ความลับของโลกคือ "ต้องสุขก่อนแล้วความสำเร็จจึงตามมา" จริงหรือ??
เนื่อในวันที่ ส่งท้ายปีเก่า ผมขออนุญาตเสนอ topic นี้ครับ
............................................................................
ผมได้ฟัง
หมอ สม สุจีรา เจ้าของหนังสือขายดี 2 เล่มคือ ไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น และ the top secret
และ อดีตลูกหนี้ร้อยล้าน ปัจจุบันคือเจ้าของหนังสือชื่อดัง เข็มทิศชีวิต คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง

ทั้ง 2 บอกในรายการสุริวิภาในโอกาสส่งท้ายปีเก่าว่า
ความลับของความสำเร็จ ที่โลกบัญญัติไว้คือ
"มีความสุขก่อนแล้วจึงสำเร็จ(รวย เฮง โชค ลาภ วาสนา ตามมา) "
มิใช่ สำเร็จก่อนแล้วจึงสุข (แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น จึงทุกข์) อย่างที่คนส่วนใหญ่คิด

ชาวบอร์ด nantbook เห็นด้วยหรือไม่ครับ
ชื่อผู้ส่ง : ผู้อ่าน ถามเมื่อ : 31/12/2008
 


สวัสดีปีใหม่ครับ
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 01/01/2009
คงเป็นเช่นนี้ กระมังครับ

ความสำเร็จที่แท้และยั่งยืน นั้นเกิดขึ้นจากฐานของ "ความสุขในจิต"
"ความสุขในจิต" ที่เกิดขึ้นจาก ความพอใจในสิ่งที่ตนมีและสิ่งที่ตนเองเป็น อย่างมั่นคง
การอยากมี อยากเป็น ใดๆ ที่เกิดมีเพิ่มขึ้นนั้น จึงไม่เป็นพิษ เพราะมาจากฐาน ที่รู้แน่แท้แจ้งชัดในตนเอง
และไม่มีอาการกระวนกระวาย หรือดิ้นรนวิ่งไขว่คว้า เนื่องด้วยจะสงบมั่นคงอยู่ และได้เห็นความสำเร็จปรากฎขึ้นอยู่ในทุกขณะ ของวิถีแห่งการเดินทางอยู่แล้ว

ในทางกลับกัน ความสำเร็จอันเกิดจากความไม่มี "ความสุขในจิต" แบบข้างต้น จนถึงระดับทุกข์ อันเกิดจากไม่เคยรู้จักพอใจ ในสิ่งที่ตนมี ที่ตนเป็น อาการวิ่งไล่คว้านั้น จึงแห้งใจและเหน็ดเหนื่อย และผลที่ได้เป็นความสำเร็จแบบนั้น ย่อมเป็นเหตุของทุกข์ใหม่ต่อไป

สวัสดีปีใหม่เช่นกันครับคุณผู้อ่าน
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 01/01/2009
สวัสดีปีใหม่ทุกคนครับ ปี52นี่ SENSE มันบอกว่าวงการหนังสือบ้านเราจะอลังการงานสร้างกว่าทุกๆปีที่ผ่านมา ดีใจอย่างยิ่งที่เป็นเช่นนั้นครับ หน้าที่ของผมในปีนี้คงจะเป็นสัมผัสกับห้วงแห่งความลี้ลับของชีวิตให้มากขึ้นครับ
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 01/01/2009
หากนี่เป็นคำถาม หรือเป็นข้อสอบที่ต้องตอบเพื่อเอาคะแนน
เชื่อว่าคุณผู้อ่าน..........ตอบได้คะแนน........อย่างแน่นอน
เพราะหนังสือกี่เล่มต่อกี่เล่มแนวจิตวิญญาณล้วนบอกไว้เหมือนกัน

แต่ที่ยกมาถามความเห็นคนอื่นๆนี่ เข้าใจว่าถามเพื่อได้คำตอบเพิ่อตอกย้ำตัวเอง และผู้คนส่วนใหญ๋ รวมถึง ทพ.สม เองเคยบอกไว้ว่า
3ขั้นตอนการสร้าง
1.ขอ
2เชื่อ
3.รับ(ให้รู้สึกว่าได้รับสิ่งนั้นแล้ว......ความรู้สึกที่ได้รับแล้วคือมีความสุข)
ขั้นตอนที่3.ยากที่สุดและอยู่ในกลลวงที่สุด นามธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่จะผ่านกลลวงได้มีชื่อว่า "จินตนาการ"(การทำงานสมองซีกขาวเกี่ยวกับความรู้สึกไม่ต้องการเหตุผล....อย่าถามหาเหตุผล!!!!)
จินตนาการ.....ไม่ต้องการความจริง....ในมุมมองส่วนตัว........มันเป็นจุดพบกันแบบพอดีๆ ระหว่าง คิดบวก,ผ่อนคลาย,ยืนกรานเป้าหมาย....และสำคัญอย่างที่สุดคือ..........ปล่อยวางผลลัพธ์!!!!

