดตีความผิดเพี้ยนได้ง่าย หากเปรียบเป็นยารักษาโรคคือ เกิดอาการฤทธิ์ข้างเคียงมาก

คุณนพรัตน์คะ ความป่วยไข้ก็มีประโยชน์อยู่นิดหน่อยคือ
เป็นสัญญาณเตือนว่าเรา...เดินผิดช่องค่ะ

และสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ......ทำให้เราผอมลงได้อีกนิดหน่อยค่ะ(อิอิ)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 20/02/2009
เพื่อให้เข้ากับคำว่า "ทางโลกและทางธรรม...คือเรื่องเดียวกัน"
คุณคนขอนแก่นช่วยพิจาราณามุมมองต่อไปนี้ที(ในฐานะเราเดินผ่านหลักสูตรต่างๆที่ใกล้เคียงกันมาก)

การระลึกชาติ....สามารถเข้าไปได้ทั้งทางโลกและทางธรรม
ขอพูดถึงเฉพาะทางโลก(การสะกดจิต)
การเตรียมคววามพร้อม"สะกดจิตระลึกชาติ"
สะกดจิตระลึกชาติไม่ต้องการคน เชื่อหรือไม่เชื่อ
แต่ต้องการคนจิตสงบ

ทีนี้มาดูแบบทดสอบ...ความพร้อมก่อน สะกดจิตระลึกชาติ
20ข้อของการทดสอบเป็นเรื่อง ของพลังความรู้สึกหมดเลย
และที่น่าสังเกตุเกือบ80-90% เป็นข้อคำถามที่วนๆในเรื่อง บุญกิริยาวัตถุ10

ใครต้องการทดสอบความพร้อม สะกดจิตระลึกชาติ
เข้าไปที่ WWW.Thaihypno.com ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 20/02/2009
ยากจังครับคุณแฟนพันธ์แท้.....คิดไม่ออกเลย

เล่าประสบการณ์ระลึกชาติดีกว่า....

ครั้งหนึ่งก็เห็นตัวเองเป็นคุณตาแก่ๆ บ้ายอยู่ริมน้ำริมคลอง เห็นลูกสาววัยรุ่นอยู่ใกล้ๆ หน้าตาตื่นกลัวลนลาน..... หน้าตาดูคุ้นๆ เป็นพี่สาวคนโตในชาตินี้นี่เอง

ออกจากภวังค์ก็มานั่งนึกดู ในชาตินี้พี่สาวคนโตคนนี้ อายุห่างจากเรา 20 กว่าปี แต่เราชอบพูดดุหรือกระทบกระเทียบเขามากเลย แถมเคยยืมตังค์เขาด้วย เขาก็เคยไปพูดกับคนอื่นๆ ว่าไม่อยากคุยกับเรา เพราะเบรคเขาหน้าหงายบ่อยๆ

วันนั้นก็เลยถือโอกาสโทรไปเล่าให้พี่สาวฟัง แล้วบอกว่า ชาตินี้จะปรับตัวเองให้ดีขึ้น วันหลังๆ โทรไปหาเขาเจอหลานๆ รับสาย ก็จะบอกว่า ขอสายลูกสาวหน่อย เขาก็จะหัวเราะกันทั้งบ้าน.....




ชื่อผู้ตอบ : คนขอนแก่น ตอบเมื่อ : 20/02/2009
คนที่ระลึกได้เป็นเรื่องราวขนาดคุณคนขอนแก่นมีไม่มาก
แสดงว่าจิตสงบมากเลยเนอะ

คุณแฟนพันธ์แท้ส่วนใหญ่จะรู้เรื่องราวอดีตชาติจากช่องทางธรรม ว่าใครเคยเป็นอะไรกะเรามาแล้วบ้าง(รู้ตามจังหวะและโอกาส)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธ์แท้ ตอบเมื่อ : 21/02/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code