ตัวอย่างชัดเจน.....เพื่อช่อง....อัตตาหรือจิตวิญญาณ
ได้อ่านบทคัดลอกของคุณผู้อ่านแล้วรู้สีก..โดนใจ!! กับความหมาย
.......เหนื่อยหน่ายหมดแรง พลังชีวิตร่อยหรอไปเรื่อยๆ หากเราเติมเชื้อเพลิงให้อัตตา........

ทำให้ได้คำตอบที่ชัดขึ้น..ว่าทำไมทุกครั้งที่ถึงเป้าหมายจึงเหนื่อยล้า....หรือต้องป่วย

............การปล่อยวางและไม่คิดถึงผลที่เกิดขึ้นต้องอาศัยกำลัง....สมาธิ!!!....และ...สติ!!! ที่เข้มแข็งในระดับหนึ่งซึ่งทำให้เราดำรงอยู่ได้ทุกสภาวะโดยไม่กระเทือนต่อสิ่งใดๆที่มากระทบ

..................พรุ่งนี้จะคัดลอกตัวอย่างชัดเจน.......มาให้อ่านกันใหม่นะคะ
ชื่อผู้ส่ง : แฟนพันธุ์แท้ ถามเมื่อ : 11/01/2009
 


ผมดีใจ ที่มีคนอ่านแล้วเกิดประโยชน์ครับ
แล้วผมจะรออ่านของพี่แฟนพันธ์แท้บ้างนะครับ

ว่าแต่ เหมือนกันพี่ติดรางวัล ผม1 อย่างเนาะ (อิอิ)
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 11/01/2009
คุณแฟนพันธุ์แท้ครับ..ผมว่า "พลังแห่งจิตปัจจุบัน" (The Power of Now) ของ Echart Tolle น่าจะเป็นคำตอบสุดท้าย..บางที "การปล่อยวางและไม่คิดถึงผลที่เกิดขึ้น ต้องอาศัยกำลัง..สมาธิ..และสติ ที่เข้มแข็งในระดับหนึ่ง ซึ่งทำให้เราดำรงอยู่ได้ทุกสภาวะ โดยไม่กระเทือนต่อสิ่งใดๆ ที่มากระทบ"..นั้น ก็ไม่น่าที่จะเป็นเรื่องที่ต้องถึงกับไปเคี่ยวเข็ญมัน!?! การ"ตั้งใจ" ที่จะ "ปล่อยวาง" นั้น อาจทำให้เราเกิดความตึงเครียดซ้อนขึ้นมาได้อีก สุดท้าย เราอาจต้อง "ปล่อยวาง" ที่จะ "ปล่อยวาง" ด้วยก็ได้ ผมชอบถ้อยคำของคุณนันท์ ที่เขียนไว้ตรงไหนสักแห่งในเว็บบอร์ดนี้ ที่ว่า "บางครั้ง การคิดที่มีพลังมากที่สุด ก็คือ การไม่คิด!" (ความหมายประมาณนี้ จำ wording ได้ไม่หมด)

ตอนโทรไปเซย์ฮัลโหล หลังปีใหม่ ผมไม่มีโอกาสบอกกับคุณแฟนพันธุ์แท้ (เพราะคุณมีโทรศัพท์เข้ามาพร้อมกันสองสามสาย) เพื่อจะบอกว่า จากการอ่านข้อความ สองสามข้อความล่าสุดของคุณ ผม "รู้สึก" ได้ว่า คุณแฟนพันธุ์แท้ กำลังอ่อนอกอ่อนใจกับอะไรบางอย่างอยู่พอประมาณ จึงอยากโทรมาส่งกำลังใจให้ (หวังว่าคงไม่ต่อว่า ว่าผมสู่รู้ และสาระแนนะครับ...ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 12/01/2009
ขออภัยคนผู้อ่าน แพคของเรียบร้อยนานแล้ว
คนที่จัดการให้มัวส่งแต่พัสดุอื่นๆ

พึ่งได้ส่งให้วันนี้....รับแล้วแจ้งให้ทราบด้วยค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 12/01/2009
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ.....อาจเป็นดังที่อาจารย์สัมผัสได้มั้งคะ(ในแบบที่ไม่ทันได้สังเกตุตัวเอง) และขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ส่งมาค่ะ

