จาก "Creating Affluence" ถึง "7 Spiritual Laws of Success"

จำได้ว่าคุณแฟนพันธุแท้เคยเอ่ยถึงหนังสือเล่มนี้ไว้ (ที่ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมผู้แปลเขาจึงออกเสียงชื่อผู้เขียนว่า "ทีปัก โจปรา" แทนที่จะเป็น "ดีพัค โชปรา" ที่เราคุ้นหู และคุ้นเคย)

ที่ใคร่แสดงความเห็น ก็คือ หนังสือ "Creating Affluence : Wealth Conciousness in The Field of All Possibilities" (หรือในชื่อภาษาไทยว่า "เส้นทางสู่ความมั่งคั่ง" แปลโดย คุณรดาพร หงษ์ทอง..ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นญาติกับคุณ Karn หรือเปล่า?..สนพ.อัมรินทร์) นั้น เป็นหนังสือที่โชปราเขียนขึ้นก่อน "เจ็ดกฎฯ" และก่อนเพียง 1 ปี เท่านั้น (Creating Affluence พิมพ์ปี 1993 ส่วน 7 กฎฯ พิมพ์ปี 1994) โชปราเองก็อ้างอิงงานเขียนของเขาเล่มนี้ไว้ใน 7 กฎฯ ด้วย โดยบอกว่าเป็นหลักการเดียวกัน แต่เขาได้นำมาจัดหมวดหมู่ เรียบเรียงประเด็น และลำดับขั้นตอนของเนื้อหาเสียใหม่ เพื่อให้เป็นระบบ และเข้าใจง่าย (ในเล่มแรก เขาถึงกับกำชับผู้อ่านว่า หนังสือของเขามีเนื้อหาที่เข้มข้นมากเป็นพิเศษ ต้องอ่านอย่างช้าๆ และอ่านทีละน้อย อ่านซ้ำๆ หลายๆ เที่ยว ทั้งๆ ที่ถ้าคะเนดูด้วยสายตา เล่มแรกนั้นมีเนื้อหาที่น้อยกว่า และตัวเล่มของหนังสือบางกว่าเล่มหลังด้วยซ้ำไป)

ประเด็นที่น่าสนใจ (สำหรับผม) ก็คือ เหตุใดเพียงปีเดียวเท่านั้น โชปราถึงได้นึกขึ้นได้ว่าควรเรียบเรียง ลำดับเนื้อหาเสียใหม่ (ซึ่งเขาทำได้ถูกต้องแล้ว เพราะ 7 กฎฯ นั้น กลายเป็นหนังสือขึ้นหิ้งไปเลย ในขณะที่เล่มก่อน ไม่ดังเปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร) อาจเป็นไปได้ว่าเขาได้รับการสะท้อนกลับจากผู้อ่าน จึงกลับมาปรับปรุงเสียใหม่ และที่เป็นไปได้มากที่สุดอีกประการหนึ่ง ซึ่งพวกเราจะได้รับข้อคิดจากปรากฏการณ์นี้ ก็คือ แม้แต่คุรุ ระดับดีพัค โชปรา ก็ยังต้องใช้เวลาในการคิดใคร่ครวญ เพื่อจัดระบบในการนำเสนอ ในการถ่ายทอด เสียใหม่ หากเห็นว่าของเก่ามันอาจสับสน เข้าใจยาก

ดังนั้น พวกเราที่กำลังเรียนรู้สัจธรรมต่างๆ แต่ไม่รู้ว่าจะถ่ายทอดสิ่งที่เรารู้ เราเข้าใจไปให้ผู้อื่นฟังได้อย่างไร ก็คงไม่ต้องท้อใจ ใช้เวลา "ย่อย" ใช้เวลา "แยกแยะ" ใช้เวลา "ตกผลึก" อีกสักระยะ ก็อาจพบวิธีการได้เอง แม้ว่าอาจต้องใช้เวลานานกว่าผู้ที่เป็นคุรุก็ตาม

ชื่อผู้ส่ง : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ถามเมื่อ : 16/12/2008
 


