กดทับหรือเบิกบาน.....จิตใจคุรุจิตวิญญาณ
มีความคิดเห็นหลายคนเข้าใจว่า ถ้าจะเดินตามเส้นทางของ คุรุ ได้นั้นจะต้อง ลด ละ เลิก และอยู่ในข้อห้ามมากมาย ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่นั้นมักได้รับความคิด ความเชื่อ ในหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นศาสนา หรือได้รับจากการมอง เห็นการปฏิบัติ และสังเกตุ และตัดสินจากสิ่งที่ได้เห็นเท่านั้น ( ภายนอก ) ซึ่งก็ยากที่จะหาคำตอบว่าเส้นทางความรู้สึกที่แท้จริงแล้วนั้น ภายในของคุรุ นั้นรู้สึกอย่างไร
ถ้าให้ตีความจากการเห็นเพียงแต่ภายนอกนั้น จาก การปฏิบัติ เห็นจากกิจวัตร มีหลายความเห็นรวมทั้งตัวผมเองด้วยว่า เส้นทางการเป็นคุรุในทางจิตรวิญญาณนั้น ช่างหนักหนาแสนสาหัส อย่างยิ่ง
ไหน จะต้องอดทนสิ่งต่าง ๆ ต้องตัดความสบาย หลายอย่างออกไปอยู่เสมอ และต้องหยุดความต้องการ หลาย ๆ สิ่ง สังคมวงกว้างก็เลยตีค่าเป็นบรรทัดฐานไว้เลยว่า ผู้ที่อดทนได้มากที่สุด ทนต่อความยั่วยุได้นานที่สุด ปฏิเสธความต้องการและความสะดวกสบายได้ ทุกอย่างที่สุด ผู้นั้น อยู่บนเส้นทาง คุรุ ซึ่ง ทำให้หลายคนนั้น ท้อและรู้สึกว่า เส้นทางนี้ ช่างอยู่ ไกลเกินเอื้อมเสียจริง
มีข้อคิดเห็นที่ผมนั้น เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า แท้จริงแล้วจิตของคุรุนั้น หาได้ถูกกดทับ หรือต้องทนจากความปราถนาไม่ แต่......เป็นจิตที่ตื่นรู้ต่างหาก...เป็นจิตที่เต็มแล้ว.......พอแล้ว ...รู้แล้ว เช่นเดียวกับ ร่างกายที่อิ่มอาหารแล้ว ต่อให้มีอาหารรสเลิศที่ตนเองนั้นชอบมากแค่ไหน ก็สามารถถอยห่างได้ อย่างไม่เสียดายอะไร หรือห่วงหาอาลัยไม่ เพราะว่า มิได้ตัดสินว่า ดี หรือ ไม่ดี แล้วจึงเลือกแต่เกิดจากการ พอแล้ว เช่นเดียวดั่งกับเด็กนั้น ที่เมื่อโตขึ้น จึงปฏิเสธของเล่นต่าง ๆ ที่แม้ว่าเคยชอบมากก็ตาม แต่ว่าเพราะโตแล้วเกินกว่าที่จะอยากเล่น
.........ซึ่งถ้าเพียงแต่เราสังเกตุเห็นเพียงแต่ตานั้นเราอาจจะดีความผิดได้ เพราะการตีความว่า ตัด ลด ละ เลิกนั้น ให้ความรู้สึกถึง ความอึดอัด กดดัน ต่อต้านธรรมชาติ แต่อย่างหลังให้ความรู้สึกถึงการเคลื่อนออกห่าง รื่นรมณ์ กว่ากันเยอะ ......มีเรื่องราวของการเพียงแต่สังเกตุเห็นแต่ตา แต่ว่าตีความผิดตัดสินคิดไปเองอยู่เหมือน......เรื่องของพระพุทธเจ้านั้น ช่วงแรกหลังจากที่ออกบวชแต่ยังไม่ได้บรรลุนั้น พระองค์ได้เคยลองวิธีการบำเพ็ญทุกข์กิริยา โดยการ อดอาหารหลายวันจนร่างกายนั้นซูบ ผอม ซึ่งก็ได้มีสานุศิษย์ท่านหนึ่งในเวลานั้นก็ได้เฝ้าดูติดตามความเคลื่อนไหวอยู่เช่นกันว่าท่านนั้นจะบรรลุได้เวลาใด ....จนเมื่อพระองค์นั้นเห็นว่าการอดอาหารนั้นไม่น่าจะใช่ทางที่จะสามารถบรรลุได้ จึงหยุดวิธีอดอาหาร แล้วใช้วิธีอื่นแทน ซึ่งก็ทำให้สานุศิษย์ท่านนั้น ถึงกับไม่พอใจ ดีความว่า พระองค์นั้นได้ล้มเลิกที่จะบรรลุ หรือยกเลิกเอากลางคัน หรือไม่ก็เป็นผู้ไม่จริงจัง แล้วก็ผิดหวังได้ขอจากไป......แต่หลังจากนั้น เมื่อพระองค์ได้พบทางที่ถูกต้องแล้ว......ศาสดาของพุทธศาสนาก็บังเกิดขึ้นนับแต่นั้นเป็นตนมา.....
หลายครัง ผมนั้นมีจิตคิดมอง ดั่งเช่นสานุศิษย์ท่านนั้นของพระองค์เช่นกันที่ตัดสิน คิดเห็นแต่ภายนอก แล้วใช้ระดับความคิดปกติมองดู แล้วตัดสิน ว่าเส้นทางที่จะบรรลุ ในการเป็นคุรุ ได้นั้น ต้องมาจากการพยายาม ข่ม ตัด ลด ละ เลิก บีบ อดทนอย่างมากถึงแม้ว่าจะลำบากแค่ไหนก็ตามต้องไม่แสดงออกมาจนกลายเป็ฯนิสัยความเคยชิน แต่หาได้คิด เอะใจว่า ภายใต้สถานการณ์นั้น ที่ว่าคุรุได้ประสพอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความลำบากทางกาย เดินเท้าเปล่า บนดิน หิน กรวด รับอาหารสู่ร่างกาย เพียง 1-2 มื้อรวมถึงกฎระเบียบอีกหลายอย่างที่แสนวุ่นวาย หลายข้อ แถมยังต้องสำรวมกิริยาในทุกสถานการณ์อีก คุรุ ทั้งหลายกลับ สงบนิ่ง เยือกเย็น เบิกบาน แถมยังพบรอยยิ้มที่ริมฝีปากได้ อยู่ตลอดเวลา ทุกสถานการณ์ ที่ดูเหมือนว่าถ้าเป็นบุคคลธรรมดานั้นคงจะยากเกินจะทนได้.....
.........แล้วท่านทั้งหลายล่ะ .....คิดว่าภายใต้ท่าทีสงบนิ้งของคุรุนั้น ..ท่านคิดว่าจริง ๆ แล้วจิตใจของคุรุนั้น.....ถูกกดทับหรือว่าเบิกบานอยู่ภายใน.....