ในหลักสูตรที่ทำอยู่มีช่วงปฏิบัติการที่เชค.....จินตนาการ....เป็น/ไม่เป็น.........คือช่วงที่เข้าภังค์....ถ้ารู้สึกได้แบบที่วิทยากรบอกทุกอย่าง.......นั่นแปลว่าบุคคลนั้น จินตนาการได้

ยกตัวอย่างช่วงที่อยู่ในภวังค์ เค้าบอกว่าได้วางลูกเหล็กบนมือของเรา...แล้วเรารู้สึกหนักจริง มือเรามีอาการรับน้ำหนักเพิ่มทุกครั้งที่ตามจังหวะวิทยากรบอก.......นี่แปลว่าเรา...จินตนาการได้
.........หรือเค้าบอกให้เราเดินบนชายหาดมีลมพัดแรงมาก....เราก็จะได้ยินเสียงคลื่นดังมาก

สำคัญคือต้องเข้าภวังค์ให้ได้ก่อน

เท่าที่สังเกตุคือ คนที่ลังเลสงสัยตลอดเวลา ,จริงจังตลอดเวลา,ตื่นเต้นตลอดเวลา, หาความเป็นเหตุเป็นผลอยู่ตลอดเวลาคนกลุ่มนี้ เข้าภวังค์ไม่ได้....และจินตนาการไม่เป็น
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 01/01/2009
ดิฉันคงเป็นผู้ที่อ่านหนังสือน้อยกว่าหลายท่าน และด้อยซึ่งภูมิปัญญาไม่สามารถถกปรัชญาใด ใด เพียงแต่มีโอกาสนำแนวทางจากหนังสือหลายเล่มที่อ่านไปปฎิบัติรวมทั้ง หนังสือ 7 กฏด้านจิตวิญญาณด้วย และก็มีอยู่เล่มหนึ่งที่ทำให้ชีวิตดิฉันง่ายขึ้นและเห็นผลลัพธ์จริง คือมีความสุขสงบมากขึ้น มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริง จึงขออนุญาตนำมาแบ่งปัน

ถ้าคุณไม่เคยเห็นดอกไม้ที่สวยงาม หรือดวงอาทิตย์ตกที่ทอแสง อร่ามเรืองรอง และมีใครบางคนมาพรรณนาให้ฟัง คุณอาจตัดสินว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์(ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ!) แต่ขณะที่คุณมองเห็นภาพดังกล่าวด้วยตาตัวเอง และเริ่มต้นเรียนรู้บางสิ่งเกี่ยวกับกฎเกณท์แห่งธรรมชาติ คุณก็จะเริ่มเข้าใจว่าพวกมันก่อเกิดขึ้นได้อย่างไร ในที่สุดก็มองเห็นว่าเป็นสิ่งธรรมดาสำหรับคุณมากกว่าสิ่งมหัศจรรย์อันลึกลับ

ในวิถีแห่งจินตนาการสร้างสรรค์ก็เช่นเดียวกัน...กล่าวคืออะไรก็ตามที่ตอนแรกอาจดูเหมือนมหัศจรรย์หรือเป็นไปไม่ได้สำหรับจิตใจฝ่ายเหตุผลที่เต็มไปด้วยขอบเขตจำกัด แต่เมื่อได้เรียนรู้และฝึกปฎิบัติกับแนวคิดที่เกี่ยวเนื่องก็กลายเป็นความเข้าใจอย่างถ่องแท้

ขณะที่ทำเช่นนั้น...
อาจดูเหมือนว่าคุณกำลังก่อเกิดปาฎิหาริย์ในชีวิต... ซึ่งก็สามารถสร้างปาฎิหาริย์ได้จริง !!

จากหนังสือ จินตนาการสร้างสรรค์ ของ SHAKTI GAWAIN แปลโดยคุณทศยุทธ สนพ.เรือนบุญ ต้องขออนุญาตขอบคุณผู้เขียนผู้แปลและสนพ.ไว้ตรงนี้ด้วย เพราะมันทำให้ชีวิตดิฉันง่ายขึ้นจริงๆ

ด้วยความเคารพคุณนันท์ อ.วสันต์ และคุณแฟนพันธุ์แท้ รวมถึงผู้เป็นนักอ่านทุกท่าน

Jang
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 24/01/2009
ในความเห็นของผม คุณ jang อ่าน "ถูกเล่ม" แล้วจริงๆ โดยส่วนตัว ผมจัดกลุ่มให้หนังสือเล่มนี้ อยู่ในหมวดของหนังสือว่าด้วย "กฎแห่งการดึงดูด" (Law of Attraction) ที่กำลังฮิตกันไปทั้งโลก จากผลพวงของหนังสือ "The Secret" ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว หนังสือของ Shakti Gawain เล่มนี้ พิมพ์ออกจำหน่ายไปตั้งแต่ปี 1978 ก่อน The Secret ถึงเกือบ 30 ปี เลยทีเดียว และขายไปได้กว่า 6 ล้านเล่ม แปลไป 35 ภาษาทั่วโลก (ตามที่เขาได้โปรยข้อความไว้ที่ปกหน้า)

