นิวเอจหรือจิตวิญญาณทางเลือก สิ่งที่เรากำลังสนใจกันอยู่
มีความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ทางจิตวิญญาณแบบที่ทางเว็บเรากำลังคลั่งไคล้กันอยู่มาฝากครับ searchหาทางgoogle พบข้อมูลเยอะทีเดียว(ขนาดgoogleของไทยยังเยอะขนาดนี้ ไม่อยากจะคิดให้เสียวซาบซ่านเลยว่า yahoo จะขนาดไหน พูดง่ายๆ ถ้าจะเขียนหนังสือแนวนี้สักเล่ม ไม่ต้องไปหาข้อมูลที่ไหนหรอกครับ แค่ yahoo อย่างเดียวคาดว่ายังมากกว่าข้อมูลหนังสือของสนพ.ต้นไม้ทั้งหมด ตั้งแต่เปิดสนพ.(ปี2543)จนกระทั่งอีก100ปีข้างหน้า(ปี2652))
ข้อความที่ copy มามีดังต่อไปนี้ครับ
ไม่ทราบว่าใครเขียนเหมือนกัน

"ในขณะที่ข้าพเจ้ามักจะบังเอิญเจอหนังสือที่ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่แปลกประหลาด ซึ่งไม่น่าจะใช่หมวดของหนังสือเล่มนั้นอยู่เนืองๆ จนเป็นเรื่องปกติในร้านหนังสือเมืองไทย (ข้าพเจ้ามีทฤษฎีส่วนตัวว่า เมืองไทยจัดหมวดหนังสือจาก "ชื่อเรื่อง" ไม่ใช่ "เนื้อหา !" เพราะไม่มีใครมีเวลาพอที่จะดูว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไร !) การแบ่งหมวดหมู่ของชั้นหนังสือในร้านหนังสือภาษาอังกฤษใหญ่ๆ มักจะดูชัดเจน เป็นระบบ เป็นเรื่องเป็นราว และเพลิดเพลินสนุกสนาน เช่น Architecture, Music, Computer, Literature, History, Philosophy, Graphic Design, Gender Studies, Popular Science, Travel และอื่นๆ อีกมากมาย ยิ่งร้านใหญ่มหึมาก็ยิ่งแบ่งซอยประเภทของหนังสือได้มากราวกับเป็นห้องสมุดหรือเป็นคณะวิชาในมหาวิทยาลัย

แต่มีอยู่หมวดหมู่หนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าฉงนสนเท่ห์เป็นอันมากเมื่อแรกเจอหลายปีมาแล้ว นั่นคือหมวด "Spirituality" ซึ่งอาจแปลตรงตัวได้ว่า "จิตวิญญาณ"

หนังสือหมวดจิตวิญญาณมันเป็นยังไงกัน ? ข้าพเจ้าคิด ความเคลือบแคลงสงสัยในจิตใจยิ่งเพิ่มทวีคูณเมื่อหมวดที่อยู่ติดกันมีป้ายบอกว่า "Religion" ศาสนาก็เป็นเรื่องจิตวิญญาณไม่ใช่หรือ แล้วทำไมต้องแยก "ศาสนา" กับ "จิตวิญญาณ" ด้วย ? ในเวลาต่อมาข้าพเจ้าก็ค้นพบเพิ่มเติมว่า หมวด Spirituality นี้ บางทีมีอีกชื่อหนึ่งว่า "New Age" หรือ "ยุคใหม่" แต่ยุคใหม่กลับฟังดาดๆ เหมือนภาษาโฆษณาชวนเชื่อตื้นๆ ทางการเมืองกับการตลาดเกินไป เพื่อความขลังเราต้องเหยาะใส่ความเป็นแขกลงไปแล้วสลับคำขยายตามไวยากรณ์อินโด-ยูโรเปี้ยนให้เป็น "นวยุค" แต่ "นวยุค" ก็ฟังอลังการเสียจนงงงวยไพล่นึกไปถึงยุคพระศรีอาริย์แบบพุทธๆ ข้าพเจ้าจึงขอล้มเลิกการพยายามตรากตรำแปลที่ผ่านมา แล้วใช้ทับศัพท์ไปเลยว่า "นิวเอจ" ดูจะดีที่สุด !

"นิวเอจ" เป็นคำเรียกรวมๆ และหลวมๆ ของการก่อรูปของโลกทัศน์ทางจิตวิญญาณแบบ "ใหม่" ในตะวันตกยุคโลกาภิวัตน์/หลังสมัยใหม่ ซึ่งเป็นยุคที่ข้อมูล ข่าวสาร ความคิด ความเชื่อ และอะไรต่อมิอะไรทางวัฒนธรรม เคลื่อนย้าย ถ่ายเท แพร่กระจาย และปะทะสังสรรค์กันได้ทั่วโลก ในระดับและความเร็ว (และอาจรวมถึงความมั่ว !) ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

