กำลังใจแห่งชีวิต
ในวงเวียนชีวิตที่ฉันอยู่
ทุกสิ่งแสนสมบูรณ์ และพรั่งพร้อม
พรสวรรค์แห่งการสรรค์สร้างอันโดดเด่น พร้อมความสามารถ แผ่ซ่านอยู่ทั่วร่างกายฉัน
และถูกถ่ายทอดออกมาอย่างน่าพอใจยิ่ง
ฉันรักตัวเอง ฉะนั้นฉันจึงเลือกทำงานที่ฉันรัก
งานที่ทำให้ฉัน ได้ใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และความสามารถภายในตัว
เพื่อให้ได้ร่วมงานและทำงานเพื่อบุคคลที่ฉันรัก และรักฉัน
รวมถึงเพื่อเกิดรายได้อย่างงดงาม
ฉันสนใจที่จะคบหาผู้คนที่น่ารักในโลกของฉัน
เพราะคนเหล่านั้นคือกระจกสะท้อนตัวฉัน
เพราะฉันรักตัวเอง ฉันจึงให้อภัยและปล่อยอดีตให้ผ่านไป ทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมา.........จากนั้นฉันจะเป็นอิสระ

เพราะฉันรักตัวเอง ฉันจึงมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน
รับรู้ว่าทุกขณะที่ผ่านไปล้วนแต่ดี
และรู้ว่าอนาคตจะงดงาม เปี่ยมสุข และมั่นคง
เพราะฉันเป็นบุตรของจักวราล
และจักรวาลก็ดูแลรักใคร่ฉันเป็นอย่างดี นับแต่นี้......และตลอดไป

ทุกสิ่งในโลกของฉันล้วนเป็นไปด้วยดี

...................ลูอิส แอล เฮย์
เนื่องจากเขียนกลอนกะเค้าไม่เป็น เลยขอลอกบทความดีดีนี้ มอบให้ชาวนันท์บุ๊คทุกคนค่ะ
ชื่อผู้ส่ง : แฟนพันธุ์แท้ ถามเมื่อ : 01/01/2009
 


ลอกมาจากไหนครับ
แล้วคุณ ลูอิส แอล เฮย์ เขา หรือว่า เธอ เป็นใครครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 02/01/2009
เป็นผู้เขียนหนังสือชื่อ You can heal you life หรือแปลเป็นไทยชื่อชีวิตนี้ลิขิตได้ ของสนพ.นานมีบุ๊คส์ครับ เป็น 1ใน50 self-help ที่ทอม บัทเลอร์ โบดอนแนะนำไว้น่ะครับ ชื่อเธออ่านว่าหลุยส์ก็ได้ครับ เธอเป็นเจ้าของสนพ. Hay House ที่ทำหนังสือของเอสเธอร์และเจอร์รี่ ฮิคส์รวมทั้งหนังสืออีกหลายเล่มของเวย์น ไดเออร์ด้วยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 02/01/2009
เค้าเป็นนักบำบัดค่ะ
มีชีวิตในวัยเด็กที่แสนโหดร้าย
ชีวิตรักตอนวัยสาว ดั่งเทพนิยาย.....แต่ชีวิตครอบครัวก็จบแบบเศร้าสุดสุด...........แต่เธอเลือกที่จะมีชีวิตอยู่....ให้เหมือนดั่งประภาคารแห่งแสงสว่างให้ผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้

เลือกลอกมาแบบผสมผสาน...จาก 2เล่ม
คือ ชีวิตลิขิตได้ และ กำลังใจแห่งชีวิต(เจอเล่มนี้แบบโชคดวงคววามบังเอิญ ในกองหนังสือลดราคา ในงานCMU BOOK FAIR)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 02/01/2009
ผมยังไม่มีเลย แต่มีเล่มนึงชื่อปีนี้จะเป็นปีที่ดี ถ้าวันนี้คือวันเริ่มต้น เล่มสีเขียวเข้ม เขียนโดยปาริฉัตร ปาริชาติ ของสนพ.Dดี เนื้อหาลอกจากชีวิตลิขิตได้ของลูอิส แอล เฮย์มาทั้งดุ้นก็เลยทำให้ต้องกับไปอ่านกระทู้ที่ผมตั้งไว้นานมาแล้วชื่อคนไทยกับ ORIGiNAL แล้วก็เห็นด้วยว่าที่ตัวเองเขียนไว้นั้นถูกยิ่งกว่าถูกเสียอีก
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 02/01/2009
โอคุณนิกนี่จับรายละดอียดเรื่องนี้เก่งจัง
ปี้นี้จะเป็นปีที่ดีฯ ซื้อมาอ่านต่ะ ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่า คนไทยคนนี้เขียนสไตล์ฝรั่งมาก สงสัยอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก

ส่วนชีวิตลิขิตได้...ใช้วิธียืมห้องสมุด...ไม่ได้ซื้อ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 02/01/2009
คุณนิกครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูล ทั้งละเอียดทั้งอินไซด์ ขอยกให้เป็น ผู้รู้ สำหรับวงการหนังสือแนวนี้เลยครับ

