การบ้านเก่า
มีเรื่องเล่าครับ
มองย้อนกลับไป เมื่อ6-7 เดือนที่แล้ว ตอนผมได้อ่านหนังสือ7กฏเป็นครั้งแรกระหว่างไปเดินทางท่องเที่ยวนั้น ช่วงหนึ่งเดือนกว่าๆระหว่างเดินทางไปที่ต่างๆนั้น นอกจากอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ทุกเช้าสิ่งที่ผมทำเป็นสิ่งแรกระหว่างนั่งรออาหารเช้าคือ จดบันทึกความฝันที่เพิ่งฝันเมื่อคืน และเมื่อทำไปได้ซักพัก ผมก็เริ่ม เขียน "พันธะสัญญาต่อตนเอง" ถึงความมุ่งมั่นต้องการของตนเองที่อยากให้บังเกิดขึ้นในปีต่อไป ตอนนั้นผมเขียนไว้อย่างชัดเจนครับโดยเฉพาะเรื่องงานและเรื่องของความสัมพันธ์ที่ต้องการแก้ไข แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเดินทางกลับมาไทย ผมก็พบสัญญานั้นไว้ และแปะเทปไม่ได้เปิดมันอีกเลย
หลังจากนั้น ตามผู้คนที่พบเจอและจังหวะชีวิต ผมก็เจออะไรที่แตกต่างออกไปจากความสงบส่วนตัวมากมาย หลังจากนั้นผมก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย เดินไปตามลม ออกไปอยู่ต่างจังหวัด รับงานนั่นนี่ทำ และความสัมพันธ์ก็ขึ้นๆลงๆ คือไม่มีอะไรมีวี่แววอย่างที่ขอไว้เลย แต่อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้รู้สึกแย่อะไรกับเรื่องพวกนั้น เพราะ จริงๆแล้วระหว่างครึ่งปีที่ผ่านมานั้น ผมแทบจะลืมเรื่องพันธะสัญญานั่นไปสนิทเลย เรียกได้ว่ามีฝันใหม่ๆ หรือสิ่งล่อใจใหม่ๆ มาชวนให้หลงใหลไปเรื่อยเปื่อยจนลืมหลักที่คิดไว้ก็ได้

สรุปว่า ช่วงหลังนี้ผมก็กลายเป็นคนทำงานที่ทำนั่นนี่มากมายที่ไม่ใช่สิ่งที่เขียนไว้ในพันธะสัญญาว่าจะพยายามเลย สิ่งที่ดีขึ้นนั้นมีเพียงความสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่แก้ไปได้มากแล้วเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อสองวันก่อน ระหว่างทำการบ้านเพื่อไปประชุมงานที่ดูจะออกทะเลเลยเถิดนอกเป้าหมายไปไกล อยู่ดีๆ ผมก็แว่บถึงพันธะสัญญานั้นขึ้นมาได้ ตอนแรกที่นึกถึงมัน ผมมีแต่ความผิดหวังกลัดกลุ้มใจที่ไม่ได้ทำตามที่วางแผนไว้ แล้วปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่มันเลยในกว่าครึ่งปีที่ผ่านมา ธรรมดาแล้ว เวลากลุ้มใจ ผมมักหดหู่จมดิ่งลงไปในห้วงคิดนั้นและจะเศร้าสร้อยหมดใจไปอีกหลายวัน แต่แปลกที่หนนี้กลับแตกต่าง เพราะทันทีที่เริ่มกลุ้มใจ อยู่ดีๆก็มีอารมณ์ใหม่แทรกเข้ามานั่นคือ สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ที่สบายใจนั้นเพราะ ขณะที่ย้อนคิดเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่ได้จริงจังพยายามจนพาจิตใจความคิดออกทะเลไปนั้น ผมกลับผมว่าจริงๆแล้วสิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เป็นคำตอบระหว่างทางที่ทำให้ผมพบ ประกายและหนทางสู่การเริ่มต้นทำสิ่งที่อยู่ในพันธะสัญญานั้นได้ และตอนนั้นเอง ผมก็พบว่าจริงๆแล้วผมยืนอยู่ในเส้นทางที่ปรารถนามาตลอด ที่ผ่านมามันคือการบ้านที่ค่อยสางสมและรอวันจะประกอบรูปร่าง เมื่อมองย้อนกลับไปในวัยต่างๆก็ยิ่งพบว่านั่นคือจิ๊กซอว์ทีรอคอยการประกอบ ในขณะที่ไม่ได้พยายาม ผมไม่ได้หลงทางเลยด้วยซ้ำ และตอนนี้เองครับที่ผมพบว่าตัวเองมีความเชื่อมั่นและสบายใจอย่างมากว่า ผมกำลังเดินอยู่ในเส้นทางแห่งปรารถนาของตนเองอย่างแท้จริง และหลายๆอย่างได้คืบหน้าไปอย่างดีแล้วโดยไม่รู้ตัว แค่เริ่มต้น เหมือนไม่เริ่มต้น ผมก็มีความสุข เหมือนว่างเปล่า แต่ก็เปี่ยมพลังครับ