ในบรรดาหนังสือแนวนี้ที่ออกตามกันมา จนถึงขณะนี้ ผมว่าจะเป็นหลายร้อยเล่มแล้ว นั้น เล่มนี้ คือ "ของจริง" และผมจัดให้อยู่ใน TOP 5 ของหนังสือประเภทนี้

ขอชื่นชมคุณ jang ครับ ที่สามารถนำสิ่งที่ได้รับจากการอ่านไปปฏิบัติ จนทำให้ชีวิตง่ายขึ้น นับว่าคุณนั้น ทั้ง "เข้าใจ" และ "เข้าถึง" จริงๆ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 25/01/2009
คุณ Jang ครับ ภูมิปัญญามากมายที่ถกกันอยู่ไปมา ไม่มีทางมีค่าเท่าการนำไปปฏิบัติจริงครับ และได้เห็นเป็นตัวอย่างดังที่คุณ Jang ได้ประสบนั่นแหละครับ

สำหรับคนที่สามารถเลือกยกเนื้อความอันเป็นประเด็น ที่จะอธิบายว่าความมหัศจรรย์ที่แท้นั้นคือสิ่งใด ได้อย่างที่คุณ Jang ได้เลือกยกมาถ่ายทอดให้ได้อ่านกันนั้น ย่อมได้เห็นซึ่งสิ่งนั้นด้วยตนเองแล้วไม่มากก็น้อย ยินดีด้วยจริงๆครับ

เห็นด้วยกับท่านอาจารย์ว่า ถูกเล่ม แล้วครับ ฉบับภาษาไทยเล่มนี้พิมพ์นานมากแล้วน่าจะร่วม 10 ปี หายไปจากแผงนานมาก จนกลับมาวางใหม่ รู้สึกว่าพิมพ์ใหม่ปกคล้ายๆ เดิม ครับ ฉบับที่ผมมีจำได้ว่า โอปราห์ วินฟรีย์ เขียนไว้ว่า เธอได้นำไปใช้และเห็นผลที่เกิดด้วยตัวเธอเอง ไม่แน่ใจว่าพิมพ์ใหม่จะยังมีอยู่หรือเปล่า

ขอบคุณคุณ Jang ครับที่มาร่วมแบ่งปันกันนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 26/01/2009
ขอบคุณคุณนันท์ และอ.วสันต์ค่ะ ความสุขอย่างหนึ่งของดิฉันคือได้มีโอกาสแบ่งปันและการได้พูดคุยกับกลุ่มคนที่ถูกใจหรือปรารถนาที่จะคบคุ้น (กัลยาณมิตร) ตรงนี้เป็นมหัศจรรย์ในชีวิตที่ดิฉันได้รับ

ดิฉันผ่านการมีชีวิตที่ไม่สมบรูณ์แบบ มีหนี้สินมากมาย มีครอบที่หย่าร้าง หนังสือหลายเล่มทำให้ดิฉันได้มีโอกาสพลิกชีวิตใหม่ ทำให้มีอาชีพที่รัก ทำงานอย่างมีความสุข มีโอกาสได้ใช้หนี้ มีชีวิตใหม่อย่างสงบสุข ดิฉันไม่สันทัดในการพูดจาประสาปราชญ์ ไม่ได้ใฝ่หาธรรมะเพื่อบรรลุใด ใด ไม่ชอบไปวัด ไม่ได้พูดคุยกับผู้ที่ปฏิบัติธรรม วันนี้ของดิฉันคือรับผิดชอบต่อความสุขของตัวเอง มีสติอยู่กับปัจจุบัน ระวังความคิด ระวังคำพูด สวดมนต์ นั่งสมาธิ (เพื่อความสงบเย็นในจิตใจ มิใช่เพื่อเห็นสิ่งใดหรือเพื่อ บรรลุใด ใด ทั้งสิ้น) ยามสวดมนต์ก็ขอบคุณมากมายต่อทุกผู้คนทุกสรรพสิ่งอย่างเป็นสุข คุณนันท์ ก็เป็นคนหนึ่งที่ดิฉันระลึกถึงทุกครั้งยามสวดมนต์ เพราะคุณคือหนึ่งในผู้แปลหนังสือที่ดิฉันอ่านแล้วนำมาเป็นแนวทางเพื่อปฎิบัติ จนมีวันนี้ที่สงบเย็นดิฉันถือว่าความสุขของดิฉันวันนี้ คือความสำเร็จ