พอบอกว่าชื่อ หลุยส์ เลยพอจะนึกออก เคยเห็นในหน้าหนังสือของอเมซอน อยู่หลายเล่ม (ผมไปอ่านชื่อแกว่า หลุยส์ เฮย์) แต่ไม่เคยสั่งซื้อมาอ่าน ได้แต่อ่านบางเล่มที่เขายอมให้เปิดอ่าน introduction ได้ จำได้ว่าอ่านง่ายดีนะครับ พึ่งทราบว่ามีแปลเป็นไทยแล้ว

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 02/01/2009
ในวงเวียนชีวิตที่ฉันอยู่
ทุกอย่างแสนสมบูรณ์และพรั่งพร้อม
ถึงกระนั้น ชีวิตก็คงยังเปลี่ยนแปลงไป
ไร้จุดเริ่มต้น และจุดจบ
จะมีก็แต่เพียงวัฏจักรของสรรพสิ่ง
และประสบการณ์ที่หมุนเปลี่ยนเวียนวนอยู่เรื่อยไป

สำหรับชีวิตไม่มีคำว่า สะดุด หยุดนิ่ง หรือสิ้นหวัง
เพราะทุกขณะคือสิ่งใหม่ และความสดใสเสมอ
เมื่อเราละอดีตได้ ทุกขณะของชีวิตก็คือ จุดเริ่มต้นใหม่
ทุกสิ่งในโลกของฉันล้วนเป็นไปด้วยดี

.......ลูอิส แอล เฮย์
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 03/01/2009
ภูมิปัญญาคือเขตแดนของความง่ายดาย,เบาสบาย
ความรู้สึกการสัมผัสภูมิปัญญา....ราวกับว่าปัญหาหนักอึ้งในชีวิตหายไป อาจรู้สึกถึงการขยายตัว สมองอาจรู้สึกเหมือนมีการขยายออก

ความสงบและความเรียบง่ายคือสัญลักษณ์ที่เชื่อมต่อตัวคุณกับภูมิปัญญา

ไปให้ไกลกว่าความคิด และปล่อยให้ความรู้สึกเป็นตัวบอกว่าคุณต้องทำอะไร

...........ลอร่า เบอร์แมน ฟอร์ตแกง
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 05/01/2009
ดีที่สุดในแบบของคุณเอง สนพ.ต้นไม้อีกแล้วครับท่าน ฮ่าฮ่าฮ่า
มีคำวิจารย์หนังสือในเว็บอเมซอนชื่นชมหนังสือ THE CIRCLE ว่าเป็นระดับหนึ่งของผู้ที่ได้ผ่านการอ่านหนังสือของดร.เวย์นมาแล้ว คุณแฟนพันธ์แท้ลองไปออ่านดูนะครับ เล่มบางๆกะทัดรัดดี
แต่สำหรับผมยังสวามิภักโชค ดวง ความบังเอิญฯดังเดิมครับ แม้หนังสือของสนพ.ต้นไม้จะมีร้อยกว่าปกก็ตามที
ชื่อผู้ตอบ : นิก(ผู้คลั่งไคล้หนังสือในแนวเดียวกับโชค ดวง ความบังเอิญฯทุกเล่ม) ตอบเมื่อ : 05/01/2009

ดีใจมากค่ะที่ได้เห็นผลงานของ "ผู้เขียนทฤษฏีที่เป็นผู้ปฏิบัติจริง" และ "เรื่องราวที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์" ของอาจารย์ Louise Hay ขึ้นอยู่บนเว๊ปดีๆ ที่นี่

ขอบคุณคุณแฟนพันธุ์แท้ผู้เชื่อมโยงเปิดประเด็นมาให้หนึ่งได้ระลึกถึงอาจารย์อีกครั้งเพราะโดยส่วนตัวนั้นมีความเคารพและศรัทธาอาจารย์อยู่มากค่ะ

จำได้ว่า You can heal you life เป็นหนังสือภาษาอังกฤษเล่มแรกที่ซื้อเอง เนื่องจากตอนนั้นอาการความไม่มั่นใจกำเริบเพราะย้ายถิ่นฐานบ้านช่องมาตั้งรกรากอยู่คนเดียวใหม่ๆ การใช้ทฤษฏี affirmation จากอาจารย์เมื่อปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและมีวินัย เวิร์คจริงค่ะ เหมือนท่องมันตราสะกดจิตในใจยังไงยังงั้น

กูรูรุ่นหลังอีกมากมายที่เคยได้เรียน หรือทำงานกับอาจารย์ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาจารย์ต้องการมอบสิ่งที่ตัวเองใช้แล้วได้ผลดีกับชีวิตตัวเอง เพื่อสร้างประโยชน์ให้ชีวิตผู้อื่นต่อๆไป

ขออนุญาตคุณนิกนิดเดียวค่ะ ชื่ออาจารย์อ่าน ลูอีส (ออกเสียง
ลูอีสสส... )แอล เฮย์ ค่ะ เข้าใจว่าหลายคนเรียกว่าอาจารย์ว่าหลุยส์อยู่เหมือนกัน จริงๆเรียกว่าหลุยส์ไม่ถูกค่ะ simplyจะกลายเป็นชื่อผู้ชายไปน่ะค่ะ ยิ้ม ๆ ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : หนึ่งค่ะ ตอบเมื่อ : 05/01/2009
ต้องขอซูฮกทุกๆ ท่านในที่นี้ ที่พูดถึง Louise L.Hay และได้อ่านงานเขียนของเธอ เพราะถ้าเป็นผู้ที่สนใจศาสตร์การพัฒนาตนเองแล้ว ถ้าไม่รู้จัก และหรือไม่ได้อ่านงานเขียนของเธอแล้วละก็ ยังไม่อาจนับได้ว่า "เจนจบ" ในเรื่องแนวนี้อย่างแท้จริง