ตอนนี้พันธะสัญญานั้นยังคงไม่ถูกเปิด ผมมาทานกาแฟแล้วนึกถึงมันได้เลยอยากเขียนมาเล่าสู่กันฟัง และก็ตั้งใจว่าจะยังไม่ไปเปิดด้วยเพราะ มีรายละเอียดอีกหลายอย่างในนั้นที่ผมลืมไปแล้วว่าอยากทำ อยากได้อะไรบ้าง ผมตั้งในว่าไว้ให้ชีวิตคืบหน้าไปกว่านี้อีกซักพักค่อยเปิดดีกว่า จะได้สนุกกับมันว่าผมได้(ทำ)อะไรตามนั้นบ้าง และได้อะไรที่ปรารถนาไว้มาบ้าง ค่อยๆสนุกดีกว่าครับ

โอเค ไม่รู้อธิบายงงๆหรือเปล่า แต่ก็อยากเล่าครับ ของคุณหนังสือเจ็ดกฏอีกหน และเส้นทางสู่ความมั่งคั่งอีกครั้ง เพราะจะว่าไปในครึ่งปีที่ผ่านมาสำหรับหนังสือแนวๆนี้ ผมก็อ่านแค่สองเล่มนี้เท่านั้นล่ะครับ นอกนั้นก็อะไรไม่รู้ตามแต่แรงดึงดูดครับ

ขอให้คุณนันท์ อ.วสันต์และเพื่อนๆทุกท่านมีความสุขนะครับ






ชื่อผู้ส่ง : Karn ถามเมื่อ : 22/01/2009
 


ผม "ได้" อะไรไปคิดต่ออีกแล้ว และผม "สรุป" อะไรบางอย่างของตัวผมเองเพิ่มมากขึ้นอีกแล้วเช่นกัน แต่ก็ขอ "เก็บ" ปิดผนึกไว้ก่อน (ตามแบบที่คุณ Karn เก็บพันธสัญญานั้นไว้ โดยยังไม่เปิด) เพราะท่านอื่นๆ อาจ "ได้" และ "สรุป" อะไรเป็นของตัวเอง แตกต่างกัน และอาจอยากจะเปิดผนึก แสดงสิ่งนั้น ให้ได้อภิปรายกัน

ขอบคุณนะครับ สำหรับเรื่องเล่า อันมีแง่คิดยิ่ง

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 22/01/2009
ผมมีข้อความหนึ่งที่ผมเขียนไว้หลายปีแล้วเหมือนกัน ไม่ได้เป็นพันธสัญญาครับ ผมเขียนขึ้นจากการที่ต้องทำงานชิ้นหนึ่ง เลยเขียนเพื่อสรุปย้ำเตือนถึงสิ่งที่กำลังจะทำ ซึ่งไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณ Karn เล่ามาโดยตรง เพราะสิ่งที่คุณ Karn เล่ามานั้นมีคำตอบอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้วครับ เพียงแค่อยากแลกเปลี่ยนบ้าง และก็นึกถึงข้อความนี้ขึ้นมาได้ในใจ เท่านั้นครับ

. . . . . . . . . .