ก่อนที่จะได้คัดลอก รูปแบบการทำงานของวิทยากรที่ประทับใจในเวทีนักขายนานาชาติเพื่อเป็นประโยชน์และแลกเปลี่ยนมุมมอง สำหรับท่านอื่นๆ ขอถือโอกาสบอกอาจารย์ก่อนว่า คนที่เค้าอยู่ในช่องจิตวิญญาณเกือบสมบูณร์แบบ(มุ่งทำประโยชน์ต่อผู้อื่น,ที่ประเสิรฐแบบไม่ต้องฝึกฝนคือ..ไม่เคยโกรธใครข้ามคืน) และสำคัญเค้าได้รับทุกสิ่งทุกอย่าง โดยใช้กฏการพยายามให้น้อยที่สุด..... ( มีผลงานอยู่ในลำดับ4/10ภาคประเทศไทย....ทั่วประเทศมี6,000กว่าหน่วยงาน.)....อาจารย์จะได้เจอเค้าที่น่าน....เธอคือเจ้าของสำนักงานที่เชิญอาจารย์ไปพูดเนี่ยค่ะ


เดี๋ยวเรื่องราวของ Jennifer Borislow ขอเรียบเรียงในวันต่อไปนะคะ

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 12/01/2009
ขอร่วมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับท่านอาจารย์ว่า "พลังหรือสภาวะแห่งจิตปัจจุบัน" คือคำตอบสุดท้ายสำหรับทุกสิ่ง เพราะในชั่วขณะนั้น ปัญหามันหายไป คำถามเลยไม่มี คำตอบนั้นเลยครอบจักรวาล
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 12/01/2009
โอ....บรรจงพิมพ์เป็นหลายนาที
ส่งไม่ได้แล้วหายไปเลย

ค่อยมาอ่านใหม่วันหลังนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 14/01/2009
พี่แฟนพันธ์แท้ครับ
ผมได้รับหนังสือแล้วนะครับ
ขอบพระคุณมากครับ
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 16/01/2009
ในแวดวงของการขายนั้นคงมีสิ่งเร้าที่ไม่แตกต่างกัน และในความเป็นจริงในภาคสนามเกือบทุกคนยังงุนงง ในการเดินทางช่อง "อัตตา"(เพื่อความอยู่รอด,เพื่อคุณวุฒิ/ตำแหน่ง,เพื่อชื่อเสียงเกียรติยศ,เพื่อชนะการแข่งขัน/ศักดิ์ศรี,เพื่อฯลฯ)
หรือช่อง"จิตวิญญาณ"(มุ่งที่การรับใช้ผู้อื่น.....แล้วตัวเราจะยังได้รับทุกสิ่งจริงเหรอ?????)

หากเราเลือกช่องที่ชัดเจนและค่อนมาทางอัตตา จะพบว่าได้รับการดูแลมากมายทั้งจากหัวหน้างาน,ทีมส่งเสริมการขาย,หลักสูตรต่างๆที่ผ่านการวิจัยว่าด้วยการขายสินค้าให้ได้,รวมสถานที่ฝึกอบรมมูลค่าหลายร้อยล้าน

หากเราเลือกช่องจิตวิญญาณ เราต้องแสวงหา......การดูแลตัวเอง เพราะมันเป็น.......

...................เส้นทางสายพิเศษที่ซึ่งผู้คนไม่เคยหนาแน่น!!!!!!!!

อยากคัดลอกชีวิตการทำงานของนักขายท่านนึง น่าจะเป็นกำลังใจให้อีกหลายๆคนว่ามันเป็นเส้นทางที่ถูกต้องและเป็นไปได้จริงๆว่าการมุ่งการรับใช้ผู้อื่นนั้น.......พระเจ้าได้บรรจงส่งมอบการพยายามให้น้อยที่สุดให้เธอ............