นอกจากสองสามเล่มที่มีการเอ่ยถึงกันในที่นี้แล้ว ยังมีอีกเล่มหนึ่ง คือ "The Power is within you" (หรือในชื่อภาษาไทยว่า "พลังที่ยิ่งใหญ่ภายในตัวคุณ" : แปลโดยนนทกร พิมพ์โดย Cyber Book Network Publishing Co.,Ltd. พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2540 หนา 278 หน้า ราคา 239 บาท) ซึ่ง Hay แจ้งไว้ในคำนำว่าเป็นส่วนขยายของ You Can Heal Your Life เธอบอกว่าหลังจากเขียนเล่มก่อนแล้ว ก็ได้เกิดความคิดใหม่ๆ เพิ่มเติม ทั้งยังมีความคิด ความเห็น ของผู้อ่านเล่มก่อน ให้เธอสามารถนำมาเขียนให้รอบด้านรัดกุมขึ้น

ที่จะเล่าก็คือ ในหนังสือเล่มนี้ Hay เปรียบเทียบการยืนยันสิ่งที่เราต้องการกับตัวเอง ว่ามันเหมือนกับการเข้าไปสั่งอาหารใน "ภัตตาคารแห่งจักรวาล" ซึ่งถ้าใครจำได้ Joe Vitale เป็นผู้พูดประโยคนี้ไว้ใน DVD และหนังสือ The Secret ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะคิดตรงกันพอดี Joe ก็ลอกคำพูดของ Hay มา ซึ่งตามมารยาท เขาก็น่าจะอ้างอิงถึงเสียหน่อย (เวลาห่างกันราวสิบปี)

นี่จะมีคนแอบนินทาว่าผมเป็นลูกคุณช่างจับผิดไหมเนี่ย (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 06/01/2009
โอ้.. ขอบพระคุณท่านอาจารย์ครับ ที่ทำให้ผมนึกออก ว่าผมมีหนังสือที่ชื่อ "The Power is within you" ฉบับแปลไทยอยู่ นานมากแล้ว เล่มค่อนข้างหนา ต้องค้นออกมาอ่านอีกรอบแล้วละครับ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 06/01/2009
แล้วจะมีจำหน่ายอยู่มั้ยคะเล่มนี้
สงสัยต้องไปลุ้นกันที่กองๆของหนังสือลดราคา
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 06/01/2009
ไม่ต้องสงสัยเลยครับ ผมว่าต้องไปลุ้นที่กองหนังสือลดราคาแหงๆ (ฮา) เพราะสำนักพิมพ์ที่ว่านี้ ได้เสียชีวิตไปก่อนเวลาอันควรไปเรียบร้อยแล้ว อันที่จริงสำนักพิมพ์นี้ แรกๆ ก็ทำท่าว่าจะขยันพิมพ์งานแนวนี้ออกมาเป็นล่ำเป็นสัน (ละม้ายสำนักพิมพ์ต้นไม้ในปัจจุบันนี้) เขาเคยพิมพ์งานของ นอร์แมน วินเซ้นท์ พีล (ผู้เขียน "The Power of Positive Thinking") , ซูซาน เจฟเฟอร์ส (ผู้เขียน "Feel The Fear and Do it Anyway" เล่มนี้ก็ดีมากๆ ครับ หลังสุด สำนักพิมพ์โกมล คีมทอง เอามาแปลใหม่ พิมพ์ใหม่ ในชื่อภาษาไทยว่า "ก้าวพ้นความกลัวด้วยตัวคุณเอง" น่าจะยังมีวางขายอยู่นะครับ) ซึ่งเป็นหนังสือในกลุ่ม 50 เล่ม ที่โบว์ดอน ได้ขึ้นบัญชีไว้ รวมทั้งกูรูท่านอื่นๆ ในแนวพัฒนาตนเอง อีกหลายคน แต่หลังๆ เขาพิมพ์หนังสือสะเปะสะปะ ไปเน้นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจ MLM มากไปหน่อย ก็เลยหายไปจากยุทธภพ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 06/01/2009
ก้าวพ้นความกลัวฯ มีและอ่านแล้วค่ะ....อยากกลับไปเปิดๆดูอีกเหมือนกัน คงต้องรอคิวก่อน

ก็นี่แหละค่ะที่บอกอาจารย์ไม่อยากแวะไปร้านหนังสืออีก....ก็เพราะยังงี้....เวลาอยูร้านหนังสือ..สติไม่ค่อยมีค่ะ....ขอเวลาบำบัดตัวเองซักพักก่อน
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 06/01/2009
ขอบคุณ คุณหนึ่งตรงนี้อีกครั้งค่ะสำหรับ เทปบึนทึกรายการสุริวิภา ได้เข้าไปขอบคุณใน sogr แล้วหนนึง(มีหลายห้องสนทนา...กลัวว่าจะอ่านไม่เจอ) มีเหตุให้ต้องเอาไปดูบ้านเพื่อน(เครื่องที่บ้านตัวเองเปิดไม่ได้) เพื่อนเค้าชื่นชมค่ะและขออนุญาต copy เผื่อไว้ดูตอนต้องการกำลังใจ........และส่วนตัวได้ copy ให้คนรู้จักซึ่งป่วยเป็นมะเร็งท่านนึงด้วย

ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 06/01/2009
หวังว่าในอนาคตสนพ.ต้นไม้คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบสนพ.ที่อ.วสันต์ว่านะครับ ไม่อย่างนั้นชาวเว็บบอร์ดนี้โดยเฉพาะผมคงตรอมใจตาย(เพราะไม่รู้จะหาสนพ.ไหนมาทำแนวนี้เหมือนกัน)
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 06/01/2009
ผมมั่นใจว่าสำนักพิมพ์ต้นไม้จะไม่เป็นแบบนั้นแน่ครับ เพราะดูความตั้งใจ และความเติบโตแล้ว เขาหนักแน่นชัดเจน ไม่ว่อกแว่ก ในกระทู้เก่าๆ ผมได้กล่าวชื่นชมในคุณูปการของสำนักพิมพ์นี้ไว้อย่างเอกอุ

อีกสำนักพิมพ์หนึ่ง พวกเราคอหนังสือแนวนี้ คงพอจำกันได้ คือ สำนักพิมพ์ Good Morning นี่ก็ทำท่าจะเอาจริงเอาจังกับการพิมพ์หนังสือแนวนี้อยู่เหมือนกัน เสียดายว่าเขาไม่ได้ต้นฉบับดีๆ จากกูรูดีๆ ชั้นแนวหน้า รวมไปถึงนักแปลมือดีๆ อย่างที่สำนักพิมพ์ต้นไม้ทำได้ ในความเห็นของผม หนังสือแนวนี้ของเขา ที่น่าจะนับว่าดีที่สุด ก็คืองานแปลหนังสือของ Geoff Thompson ทั้งสองเล่ม คือ "The Elephant and The Twig" (หรือในชื่อภาษาไทยว่า "ช้างกับกิ่งไม้") และ "The Great Escape" (หรือในชื่อภาษาไทยว่า "พัฒนาชีวิต พิชิตชัยชนะ") ถ้าผมจำไม่ผิด Thomson นี่ น่าจะเป็นนักเขียนจากฟากฝั่งอังกฤษ (แนวนี้ส่วนใหญ่ 90% มักเป็นชาวอเมริกัน) แต่สุดท้าย สำนักพิมพ์ที่ว่านี้ ก็ไม่เห็นพิมพ์งานอะไรออกมาอีก ก่อนจะเงียบไป เห็นไปพิมพ์นิยงนิยาย นิทานอะไรไปโน่นเลย

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 06/01/2009
สนพ.นี้เขาจะพิมพ์แนวตำนานเทพ หรือเรื่องอภินิหารอะไรทำนองเนี้ยครับ ซึ่งตอนนี้เขาจะมีขายเกลื่อนเป็นหนังสือลดราคา 50% ส่วนเล่มช้างกับกิ่งไม้เนี่ยถ้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นแนวแบบว่าตอนช้างเกิดใหม่แลกก็เหมือนมนุษย์เราที่ไม่มีข้อจำกัดอันใดในศักยภาพที่จะทำออกมาได้แต่พอถูกผูกไว้กับกิ่งไม้ซึ่งตอนนั้นช้างตัวเล็กมากยังไม่มีแรงพอที่จะดึงออกได้ แต่พอโตเต็มที่มีแรงดึงออกแล้วกับดึงไม่ออก เพราะจิตใต้สำนึกถูกโปรแกรมไว้เรียบร้อยแล้วว่า ยังไงฉันก็หลุดออกไปไม่ได้ อะไรประมาณนี้ครับ
เลยทำให้นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งของสนพ.ต้นไม้(อีกแล้ว) ชื่อแมลงภู่บินไม่ได้ ที่เนื้อหามีอยู่ว่า ตามธรรมชาติ ถ้าดูจากสภาวะทางกายภาพของแมลงภู่แล้วมันไม่สามารถที่จะบินได้ เพราะตัวมันอ้วน แต่ปีกบาง ซึ่งปีกของมันไม่น่าจะสามารถที่จะมีแรงพอที่จะพยุงตัวที่หนักของมัน ให้บินไปได้ แต่โชคดี! แมลงภู่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง เลยไม่รู้ว่าตัวเองมีข้อจำกัดทางกายภาพนี้ ด้วยเหตุนี้ แมลงภู่ทุกตัวจึงบินได้ดังที่เราๆได้รู้กันนั่นแหละครับ
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 07/01/2009
โอ คุณนิก มีหนังสือเล่มไหนที่คุณยังไม่ได้อ่านบ้างละเนี่ย?!? (ฮา)

ผมมีหนังสือของผู้เขียนเรื่อง "แมลงภู่บินไม่ได้!" อยู่อีกเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "อินทรีต้องบินสูง" (Eagles Must Soar) อ่านดูที่ปกหลังด้านใน เห็นเขียนว่า เป็นหนังสือที่ควรอ่านคู่กัน คุณนิกอ่านแล้วหรือยัง? ส่วนผม จำไม่ได้ว่าอ่านแล้วหรือยัง ถ้าอ่านแล้ว ก็ดันจำไม่ได้อีกว่าเขาว่าไว้อย่างไร เดี๋ยวนี้ขี้ลืมครับ ลืมบ่อย จำได้แม่นอยู่เรื่องเดียว คือจำได้ว่าลืมไปแล้ว! (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 07/01/2009
เพิ่งเข้ามาตอบครั้งแรกครับ แอบดูอย่าสักพักแล้ว (แอบดูที่sogr ด้วย) รู้สึกที่นี่เป็นมิตรดีครับ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกๆท่านด้วยนะครับต้วยนะครับ