สรรพสิ่งเคลื่อนไป จักรวาลยังคงหมุนไป
มีเกิดดับ เปลี่ยนแปลงหมุนเวียน
เมื่อถึงชั่วขณะจิตหนึ่ง ที่ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม
พระองค์ก็เสด็จลงมา
พร้อมกับความรัก ความเมตตา ที่มีให้ต่อชาวโลก
พระองค์ คือ คำสอน
พระองค์ คือ หนทาง
พระองค์ อยู่ในเราทุกๆ คน

. . . . . . . . . .
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 23/01/2009
คุณ karn อธิบายไม่งงหรอกค่ะ แต่ว่าเกิดอยากรู้อยากเห็นเพิ่มไปอีกจากที่อ่าน คือจากที่คุณkarnอธิบายมาถึงพันธะสัญญาแห่งตน การปล่อยวาง การนอกลู่นอกทาง เส้นทางสายใหม่ๆตามแรงรมณ์ดึงดูด ภาพต่อจิ๊กซอว์นั้น อยากรู้ประมาณว่า พันธะสัญญาบางอย่างบางข้อนั้นคืออะไร? การนอกลู่นอกเส้นทางที่ดูแตกแยกแตกต่างห่างไกลเป้าของพันธะสัญญานั้นคืออะไร? เพื่อที่ตัวเองจะได้หัดสังเกตุสังกาถึงการเชื่อมโยงกันของภาพต่อจิ๊กซอว์แต่ละภาพที่รอวันประกอบให้เป็นไปตามพันธะสัญญาความปราถนาที่แท้จริงของจิตวิญญาณที่ปลายทางน่ะค่ะ

โฮ! นี่ขนาดคุณkarnบอกว่าจะยังไม่เปิดพันธะสัญญานั้น dadeedaก็ยังดันทุรัง (แหะแหะ) อยากรู้อยากเห็นแบบปิดไม่มิดจนได้ พอดีมันเป็นความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาขณะอ่านข้อความน่ะค่ะ มิได้มีเจตนาจะละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของคุณkarnแต่อย่างใดนะคะ

แต่แม้จะไม่มีตัวอย่างบ่งชัดไว้ก็ตาม ก็ยังรู้สึกและเข้าใจได้ถึงการมองเห็นภาพต่อจิ๊กซอว์ที่รอวันประกอบหรือกำลังค่อยๆ ประกอบกันอยู่ของคุณkarn เพราะมันช่างคลับคล้ายคลับคลากับที่ตัวเองได้เริ่มมองเห็นภาพต่อจิ๊กซอว์สารพันภาพจากต่างทิศต่างทางบนเส้นทางที่ก้าวเดินไปทั้งๆ ที่ ณ เวลาก่อนเก่าไม่เคยได้กำหนด ตั้ง เขียน มุ่ง พุ่ง ไปสู่ความปราถนาหรือที่จะรู้ถึงความปราถนาอันแท้จริงของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

จวบจนถึงเวลา (นักเรียนพร้อม) ที่ชีวิตต้องจดจำ สร้างสรรค์ เติบโต และชัดเจนในความปราถนา จึงค่อยๆ เข้าใจเหตุการณ์ การกระทำ อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด การตอบสนองต่างๆ ที่ผ่านมาผ่านไปในทางเดินชีวิตที่เคยถามตัวเองตามระบบคิดของคนอื่นว่า เราคิดและทำอะไรต่างๆ แตกต่างเหล่านี้ไปทำมัยกัน จนทำให้ใครหลายคนอึ้งทึ่งไม่เข้าใจไปจนถึงกับส่ายหัวให้กับการเลือกกระทำของเรา

ได้มองและเห็นถึงมันแล้วเช่นกัน จนเชื่อมั่นและไว้วางใจเหมือนที่คุณkarnเชื่อมั่นและไว้วางใจในเส้นทางของตัวเอง ข้อสรุปท้ายๆ ของคุณkarnก็คล้ายกันไปใหญ่ที่ได้บอกตัวเองไปแล้วว่า เราเดินอยู่ในเส้นทางแห่งความปรารถนาของตัวเองมาโดยตลอดและก็จะตลอดไป ที่ได้ให้คำตอบกับตัวเองเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากข้อเขียนของคุณkarnคือได้พบว่า ได้ใช้ชีวิตอย่างไว้วางใจในชีวิตเสมอมา เมื่อก่อนไม่เคยคิดหรือรู้จักรับรู้ถึงการไว้วางใจในชีวิต แต่เมื่อรู้สึกถึงจนค้นพบสิ่งที่เป็นอยู่คือแล้ว จึงได้แต่ขอบคุณชีวิตขอบคุณตัวเองและขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้ไว้วางใจในชีวิตเสมอมา

ไม่แตกต่างกันเลย หรือเพราะเรานั้นล้วนเชื่อมโยงกัน ยิ่งโดยเฉพาะกับเราชาวพื้นที่สีขาวนี้ด้วยแล้ว เราเชื่อมโยงกันในทุกวินาทีของชีวิตไปแล้ว หรืออย่างไร?