Jennifer Borislow เป็นนักขายคุณวุฒิ MDRT(เป็นคุณวุฒิสากลของคนประกันชีวิต.......ส่วนคนที่ไปฟังเธอ...เราคงไม่ต้องแกะร่องรอยเพื่อรู้ว่าเธอมีอาชีพอะไรกัน???อิอิ)

..............พวกเราที่นั่งในที่นี้ทั้งหมดล้วนคุ้นเคยกับการตั้งเป้าหมายผลผลิต แล้วปรับเปลี่ยนเป็นกิจกรรม จากนั้นในวันทำงาน วันแล้ววันเล่าเราจดจ่อแต่ว่า จะต้องมีการโทรนัดให้ได้กี่ราย,เข้าพบเพื่อเสนอการขายกี่ราย,........ตัวดิฉันเองได้ทำงานนี้ ในรายละเอียดที่แตกต่างออกไป
ทุกๆเช้าที่ตื่นขึ้นมาก็ต้องรับมือกับการดูแลลูกๆ ดูแลสามี จนกว่าจะถึงเวลาของการทำงานนอกบ้าน ดิฉันจะมีคำถามกับตัวเองว่า"เราจะทำอะไรทีทำให้ชีวิตผู้อื่นดีขึ้นบ้าง??...รวมทั้งคนที่อยู่รอบๆตัวเรา,และสิ่งต่างๆที่เป็นเรื่องสร้างสรรค์ที่มีผลกระทบกับชุมชนทีดีขึ้น ซึ่งบางทีก็ไม่ได้ใช้เงินมากมายอะไรเลย ด้วยกิจกรรมดังกล่าวทำให้ดิฉันได้มีโอกาสพบคนมากมายหลายอาชีพ บทเจรจาการขายจะเกิดก็ต่อเมื่อได้ข้อมูลบางอย่างจากคู่สนทนาว่าเค้าจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงจากสินค้าของเรา(แบบประกัน) ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้อัตราการปิดการขาย เป็นการขายได้เกือบ 1:1 ดิฉันแทบจะไม่เคยขอให้ลูกค้าเก่าแนะนำรายชื่อ เพราะมันเป็นไปแบบอัตโนมัติ พิชิตคุณวุฒิ MDRTครั้งแรกโดยไม่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ และหล้งจากนั้นก็พิชิตคุณวุฒิดังกล่าวมาเรื่อยๆ

ที่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อ 11กย.2001 เมื่อเครื่องบินชนตึกถล่ม ทุกคนอยู่ในความตื่นตนก และมีความเสียหายมากมาย บ้านดิฉันอยู่ไม่ไกลจจากเมืองบอสตัน ในฐานะที่เราเป็นองค์กรหนึ่ง เราจะทำอะไรได้บ้างเพือช่วยคนที่เหลือ ในช่วงเวลานั้นดิฉันคอยติดตามข่าวทั้งทางวิทยุ,ทีวี,หนังสือพิมพ์ แล้วก็อ่านเจอว่า มีคนขายแซนวิชอยู่เจ้านึง เค้าประกาศว่ารายได้จากการขายทั้งหมด(7.5$/ชิ้น) จะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยครั้งนี้เป็นเวลา 3เดือน ดิฉันจัดการ สั่งซื้อแซนวิชดังกล่าวตามจำนวนที่สามารถแจกจ่ายใน 1วันหลังจากนั้นดิฉันก็นำส่งให้ลูกค้า พร้อมสำเนาหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อแจ้งว่ากิจกรรมนี้ทำขึ้นมาทำไม ลูกค้าดีใจมากที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ได้รับการต้อนรับเกินคาดหมาย

ในช่วงเวลา 3เดือนดังกล่าวแทบไม่น่าเชื่อเลยว่ามีลูกค้าขอให้ทบทวนกรรมธรรม์และทำเพื่มจนดิฉันติดคุณวุฒิ 6เท่าMDRT ซึ่งปกติ 1 เท่าเราใช้เวลากันเป็นปี

..........ทั้งหมดนี้ดิฉันอยากบอกพวกเราว่า......หาให้เจอว่าความสัมพันธ์ที่มีความหมายคืออะไร.......มันเป็นอัศจรรย์ของการให้!!!!!
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/01/2009
........เส้นทางจิตวิญญาณนั้น....สิ่งที่จะพบเจอได้บ่อยๆคือความไม่แน่นอน(แฟนพันธ์แท้)