ภาพที่เห็นง่ายที่สุดคือ "นิวเอจ" เป็นการ "เลือก" หยิบความคิดความเชื่อและการปฏิบัติที่มาจากเศษเสี้ยวหลายวัฒนธรรมและศาสนามาผสมผสานจนกลายเป็นกระแสทางความเชื่อและไลฟ์สไตล์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวพอที่จะอธิบายและบ่งชี้ได้ว่าอย่างไรแบบไหนถึงจะเข้าเค้า "นิวเอจ"

เนื่องจากเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกตะวันตกในสภาวะทางสังคมที่ผู้คนมีความเป็นปัจเจกในเชิงความเชื่อ และถอยห่างออกจากสถาบันทางศาสนา (คริสต์) ตามประเพณี แต่ก็มีความโหยหาขาดพร่องทางจิตวิญญาณ (สวนทางกับความเชื่อของนักวิเคราะห์สังคมในอดีตว่า สังคมที่มีความเจริญทางวิทยาศาสตร์ขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนก็จะยิ่งมีภาวะจิตใจที่เข้าหาโลกีย์ (secular) มากขึ้นเรื่อยๆ) อันเป็นปรากฏการณ์และเทรนด์ทางสังคมมาตั้งแต่ยุคซิกซ์ตี้ (60s) "นิวเอจ" จึงผนวกโลกทัศน์แบบตะวันออกๆ เข้ามาในบริบททางสังคมวัฒนธรรมแบบตะวันตกๆ และมีความหลากหลายมโหฬารจนยากที่จะตีกรอบให้แน่นอนตายตัวได้

รูปร่างหน้าตาภาพลักษณ์เด่นๆ ของ "นิวเอจ" จึงครอบคลุมตั้งแต่ การปฏิบัติทางจิตวิญญาณอย่างนั่งสมาธิ, การใช้เวทมนตร์คาถา, รหัสยลัทธิแบบตะวันออก, ไบเบิลของคริสต์, เทววิทยา, ความเชื่อเรื่องการเกิดใหม่, โหราศาสตร์, การบำบัดรักษาทางจิต ฯลฯ ส่วนที่เห็นเป็นรูปธรรมกว่านั้นก็เช่น อัญมณีบำบัด, ไพ่ทาโรต์-ไพ่ยิปซี, หรืออโรมาเทอราปี (aroma therapy หรือ "สุคนธบำบัด" ว้าว !) เป็นต้น

เราอาจพูดได้ว่า "นิวเอจ" คืออะไรที่เป็นกระแสรองหรือทางเลือก ไม่ใช่สถาบันศาสนากระแสหลัก, วิทยาศาสตร์กระแสหลัก, หรือการรักษาพยาบาลกระแสหลัก แต่ถึงกระนั้นคนที่สนใจหรือทำอะไรแบบ "นิวเอจๆ" ก็มีมากมายมหาศาลจนกลายเป็นวิถีชีวิตธรรมดาๆ เกินกว่าจะจัดให้เป็นเพียงแฟชั่นแนวใต้ดินหรือนอกกระแส

แน่ละว่าภายใต้ "ร่ม" ของนิวเอจนั้นก็ไม่ต่างไปจาก "ร่ม" ของศาสนากระแสหลัก ที่ย่อมต้องเต็มไปด้วยธุรกิจการพาณิชย์ แฟชั่นของไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงความศรัทธางมงาย แต่หากไม่ตัดสินอย่างคับแคบแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่า "นิวเอจ" เป็นภาพของสภาวะทางตัวตนและจิตวิญญาณของมนุษย์ในโลกยุคนี้ที่สถาบันศาสนาความเชื่อตามประเพณีไม่สามารถครอบงำหรือเป็นจุดอ้างอิงสูงสุดอย่างละเมิดมิได้อย่างในอดีต

ในสังคมเมืองร่วมสมัยของตะวันตก รวมทั้งที่อื่นๆ ในโลกด้วย ศาสนาแบบ "ทางการ" กำลังเสื่อมความสำคัญลงไปในชีวิตผู้คน และศาสนาแบบ "ส่วนตัว" กำลังเบ่งบานเฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ

"Spirituality" จึงเป็นแนวคิดลูกผสมที่มีต้นตอมาจากกระแสทางเลือก (alternative) และกระแสประชานิยม (popular) ที่มุ่งแสวงหาอะไรอื่นที่ดีกว่าศาสนาแบบทางการ, มีโลกทัศน์แบบองค์รวม, ไม่จำกัดอยู่กับพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของสถาบัน (เช่น วัด, โบสถ์), เน้นประสบการณ์ส่วนตัวของปัจเจกบุคคลว่าสามารถสื่อ เข้าถึง และพัฒนาเรื่องทางจิตวิญญาณได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง (เช่น พระ, นักบวช) และมุ่งเล็งผลปฏิบัติภายในโลกนี้ ไม่ใช่โลกหน้า

"Spirituality" / "นิวเอจ" เคลื่อนย้ายความคิดเกี่ยวกับจิตวิญญาณจากที่เคยอยู่ภายใต้อำนาจของ "สถาบัน/คัมภีร์" ศาสนา มาสู่การให้พลังกับ "ตัวตนของปัจเจก" (หรือ self) ที่เท่าเทียมกัน และสร้างความศักดิ์สิทธิ์ (sacred) ให้กับสิ่งที่เคยถูกถือว่าเป็นความสาธารณ์ (profane)