เรื่องเล่าของคุณkarnทำให้ได้หวนย้อนถึงคำตอบและบทสรุปให้กับตัวเองอีกครั้ง ลึกซึ้ง อบอุ่น อ่อนโยน และเปี่ยมพลังใจเช่นเคย

ขอบคุณค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 23/01/2009
อาจารย์ครับ ผมขอเกทับกลับเรื่องคำขอบคุณนะครับ เพราะข้อคิดเรื่องการพูดที่อาจารย์ให้มานั้น ทำให้ผมมีความมั่นใจและสงบจิตสงบใจลงได้มากเลยครับ เรียกได้ว่าตอนนี้พร้อมและวางใจแล้วสำหรับคืนเสาร์นี้ ตื่นเต้น และรอคอยอย่างสนุกสนานครับ

คุณนันท์ครับ อยากบอกว่าดีใจเสมอเวลาได้อ่านตัวอักษรของคุณนันท์ โดยเฉพาะบทบันทึก ห้วงคิด หรือแม้แต่บทแปลเนื้อเพลง หวังว่าซักวันจะได้เห็นผลงานเล่มเขียนของคุณนันท์บ้างนะครับ และขออาสาสมัครงานเท่าที่อยากได้ความช่วยเหลือครับ

คุณdadeeda ฮะ ดีใจที่คุณดาดี๊ดา (หรือ แด๊ดอีอีดา ครับ? มุขนะครับ) ได้รู้สึกดีและวางใจกับโลกใบนี้ไปพร้อมกันนะครับ ส่วนเรื่องของผมนั้น ไม่ได้เป็นความลับแต่ประการใดครับ เพียงแต่ว่าถ้าจะให้เล่าละเอียดนั้นคงต้องว่ากันยาว อย่างไรก็ตาม ผมพอเข้าใจว่าคุณdadeeda สนใจข้อมูลเพื่อนำไปเปรียบเทียบการจับสัญญานในเรื่องราวต่างของคุณเองใช่มั๊ยครับ ดังนั้นขออธิบายแง่นที่น่าสนใจที่น่าจะบอกต่อกันได้ โดยว่ากันเป็นข้อๆคร่าวๆดังนี้นะครับ

1 จริงแล้วสำหรับผม มันไม่มีสัญญานวิเศษใดๆแบบเรื่องเล่า หรือในหนังหรอกครับ ผมมีแต่การดำเนินชีวิตไป มองทางที่อุ่นใจ ปรารถนาอย่างเข้มข้น แต่ก็ทำอย่างสบายๆ ดูคนเหมือนดูหนัง รำคาญใครก็ด่าในใจและก็มองเขาต่อไปจนรู้สึกสงสารหรือเอ็นดูเขาได้ ก็ทำๆไปเพื่อความราบรื่น และเอาตัวรอดในแต่ละวันครับ แล้วพอว่างๆคำตอบวันก็มาเอง

2 ในเรื่องต่างๆที่มีประโยชน์และจะมีประโยชน์นั้น มันมักจะมาแบบไม่เกี่ยวกัน และมาโดยบังเอิญจากคนที่เรารู้จักแต่มักมองเขาไปในทางอื่นมาตลอดครับ สิ่งพวกนี้มักจะเป็นโอกาส ซ้อนโอกาสครับ คือ ถ้าคุณdadeeda อย่างได้ของขวัญซักชิ้น มันจะไม่มาโดยการพยายามเพ่งจิตแล้วมหัศจรรย์จะเกิดว่าอยู่ดีๆมีคนใจดี ให้สิ่งนั้นมาเลยหรอกครับ แต่สำหรับผมนะ ถ้าอยากได้อะไรซักอย่าง หรืออยากคิดอะไรออก อยากจนเป็นทุกข์ ผมจะนอนครับ ตื่นมาแล้วก็ไปทำอย่างอื่น คิดๆกับมัน แต่พอเครียดก็ทำอย่างอื่น และตอนนี้เอง มันมักจะมีคนเข้ามาพร้อมเรื่องราวใหม่ๆครับ ถ้าเรื่องราวนั้นโดนใจคุณ โปรดอย่าลังเลครับ หากมันเป็นโอกาส แม้ดูยาก เสี่ยง ไม่เคยทำ หรือดูโง่ๆ แต่ใจมันตื่นเต้น ก็จงทำครับ โอกาสนั้นจะชักพาคุรไปเจออีก คน อีกคน จนกว่าคุณจะลืมเรื่องสิ่งที่อยากได้ และวันหนึ่งอีกคน ของอีกคน จะพูดอะไรที่ทำให้คุณอ๋อเลยว่า คุณสามารถได้มันแล้วล่ะ หรือ คุณทำแค่นี้ก็ได้เลยล่ะไม่ยาก