ขอบคุณความเป็นผู้รู้จริงและเสียสละเวลามาแบ่งปันแจกจ่ายความรู้เพื่อยังประโยชน์กับผู้คนในสังคมของโลกปัจจุบันของอ.วสันต์ ดิฉันก็แนะนำเพื่อนฝูงและน้องๆที่อ่านหนังสือเหมือนกันมาหาความรู้ในบอร์ดนี้ ขอบคุณสมาชิกทุกท่าน รวมทั้งคุณพรรณี(ดิฉันเป็นแฟนคลับท่าน)คุณแฟนพันธุ์แท้ คุณdadeedaและสมาชิกทุกท่าน ความเป็นของทุกท่านเป็นสังคมเล็กๆที่ก่อให้เกิดกำลังใจอันมหาศาลสำหรับดิฉันและคนที่ใกล้ชิดค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 27/01/2009
หนังสืออีกสี่เล่มที่ดิฉันขออนุญาตกล่าวถึงเพราะทำให้มีวันนี้ของดิฉันคือ พลังความรู้สึก ของลินน์ แกร็บฮอร์น อำนาจแห่งเจตนารมณ์ ของ ดร.เวย์น คัมภีร์สมใจนึก ของเอสเธอร์ และเจอรี่ ฮิคส์ รวยได้เกินใจฝัน ของโทมัส แอล พอเลย์ และ เพเนโลป เจ.พอเลย์ ทั้งหมดนี้เป็นของ สนพ.ต้นไม้
และขอรวบสองเทศกาลคือปีใหม่และตรุษจีน(อาจช้าไปนิด) เพื่ออวยพรให้คุณนันท์ ครอบครัวและทีมงาน อ.วสันต์ และสมาชิกรวมทั้งผู้ที่อ่านทุกท่าน มีความสุขได้รับทุกสิ่งที่ปรารถนานะคะ
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 27/01/2009
"วันนี้ของดิฉันคือรับผิดชอบต่อความสุขของตัวเอง มีสติอยู่กับปัจจุบัน ระวังความคิด ระวังคำพูด สวดมนต์ นั่งสมาธิ (เพื่อความสงบเย็นในจิตใจ มิใช่เพื่อเห็นสิ่งใดหรือเพื่อ บรรลุใด ใด ทั้งสิ้น) ยามสวดมนต์ก็ขอบคุณมากมายต่อทุกผู้คนทุกสรรพสิ่งอย่างเป็นสุข . . . จนมีวันนี้ที่สงบเย็น ดิฉันถือว่าความสุขของดิฉันวันนี้ คือความสำเร็จ "

ขอยืนยันความคิดของตัวเองอีกครั้งครับ ว่าผมไม่แปลกใจเลยจริงๆ ที่คุณ Jang จะได้พบความสำเร็จในความหมายที่มีค่ายิ่งในความเห็นของผม ขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณ Jang ได้กระทำให้ นี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับผม ที่เตือนให้ผมได้หมั่นระลึกถึงผู้อ่านทุกท่านด้วยใจอันสงบเช่นกัน

สำหรับหนังสือที่คุณ Jang พูดถึง ส่วนตัวผมได้อ่านสองเล่มครับคือ พลังแห่งความรู้สึกและคัมภีร์สมใจนึก อีกสองเล่มยังไม่ได้อ่านครับ

ขออวยพรตรุษจีนให้คุณ Jang มีความสุขสงบอันงดงามตลอดไปเช่นกันครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 27/01/2009
พูด และบรรยาย ให้คนเป็นร้อยเป็นพันฟังมาก็มาก แต่ละครั้งก็ได้สตางค์มากโขอยู่ แต่ไม่ค่อยได้อารมณ์ความรู้สึกที่ปิติแบบนี้เลยครับ แค่แบ่งปันความรู้เล็กๆ น้อยๆ แต่ผู้รับ กลับมีความรู้สึกได้ถึงขนาดนี้ นี่กระมังที่คุรุท่านบอกว่า "เมื่อนักเรียนพร้อม ครูก็จะปรากฏตัวขึ้น!"

ขอบคุณคุณ jang ครับ การแสดงความรู้สึกของคุณเช่นนี้ออกมา มันดีมากๆ กับผม และผู้คนในเว็บบอร์ดนี้

หนังสือ สามในสี่เล่ม ที่คุณ jang ว่ามา เป็นหนังสือที่ผมจัดอันดับไว้ใน TOP 5 ตามที่ได้กล่าวก่อนหน้านี้ ที่เหลืออีกเล่มหนึ่ง คงไม่ต้องบอก ก็คงจะทราบโดยทั่วกันว่า คือ "7 กฎ ด้านจิตวิญญาณฯ" ของดีพัค โชปรา นั่นเอง ยินดีด้วยอีกครั้ง ที่ "พวกเรา" อ่านหนังสือกันได้ "ถูกเล่ม" แล้ว!