.....................ความไม่แน่นอนคือ พื้นดินอันอุดมสมบูรณ์ของพลังแห่งการสร้างสรรค์อันบริสุทธิ์ และความมีอิสระที่แท้ การหยั่งถึงซึ่งความไม่แน่นอนนั้น หมายถึง การเปิดใจพร้อมที่ก้าวไปสู่ .....สิ่งที่ไม่อาจรู้ ในทุกๆขณะของการดำรงอยู่ของเรา
............สิ่งที่ไม่อาจรู้คือ อาณาจักรที่ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้ที่เราจะได้สัมผัสกับความสดใหม่กว่าที่เคย มันเป็นสภาวะแห่งการเปิดกว้าง สู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้ปรากฏรูปขึ้นตลอดเวลา

ในทุกๆขณะของชีวิต คุณจะรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้น การผจญภัย และความลึกลับ........และความรื่นเริงของจิตวิญญาณของคุณเอง
ในทุกๆวันคุณจะสามารถสัมผัสได้ถึงอาณาจักรที่ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้ เมื่อที่คุณประสบกับความไม่แน่นอน.....โปรดจงรู้ไว้ว่า...........คุณกำลังอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง!!!!!!!.........อย่าเพิ่งท้อหรือหยุด คุณไม่จำเป็นต้องมีความคิดที่สมบูรณ์แบบหรือกำหนดตายตัว เกี่ยวกับอะไรก็ตามทีคุณจะทำในสัปดาห์ต่อไป ปีต่อไป เพราะมันจะทำให้คุณยึดติดกับสิ่งนั้นมากเกินไป รวมทั้งปิดกั้นสภาวะของความลื่นไหลและความยืดหยุ่นที่ไร้ขีดจำกัด

เพราะอาณาจักรที่ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้ คือความเชื่อมโยงกันและกันอันไม่มีที่สิ้นสุด

ดีพัค โชปรา(กฏแห่งการปล่อยวาง)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/01/2009
หากคุณต้องการ จุดสมดุลในการใช้เส้นทางจิตวิญญาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดคุณต้องให้คำมั่นที่จะทำในสิ่งต่อไปนี้

คำมั่นแรก คือ ฉันจะมุ่งมั่นค้นหาความเป็นตัวตนที่สูงกว่าของฉันซึ่งอยู่นอกเหนืออัตตา โดยผ่านทางการฝึกปฏิบัติด้านจิตววิญญาณ

คำมั่นที่2 คือ ฉันจะมุ่งมั่นสู่การค้นหาความสามารถเฉพาะตนให้พบ และการค้นพบนี้ฉันกำลังทำให้ตัวเองพบกับความสุขในชีวิต เมื่อนั้นฉันได้ก้าวพ้นไปจากมิติของเวลา และดำรงอยู่ในระดับสภาวะอันเป็นต้นกำเนิดของความสุข

คำมั่นที่3 คือฉันจะถามตัวเองว่า อะไรเป็นสิ่งที่เหมาะสมในการรับใช้เพื่อนมนุษย์ ฉันจะมุ่งมั่นหาคำตอบนั้น และนำมันสู่การปฏิบัติ รับใช้ความต้องการของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ฉันจะหลอมความต้องการเหล่านั้น เข้ากับความปราถนาของฉันเพื่อที่จะช่วยเหลือและรับใช้ผู้อื่น

ดีพัค โชปรา(กฏแห่งธรรมะ)

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/01/2009
เอ่อ..ผมว่าลองถามคนจัดงานที่ จ.น่าน ดูอีกทีไหมครับ ว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องเชิญวิทยากรจากกรุงเทพฯ ไปบรรยายที่นั่นอยู่อีกหรือเปล่า? เพราะผมคิดว่า มีวิทยากรเก่งๆ ที่น่าจะเหมาะสมอย่างยิ่ง อยู่แถวๆ เชียงใหม่อยู่แล้วน่ะนา (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 17/01/2009
สำหรับเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อ...บางทีพระเจ้าอาจกำหนดให้.....
*ผู้ปฏิบัติได้โดยอัตโนมัติ(ไม่ต้องการ การฝึกฝน)
*ผู้สังเกตุรายละเอียดได้
*ผู้ถ่ายทอดเป็น(ประเมินความพร้อมผู้ฟังได้แม่นยำ)
ให้เป็นคนละคนกันก็เป็นได้ค่ะ