3คร่าวๆนะครับ จะว่าไปมันก็เป็นแค่ประสบการณ์ของผม เรื่องของเรื่องคือผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องว่าอะไรจะได้มาง่ายๆอยู่แล้ว และผมก็สนุกกับการรู้อะไรไปเรื่อย เพราะที่รู้วันหนึ่งมันก็เริ่มเชื่อมโยงเป็นtextใหม่ในความรู้ของเราเองครับ และผมก็ใช้text ที่กลั่นกรองมาจากการเรื่อยไปเรื่อยรู้ไปเรื่อยนี่แหละ มาทำงานและสานต่อประสบการณ์และโอกาสใหม่ๆไปเรื่อยๆ

4พอคุณdadeedaพูดเรื่องวางใจ ผมก็คิดถึงพ่อแม่และครอบครัวครับ ผมขอบคุณท่านสุดๆ เพราะแม้ผมจะคิดว่าตนเองเป็นคนมองโลกแง่ร้าย แปลกแยก ขี้กังวลมาตลอด แต่ในวันนี้ พอเลิกสนใจตนเองและมองดูคนรอบๆข้าง ผมกลับพบว่าคนอื่นๆไม่วางใจโลกมากกว่าผมเยอะครับ อย่างเพื่อนๆ พอใครบอกอะไรมาก็ต้องคิดระแวงทันทีว่าไม่จริง เขาโม้ หรือไม่ก็พยายามเปรียบเทียบ เห็นคนให้ข้าวหมา ก็คิดว่าเขาสร้างภาพ ทำงานก็รู้สึกว่าคนอื่นมาลองเชิง พอคิดและเห็นแบบนี้ก็พบเลยครับว่า ผมนั้นตลอดมาไม่ได้มองโลกแง่ร้ายเลย ผมแต่หลงอยู่ในขดก้นหอยที่มีแต่ตัวเองเท่านั้น เพราะสำหรับผมใครว่าไง ผมก็จำไว้ตามนั้น พออีกวันรู้ว่าเขาว่าไม่จริง ผมก็รู้ว่าเขาโกหก ก็จำ แต่ไม่ได้โกรธอะไร ไปๆมาๆผมแค่ตรงๆครับ ซึ่งตรงๆ คือวางใจ วางใจ สอนกันไม่ได้ แต่สร้างให้กันได้ นั่นคือความรัก จากพ่อแม่ที่ทำให้ผมวางใจโลกได้ แม้จะชอบเข้าใจผิด หรือกังวลเก่ง ก็ตาม

4 ผมว่าสัญญาน หรือการเชื่อมโยงที่สำเร็จนั้น เราจำเป็นต้องค้นให้พบสไตล์เราก่อน นั่นคือความเป็นตัวของตัวเอง และไม่อาย ไม่ฝืน ไม่ดัดมันครับ ก็อย่างที่ผมบอกว่าผมไม่เชื่อเรื่องเพ้อพกเพ่งจิตแล้วจะโชคดีได้อะไรมาง่ายๆไงครับ ผมไม่ได้ต่อต้านคนที่เชื่อด้วย มันเป็นแค่ผมรู้ตนเองว่าผมสไตล์นี้ สไตล์นั้นก็คงมาจากวัยเด็กและความเป็นนักกีฬามั๊งครับ ผมไม่เคยอยากให้คู่แข่งตีไม่ออก เพื่อจะได้แพ้เรา หรือโชคดีได้ชนะบายคู่แข่งครับ ผมแค่ต้องการล่าแต้ม ต้องการคนดู และคนชื่นชมลูกสวยๆที่ผมทำ และถ้าชนะยากเท่าไหร่ ผมก็รู้ว่าผมจะได้วิชาเพื่อไปไต่เต้าแข่งรายการที่ใหญ่ขึ้นได้มากขึ้นครับ