เห็นด้วยครับ เพราะโชค ดวง ความบังเอิญ เนื้อหาเพิ่มขึ้นจาก 7กฏเยอะมากทีเดียว เพราะทิ้งระยะห่างไปตั้งประมาณ10ปี(โชค ดวง วางขายในอเมริกาปี2003) แล้วโชปราเสน่ห์อย่างแรงของเขาก็คือเนื้อหาแต่ละเล่มนี้แทบไม่ซ้ำกันเลย และตีความภาษาสันสกฤตได้ดีมากๆ แถมโชปรายังไปหาพระสูตรและหลักการทั้ง7เพื่อลิขิตชีวิตอย่างประจวบเหมาะ คำว่าSynchrodestiny เนี่ยผมไม่เคยเห็นในเล่มอื่นเลยและชอบเล่มนี้มาก ใครมีความเห็นว่ายังไงกับคำนี้บ้างครับ synchro-เนี่ยนำหน้าคำไหนแปลว่าสิ่งนั้นสอดคล้องประสานกัน นำหน้าคำว่า destiny ก็เลยเป็นโชคชะตาเกิดขึ้นอย่างประสานสอดคล้องกัน โชคชะตาพาเราไปในสภาวะที่สูงขึ้นเรื่อยๆน่ะครับ กำลังอยากทำตามเล่มนี้มากเลย แต่เห็นคุณนพรัตน์เอาไปให้พระท่านหนึ่งดูแล้วบอกว่าของดีพัคจะพาไปค้างเติ่งที่ระดับฌานเลยกลัวๆยังไม่ค่อยกล้าทำ ถึงมาปรึกษากันในเว็บนี้ว่าใครทำแล้วเป็นยังไงบ้าง ก็อยากรู้คำตอบน่ะครับ เพราะตอนนี้จากที่อ่านหนังสือมามากใจมันก็รู้สึกไม่อยากทำตามสักเล่มยกเว้นโชค ดวงฯเนี่ยแหละครับ
























ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 16/12/2008
สวัสดีครับทุกๆท่าน

นมัสเต....ครับคุณนิก
ผมมาขออณุญาติแชร์ข้อมูลกับคุณนิกจากหนังสือ โชค ดวง ความบังเอิญฯ ด้วยคนครับ ผมได้อ่านเล่มนี้มาจากคุณนิกแนะนำไว้ที่นี่ สำหรับผมในเนื้อหาบางช่วงก็มาประจวบกับชีวิตผมเองอย่างดี แต่สิ่งที่น่าลุ้นน่าติดตามมากไม่แพ้เนื้อหาในหนังสือ ก็คือ การไขรหัสลับของคุณนิกเอง ผมก็เลยอดไม่ได้ที่ขออณุญาติเชื่อมโยงคุณนิกกับเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ เอาเป็นว่าผมลองอ่านที่ผมคาดเดาดูเพลินๆนะครับ

การที่คุณนิกเป็นนักอ่าน-วิเคราะห์ และแนะนำหนังสือทางจิตวิญญาณที่น่าทึ่ง เป็นสีสรรโดดเด่นมากๆโดยที่ผ่านมาคุณนิกก็ได้ทำให้ผม(ซึ่งนานๆจะอ่านซักเล่ม)ได้รับความรู้จากการแนะนำเนื้อหาเบื้องต้นในการตัดสินใจก่อนไปซื้อมาอ่านไว้อย่างมากมาย และก็มากมายซะจนผมยังแอบสงสัยไม่ได้ว่า คุณนิกกำลังอยู่ตรงไหนในรายชื่อหนังสือเหล่านั้น? จนมาถึงหนังสือโชค ดวง ความบังเอิญฯ ที่ดูคุณนิกจะให้ความสำคัญในการทดลอง ปฏิบัติตาม ผมว่านี่คงเป็นสัญญาณบอกใบ้ใน “บทบาทของเหตุบังเอิญ” ที่กำลังส่งตรงมาหรือเปล่าคุณนิก?