ถ้าหากอาการของความรู้สึกทางศาสนาจิตวิญญาณในสมัยนี้ไม่ได้จำกัดอยู่กับบริบททางศาสนาแบบเดิมอีกต่อไป แต่แผ่ซ่านแทรกซึมอยู่ที่ไหนก็ได้ในวัฒนธรรมแบบโลกีย์ๆ บางทีเราอาจจะกำลังอยู่ในยุคสมัยของการปฏิวัติทางจิตวิญญาณก็เป็นได้"


ชื่อผู้ส่ง : นิก(ผู้คลั่งไคล้นิวเอจ(ไม่ต้องสนพ.ต้นไม้แล้ว ถ้าสนพ.ไหนนิวเอจเอาหมด)) ถามเมื่อ : 31/01/2009
 


มีข้อมูลเกี่ยวกับนิวเอจจากอีกเว็บหนึ่งครับ ลองอ่านเทียบเคียงกับข้อมูลอันแรกดู
นิวเอจทางเลือกของคนยุคใหม่?

เวลาพูดเรื่อง “นิวเอจ” หลายคนในบ้านเราทำหน้างง บางคนก็ถามว่ามันคืออะไร? แม้จะไม่ใช่เรื่องที่คนส่วนใหญ่สนใจ แต่ใช่ว่าจะไม่รับเอาอิทธิพลของมันมา เอาเป็นว่ามาทำความรู้จักกับมันหน่อยแล้วกัน

จริง ๆ “นิวเอจ” ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่นักมีมานับสิบ ๆ ปีแล้ว เพียงแต่บ้านเราไม่ค่อยพูดถึงเท่านั้น แต่แม้ไม่พูดถึงอิทธิพลของนิวเอจและลัทธิความเชื่อนี้ก็แทรกแซงอยู่ในสังคมไทยแทบทุกวงการ ไม่ว่าสื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือ ภาพยนตร์ ตลอดจนวิถีปฏิบัติ ดนตรี และ ฯลฯ ยกตัวอย่างที่กำลังฮือฮาในเวลานี้ก็เห็นจะเป็นหนังสือและซีดีเรื่อง The Secret โดยรอนด้า เบิร์นหรือเล่มอื่น ๆ ที่เข้ามาทำกระแสเป็นพัก ๆ เช่น The Conversation With God ในช่วงก่อนหน้านี้ และยังมีหลาย ๆ เล่มที่ร้านหนังสือบ้านเรายังไม่ได้ขึ้นป้ายจัดหมวดหมู่ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกันหรือแม้แต่ภาพยนตร์ก็มีมาให้เห็นเรื่อย ๆ ตัวอย่างชัด ๆ ที่กำลังฉายอยู่เห็นจะเป็น The Golden Compass หรือพวกดนตรีกรีนมิวสิคทั้งหลายตลอดจน การแพทย์ทางเลือก การใช้ยาแผนโบราณ ซึ่งบ่อยครั้งก็มักมีมิติด้านจิตวิญญาณบางอย่างอยู่ด้วย เช่น แนวคิดการผสมผสานกาย ใจและจิตวิญญาณ เป็นต้น ซึ่งแต่ละอย่างที่กล่าวมาล้วนมีสิ่งดี ๆ มากมายทว่า นี่คือทางเลือกของคนยุคใหม่จริงหรือ ก่อนอื่นมาดูที่มาที่ไปของลัทธินิวเอจกันคร่าว ๆ




ลัทธินิวเอจคืออะไร

จะว่าไปก็เป็นผลกระทบส่วนหนึ่งจากกระแสสังคมยุคโลกาภิวัตน์ก็ว่าได้ที่วัฒนธรรมตะวันตกมาบรรจบกับตะวันออกมากยิ่งขึ้น เกิดผสมผสานขึ้นเป็นวัฒนธรรมใหม่ของคนยุคใหม่ที่เรียกว่า “นิวเอจ” ซึ่งมีรูปแบบย่อย ๆ หลากหลาย ส่วนมากค่อนไปทางจิตนิยม เน้นการปฏิบัติศาสนาในด้านพิธีกรรมของศาสนาที่อุบัติจากตะวันออก

อาจเป็นเพราะองค์ประกอบของศาสนาตะวันออกที่เราคุ้นเคยและฝังตัวผสมปนเปอยู่ในความเชื่อของคนไทยมาช้านานนี่เองที่ทำให้คนในประเทศตะวันออกอย่างเรา ๆ ไม่ตื่นตัว หรือรับรู้ว่าเป็นลัทธิใหม่เสียทีเดียวเพราะโดยปกติการรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาผสมปนเปกับวัฒนธรรมของเราก็ถือเป็นธรรมชาติส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่สำหรับประเทศที่มีพื้นฐานความเชื่อเดิมในศานาคริสต์ กระแสวัฒนธรรมและศาสนาตะวันออกถือเป็นสิ่งใหม่ และเมื่อเข้าไปมีอิทธิพลผสมผสานกับศาสตร์หรือศาสนาตะวันตก จึงถูกมองเป็นสิ่งใหม่และตื่นตัวกันมากว่า