ให้เ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 18/01/2009
เราทั้งหลาย ได้มาหยุดอยู่ด้วยกันชั่วขณะ เพื่อพบกัน
และแบ่งปันกัน นี่คือช่วงเวลาอันล้ำค่า แต่ว่าไม่ยั่งยืน

มันเป็นเพียงจุดพักสั้นๆ ในความไม่สิ้นสุด หากเราได้แบ่งปันด้วยความห่วงใย ด้วยความรัก เราจะสรรค์สร้างความอุดมสมบูรณ์ และความรื่นเริงสู่ผู้อื่น

และเมื่อนั้น ชั่วขณะอันแสนสั้นนี้

.............จะกลายเป็นช่วงเวลาอันคุ้มค่า.......สำหรับเรา!
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 19/01/2009
เห็นด้วยครับ และผมก็รู้สึกได้ว่า ผมพอจะสัมผัสได้อยู่เหมือนกัน เมื่อเข้ามาสนทนาในเว็บบอร์ดนี้

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 19/01/2009
เต็มชุด สูตรใหญ่ .....ได้อรรถรส กันเลยน่ะครับพี่สาว....
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 19/01/2009
.........คววามรู้สึกมั่นคงปลอดภัยของเราไม่ใช่งาน....ไม่ใช่เงินในธนาคาร........ไม่ใช่การลงทุน........ไม่ใช่คู่สมรสหรือบิดามารดา

แต่หากคือ.......

ความสามารถของเราในการเชื่อมโยงกับพลังจักรวาล........ซึ่งสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย

ลูอิส แอล เฮย์

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 19/01/2009
อันหลังนี่จากเล่มไหนครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 19/01/2009
เล่มเดิมๆ นั่นแหละค่ะ...ก็อ่านของเค้าอยู่เพียง 2เล่ม
อันนี้มาจาก...ชีวิตลิขิตได้..ค่ะ

คุณแฟนพันธ์แท้เห็นว่า ไม่ต้องไปตามอ่านก็ได้ค่ะ
และรวมถึงหนังสือที่คุณนันท์ มีอยู่แล้ว(ของลูอิส แอล เฮย์) และยังซื้อมาใหม่ที่ชื่อ...The power is within you (พลังยิ่งใหญ่ในตัวคุณ)น่ะ หากหาเจอเล่มเดิมแล้ว....เล่มใหม่ช่วยบริจาคมาทางนี้นะ

ให้คนพอมีเวลามากกว่าอ่านแล้วสรุปให้ดีกว่า.....อิอิ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 20/01/2009
ขอเรียนถามอาจารย์วสันต์ค่ะ
อาจารย์ได้เขียนถึง สนักพิมพ์ Cyber Book Publishing Co.,Ltd
ที่พิมพ์งานของ นอร์แมน วินเซ้นต์พีล น่ะค่ะ
ไม่ทราบชื่อหนังสือว่าอะไรคะ??
ตามเก็บผลงานของ นอร์แมน เช่นกันค่ะ

จำได้ว่าเคยอ่านผลงานของเค้า แล้วนำไปทดลอง....เกิดความ มหัศจจรรย์จริงๆค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 20/01/2009
ชื่อหนังสือว่า "The Power of Positive Thinking" หรือ "พลังแห่งความคิดในแง่บวก" (ชื่อทำนองนี้ จำได้ไม่ชัด เพราะหนังสือไปซุกอยู่อีกที่หนึ่ง) แต่ผมเห็นแว้บๆ ว่ามีสำนักพิมพ์อีกแห่งหนึ่ง นำมาแปลและจัดพิมพ์ใหม่แล้วนะครับ เขาใจว่าน่าจะยังมีวางขายอยู่ตามร้านหนังสือ

ดร. นอร์แมน วินเซ็นต์ พีล นี่ เขาจะดังอยู่ในยุคก่อน ในยุคเดียวกับ ดร.โรเบิร์ต ชูลเลอร์ , ซิก ซิกลาร์ , และก็น่าจะรวมถึง ดร.โจเซฟ เมอร์ฟี่ และแคธเธอรีน พอนเดอร์ ด้วย เป็นต้น กูรูกลุ่มนี้ หรือยุคนี้ ค่อนข้างเน้นไปที่หลักความเชื่อของคริสต์ศาสนาครับ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 20/01/2009
กลับไปลองรื้อๆ หนังสือบนชั้นหนังสือ ซึ่งก็มีอยู่ไม่ถึงพันโท..เอ๊ย..ไม่ถึงพันเล่ม (ฮา) ดูแล้ว ขอแก้ไข และเพิ่มเติมข้อมูลหนังสือของนอร์แมน วินเซ็นต์ พีล ดังนี้ครับ :-