ผมขออนุญาต ยกข้อความที่ผมขอคาราวะน้อมรับอย่างเต็มเปี่ยมของคุณนีโอ ซึ่งสร้างความกระจ่างแจ้งและคลอบคลุมอย่างที่สุด ที่ว่า (ตามความคิดของผมนั้นสภาวะนี้ จะเกิดขึ้นได้เอง รับรู้ได้เองโดยที่ไม่ต้องการคำอธิบายหรือคำยืนยันจากใครหรือสิ่งใด แม้กระทั่งให้อธิบายเป็นคำพูดยังอธิบายได้ยากเลย บอกได้เลยว่าไม่น่าจะมีคำอธิบายที่ครอบคลุมเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันเป็นเรื่องค่อนข้างปัจเจกชนจริงๆแต่ถ้าอยู่ในสภาวะนั้นได้เมื่อไหร่เราจะรู้ได้เองว่ามันมาถึงแล้ว ซึ่งมันไม่น่าจะสามารถเข้าสู่สภาวะนี้ได้ด้วยวิธีอ่าน หรือใช้ความคิดได้อย่างเดียวนะครับ ใช้ความความคิดคงไปไม่ถึง คงต้องใช้ความรู้สึกที่อยู่เหนือตรรกะ เหนือเหตุผล นั้นหมายความว่าเราคงต้องยอมทิ้งบางอย่างไปก่อน ก่อนที่จะรับสิ่งใหม่เข้ามา)

คุณนิกครับ..พระสูตร เราสามารถรับรู้และมีสภาวะนี้ได้เองโดยธรรมชาติถ้าเรา ฝึกปฏิบัติจิตให้ว่างในการทำสมาธิ ในการที่คุณนิกมีพรสวรรค์ เป็นนักอ่านหนังสือมากมายเล่มต่อเล่มที่มีข้อมูลมหาศาลและก็อ่านเพิ่มอีกได้ง่ายดายนั้น อันนี้เป็นเจตนารมณ์ที่ชัดและวิเศษแบบไม่ธรรมดาอยู่แล้ว และผมว่าสิ่งนี้ต้องเป็นนัยยะถึงหน้าที่อะไรบางที่อย่างที่น่าจะมาถึงจุดค้นหาคำตอบ และทำไมต้องมาคลิ๊กที่”หนังสือโชค ดวง ความบังเอิญฯ”ซึ่งนี่ก็น่าจะเป็น รหัสของคำใบ้ที่ถูกส่งมาให้คุณนิก

-เจตนารมณ์(คุณนิกมีชัดแล้ว),
-บทบาทของเหตุบังเอิญ(ต้องหนังสือโชค ดวง ความบังเอิญฯ?)
-การทำสมาธิและมนตรา(รอให้คุณนิกไขคำตอบ)

และถ้าเริ่มฝึกอย่างจริงจัง ที่หัวใจของแม่บทของจิตวิญญาณ คือการ”ฝึกจิตให้ว่างในการทำสมาธิ”ดังเช่นกูรูหลายๆท่านที่นี่ จะเป็นการจะนำไปสู่ความ กระจ่างแจ้ง, กลมกล่อม, กลมกลืนเหมาะสม กับในแต่ละบทบาทหน้าของทุกๆชีวิต สมาธิจะสร้างพระสูตรให้เกิดขึ้นเองและเป็นไปในตัวเราเองโดยธรรมชาติ อันนี้ต้องลองดูครับ
เจตนารมณ์ที่ชัดอยู่แล้ว พอมีการฝึกสมาธิให้จิตว่างอย่างสม่ำเสมอ คุณนิกจะมีคำตอบที่ชัดแจ้งถึงหน้าที่และบทบาทแห่งชีวิตว่า อันที่จิตวิญญาณฉันมาอยู่ในกายเนื้อนี้ โดยฉันเป็นผู้ที่มีความสามารถและพรสวรรค์แสนพิเศษอย่างยิ่งยวดในการใฝ่รู้ การอ่าน- การวิเคราะห์หนังสือ ได้ฉับไวง่ายดายและมากมายขนาดนี้ นี่กำลังจะบอกอะไร? ฉันมีหน้าอะไรในโลกใบนี้?