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 28/01/2009
แล้วอีกเล่มนึงคืออะไรเหรอครับอ.วสันต์(ใช่โชค ดวง ความบังเอิญฯ)รึเปล่า(แหมเชียร์จัง ก็ผมว่ามันโดน!นี่)
แต่ผมเดาได้เลยที่คุณjangว่ามาอ.วสันต์บอก3ใน4เล่มที่TOP5 เล่มที่ไม่ใช่สงสัยจะเป็นรวดได้เกินใจฝันแน่เลยใช่ไหมครับอาจารย์เพราะผมก็รู้สึกไม่ค่อยชอบแนวการเขียนของเขาเหมือนกันอ่านแล้วรู้สึกยังไงไม่รู้ ไม่ค่อยดีเท่าไร
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 28/01/2009
ต้องขออนุญาตตอบคุณนิก(น่าจะรุ่นน้องเลยไปทางหลานด้วยซ้ำ) อย่างที่เรียนให้ทราบว่าดิฉันไม่ถนัดในการ ถกหรือวิเคราะห์แนวปรัชญาใดๆทั้งสิ้น แต่หนังสือแนวที่คุณนิกบอกว่าไม่ชอบ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกสาวของดิฉันสอบติดมหิดล ..ด้วยแนวคิดแบบง่ายๆๆ ท่ามกลางครอบครัวที่ไม่พร้อมในสังคมปัจจุบัน เราสามแม่ลูกไม่ใช่นักถกนั่น ถกนี่ แต่ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสุขสงบ ลูกสาวคนเล็กก็แค่เป็นเด็กดี ที่สอบเป็นที่หนึ่งของสายมาตลอด บ้านเราค่อนข้างโลวเท๊กซ์ แต่เราไม่เคยต้องดิ้นรนอะไรมาก เรารู้จักพอในสิ่งที่เรามีอย่างเป็นสุข เราไม่เคยทะเลาะกัน ลูกทั้งสองก็เป็นเด็กกตัญญูอย่างที่ควรจะเป็นและนี่คือเรื่องหนึ่ง แห่งความสำเร็จในชีวิต ที่ดิฉันเป็นสุข...ดิฉันสอนลูกไม่ให้ตัดสินใครหรือสิ่งใด ไม่เอาความชอบหรือไม่ชอบในแง่ถูกใจมาตัดสินใครหรือจัดลำดับใคร

ดิฉันมีความรู้ที่น้องๆขยันวิเคราะห์ไม่มากนัก อาจเพราะอ่านน้อยกว่าบางท่าน และเป็นเพราะมัวแต่มุ่งปฎิบัติและฝักใฝ่ในการทำมาหากินอย่างเป็นสุข ทำครอบครัวให้พ้นจากความทุกข์ร้อนอ่อนแอ ทั้งสภาวะทางการเงิน หน้าที่การงานและจิตวิญญาณ สอนลูกให้มีสัมมาคารวะหมั่นสวดมนต์นั่งสมาธิ ดูแลสุขภาพทั้งกาย และหมั่นออกสุขภาพจิต ที่เหลือก็เอื้อเฟื้อและแบ่งปัน อยู่กับสังคมแบบฝึกฝนยกระดับทั้งจิตใจตัวเองและผู้อื่น

การตัดสินใจเข้ามาร่วมพูดคุยในบอร์ดนี้ก็ด้วยเจตนาเป็นตัวอย่างที่มีตัวตนจริง ที่นำแนวทางในหนังสือไปปฎิบัติจนเห็นผลอย่างจริงจัง และเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้คนที่ยังลังเลสงสัย มิใช่มีเวลามากมายนัก โดยส่วนตัวก็ชอบแบ่งปันแต่ไม่ติดในวิพากย์วิจารณ์ใคร ในสังคมปัจจุบันเค้าวิพากย์กันเยอะแล้ว มันไม่ได้ทำให้จิตสงบ ดิฉันสอนลูกและคอยเตือนตัวเองให้ระวังความคิด ระวังวาจา รวมทั้งระวังการกระทำ