สไตล์เป็นเรื่องเฉพาะตนครับ ผมมองว่าเราแค่จริงใจต่อตน ลืมๆไอดอล หรือคนเก่งๆคนอื่นที่เราทึ่ง หรือแม้แต่นักคิด นักเขียน ศาสดา หรือซุปเปอร์ฮีโร่อะไรไปบ้าง ทำๆอะไรไป เดี๋ยวก็เจอสไตล์ครับ

แล้วเราก็เจอโครงร่างของแผนที่ไปในทางที่เราสร้างพันธะสัญญาเองครับ


ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 23/01/2009
คุณkarnครับผม...ส่งข่าวสารดีๆมาดึงดูดอีกแล้ว

ขอท่านเพื่อน.....รอกระผมมาร่วมสนทนาด้วยคนนะครับ ผมขออณุญาติสะสางงานแป๊ปนะครับ...ยิ้มๆๆๆแป๊บเดียวครับ
ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 23/01/2009
ความคิดเห็นล่าสุดของคุณ Karn นี่ มันภาคปฏิบัติของ "การค้นพบตัวตนสูงสุด" / "การปล่อยวาง" / "การพยายามให้น้อยที่สุด" เลยเชียวนะ สิ่งที่คุณเล่ามาไม่ถึงสี่สิบบรรทัดนี้ บรรดาคุรุ เขาเขียนออกมาเป็นหนังสือได้ตั้งสองสามเล่มเลยทีเดียวเชียวแหละ..นับถือ..นับถือ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 23/01/2009
ยินดี ภูมิใจ และเต็มใจครับสำหรับคำชมจากท่านอาจารย์ที่เคารพ
แต่ขอแลกเปลี่ยนว่า ผมทำได้แค่บางครั้ง สัมผัสได้แค่บางเรี่องครับอาจารย์ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เคยไปเคี่ยวเข็ญตนเองมากขึ้น ยังเจ้าสำราญ ไปเรื่อยครับ ทุกวันนี้ที่มันเปลี่ยนไปก็คือ ผมเริ่มรักตัวเองมากขึ้น รักภรรยามากขึ้น รักน้องสาวมากขึ้น และรักเพื่อนๆมากๆขึ้น และรู้วิธีแสดงออกถึงรักมากขึ้นเท่านั้นครับ นอกนั้นก็ยังสำรวจไปเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามครับอาจารย์ และ คุณนันท์ AO australain open 2009 เริ่มแล้ว เย็นนี้ทำใจลำบากครับเพราะ รอบสาม เฟ็ดเอ๊กซ์บุรุษรักเดียวและพบสมดุลแห่งหยินหยาง จะพบกับ มารัตซาฟิน สุดเซอร์ผู้องค์ลงได้เสมอ และบอกว่าเทนนิสเหมือนการเข้าฌานครับ

ผมนั้น มีภารกิจต้องไปเปิดร้านครับ แต่ดีไซน์ว่าจะหาดูแถวนั้นได้
อ้อ วีนัสของอาจารย์แพ้เมื่อวานนะครับ แต่ไม่มีอะไรน่าเสียใจ เพราะ
ดาวรุ่งเสปนที่เธอแพ้นั้น น่าจับตามาตั้งแต่เฟร้นชโอเพ่นปีก่อนแล้วครับ สุดยอดจริงๆ

มากกว่านั้น ในฐานะที่หลงใหลเทนนิสและนักเทนนิส ขอแจงข่าวนิดนึงนะครับ เพราะไม่นานนี้บางท่านอาจเคยได้ยินข่าวบันเทิงไทยที่ว่า ราฟาเอลนาดาล มาจีบ สาวนางแบบคนหนึ่งของบ้านเรา แล้วสาวสวยเธอก็สวยเลือกได้จึงทำไม่สนใจ และออกให้สัมภาษน์โทรทัศน์ ในเชิงปฏิเสธจนโด่งดังนั้น