รบกวนถามคำถามด้วยความเคารพว่า คำว่า ยิ้ม หรือ ยิ้มๆๆ หรือ หลายๆยิ้มที่เห็นบ่อยๆในblogมีความหมายว่าอย่างไรครับ ตอนที่พิมพ์คนที่พิมพ์ต้องยิ้มจริงๆด้วยมั้ยครับ หรือคนอ่านต้องยิ้มขณะอ่านด้วยมั้ยครับ


ชื่อผู้ตอบ : กอล์ฟ ตอบเมื่อ : 08/01/2009
แก้ไขที่พิมพ์ผิดครับ แอบดูอยู่สักพัก ไม่ใช่แอบดูอย่า แอบดูอย่าทไมเนี่ย555 เห็นมั้ยตอบครั้งแรกตื่นเต้นพิมพ์ผิดเลย
ชื่อผู้ตอบ : กอล์ฟ ตอบเมื่อ : 08/01/2009
ยินดีต้อนรับครับคุณกอล์ฟ
แต่เรื่อง ยิ้ม ยิ้ม นั้น คงต้องรบกวนคุณโก้ ช่วยขยายให้ทราบด้วยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 09/01/2009
ขอบพระคุณคุณนันท์ครับผม

สวัสดีคร้าบคุณกอล์ฟ ขอบพระคุณในคำถามที่น่ารักมากเลยครับ อืม..อ่านแล้วก็ยิ้มแล้วละครับ

คำว่า ยิ้ม หรือ ยิ้มๆๆ หรือ หลายๆยิ้ม มีความหมายที่ใช้แทนกริยาของคนที่พิมพ์ที่กำลังยิ้มจริงๆครับ(ติดยิ้ม ฮ่าๆ)อันนี้พี่หนึ่ง ท่านดร.วรัญญา ท่านเป็นผู้นำที่สุดยอดครับ และผมก็ปฎิบัติตามจนคุ้นชิน และเป็นการเชิญชวนท่านผู้อ่านร่วมยิ้มด้วยกัน ถ้านึกภาพตามนะครับเหมือนคุยไปยิ้มไป ไม่ว่าเรื่องราวที่แชร์จะมาในรูปแบบไหนภาพแรกต้องขอยิ้มไว้ก่อนแล้ว เป็นกริยาแกมดึงอารมณ์ร่วมให้เป็นบวกอัตโนมัติครับ และการพิมพ์ตอบก็เริ่มต้นที่มิตรภาพดีๆนะครับ มุมมองจะได้สดใสไปด้วยกัน ว่าแล้วก็ยิ้มๆๆๆให้คุณกอล์ฟอีกแล้วครับผม
ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 09/01/2009
ต้องขอขอบคุณ คุณนันท์และคุณโก้มากๆครับสำหรับคำตอบที่รวดเร็วและในคำตอบผมรู้สึกได้ถึงมิตรภาพอันอบอุ่น

ขอบคุณจริงๆครับ ยิ้มๆๆๆ (อืม ยิ้มแล้วรู้สึกดีจริงๆด้วย)
ชื่อผู้ตอบ : กอล์ฟ ตอบเมื่อ : 09/01/2009
สืบเนื่องจากคำถามที่น่ารักของคุณกอล์ฟ ทำให้ผมนึกถึงท่าน อ.วสันต์ เพราะอาจารย์ท่านจะ (ฮา)บ่อยๆ งั้นผมขออณุญาติยกคำถามคุณกอล์ฟแต่เปลี่ยนกิริยาในประโยคนะครับ

โดยขอรบกวน เรียนคำถามถึงท่านอ.วสันต์ครับ ตอนที่พิมพ์คนที่พิมพ์ต้อง(ฮา)จริงๆด้วยมั้ยครับ หรือคนอ่านต้อง(ฮา)ขณะอ่านด้วยมั้ยครับ...ยิ้มๆขอบคุณครับ
ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 10/01/2009
ยิ้มๆๆๆๆ นี่จะทำให้อารมณ์ดีแบบนุ่มนวล แต่(ฮา)ของอาจารย์วสันต์นี่เป็นอาการแบบดีกรีสูงกว่า หลายครั้งอานแล้วขำจนอดหัวเราะออกมาดังๆไมได้จริงๆ ไม่ทราบว่าบนสวรรค์จะครื้นเครงแบบพื้นที่สีขาวที่นี่หรือเปล่านะคะ
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 11/01/2009
ยิ้ม . . บ้าง ฮา . . บ้าง
น่าสนใจเอาไปเลี้ยงดูอารมณ์ดีจังครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 11/01/2009
วงเล็บฮา นี่ ผมก็ไม่ทราบความเป็นมาเหมือนกันครับ แต่พบครั้งแรก จากการอ่านหนังสือพิมพ์มติชน ในคอลัมน์ "ก้างตำคอ" ของ "นายหนุนยัน" ก็รู้สึกว่าเข้าท่าดี เลยยืมมาใช้เรื่อยมา