1) สำนักพิมพ์ Cyber Book Publishing พิมพ์งานของเขาไว้เพียง 1 เรื่อง (แต่แบ่งเป็น 2 เล่ม) คือเรื่อง "You can if you think you can" (หรือ "คุณทำได้") เล่ม 1 หนา 320 หน้า ราคาปก 290 บาท เล่ม 2 หนา 106 หน้า ราคาปก 100 บาท พิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2541 ทั้งสองเล่ม
2) ส่วน "The Power of Positive Thinking" นั้น มีชื่อภาษาไทยว่า "พลานุภาพแห่งความคิดแง่บวก" จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์กำแก้ว (เข้าใจว่าจะถอนตัวจากยุทธจักรนักพิมพ์ไปแล้วเช่นกัน) หนา 342 หน้า ราคาปก 200 บาท ไม่ปรากฎปีที่พิมพ์ แต่คาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงเดียวกัน คือ 2540-2541
3) สำนักพิมพ์ Goog Morning เคยพิมพ์งานของเขา เรื่อง "Six Attitudes For Winners" (หรือ "ทัศนคติ 6 ประการเพื่อเป็นผู้ชนะ") พิมพ์เป็นปกแข็ง แต่ขนาดเล็ก หนา 142 หน้า ราคาปก 199 บาท พิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 2546

นี่ขนาดมีหนังสือไม่ถึงพันเล่ม ยังงงได้ขนาดนี้ ถ้ามีถึงพันเล่มเมื่อไหร่ คงต้องมี "นางทาส" ไว้คอยจัดระบบหนังสือ (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 21/01/2009
ของนอร์แมน วินเซ็นต์ พีล สนพ.ต้นไม้ทำอยู่ 3เล่มครับ คื
1.ต้องคิดว่าคูณทำได้ (YOU CAN IF YOU THINK YOU CAN) ที่อ.วสันต์บอกว่า cyberbook เอามาทำน่ะครับ แต่ผมไปจามจุรีสแควร์ ที่ร้านส่งเสริมรักการอ่านไม่เห็นเล่มนี้ แล้วก็ไม่เห็น 7กฏฯของดีพัค โชปรา ที่อาจารย์บอกว่าเขาพิมพ์ด้วยเลยอยากรู้ว่าอาจารย์ไปเจอ หนังสือของสนพ.นี้จากที่ร้านอื่นร้านไหนครับ ช่วยบอกที่ ขอบคุณครับ
มาต่อที่หนังสือของนอร์แมน ที่ผมบอกว่าสนพ.ต้นไม้ทำ นอกจากเล่มที่ว่าแล้วยังมีอีก2เล่มคือ
2.คิดบวก พูดบวก ทำบวก เสียแต่วันนี้ คำโปรยว่า หากการคิดลบได้ผลป่านนี้คนคงได้ดีกันไปหมดแล้ว เล่มสีแดง มีเครื่องหมาย+สีเขียว จำได้ว่าออกวางขายพร้อมพลังวิเศษแห่งอารมณ์ ที่คุณแฟนพันธ์แท้เคยพูดถึงครับ
3.เล่มนี้คุณเอกชัย อัศวนฤนาทแปล ชื่อ มหัศจรรย์แห่งการคิดบวก สนพ.ต้นไม้ก็มีอยู่3 เล่มเนี่ยแหละครับ ยังโดนเพื่อนผมคนหนึ่งตำหนิเลยว่าสนพ.ต้นไม้ทำแนวเจ๋งๆตั้งมากมาย ไม่น่าเสียท่ามาทำของนอร์แมน เพราะถ้าใครอ่านแล้วคงมีความเห็นเหมือนเพื่อนผมรวมทั้งผมด้วยคือ เขียนซ้ำไปก็ซ้ำมาวนอยู่แค่เรื่องคิดบวกอยู่นั่น ก็พูดง่ายๆนะครับ หนังสือทั้งหมดของ นอร์แมน วินเซนต์ พีล เอามาสรุปหัวใจหลักได้ก็คือประโยคนี้ 3พยางค์ จงคิดบวก! เนี่ยแหละครับใบไม้กำมือเดียวของนอร์แมน วินเซนต์ พีล
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 21/01/2009
เมือ่ไหร่มีเครื่องถ่าย zerox สมอง ผมขอสำเนาสมองของท่านอาจารย์กับคุณนิก ไว้อย่างละชุดนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 22/01/2009
สมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของสำนักพิมพ์ต้นไม้จริงๆ เลยคุณนิก ผม ซึ่งเป็นแฟนพันธุ์ทาง ก็เพิ่งทราบว่าเขาพิมพ์งานของ ดร.พีล ออกมาแล้วตั้ง 3 เล่ม สงสัยจะเป็นยุคแรกๆ เมื่อราวสิบปีก่อนมั้งครับ ยุคนั้น ผมได้แต่ซื้อหนังสือของ ดร.โจเซฟ เมอร์ฟี่ ซึ่งคุณวันชัย แปลเอง มีอยู่ 2 เรื่อง (จำชื่อไม่ได้เสียแล้ว เป็นเรื่อง Cosmic Power หรือพลังจักรวาล อะไรประมาณนี้) ยุคนั้นนี่ เขายังไม่ได้เอาสัญลักษณ์ต้นไม้ ใส่ไว้ที่สันปกเลยด้วยซ้ำ แต่เอาไปใส่ไว้หน้าใน