จากบทความใน www.songtangonline.com ที่โพสท์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2007 กล่าวว่า “ขบวนการเคลื่อนไหวสู่ยุคใหม่ วัฒนธรรมใหม่หลากหลายนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกกันหลวม ๆ รวม ๆ ว่า POSTMODERNISM (ยุคหลังสมัยใหม่) ซึ่งนักคิดนักวิชาการด้านสังคมตะวันตกแทบทุกคนเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมระดับโลก อย่างน้อยก็จากยุคมืดบอดทางปัญญาในสมัยกลางของยุโรป (MIDDLE AGE) มาสู่ยุคฟื้นฟูและสู่ศตวรรษการรู้แจ้งของสังคมตะวันตกอันเป็นที่มาของอารยธรรมความศิวิไลซ์ วัฒนธรรม “สมัยใหม่" ที่ยกมนุษย์ขึ้นเป็นศูนย์กลางของจักรวาลหรือที่ดำรงอยู่โดยมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือ เพื่อคุณภาพที่ดีของชีวิต เป้าหมายที่นำมาซึ่งการพัฒนาของเทคโนโลยี เพื่อแปรเปลี่ยนธรรมชาติสู่ความมีคุณภาพที่ดีกว่าของชีวิตดังกล่าว... ขบวนการนี้มีเป้าหมายหลักที่การ “โยนทิ้ง” วัฒนธรรมเก่าที่เรามี ที่เคยชินมาหลายสิบชั่วคนนับแต่ยุคฟื้นฟูและศตวรรษแห่งการรู้แจ้งที่กล่าวมาข้างต้น นั่นคือ “โยนทิ้ง” ความเป็นสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหลัก หรือเป็นคราบที่ฝังตัวอยู่ในระบบการเมือง สังคม หรือเศรษฐกิจที่เราใช้ ๆ กันอยู่และคิดว่าถูกต้องแล้ว แต่กลับเป็นแหล่งเพาะความแตกแยกขัดแย้งที่ก่อปัญหาสารพัดดังที่รู้ ๆ กันในปัจจุบัน ซึ่งก่อตัวขึ้นมาจากความรู้ด้านกายภาพเพียงด้านเดียว โดยมีปรัชญาของเดส์การ์ต มีฟิสิกส์คลาสสิกของนิวตัน มีชีววิวัฒนาการของอาร์ลส์ ดาร์วิน และมีจิตวิทยาพฤติกรรศาสตร์ผิวเผินของซิกมันด์ ฟรอยด์ เป็นเครื่องมือ”



Holy:
นิยาม

ลัทธินิวเอจเป็นการเคลื่อนไหวอิสระด้านจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้เชื่อและผู้ปฏิบัติที่ต่อเติมความเชื่อใหม่ ๆ เข้ากับความเชื่อทางศาสนาดั้งเดิมทั้งจากตะวันออกและตะวันตกซึ่งผสมผสานเข้ากับความคิดทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โดยเฉพาะจิตวิทยาและนิเวศวิทยาส่วนใหญ่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศาสนาหลัก ๆ ในโลกนับจากลัทธิจิตวิญญาณนิยมพุทธศาสนา ศาสตร์ลึกลับว่าด้วยไสยศาสตร์ และอาคมฮินดู ศาสนาอิหร่าน เทววิทยา เต๋า เวทย์มนต์ตามพิธีกรรมต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมาก จึงเป็นแนวความคิดและกิจกรรมที่ครอบคลุมกว้างมาก ซึ่งผู้เข้าร่วมในวัฒนธรรมย่อยจะเลือกเอาเองว่าอยากสนับสนุนหรือเข้าร่วมสายไหน และไม่มีนิยามที่เป็นทางการ แต่มีงานวิจัยหนึ่งเสนอว่า พวกที่เอาตัวอย่างจากคำสอนทั้งหลายแหล่มาปฏิบัติทั้งจาก “ศาสนาหลัก” และธรรมเนียม “อื่น ๆ” แล้วสร้างความเชื่อของตัวเองจากประสบการณ์ นั่นก็ถือเป็นพวกนิวเอจได้ พวกนี้จะไม่ทำตามระบบศาสนาที่มีอยู่เดิม

นิวเอจต่างจากศาสนาหลัก ๆ ส่วนใหญ่ตรงที่ไม่มีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ องค์กรกลาง สมาชิกภาพนักบวช ศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ หลักคำสอน หลักข้อเชื่อ ฯลฯ สำนักพิมพ์ถือเป็นองค์กรกลาง ส่วนการสัมมนาการประชุมใหญ่ หนังสือ และการรวมตัวกันอย่างไม่เป็นทางการเข้ามาแทนที่คำเทศนาและการประชุมทางศาสนา