หนังสือรวยได้เกินใจฝันทำให้ครอบครัวของดิฉันคิดได้หลายอย่างจึงนำมาบอกกล่าวเพื่อให้บางคนที่เน้นนำไปปฎิบัติในแนวทางที่ถูกอรรถรสนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ บ้านดิฉันไม่เน้นแข่งขันจัดอันดับ แต่คงต้องขอบคุณอ.วสันต์อีกครั้งที่บอกลำดับมาเพื่อทำให้ดิฉันมีกำลังใจ ว่าได้อ่านหนังสือที่มีคุณค่า
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 28/01/2009
แม้ว่าที่บ้านอาจมีหนังสือไม่มาก แต่เราอ่านบางเล่มเกินหนึ่งรอบ หนังสือ โชค ดวง ความบังเอิญ ดิฉันอ่านไปพร้อมกับลูกสาวเพราะลูกเรียนวิทย์ ส่วนดิฉันจบศิลป์ภาษา ลูกทั้งสองพยายามอธิบายเรื่องควันตัมฟิสิกส์ให้ฟังอย่างเข้าใจง่ายขึ้น แล้วคุณนิกทราบมั้ยว่า หนังสือ 7กฎของดร.ดีพัค ลูกสาวคนเล็กของดิฉันอ่านกี่รอบ รอบแรกเธอบอกว่าหน้าปกน่าอ่านขออ่านตามแม่ รอบที่สองอ่านเพราะดิฉันส่งต่อให้เค้า รอบอื่นๆไม่ทราบเหตุผล แต่ล่าสุดเธอมาเล่าว่าคุณพ่อของเธอ(ซึ่งเราแยกกันอยู่) ถูกล้วงกระเป๋าหมดไปหลายและรวมทั้งค่าเทอมของเธอด้วย เธอบอกกับดิฉันว่าลูกไม่รู้จะคิดอย่างไร ลูกก็เลยหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านอืกครั้ง และนี่คือความสำเร็จของดิฉันที่มีลูกรู้จักเอาจิตวิญญาณรอด ไม่ใช่ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดแล้วทำไมดิฉันจะไม่สวดมนต์ระลึกถึงคุณนันท์ เพราะท่านเป็นผูแปลหนังสือที่มีคุณค่า วันนี้ดืฉันไม่เป็นทุกข์กับอนาคตด้วยความห่วงใยลูกเพราะดิฉันรู้ว่าเค้าอ่านหนังสืออะไร เค้าคบกับใคร ดิฉันจึงรู้ว่าอีก5ปีเค้าจะเป็นอย่างไร

ดิฉันให้ลูกเข้ามาอ่านในบอร์ดนี้ด้วยแล้วทำไมดิฉันจะไม่ขอบคุณอ.วสันต์ เพราะท่านแบ่งปันความรู้ที่มีคุณค่า สังคมตรงนี้น่าเรียนรู้และคบคุ้นนัก หลายท่านทำให้ยามค่ำคืนก่อนนอนของดิฉันไม่น่าเบื่อเพราะดิฉันต้องคอยนึกไว้ว่าใครอีกนะ ที่ดิฉันยังไม่ได้ขอบคุณ ไม่ได้ระลึกถึง และอวยพรให้

ดิฉันติดใจโคลงโลกนิติที่อ.วสันต์เคยนำมาลงไว้ในกระทู้ เรื่องด่วนของคุณนิก ขอทวนซ้ำ

รู้น้อยว่ารู้มาก เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ในสระจ้อย
ไป่เห็นทะเลไกล กลางสมุทร
นึกว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำลึกเหลือ

ขอบคุณ เยาวชนอย่างคุณนิกที่ฝักใฝ่ถูกทาง กล้าคิด กล้าถาม เอาเวลามาแบ่งปันอย่างสร้างสรรค์ ขอบคุณทุกท่านในที่นี้รวมทั้งคุณผู้ซึ่งรักการอ่านทุกท่าน

ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 28/01/2009
กำลังน้ำตาซึม...ซาบซึ้งสิ่งที่คุณ jang ได้รับค่ะ
ชอบใจที่คุณjang บอกว่า...เจตนาที่เค้ามาเพื่อบอกว่ามีตัวตนจริง(ที่ฝึกแล้วได้รับประโยชน์จริงๆ)
ซึ่งอันนี้..คนไทยส่วนใหญ๋จะไม่ค่อยมีแสดงออกตรงนี้ เพราะกลัวการวิพากษ์วิจารณ์
และที่ผ่านมาในเว็บบอร์ดนี้ คุณแฟนพันธ์แท้ รู้สึกเหมือนว่า มีตัวเองแสดงเป็นหน้าม้าอยู่คนเดียวเลย

ในตอนแรกนึกไว้ว่าคุณjangน่าจะเป็นเด็กๆ ใสๆ ที่พึ่งเริ่มต้นทำงานซะด้วยซ้ำ คาดไม่ถึงเลยว่ามีประสบการณืชีวิตมากมาย ที่สำคัญผ่านมรสุมชีวิตด้วยตัวเอง อย่างเข็มแข็งและสง่างามมาก

ขอชื่นชมจากใจจริงค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 28/01/2009
ขอร่วมเห็นด้วยกับคุณjang เกี่ยวกับคุณนิกค่ะ
เว็บบอร์ดนี้ได้รับข่าวสารที่ทันสมัยมากมายที่เป็นประโยชน์จากคุณนิก

แต่ขณะเดียวกันเวลามีการถกข้อมูล,เปรียบเทียบสำนักพิมพ์
ทำให้เกิดรู้สึกสัมผัสว่า.......คุณเข้ามาผิดช่องรึเปล่า???
ช่องอัตตา(เปรียบเทียบ/แข่งขัน)
หรือจิตวิญญาณ(มุ่งการทำประโยชน์....มองเห็นทุกอย่างเชื่อมโยงและเป็นหนึ่งเดียวกัน)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 28/01/2009
ผมก็พึ่งให้ลูกสาวได้อ่านที่คุณ Jang เขียนมาครับ