ส่วนที่คุณถามว่าผมไปซื้อหนังสือที่อ้างถึงเหล่านั้นที่ไหน นั้น ผมซื้อตอนมันออกใหม่ๆ เมื่อราวสิบปีก่อนนั่นแหละครับ ก็เลยหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป

คราวนี้ ผมอยากถามคุณนิกสักสองสามข้อ คือ :-

1) ช่วงก่อน ผมเห็นมีสำนักพิมพ์หนึ่ง ชื่อ "Pearl" มีบรรณาธิการบริหารเป็นสุภาพสตรี นามสกุลเดียวกับคุณวันชัย มีที่ทำการอยู่ที่เดียวกับสำนักพิมพ์ต้นไม้เลย เขาพิมพ์หนังสือดีๆ ออกมาหลายเล่มอยู่เหมือนกัน ส่วนมากเป็นปกแข็ง แต่ไม่หนามาก ช่วงหลังไม่เห็นพิมพ์งานอะไรออกมา สำนักพิมพ์นี้อยู่ในเครือสำนักพิมพ์ต้นไม้ใช่หรือไม่ครับ แล้วทำไมช่วงหลังถึงเงียบไป?
2) มีหนังสือบางเล่มที่สำนักพิมพ์ต้นไม้ พิมพ์เป็นปกแข็ง ไม่ทราบเขามีเหตุผลอย่างไร เพราะปกอ่อน เขาก็พิมพ์มีคุณภาพดี และถ้าเป็นปกอ่อน ก็น่าจะทำให้มีราคาถูกกว่า อันอาจจะส่งผลให้ขายได้มากกว่า
3) คุณนิกมีความเห็นอย่างไรต่อแอนโธนี ร็อบบินส์ ผมมีหนังสือของเขาทุกเล่ม แต่ไม่รู้เป็นไง ไม่สามารถทนอ่านได้จบเลยสักเล่ม บางเล่ม เช่น Awaken Giant Within You ซึ่งหนากว่าห้าร้อยหน้า ผมอ่านไปตั้งค่อนเล่มแล้ว ก็ยังหมดอารมณ์เลิกอ่านเสียดื้อๆ ผมว่าเขาอาจพูดเก่ง แต่เขียนไม่ค่อยเก่ง หรือคุณนิกว่าไง?