ความเป็นมา

คำสอนของลัทธินิวเอจเริ่มต้นที่ประเทศอังกฤษในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 โดยเกิดจากปฏิกิริยาการต่อต้านสิ่งที่มองกันว่าเป็นความล้มเหลวของคริสเตียนและมนุษยนิยมทางโลกในการให้แนวทางจิตวิญญาณและศีลธรรมในอนาคตจึงเกิด วิถีปฏิบัติและความเชื่อรูปแบบจิตวิญญาณทางเลือก หรือศาสนาทางเลือกขึ้น ดังนั้น การใช้คำว่า “ทางเลือก” ในความคิดแบบลัดธินิวเอจโดยทั่วไปจึงส่อถึงสิ่งที่ตรงข้ามกับความเชื่อหลัก ๆ ทางศาสนาและ/หรือวิทยาศาสตร์ และความคิดนิวเอจมากมาย รวมทั้งวิถีปฏิบัติในโลกตะวันตกมักตำหนิคริสเตียนอย่างโจ่งแจ้งหรือไม่ก็อ้อม ๆ

ราวกลางทศวรรษ 1970 เกิดนิตยสารรายเดือน New Age Journal ขึ้นแล้วถูกนำไปตั้งเป็นชื่อร้านหนังสือและของที่ระลึกเล็ก ๆ แนวนี้อีกหลายพันแห่ง ต่อมาคำนี้ยิ่งแพร่หลายมากขึ้นเพราะสื่อมวลชนอเมริกันนำไปใช้เรียกวัฒนธรรมย่อยด้านจิตวิญญาณทางเลือก รวมทั้งกิจกรรมทั้งหลายของกลุ่มตั้งแต่การนั่งสมาธิ การปลุกวิญญาณผู้ตาย การกลับชาติมาเกิด ลูกแก้ว จนถึงเรื่องสุขภาพ เช่น ฝังเข็ม ดนตรีบำบัด จิตบำบัด ฯลฯ ความเชื่อในปรากฏการณ์วิปริต หรือ “เรื่องลี้ลับ” เช่น ยูเอฟโอ ความลึกลับของโลกและวัฏจักรของพืชผล หรือทำนายดวงชะตาโดยใช้ลูกตุ้ม ไพ่ทาโร่ โหราศาสตร์เป็นต้น



ราวปลายทศวรรษ 1980 มีสิ่งพิมพ์ใหม่ ๆ อีกมากมายปรากฏขึ้นสนองตลาดนี้ ได้แก่ Psychic Gulde Magazine (ต่อมาเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Body, Mind & Spirit), Yoga Journal, New Age Voice (นิตยสารดนตรีนิวเอจโดยเฉพาะ) และนิตยสารการค้า เช่น New Age Retailer, NaPRA ReView (สมาคมผู้พิมพ์และค้าปลีกแนวนิวเอจ) และ ฯลฯ



Holy:
ความเชื่อ

จากความเชื่อพื้นฐานที่หลากหลายมาก นิวเอจทุกคนจึงได้รับการสนับสนุนให้ “เลือกหา” ความเชื่อและวิถีปฏิบัติที่ตัวเองรู้สึกสบายใจที่สุดอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ หรือทั้งหมดนี้

ศาสตร์แห่งเป้าหมาย

- เชื่อว่าเหตุการณ์ประจวบเหมาะมีความหมายและบทเรียนด้านจิตวิญญาณที่สอนผู้เปิดใจรับได้
- ทุกสิ่งเชื่อมโยงกันหมดโดยพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกที่มีพลังงานแบบเดียวกัน
- มีเป้าหมายกว้างใหญ่ไพศาล และความเชื่อที่ว่าธาตุแท้ทุกอย่างร่วมมือกัน (เต็มใจหรือไม่ก็ตาม) สู่เป้าหมายนี้
- ทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตและบทเรียนต้องเรียน
- ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง และความสัมพันธ์ยังถูกกำหนดให้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนกว่าจะดี

ความรู้ด้านจิตวิญญาณกับวิทยาศาสตร์

- การหยั่งรู้โดยสัญชาติญาณเป็นตัวชี้นำที่เหมาะสมกว่าหลักเหตุผลหรือวิธีการทางวิทยาศาสตร์
- วิญญาณทั้งหลาย (นางฟ้า วิญญาณที่ล่องลอย ผีสางธรรมชาติ และ/หรือ มนุษย์ต่างดาว) มีจริงและนำเราได้ถ้าเรายอมเปิดใจ
- ทุกศาสนามีแก่นเหมือนกัน ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องมีคำสอนและเอกลักษณ์ทางศาสนา
- รูปแบบจิตวิญญาณผู้หญิง รวมทั้งภาพลักษณ์ของพระเจ้าเพศหญิง
- มีอารยธรรมโบราณอยู่ เช่น แอทแลนติส และได้ทิ้งสิ่ง ที่ตกทอดมาและอนุสาวรีย์ต่าง ๆ เช่น ปิรามิดใหญ่และอนุสาวรีย์หิน ซึ่งธรรมชาติแท้จริงของสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกค้นพบโดยนักประวัติศาสตร์สำคัญ ๆ
- ทำเลทางภูมิศาสตร์บางแห่งพลังจิตได้ เช่น สถานที่บางแห่งถือว่าศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาทั่วโลก
- วิทยาศาสตร์ตะวันตกละทิ้งจิตวิทยาด้านประสาทรับรู้ การนั่งสมาธิและสุขภาพองค์รวมจนเกิดความเสียหาย
- วิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณที่สุดแล้วก็เข้ากันได้ การค้นพบใหม่ ๆ ทางวิทยาศาสตร์ เช่น วิวัฒนาการ กลไก พลังงานรังสีเมื่อเราเข้าใจถูกต้องย่อมชี้ไปสู่หลักการจิตวิญญาณ