- อ้างอิงจากเนื้อหาของหนังสือ สนทนากับพระเจ้า 1-2
- ได้แรงบันดาลใจจากการตอบคำถามในหัวข้อก่อนหน้านี้ ( สะดุ้งตื่นกลางดึกนึกขึ้นว่าอยากจะบรรยายเนื้อหานี้ )
ปล..ขอบคุณเจ้าของพื้นที่น่ะครับทีให้พื้นที่อิสระได้แสดงความคิดเห็น
ชื่อผู้ส่ง : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ถามเมื่อ : 17/12/2008
 


เป็นการคอนเฟิร์ม กับสิ่งที่พึ่งถูกบอกว่า
หนทางนิพพานนั้น......ไม่ได้ยากและไกลแบบที่เคยคิด
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 17/12/2008
ถ้าตัดสินจากตัวเรา "ท่านคงลำบาก" ถ้าถามท่าน คงบอกว่า "สบายดี"
ยินดี แล ะเจริญธรรม ครับ คุณนีโอ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 17/12/2008
"...พระตรัสว่าเด็กน้อย หน่อเนื้อเวไนย..."

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 18/12/2008
อนุโมทนาครับ สำหรับความจริงที่นำมาเผื่อแผ่ครับ
ชื่อผู้ตอบ : พีระพงศ์ ตอบเมื่อ : 18/12/2008


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code