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 22/01/2009
- ผมมี Unlimited Power ตั้งแต่ น่าจะ5-7 ปีที่แล้ว อ่านอยู่หลายรอบ ครับ และมีบรรดารุ่นพี่ ในสมัยนั้น ยกย่องในความสำเร็จของ โทนี่ ร็อบบิ้น อย่างมากมาย ว่าเค้าอายุน้อยบ้าง และสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของคนได้ ภายใน 5 นาที ซึ่งตามมุมมองของผมนั้นเค้าใช้หลักของการทำงานของสมอง และการทำงานของการทำซ้ำของพฤติกรรมมนุษย์ เหมือนเป็นการย้อนกลับคล้าย ๆ การสะกดจิต แต่นำเอาพฤติกรรมที่ต้องการไปแทนที่สิ่งที่ไม่ต้องการแทน แต่ผมนั้นมีความเห็นว่า การอ่าน อย่างเดียวอาจจะไม่เข้าใจดีพอครับ มีความเห็นว่าควรไปรับการอบรมตรงตัวเลยน่าจะชัดเจนกว่า .......แต่อย่างว่าวิธีการของเค้าเน้นไปที่ผลลัพธ์ที่ต้องการมากๆ ซึ่งมุมมองของคนที่มาทางจิตวิญญาณแล้วนั้น ( หรืออาจจะเห็นแว่บนึง ) ต้องมีความรู้สึกว่า ชีวิตนั้นเน้นผลลัพธ์ก็จริงอยู่ แต่ระหว่างทางนั้นก็มีเรื่องราวให้เติมเต็มอีกมากมาย
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 23/01/2009
ผมเป็นวิทยากรที่เน้น "การพูดให้คนคิด" มาโดยตลอด และก็ยึดถือหลักการนี้มาอย่างไม่ว่อกแว่กเลย ผมเป็นวิทยากรที่ไม่สนใจการทำเวิร์คช็อป การฝึกปฏิบัติ การฝึกฝนในห้องสัมมนา ผมแค่พูดให้คิด จากนั้น เขาจะไปทำชีวิตกันอย่างไร มันก็เป็นเรื่องของเขา แต่ก็ขอสารภาพว่า มีหวั่นไหว วูบวาบ อยู่เป็นระยะเหมือนกัน เมื่อได้เห็นคนที่เขาอยู่ในอาชีพนี้ เช่นเดียวกับผม (ทั้งในระดับโลก และระดับท้องถิ่น) เขามีกิจกรรมบุกน้ำ ลุยไฟ สะกดจิต ตัดตะเกียบ ระลึกชาติ นั่งๆ นอน ๆ คุยกัน ในกิจกรรมสุนทรียสนทนา หรือบทบาทสมมติ เกม ฯลฯ อยู่ในกระบวนการสัมมนาด้วย ซึ่งคนเข้าสัมมนาเขาก็จะชอบกันมาก แต่ก็แปลก ผมยืนยันหนักแน่นที่จะบรรยายในแบบของผมเช่นนี้ มาตลอดยี่สิบกว่าปี ก็มีงานพูด งานบรรยาย สม่ำเสมอ มาตลอดยี่สิบปีเหมือนกัน ใครมาจู้จี้จะเอากิจกรรมโน่นนี่กับผม ผมก็มักบอกให้เขาไปเชิญคนอื่น บางทีให้รายชื่อ เบอร์โทร ของวิทยากรอื่นๆ นั้น ให้เขาไปเสร็จสรรพด้วย และบ่อยครั้งถึงกับให้เจ้าหน้าที่ของผม โทรทาบทามให้ด้วยเลย

ที่ผมถามถึงแอนโธนี่ ร็อบบินส์ เพราะก็ทึ่งว่าทำไมเขามีอิทธิพลต่อผู้คนมากเหลือเกิน แต่มันก็มีคำถามในใจหลายอย่างที่ยังรู้สึกว่า วิธีการของเขามันได้ผลจริงๆ หรือเป็นเพราะเขาแสดงโชว์ในห้องสัมมนาได้ยอดเยี่ยม เป็นที่ประทับใจของคนดูคนชม กันแน่ ก็คงเป็นอย่างที่คุณนีโอว่ามานั่นแหละว่า ต้องเข้าสัมมนากับเขาจริงๆ จึงจะสามารถรู้คำตอบได้ (เพียงแต่ผมยังไม่มีความ "อยาก" มากพอที่จะลงทุนทำเช่นนั้น)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 23/01/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code