หากใครเป็นแฟนราฟาจริง และติดตามทั้งบล๊อกที่ราฟาเขียนเล่า รวมถึงภาพข่าวที่เห็นตัวนาดาลในรูป เราๆนั้นจะรู้ดีว่า ช่วงคริสมาต์นันนาดาลกลับมาร์ยอก้า เพื่อร่วมงานสร้างมูลนิธิช่วยคนป่วยมาลาเรีย ครับ หลังจากนั้น ก็พักผ่อนกับครอบครัว และซิสก้าแฟนสาวที่คบมานาน หลังจากนั้นนาดาลก็ไปแข่งที่อาบูดาบีครับในช่วงปีใหม่ ต่อมาก็ไปแข่งชายคู่จนได้แชมป์ และหลังจากนั้นก็เข้าแค้มที่ออสเตรเลีย และแข่งออสเตรเลียนโอเพ่นมาจนถึงปัจจุบัน ครับ นาดาลนั้นมีบล๊อกที่เขียนให้แฟนๆอ่านตลอด และแม้จะแข่งดึกดื่นเขาก็ยังเขียนก่อนนอนครับ เพราะค่าเขียนของเขานั้นนาดาลมอบให้การกุศลครับ เช่นนี้ คงยากมาที่นาดาลจะแว่บมาภูเก็จตามข่าว เพื่อขอเต้นรำกับสาวมองโกเลียนซักคนแล้วโดนปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม เปิดใจไว้นิด เพราะข่าวนั้นอาจจะจริงก็ได้ครับ เพราะตอนเรนมาไทยก็เคยมีข่าวแนวนี้กับสาวสวยคนเดียวกันครับ

สำหรับคุณโก้ ยินดีครับ รอบทสนทนานะครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 23/01/2009
ขออณุญาตินะครับ..พอจับใจความได้ถึงการสนทนาแนะนำของอาจารย์กับคุณkarnกับงานใหม่(พิเศษ)เลยขอแว๊ป..มาส่งกำลังใจให้คุณkarn ก่อนครับ

เป็นโชคดีของผู้ฟัง ที่กำลังจะได้รับสัญญาณดีๆจากอีกมิติที่ละเอียดอบอุ่นของผู้เก็บสุขในวิถีแห่งการเดินทาง คุณkarnผู้ถือพร้อมอยู่แล้วสำหรับเป็นผู้ส่งมอบ....โชคดีมีชัย เสียงใส สดชื่น...นะครับผม

+++++เดี๋ยวมาสนทนาต่อนะครับผม+++++
ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 23/01/2009
ช่วงนี้ไม่ได้ดูทีวีเลยครับ เลยพลอยไม่ได้ตามดู Australian Open ไปด้วย บังเอิญเห็นอยู่ข่าวเดียวว่าแฟนจำนวนหนึ่งเซ็งไปเลยเพราะ อนา อิวาโนวิช ตกรอบก่อนเวลาอันควร
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 26/01/2009
เช่นเดียวกันกับคุณนันท์ครับ ไม่ได้ดูถ่ายทอดสดเลย ได้แต่ฟังข่าวกีฬา ใจหายใจคว่ำไปกับเฟดเอ็กซ์ เกือบตกรอบ แต่ก็แสดงให้เห็นถึง "ความนิ่งของจิตใจ" แม้จะถูกนำไปถึงสองเซ็ต ก็ยังพลิกมาชนะได้สามเซ็ตรวด นี่เป็นข้อคิดชีวิตได้เหมือนกันว่า อย่าถอดใจเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทราบว่าเขาจะได้แชมป์หรือไม่ (เพราะก็ไม่ได้ตามข่าวอย่างกระชั้นชิด) ช่วงหลังนี่ดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาเป็นมือหนึ่งของโลก ได้ยากยิ่งมากขึ้น แต่ก็ยากสำหรับคนอื่นที่จะแย่งเบอร์สองจากเขาได้ ไม่รู้เป็นไง ผมชอบเขามากกว่านาดาลเสียอีก ซึ่งก็คงจะตรงข้ามกับคุณ Karn กระมัง?