และอีกนัยหนึ่ง ในการถอดเทปคำบรรยาย หรือการพูด ของนักพูดนั้น จะมีเสียงฮาเป็นระยะๆ จากผู้ฟัง เมื่อจะนำมาพิมพ์เป็นข้อเขียน เขาก็มักนิยมวงเล็บฮาเสียหน่อย เพื่อบอกว่า ตรงนี้น่ะ คนฟังเขาฮากัน (เพราะการอ่านกับการฟังนั้น มันคนละอารมณ์กัน)

ผมชอบใช้วงเล็บฮา เพราะต้องการสื่อสารกับคนอ่าน เสมือนกำลังพูดให้เขาฟัง และคาดคะเนเอาได้ว่า ตรงประโยคนั้น ประโยคนี้ เขาน่าจะฮากัน ซึ่งบางทีเขาก็ฮากัน ไม่ใช่เพราะข้อความนั้นมันฮา แต่ฮาเพราะขำว่ามันจะวงเล็บฮาไปหาสวรรค์วิมานอะไร ไม่เห็นจะฮาตรงไหน!?! (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 12/01/2009
มัน ฮา !! จริงๆ นะคะอาจารย์
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 18/01/2009
ดิฉันอยากขอบคุณในความเป็นนักอ่านของทุกท่าน มันทำให้ดิฉันรู้สึกตื่นตัว ต้องลุกขึ้นมาอ่านมากขึ้นแต่ที่อึดอัดคือต้องหา..ด้วยนี่สิ เพราะหลายเล่มไม่เคยอ่าน ที่แย่กว่านั้นคือบางเล่มหายากหรือคินสนพ.ไปหมดแล้ว ดิฉันชอบคุณแฟนพันธุ์แท้มาก หาอะไรดีๆมาให้อ่านอยู่เสมอ และรู้สึกทึ่งคุณนิกกับอ.วสันต์ที่เป็นนักอ่านตัวจริง

ขอบคุณทุกท่านนะคะที่ทำให้ดิฉันได้รับความรู้มากขึ้น พวกคุณทุกคนเป็นสิ่งดีๆในจักรวาลนี้ที่ดิฉันมีอยู่ ทำให้ดิฉันมีกำลังใจและได้สัมผัส
ปาฎิหาริย์ในโลกแห่งความรู้

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณ คุณนันท์และทีมงานด้วยค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 19/01/2009
คุณ jang คะ หนังสือดีดีมีอยู่โดยเฉพาะการตามล่าหาอ่านหนังสือที่บรรดาผู้รู้บอกกล่าวกันที่พื้นที่สีขาวนี้ก็อ่านกันได้ทั้งปีแล้วล่ะค่ะ

สำหรับตัวเองคิดว่าไม่ยากที่จะต้องหาหนังสือต่างๆ เหล่านั้น บางครั้งทั้งสนุก ทั้งท้าทาย และก็จะได้มาในที่สุด มุ่งมั่นแต่ก็ปล่อยวางค่ะ

คุณ jang อยากอ่านหนังสือเล่มไหนหรือคะที่ว่าต้องหา...น่ะค่ะ บอกกันมาผ่านพื้นที่นี้ได้เลย ถ้ามีเล่มที่ว่าจะจัดส่งไปให้นะคะ

เห็นด้วยกับคุณjangค่ะ เพราะตัวเองก็เพิ่งมาตามอ่านหนังสือแนวนี้ เรียกได้ว่า หนังสือ7 กฎฯ ศาสตร์แห่งความมั่งคั่งฯ สารพันหนังสือ พื้นที่สีขาวนี้ พื้นที่ยิ้ม..ยิ้ม..ของคุณหนึ่ง คุณนันท์ คุณหนึ่ง
อ.วสันต์ คุณแฟนพันธ์แท้ คุณนิก คุณนีโอ คุณผู้อ่าน คุณkarn คุณโก้ คุณพีระพงศ์ คุณนพรัตน์ รวมไปถึงทุกๆ ท่านที่พูดคุยกันในที่แห่งนี้ล้วนเป็นผู้ช่วยรดน้ำพรวนดินโลกทัศน์ความรู้ความสุขความสงบและมุมมองชีวิตใหม่ๆ ที่ตัวเองอาจมีแค่รากฝอยฝังรากอยู่ในตัวอยู่ ถึงตอนนี้จึงได้โอกาสรับน้ำแร่ธาติวิตามินและออกซิเจน จนมันค่อยๆ เรียนรู้พัฒนาและเติบโตค่ะ

ขอบคุณและขอบคุณโอกาสดีดีเช่นนี้ในชีวิตเช่นกันค่ะ

ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 19/01/2009
คุณ jang ครับ ผมมีความเห็นสองสามประการ ดังนี้ :-