ผมขออนุญาตคัดลอกเนื้อความจากกระทู้ "surrender" หน้า 11 มาฝากคุณแฟนพันธุ์แท้ครับ

"จงเห็นคนอื่นทุกคนเป็นแสงสว่าง ทุกๆ คน มีชีวิตอยู่ในแสงสว่างเดียวกัน . . จงเตือนตัวเราว่า คนทุกคนกำลังทำดีที่สุดแล้ว จากระดับจิตสำนึกของเขาเอง"
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 28/01/2009
อ่านข้อเขียนของคุณjang ที่แบ่งปันกันแล้ว ยังไม่รู้จะกล่าวอะไรค่ะ

เงียบ.........................

ซึมซับทุกอณูความรู้สึก

อึ้ง ทึ่ง ซาบซึ้ง อิ่มเอิบ

ขอบคุณคุณjangมากมายจากใจที่เข้ามายืนยันภาคปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกับคุณแฟนพันธุ์แท้

คุณแฟนพันธุ์แท้คะ dadeeda ยังเน้นอ่านมากกว่าเน้นฝึก พอบอกตัวเองให้นั่งสมาธิ สวดมนต์ ก็จะบอกตัวเองว่าขี้เกียจ ขออ่านก่อนได้มั้ย ติดอ่านหนังสือมาก บางทีหลับคาหนังสือ และทุกวันนี้ไม่จำเป็นจะไม่ขับรถเลยค่ะ เพื่อที่จะนั่งรถเมล์รถตู้หรือรถไฟฟ้าเพื่อที่จะได้มีเวลาอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นไปอีก รู้สึกมีสุขกับช่วงเวลานั้นๆ มาก

แต่ถ้าเป็นการฝึกในแบบอื่น เช่น ฝึกตามลมหายใจ ฝึกตามอารมณ์ตัวเอง ฝึกการยอมรับ ฝึกระงับความโกรธ รู้เท่าทันอารมณ์โกรธก่อนที่มันจะบานปลาย ต่างๆ นี้ที่สามารถหลอมรวมในจังหวะชีวิตได้ก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่เร่ง แต่รับรู้ถึงมันค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 28/01/2009
ที่จริงตั้งใจว่า จะแค่อ่าน และซึมซับความซาบซึ้งใจ จากข้อคิดของคุณ jang เท่านั้น คิดว่าไม่จำเป็นต้องแสดงความเห็นอะไรอื่นอีก (เพราะบางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไปอยู่เหมือนกัน ในทุกเรื่อง) แต่ก็รู้สึกว่าควรต้องแสดงความรู้สึกดีๆ อะไรสักหน่อย ขอบคุณคุณ jang นะครับ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 29/01/2009
อาจารย์คะ แม้มนุษย์เกิดมาเท่าเทียมและยิ่งใหญ่เสมอกันหากมีหน้าที่แตกต่างกัน หากเปรียบเป็นดอกไม้ก็ต่างชนิดและสีสัน ดิฉันก็มีหน้าที่ความรับชอบต่อตัวเองและสังคมตามที่ดิฉันพึงทำ หากแต่หน้าที่ของอาจารย์คือพูด..และมอบความรู้มากมายให้แก่ทุกพื้นที่ในชีวิตของอาจารย์ ดิฉันและลูกรวมทั้งคนใกล้ชิดโชคดีที่มีโอกาสรับความรู้จากอาจารย์เช่นกัน หากวันใดอาจารย์พูดน้อยลงหรือหยุดพูด ดอกไม้ทั้งหลายซึ่งหมายถึงดิฉันด้วยคงเหี่ยวเฉา

คุณแฟนพันธุ์แท้ เป็นแบบอย่างให้ดิฉันกล้าที่จะก้าวออกมา กล้าที่จะลดละตัวตนเพื่อยอมรับการถูกวิพากษ์บ้าง เมื่อไรที่คุดคู้อยู่ในจุดเดิมย่อมมองไม่เห็นสิ่งสะท้อนจากสังคมและเสียโอกาสในการฝึกฝนมองดูตัวตนว่ามีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนบ้าง ดิฉันชื่นชมคุณแฟนพันธุ์แท้มาตั้งแต่เริ่มเข้ามาอ่านใบอร์ดนี้ ดิฉันยังหาหนังสือบางเล่มที่คุณแฟนพันธุ์แท้มาแบ่งปันไว้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ได้แต่คอยกลับไปอ่านทวนข้อความที่คุณแฟนพันธุ์แท้เอามาลงไว้ให้