ศักยภาพของมนุษย์

- ความคิด มนุษย์มีศักยภาพยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิดและสามารถเอาชนะความเป็นจริงทางกายได้ มีผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณไม่กี่คนเท่านั้นที่บรรลุศักยภาพสูงสุดได้
- ทุกวันนี้เด็ก ๆ เกิดมาพร้อมอำนาจจิตวิญญาณที่พัฒนาสูงกว่าในยุคก่อน ๆ
- ท่าที่ดีที่ได้รับการสนับสนุนด้วยคำยืนยันชมเชยจะสามารถประสบความสำเร็จในทุกสิ่งได้
- มนุษย์รับผิดชอบมีส่วนในกิจกรรมสร้างสรรค์ดี ๆ ที่จะทำงานและรักษาตัวเอง คนอื่นและโลกนี้
- การนั่งสมาธิ โยคะ ไทชิ จี้กง และกิจกรรมของชาวตะวันออกช่วยให้เราบรรลุศักยภาพของตัวเองได้
- มนุษย์มีศักยภาพรักษาโรคได้ (เช่น การใช้สัมผัสบำบัด) ซึ่งสามารถพัฒนาขึ้นมารักษาคนอื่นด้วยการสัมผัส หรือแม้แต่จากระยะไกลได้
- อาหารที่รับประทานเข้าไปมีอิทธิพลต่อจิตใจ เช่นเดียวกับร่างกาย
- การอดอาหารอาจช่วยให้บรรลุภาวะจิตสูงขึ้นได้

จิปาถะ

- จิตสำนึกนั้นยังฝังแน่นดุจมีชีวิตแม้หลังจากตายแล้วแต่อยู่ในอีกรูปแบบหนึ่ง
- ชีวิตหลังความตายมีเพื่อนเรียนรู้เพิ่มขึ้นโดยกลับชาติมาเกิด วัฏจักรนี้วนเวียนไปเรื่อย ๆ คล้ายแนวคิดของฮินดู
- หินและลูกแก้วมีพลังจิตช่วยนั่งสมาธิ และรักษาโรค
- ความฝันและประสบการณ์ทางจิตมีความหมายด้านจิตวิญญาณ



ลัทธิผสมผสาน

- เป็นแบบผสมผสาน และมีรากมาจากปรากฏการณ์ที่ต่อต้านวัฒนธรรม
- มักเน้นแนวคิดที่ใกล้เคียงความจริงและมักอ้างคำกล่าวตามศาสนาฮินดูที่ว่า “มีความจริงเดียว แต่ไปได้หลายทาง”
- ไม่เพียงพยายามเน้นทางเลือกส่วนบุคคลเรื่องจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังยืนกรานว่า ความจริงถูกกำหนดโดยบุคคลและประสบการณ์ของเขาหรือเธอได้ด้วย

พระเจ้าคือจักรวาล

- ทุกอย่างที่ดำรงอยู่คือพระเจ้าซึ่งนำไปสู่แนวคิดที่ว่าเราแต่ละคนเป็นพระเจ้า
- ไม่แสวงหาพระเจ้าตามที่บอกไว้ในพระคัมภีร์ แต่แสวงหาพระเจ้าในตัวเอง และทั่วจักรวาล

กรรม

- การดีและชั่วที่เราทำจะสั่งสมขึ้นหรือถูกลบล้างออกไป เมื่อชีวิตสิ้นสุดลง เราจะได้รับรางวัลหรือถูกลงโทษตามกรรมเวรของเรา โดยกลับชาติมาเกิดใหม่ที่อาจดีหรือร้าย

รัศมีไฟฟ้า
- เชื่อว่ามีสนามพลังที่แผ่รังสีออกมาจากร่างกาย คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น แต่บางคนอาจตรวจจับได้เป็นรัศมีระยิบระยับหลากสีที่ห้อมล้อมร่างกาย พวกที่เชียวชาญ ตรวจจับและตีความหมายรัศมีนี้สามารถวินิจฉัยภาวะจิตใจ ตลอดจนสุขภาพร่างกาย และจิตวิญญาณของคนได้