ส่วนข่าวเรื่องดารานางแบบไทย นั้น ไม่รู้ว่า "สวยเลือกได้" หรือว่า "ไม่สวย เขาเลยไม่เลือก" กันแน่ (ฮา..จนได้)



ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 27/01/2009
รอบสาม เฟด ก็เกือบตกรอบครับ โดนนำไปสองเซ็ทก่อน แต่ตามกลับมาได้อย่าสวยงาม สำหรับความชอบแล้ว ผมชอบเฟดมากกว่าครับ เพราะสไตล์ทั้งในคอร์ทและนอกคอร์ทนั้น เป็นที่สวยงามคลาสสคแลน่าเองเยี่ยงอย่าง และเป็นสไตล์เล่นที่เราเข้าใจและเล่นได้ ส่วนนาดาลนั้น แต่ก่อนไม่ชอบเลยครับ นึกว่าจะมาแป๊ปๆเหมือนดาวหางมากมาย ต่อมาตอนหลังๆ ที่หันมาชอบเกือบเท่าเฟด เพราะว่า นาดาล คือคนที่ทำให้ เฟดเอ๊กซ์มีความหมายมากยิ่งขึ้น นั่นคือเหมือนเงา เหมือนกระจกสะท้อน และเป็นสิ่งอ้างอิงที่ทำให้เฟดต้องละเอียดทุกอย่าง ถ้าไม่มีนาดาล เฟดคงไม่ยิ่งใหญ่แบบนี้ เช่นกัน
ส่วนความเป็นมือสองนั้น ก็แค่ช่วง anti crisis ก่อนจะมีบทพลิกผันในองก์ต่อไปครับ ซึ่งจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมว่าน่าสนใจมากครับ

งานนี้ สองคนร่อแร่ไม่ค่อยสดเหมือนปีก่อนมาทั้งคู่ เพราะดาวรุ่งมาแล้วแพ็คเกจใหญ่ แต่ผมยังหวังลึกๆว่าสุดท้ายแล้วก็จะแหวกทางเข้าไปเจอกันเองได้ ถ้าเป็นงั้นจริง ก่อนเล่นสองคนคงยิ้มให้กัน แล้วคิดในใจกันว่า เออ เว้ย ชักยากขึ้น แต่ก็ดีใจนะที่เจอนายจนได้ แล้วสองคนก็จะได้สร้างตำนานคลาสสิคกันต่อไปครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 27/01/2009
ในความเห็นผม ถ้าสองขานั่นไม่ weak จริงๆ พวกดาวรุ่งที่เหลือ ไม่น่าจะทำอะไรทั้งคู่ได้เลย ผมไม่เห็นใครมีแววที่จะทาบสองเกลอนี่ได้เลย พนันกันไหม ผมว่าทั้งคู่ได้เข้าชิงกัน

เห็นด้วยครับ ถ้าเขาไม่มีกันและกัน ก็ไม่สามารถสะท้อนความยิ่งใหญ่ในกันและกันได้ นี่ก็เป็นสัจธรรมของ "เอกภาพด้านตรงข้าม" ได้อีกแล้วครับท่าน เอ่อ..คือ พยายามทำเป็นดัดจริตว่ายังไม่หลุดไปจากคอนเซ็ปจิตวิญญาณน่ะ (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 27/01/2009
ตามประสาคนเล่นเทนนิสไม่เป็น ผมชอบเฟดมากว่าครับ นี่ถ้าได้ชิงจะต้องเชียร์เสียหน่อย โดยเฉพาะขอให้เป็นนาดาล ผมว่าจะได้ดูใจของทั้งคู่ว่าวันนั้นเป็นอย่างไร
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 27/01/2009
หวังเช่นกันครับ คุณนันท์ และขอหวังมากกว่านิดๆ ว่าอยากให้เป็นแมทช์ชิงที่สูสีและต่างก็ต้องงัดความเจิตใจที่แข็งแกร่งออกมาสู้กัน และแอบอีกหน่อยครับว่าอยากให้ เฟดได้แชมป์ ซึ่งก็จะแปลว่าเขาจะก้าวขึ้นสู่สถิติได้แกรนด์แสลมเท่ากับ พีท แซมพราส ทันที

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานเฟดโชว์ได้ดีมากครับ เล่นเอา ดาวรุ่ง เดลโปโตร มึนครับ เพราะชนะไป 63 60 60 ดูจะมีความมั่นใจ และอาการใจรั่วได้บรรเทาลงครับ

เห็นด้วยเรื่องเอกภาพด้านตรงข้ามครับอาจารย์ มันเรื่องเดียวกันจริงๆครับ นี่คงเป็นสเน่ห์ของการค้นพบความหมายของเรื่องราวต่างๆที่ทำให้เรามีความสุขได้ครับ
ชื่อผู้ตอบ : karn ตอบเมื่อ : 28/01/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code