ดิฉันเริ่มอ่านหนังสือแนวนี้จริงจังตั้งแต่ปี 46 เล่มแรกคือ พลังแห่งความรู้สึก และได้มีโอกาสโทรฯพูดคุยกับคุณวันชัยมาเป็นระยะ ในตอนต้นก็เป็นเหมือนคุณdadeeda คืออยากอ่านตลอดอ่านอย่างเดียวไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น อ่านแล้วรู้สึกสบายใจ ไม่ค่อยได้นั่งสมาธิหรือสวดมนต์ แต่พออ่านไปมากๆก็ เริ่มซึมซับและลงมือปฎิบัติไปเองโดยไม่รู้ตัวค่ะ ซึ่งรู้สึกได้ว่าง่ายกว่าการตั้งใจวางหนังสือลงแล้วตั้งหน้าตั้งตาปฎิบัติ

ความเป็นของทุกท่านคือมหัศจรรย์ในสังคม การที่เราวิ่งหาความสำเร็จใด ใด ไม่ใช่มีผลเพื่อตัวเอง แต่มีผลต่อทุกผู้ทุกนามบนโลกใบนี้ ..ขอขอบคุณ ทุกท่านแทนลูก พวกพ้องและเพื่อนฝูงของดิฉันค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 29/01/2009
คุณ jang ครับ
- ดีใจจังเลยครับ ทำให้ผมนึกถึงแม่ ของผมอยู่ในตอนนี้ ซึ่งผมนั้นเริ่มถ่ายทอดเรื่องราวแนวจิตวิญญาณให้กับท่านอยู่เสมอ และแม่ก็เริ่มอ่านหนังสือบางเล่มที่เเนะนำให้ไปแล้ว
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 29/01/2009
คุณ jang ครับ ผมแค่อยากจะกล่าวว่า คำพูดของคุณที่ว่า "วันนี้ของดิฉันคือรับผิดชอบต่อความสุขของตัวเอง" เป็นประโยคที่ช่วยปัดเป่าเรื่องราวและความสับสนหลายๆอย่างในหัวของผมได้มากมายจริงๆครับ
หากจะนับอายุการอ่านหนังสือแนวนี้ ตัวผมอาจจะถือได้ว่าน้อยที่สุดในบอร์ดแห่งนี้ก็ได้ และไม่คิดว่าตัวเองมีความรู้มากพอจะถกปรัชญาใดๆ ได้เช่นกัน ผมจึงได้แต่นั่งอ่านซึมซับความรู้และการปฏิบัติจากทุกๆท่านในที่แห่งนี้เท่านั้น
ตัวผมเริ่มอ่านหนังสือ เพราะผมมีความทุกข์ในใจ แค่เหมือนอยากหาที่พึ่งพิงทางใจ พออ่านหนังสือบ่อยเข้าๆ รู้สึกเหมือนมันค่อยๆซึมซับ แล้วทุกๆอย่างมันก้ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ คงเพราะกระบวนการคิดและวิธีมองโลกของตัวเองเริ่มเปลี่ยนแปลง สิ่งต่างๆรอบตัวก็ดูจะเปลี่ยนตามจริงๆ แม้ในตอนนี้ทุกๆอย่างมันยังไม่ดีถึงที่สุดก็จริง แต่สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ก็คือ การรับผิดชอบความสุขของตัวเอง อย่างที่คุณกล่าว พอผมอ่านแล้วมันรู้สึกว่า ใช่!! นี่แหละทางที่เราพยายามเดิน
ผมอ่านกระทู้นี้แล้วผมประทับใจมากจริงๆ ครับ ไม่รู้จะกล่าวเป็นความรู้สึกอย่างไรดี
ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณนันท์ที่เป็นผู้สร้างพื้นที่ที่เป็นที่โอนถ่ายพลังงานและความรู้สึกดีๆ แห่งนี้ขึ้นมา ผมยังรู้สึกอยู่ตลอดว่าผมโชคดีที่หนังสือแปลของคุณมาถึงมือผมในช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะจริงๆ อีกทั้งยังมีหนังสืออีกหลายๆเล่มที่ทุกท่านในที่นี้เคยกล่าวไว้ ซึ่งผมไปลองหาอ่านและมันเกิดประโยชน์กับตัวผมเองมากๆครับ
ต้องขอขอบคุณและขอมอบความปราถนาดีแก่ทุกๆท่านด้วยใจจริงครับ
ชื่อผู้ตอบ : Dream ตอบเมื่อ : 29/01/2009
ด้วยความยินดี และมีความสุขอันงดงามร่วมกันครับคุณ Dream
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 29/01/2009
ตามมาอ่าน ตอบของแม่แจงงงงง

อิอิ คุรแม่แนะนำหนังสือให้หนูเยอะมากเลย
แล้วทุกเล่ม มันดีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย

ขอบคุณคุณแม่มากๆเลยค่ะ ....
จินตนาการสร้างสรรค์ เป็นเล่มโปรดที่ฟางวางไว้ที่หัวเตียง
ไว้อ่านก่อนนอน แล้วก็ทำสมาธิตามแบบฝึกหัด

^^
ชื่อผู้ตอบ : Fangly ตอบเมื่อ : 10/05/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code