1) อย่าไปกังวลเรื่อง "ปริมาณ" ของหนังสือที่จะอ่านเลยครับ ผมยังยืนยันคำพูดที่บอกใครต่อใครไปว่า เราไม่จำต้องอ่าน "มากเล่ม" หรอก อ่านให้ "ถูกเล่ม" เท่านั้น ก็พอ
2) มาตรฐานของ "จำนวน" หนังสือที่อ่าน ของแต่ละคนนั้น ไม่เหมือนกันครับ โดยอาชีพของผม ทำให้ต้องอ่านมากกว่าบางท่านไปโดยปริยาย ถือเป็น "ท่าบังคับ" เลยทีเดียว
3) บางทีการคุยฟุ้งของผมในเรื่องหนังสือเล่มนั้น เล่มนี้ นั้น ถ้าคุณ jang อ่านดีๆ จะรู้ได้ว่า หลายเล่ม ผมก็ได้แค่อ่านคำโปรยที่ปกหน้า ปกหลัง หรือไม่ก็เป็นการสำรวจแบบคร่าวๆ ในหน้าสารบัญ เท่านั้น (เข้าใจว่าหนังสือราวครึ่งหนึ่งที่ผมเอ่ยถึงในเว็บบอร์ดนี้ เป็นหนังสือที่ผมได้ทำพิธี "ดองเค็ม" "แช่อิ่ม" "เอาขึ้นหิ้ง" เอาไว้หลายเพลาแล้ว และเป็นที่คาดหมายได้ว่าน่าจะไม่ได้อ่าน!) ตอนนี้ ผมกับใครหลายคนในนี้ เห็นคล้ายกันว่า หนังสือบางเล่มนั้น คู่ควรแก่การอ่านทบทวนซ้ำสักหลายเที่ยว ดีกว่าไปวิ่งไล่ล่าหาแต่ "มหาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มใหม่" ที่กำลังพิมพ์ล่าสุด

"อ่านสม่ำเสมอ" แม้วันละเล็กละน้อย ผมว่าดีกว่า "ตะลุยอ่านเพื่อทำลายสถิติ" และถ้าไม่คิดว่าเป็นความฟุ่มเฟือยละก็ "จงซื้อหนังสือเล่มที่เราชอบ แม้ว่าเราจะไม่ได้อ่านมันก็ตาม"

ยินดีครับที่คุณ jang เข้ามาคุยกันในที่นี้ และก็เช่นเดียวกันกับคุณ dadeeda หากมีอันใดที่พอช่วยได้ในเรื่องหนังสือ ก็อย่าได้เกรงใจครับ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 19/01/2009
อ้อ ลืมบอกไป คุณ jang ลองย้อนไปอ่านกระทู้เก่าๆ ในหน้า 10 (เรื่อง "เสนอแนะให้ อ.วสันต์ และคุณนันท์ ช่วยแนะนำหนังสือ และเปิดชมรมนักอ่าน ฯ" ตั้งกระทู้โดยคุณ "ผู้อ่าน") ก็จะดีนะครับ มีข้อแนะนำดีๆ จากหลายๆ คน ในเรื่องนี้

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 19/01/2009
ยินดีต้อนรับครับคุณ jang

อย่าไปอึดอัดเลยครับ ดังที่ทั้งคุณdadeeda และท่านอาจารย์วสันต์ได้บอก และอย่างน้อยมีสองท่านแล้วที่อาสาช่วยเหลือหากคุณ jang ต้องการ ซึ่งผมอ่านแล้วยังพลอยรู้สึกชื่นใจไปด้วย เลยขออาสาเพิ่มอีกคนครับ ว่าหากมีเล่มใดที่รู้ว่าหาได้ที่ไหนหรือมีอยู่ ยินดีช่วยให้สมหวังครับ

ขอบคุณคุณjang เช่นกัน ที่ได้ทำให้พื้นที่ตรงนี้งอกงามเพิ่มขึ้น แล้วแวะเวียนมาทักทายกันอีกนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 20/01/2009
หลายท่านในที่นี้ทำให้ดิฉันรู้ตัวเลยว่า ตัวเองนั้นไม่รู้อะไรเลยจากที่เคยคิดว่าตัวเองรู้ดีเรื่องนั้น เรื่องนี้อ่านหนังสือมาเยอะแล้วนะ ทำงานมาก็เท่านี้แล้วนะ บัดนี้รู้เลยว่าเรานั้นยังไม่รู้อะไรเลยต่างหาก ดิฉันยังอ่านน้อยมาก ทุกท่านในที่นี้ทำให้ดิฉันต้องทำความรู้จักกับตัวเองมากยิ่งขึ้นจริงๆๆ..

ขอสารภาพว่าแม้แต่ในบอร์ดนี้ก็ยังไม่ได้เปิดอ่านทั้งหมดเลือกอ่านเฉพาะบางหัวข้อเท่านั้น แล้วก็มีข้ออ้างกะตัวเองว่า ก็มันไม่มีเวลาอ้ะ
อ.วสันต์ คุณdadeeda คุณนันท์ ทำให้ดิฉันรู้สึกตื่น และบอกกับตัวเองว่า เราต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องการอ่านและการใช้เวลา ตอนนี้หนังสือเต็มบ้านที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็อีกหกเล่มที่อ่านแบบสะเปะสะปะ เละเทะ แล้วก้ยังมีอีกสองเล่มที่สั่งซื้อกับทางสนพ.ไว้อีก คงต้องถอนหายใจหนึ่งเฮือก ..แล้วเอาใหม่ ดิฉันได้มุมคิดจาก อ.วสันต์แล้วค่ะ ว่าจะยังไงต่อดี