ศาสนาสากล

- ทุกอย่างเป็นพระเจ้า จึงมีความเป็นจริงเพียงอย่างเดียว ฉะนั้น ทุกศาสนาก็เป็นแค่เส้นทางสู่ความเป็นจริงสูงสุดนั้นเท่านั้น
- อาจมองเป็นรูปภูเขาที่มีเส้นทางจิตวิญญาณหลายสายที่นำไปสู่ยอดเขาได้ บางเส้นทางก็ยาก บางเส้นทางง่ายกว่า ไม่มีเส้นทางใดถูกต้องเพียงเส้นทางเดียว ในที่สุดทุกเส้นทางก็พาไปถึงยอดเขาเหมือนกัน
- ควาดหวังว่าศาสนาสากลใหม่นี้ซึ่งมีองค์ประกอบของทุกความเชื่อในปัจจุบันจะวิวัฒนาการขึ้นไปและได้รับการยอมรับทั่วโลก



ระเบียบโลกใหม่

- เมื่อยุคอะแควเรียสเริ่มปรากฏขึ้น ลัทธินิวเอจก็จะเฟื่องฟู เป็นสังคมสมบูรณ์แบบที่มีรัฐบาลโลก
- เป็นจุดจบของสงคราม โรคภัยไข้เจ็บ ความหิวโหยมลพิษ และความยากจน เพศชายหญิง เชื้อชาติศาสนาและการเลือกที่รักมักที่ชังทุกอย่างจะหมดสิ้น
- ความจงรักภักดีของผู้คนต่อเผ่าพันธุ์ หรือประเทศขอตนจะถูกแทนที่ด้วยความเป็นห่วง และความสนใจในโลกและประชากรโลกทั้งหมด



Holy:
บทสรุป

มีคนมากมายที่เรียกตัวเองว่าคริสเตียนหรือศาสนาอื่น ๆ แต่ก็ได้ผนวกเอาความเชื่อหลายอย่างของลัทธินิวเอจเข้าไว้ในความเชื่อเดิมด้วย ดร.คาร์ล แรชเค ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาศานาแห่งมหาวิทยาลัยเดนเวอร์อธิบายว่า "ลัทธินิวเอจเป็นเหมือนเอดส์ฝ่ายวิญญาณซึ่งทำลายความสามารถที่คนจะรับมือและทำหน้าที่อย่างถูกต้อง” และยังอธิบายต่อว่า “โดยเนื้อแท้แล้ว มันคือการตลาดของลัทธิเทียมเท็จที่มาในคราบการเมือง"

ส่วนผู้เขียนเองมองว่านิวเอจเป็นอีกความพยายามของมนุษย์ที่แสวงหาชีวิตที่ดีกว่า และความหมายแท้จริงของชีวิตด้วยกำลังของตัวเอง และเป็นความพยายามพิสูจน์ว่ามนุษย์ทำได้โดยไม่ต้องมีพระเจ้า มนุษย์สามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ และจนถึงอาจควบคุมทุกสิ่งได้ แต่นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่มนุษย์ทำได้จริง

แม้ว่าหลักการดี ๆ บางอย่างของนิวเอจที่ไม่ค้านกับหลักการในพระคริสตธรรมคัมภีร์อาจฟังดูดี และได้ผลสำหรับทุกคนที่นำไปปฏิบัติตาม ไม่ว่าผู้นั้นจะเชื่อในพระเจ้าหรือไม่ก็ตาม นั่นก็ต้องถือเป็นพระคุณของพระเจ้าผู้สร้างฟ้าสวรรค์และโลกที่อนุญาตให้มนุษย์ที่เป็นเหมือนต้นหญ้าที่งอกขึ้นในเวลาเช้า..ครั้นเวลาเย็นก็ร่วงโรยและเหี่ยวไปนี้ได้มีส่วนกำหนดคุณภาพชีวิตช่วงสั้น ๆ ของเราบนโลก เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เราจะมีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้หรือไม่ นับประสาอะไรจะควบคุมอนาคต

แท้จริงลึก ๆ ในใจมนุษย์ทุกคนก็รู้ว่า มีบางสิ่งที่มองไม่เห็นกุมชะตาชีวิตเราอยู่ (แม้จะไม่ยอมรับก็ตาม) แต่เพราะความพยายามจะปลดแอก และบังเหียนนี้จากชีวิตมนุษย์จึงเสาะหาวิธีประกาศอิสรภาพจากสิ่งนี้ที่หลายคนอาจเรียกกันไปต่าง ๆ นานาว่า ธรรมชาติบ้าง เวรกรรมบ้าง แต่สำหรับผู้เขียนสิ่งนี้คือ พระเจ้า โดยเอาสิ่งดี ๆ จากศาสนาหลัก ๆ มาผสมผสานปนเปเพื่อชี้คนออกจากศาสนาหลัก ๆ ออกจากพระเจ้า ไปที่ตัวเอง และบอกว่าเราทำได้โดยไม่ต้องมีพระเจ้า หรือนี่อาจเป็นความปรารถนาลึก ๆ ในใจมนุษย์ที่อยากเป็นพระเจ้าเสียเอง




อ้างถึง (…, 2008, น.35-39)
บรรณานุกรม .... (2008). BRIDGE ปีที่ 3 เล่มที่ 11. กรุงเทพฯ

ข้อมูลจาก http://www.religioustolerance.org/newage.htm,
http://en.wikepedia.org/wiki/New_Age และ www.songtangonline.com






ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 31/01/2009
คุณนิกสมกับเป็น พหูสูตร ผู้รอบรู้จริงๆ
ขอคารวะ 1 จอก
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 31/01/2009
ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 04/02/2009
Celestine prophecy ที่สนพ.โอ้มายก้อดจะทำออกมาขายแปลโดยคุณอัฐพงศ์ บก.
สนทนากับพระเจ้าทั้ง 3เล่ม
THE PURPOSE OF LIFE
QUANTUM SUCCESS ที่คุณวันชัยจะทำขาย น่าจะงานหนังสือมีนาที่จะถึงนี้ ให้หลานชายคนโปรด อาทิตย์ ประชาเรืองวิทย์แปล
SECRET OF SUCCESS
THE GREATEST SECRET OF ALL ใกล้คลอดแล้วชื่อภาษาไทยคือ ความลับที่ยอดเยี่มที่สุดเท่าที่เคยมีมา
แล้วก็หนังสือของดีพัค โชปราทั้งหมด
หนังสือของดร.เวย์น ซึ่งคุณวันชัยเอาไปครองไว้เกือบหมด แต่ยังไม่ทำขายบอก บก.เริ่มเบื่อ
the secret หรือแม้แต่ BEYOND THE SECRET ที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับ เดอะซิเคร็ต ทั้งหมดนี้คือหนังสือแนวนิวเอจ หรือจิตวิญญาณทางเลือกซึ่งเราจะยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับศาสนาอีกต่อไป ซึ่งแนวคิดนี้ คุณวิศิษย์ วังวิญญูก็เคยให้สัมภาษณ์ กับนิตยาสาร GM ว่ายุคนี้หมดยุค ยึดศาสดาเป็นใหญ่แต่เป็นยุค ที่แสวงหาธรรมะหรือจิตวิญญาณด้วยตนเองผ่านหนังสือ(ที่เมืองไทยก็มีน้อย) ซีดี(เมืองไทยไม่มี) วีซีดีและดีวีดี(เมืองไทยยิ่งไม่มี) หรือไทเก๊ก โยคะ ชี่กง(อันนี้ไทยเรามีเซียนเอกคือ ดร.สุวินัย ภรณวลัย) หรือนั่งสมาธิ พูดคำที่เป็นบวก ล่วงรู้ถึงพลังงานที่เราส่งออกไปภายนอก ให้ความฝันนำทาง หาจุดมุ่งหมายที่แท้จริงให้ชีวิต พระสูตร มนตรา ต้นแบบ ให้ความบังเอิญบอกใบ้ชะตาชีวิต และที่มาแรง(ในตะวันตก)คือแนวคิดของคาร์ล จุงเรื่อง synchronicity แต่ดีพัค โชปราก็เข้าใจ อแด๊ปแอ๊พไพล์เป็น synchrodestiny และตอนนี้หนังสือหลายเล่มที่แปลไทยเล่มนึงก็ ยิ่งกว่าความลับ สนพ.ต้นไม้ ก็สนับสนุนให้ใช้กฏแห่งการดึงดูดโดยการดูแลของธรรมะหรือจิตวิญญาณ ไม่โลภเอาอย่างเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าช่วงนี้นิวเอจกำลังเฟื่องฟู และอีกหน่อยคงตรงกับที่พุทธทาสว่าจะเหลือศาสนาเดียว ก็น่าจะนิวเอจเนี่ยแหละ นิล โนลย์ วอลท์ สนทนากับพระเจ้าเล่ม 3ที่เคยให้สัญาญาในเล่ม1-2ว่าจะบอกว่าศาสนาที่เหลือศาสนาเดียวคืออะไร คุณอัฐพงศ์ บก.โอ้มายก้อด บอก คือสัจธรรม คือจิตวิญญาณซึ่งก็คือนิวเอจนี้เอง ไม่ได้ต่อต้านศาสนานะครับ แต่ถ้า6พันล้านคนทั่วโลกมีตุดมุ่งหมายในชีวิต มีความรักความเมตากับตัวเองและผู้อื่นจะมีศาสนาไปทำไม ก็คงเป็น common sense ไปด้วยตัวเองว่าควรทำอย่างไรถึงสอดคล้องกับธรรมะเหมือนโอโช่บอก เหมือนกฤษณมูรติ แล้วขอให้ถึงยุคนั้นเร็วๆ ยุคที่ไม่มีศาสนาแต่จิตวิญญาณเฟื่องฟู สาธุ!
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 10/02/2009
หาซื่อได่ที่บ้างอะนะบอกหน่อยน๊ะ โทรมา 0901031841 09นะ วันทูคอล หรือเเอดมาที prim_mirp@hotmail.com เมล์ หรือ เฟดบุสก็ได้จร๊ บอกด้วยนะคะ นิกกกก
ชื่อผู้ตอบ : ปริม ตอบเมื่อ : 05/02/2012
หาซื้อได้ที่ไหนค่ะ ดิฉันอยากจะศึกษาเรื่องนี้มาก 0877108575 ดิฉํนคงจะไม่ผิดหวังนะค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : ออม ตอบเมื่อ : 16/10/2013


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code