ขอขอบพระคุณทุกท่านนะคะ ดิฉันรู้สึกประทับใจที่สัมผัสบุคคลที่อ่อนน้อม ถ่อมตัว และมีน้ำใจอย่าง อ.วสันต์ คุณdadeeda รวมทั้งคุณนันท์
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 20/01/2009
ถือว่าเป็นช่วง "เปลี่ยนผ่าน" (Turning Point) ก็แล้วกันนะครับ ขอเพียงอย่าได้สูญเสียความมั่นใจอะไรไป สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ มันก็อยู่ในตัวเรานี่เองแหละ หนังสือ คือ เครื่องมือ ที่จะช่วยให้เรา "จำได้" ว่าเรารู้อะไรบ้าง บางคนแค่เล่มเดียวก็รู้แล้ว บางคนเป็นพันเล่ม ก็ยังไม่รู้ว่าตนเองรู้อะไรอยู่ ขอเป็นกำลังใจนะครับ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 20/01/2009
เอ๊ะ!....เป็นพันพันเล่มนี่ เคยได้ยินที่ไหนน๊า?? มันคุ้นมากกก

อาจารย์ค่ะเป็นที่น่าสังเกตุคือ
คนที่ทำได้อัตโนม้ติ(อยู่ในศีลในธรรม...บุญกิริยาวัตถุ10เพียบ) แทบไม่อ่านหนังสือเลย และเกือบไม่เคยแสวงหาหลักสูตร

งงจริงๆ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 20/01/2009
คิดดูดีๆ พันเล่ม หรือพันโท เอาให้แน่ หรือว่าทั้งสองพัน (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 20/01/2009
ผมมาร่วมเป็นกำลังให้คุณ jangในการอ่านหนังสือ สบายๆนะครับผม
ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 21/01/2009
". . เธอเป็นกำลังใจเดียวที่มี ไม่ว่านาทีไหนๆ ฉันดีใจที่มีเธอ ฉันดีใจที่มีเธอ . ."
เห็นคำว่า กำลังใจ ของคุณโก้แล้ว นึกถึงเพลงนี้ ผมได้ยินติดกันทางวิทยุมา 5 วันแล้ว สงสัยกำลังฮิตจริงๆ แต่ก็เพราะดีครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 22/01/2009
คุณแฟนพันธุ์แท้ครับ..."คนที่ทำได้อัตโนมัติ (อยู่ในศีลธรรม..บุญกิริยาวัตถุ 10 เพียบ) แทบไม่อ่านหนังสือเลย และเกือบไม่เคยแสวงหาหลักสูตร"...นั้น น่าสนใจมากครับ ทำให้คิดต่อไปได้ว่า เขาทำอาชีพอะไร? ผู้ที่มีคุณสมบัติเช่นว่านี้ สามารถประกอบอาชีพได้ทุกอาชีพหรือไม่? และผู้อื่นจะสามารถฝึกฝนเพื่อมีคุณสมบัติอย่างนั้นบ้าง จะได้ไหม? หรือเป็นความสามารถเฉพาะตัว ที่จักรวาลนี้กำหนดให้มีแต่เฉพาะบุคคลคนนั้น เท่านั้น? สุดท้าย สามารถขยายขอบเขตของความสามารถพิเศษนี้ ไปในวงกว้าง ถึงระดับสังคม ได้หรือไม่?

ขออภัยนะครับที่ถามมากเหลือเกิน เอาไว้มีโอกาส ค่อยๆ ตอบก็ได้ครับ เผอิญมันเป็นเรื่องท้าทายคนที่ทำงานด้านการพัฒนาศักยภาพบุคคล อย่างผมเป็นยิ่งนัก

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 22/01/2009
เรื่องเดียวกันนี้ คุณแฟนพันธ์แท้ ก็กำลังเป็นฝ่ายถามอาจารย์อยู่นี่แหละค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 22/01/2009
ฟังดูแล้วเหมือนท่านนั้นเป็นบุคคลประหลาด ที่น่าเห็นตัวเป็นๆ จริงๆ ซึ่งความจริงอาจเป็นว่า พวกเราคือ บุคคลประหลาดที่อยากพบเห็นบุคคลปกติ ชักสับสน แต่น่าเรียนรู้จักมากครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 23/01/2009
แต่ก็พระเจ้าก็มอบจุดด้อยให้ 1 อย่างค่ะ อาจารย์!
เค้าไม่สามารถ ถ่ายทอดได้ รวมทั้งไม่รู้เลยว่า..ทำไมผู้คนอื่นๆจึงแตกต่างออกไป

ก็นี่และคุณแฟนพันธ์แท้ บอกแล้วไงคะ พระองค์มอบหมายหน้าที่ให้แตกต่างออกไปน่ะ

คุณนันท์อยากเห็นตัวเป็นๆ ของ Jenifer Borislow เมืองไทย ก็จัดโปรแกรมตามอาจารย์ไปที่น่านให้ได้ สิคะ
อันดับผลงาน 4/10 นี่อยู่เมืองใหญ่ๆ กรุงเทพฯ ,เชียงใหม่ ต้องทำกันแบบเลือดตากระเด็นเลยล่ะค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 23/01/2009
อ๋อ เข้าใจละ ที่แท้ก็คือเจ้าภาพที่จะจัดงานที่น่านนี่เอง และผมกำลังจะได้ไปพบเธอแล้วด้วย คุณทำให้ผมกลัวแล้วนะ คุณแฟนพันธุ์แท้!!

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 23/01/2009
ท่านอาจารย์ทำซะผมขนลุกไปด้วยเลยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 23/01/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code