ผมขอเปรียบเทียบเล่นๆว่าตรงนี้จะทำให้ คุณนิกนั้น มองบรรดาหนังสือที่ผ่านตาและรายล้อมคุณนิกอันมีข้อมูลที่เก็บอยู่อัดแน่นมากมายมหาศาลในขณะนี้นั้น จะถูกจัดเรียงเป็นจิ๊กซอร์ตัวต่อ และเมื่อนำเล่มต่อเล่มมาประกบไปตามรอยต่อ ก็จะปรากฏภาพขนาดใหญ่แบบแปลตัวอักษรในสนามกีฬานะครับที่มีข้อความแจ้งให้รู้ โดยที่คุณนิกจะยืนดูอยู่บนที่สูงและมองลงมาด้วยความปลอดโปร่ง อ่านข้อเฉลยที่บอกถึงหน้าที่ส่วมอบของชีวิตอย่างเข้าใจ และคำเฉลย(ผมลองยกตัวอย่างดู)ก็อาจจะเป็นว่า

“ก็ฉันคือผู้ที่มาเพื่อสร้างหนังสือแนวจิตวิญญาณที่ดีที่สุดอีกเล่มหนึ่งของโลกไง”

การฝึกจิตว่าง(สมาธิ) ถ้าในทางโลกแบบผมที่ต้องใช้ชีวิตทั่วไป จะนำไปสู่การจัดหมวดหมู่ของเรื่องราวในแต่ละชีวิตที่ซับซ้อนหรือทับถมอยู่ของเรา สู่การเรียงลำดับ สู่การสรุปแจ้ง สู่การมองปัญหาแบบไม่เป็นปัญหา และเดินหน้าต่อแบบมีความสุข เมื่อคุณนิกต้องอ่านหนังสืออย่างมากมายต่อๆไป หนังสือเล่มไหนที่ว่าอ่านแล้วและเคยคิดว่าไม่เข้าท่า การวิเคราะห์จะเปิดกว้างและเป็นไปในลักษณะของการค้นหาข้อดีในข้อเสีย และเราจะได้อะไรจากตรงนั้นเสมอ ความไม่เห็นพ้องหรือขัดแย้งจากหนังสือบางเล่มก็จะเชื่อมโยงไปสู่ข้อกระจ่างที่แยบยลและดียิ่งๆขึ้นไปเสมอ จากใจที่สบายๆ
ในที่สุดก็ต้องมารอลุ้นว่า....ถ้าคุณนิกตัดสินใจจะเริ่มต้นในวัยที่ยังสดใหม่ ที่แม่บท คือการฝึกจิตว่าง(สมาธิ) เป็นบทแรก สิ่งที่ยิ่งใหญ่อะไรหนอ จะเกิดขึ้นกับวงการหนังสือแนวจิตวิญญาณของโลก?...ยิ้มๆๆๆๆครับผม

ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 17/12/2008
ทั้งเข้าใจคิด เข้าใจจริง ดีจัง ครับคุณโก้
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 17/12/2008
ขอบคุณมากครับคุณโก้ที่จุดไฟให้จิตวิญญาณผม ผมชื่นชอบแนวการเขียนของ james redfeild ในหนังสือกว่า10เล่มของเขาที่เขาเอาความลับที่สำคัญของจิตใจและจิตวิญญาณมนุษย์รวมถึงกฏธรรมชาติที่ทำให้จิตวิญญาณมนุษย์ยกระดับขึ้นสู่ตัวตนที่แท้จริงและเชื่อมโยงกัน ซึ่งในcelestine prophecy นั้นมีความลับและคำทำนาย9ข้อ แต่james เข้าใจนำมาเขียนเป็นนิยายเรื่องเยี่ยม เกี่ยวกับพระเอกตามล่าหาความลับและไปเจอคัมภีร์เร้นลับในแดนที่ไม่คาดคิด แต่ก็ต้องเผชิญอุปสรรคในการเผยแพร่ความลับนั้น อะไรอย่างนี้น่ะครับ ผมก็เลยคิดอยากเขียนหนังสือแนวจิตวิญญาณเร้นลับนี้บ้าง ยังคิดเลยว่าจะนำโครงเรื่องของหนังสือของดีพัค โชปรามาเขียนเป็นนิยาย
ผมก็คงคิดว่าหนังสือโชค ดวง ความบังเอิญฯคงจะมาบอกใบ้ถึงชะตาชีวิตที่แท้จริงของผมน่ะครับ รวมทั้งหนังสือcelestine prophecyด้วย
มีเรื่องนึงสงสัยครับคุณโก้ คุณโก้บอกถ้าทำสมาธิแล้วพระสูตรจะมาเองโดยธรรมชาติหมายความว่าไม่ต้องท่องพระสูตรหรือครับ?
ผมว่าโชค ดวงฯให้อะไรผมหลายอย่าง
1.คือ ผมคิดว่าผมไม่สามารถนำจิตสำนึกตอนนี้ของผมนำสิ่งที่ผมต้องการอย่างถูกต้องทางจิตวิญญาณได้ มาเรียน วิลเลียมสันท์ บอกไว้ใน the retune to love ว่า มนุษย์สามารถได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการอย่างแหงๆอยู่แล้ว เพราะพลังจิตของมนุษย์นั้นมีมากมายมหาศาล แต่จะเป็นการดีกว่ามั้ยถ้าจะให้ความปรารถนานั้นตรงกับอะไรที่พระเจ้าหรือจิตวิญญาณของเราต้องการ ตรงกับbeyond the secretที่บอกว่ากฏแห่งการดึงดูดจำเป็นต้องเอามาใช้ในสิ่งที่จิตวิญญาณต้องการไม่ใช่อัตตาต้องการ เพราะจิตวิญญาณจะทำให้ให้พัฒนาความปรารถนาให้สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่อัตตาจะวนความต้องการ และความหิวโหยของมันอยู่กับการเสพติดสิ่งเดิมๆ ถึงจะสมหวังตามแนวเดอะซิเคร็ตแล้วก็ไม่พอสักทีจะเอาอีกอยู่ร่ำไป
ผมจึงคิดว่าจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่งดงามและถ้าดนตรี หรือนวนิยายที่กลั่นออกมาจากจิตวิญญาณที่แท้จะต้องงดงาม สร้างสรรค์ ไม่หยาบโลนหรือมอมเมา และจรรโลงจิตวิญญาณยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นไม่ยั่วยุทำลายแน่นอนครับ
ชื่อผู้ตอบ : นิก(ผู้คลั่งไคล้จิตวิญญาณ โดยหลักการที่งดงาม) ตอบเมื่อ : 17/12/2008
นม้สเต เช่นกันครับคุณโก้

- ดีจังเลยครับ คำอธิบาย ผมคนหนึ่งล่ะครับ ที่รอฟังเรื่องราวต่อจากนี้ไปของคุณนิกอยู่ เป็นกำลังใจให้อยู่เสมอครับ.....ด้วยรักจากใจจริงครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 17/12/2008
สวัสดีคุณโก้ครับ และขอขอบคุณสำหรับประโยชน์ที่นำมาฝากครับ
ชื่อผู้ตอบ : พีระพงศ์ ตอบเมื่อ : 17/12/2008
เป็นความคิดที่ดีนะครับ ที่จะเอาโครงเนื้อหาหนังสือของ โชปรา ไปเขียนเป็นนิยาย ขอส่งแรงใจเชียร์ คุณนิกครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 17/12/2008
ขอบพระคุณ และสวัสดีครับคุณนีโอและคุณพีระพงศ์ ผมขอนมัสเตทั้งสองท่านอย่างจริงใจ คุณทั้งสองทำให้ผมได้แต่ ได้แต่ โอโห! อือหือ! ว้าว! อู้ว! และก็คำนับ งับๆๆๆ ครับผม สุดยอดๆๆๆๆๆจริงๆครับ


ครับคุณนิก...ก็มาไขรหัสลับกันต่อ ขอบคุณครับ..ผมคงไม่สามารถขนาดจุดไฟให้คุณนิกได้ เพราะคุณนิกก็มีแสงอยู่แล้ว แต่ผมเพียงมาแสดงความนึกคิด ซึ่งกึ๋นผมคงสู้คุณนิกไม่ได้แต่อาศัย แก่ เอ้ย!เก๋ากว่า ฮ่าๆ เอาเป็นว่าพี่มาคุยกับน้องเพลินๆก็แล้วกันครับแล้วถ้าส่วนไหนมันน่าลองก็ว่ากันไปเนาะ

คุณนิกครับ พระสูตรทั้ง 7 นั้น ในความหมายที่ผมวิเคราะห์ดูเอง ที่ดูจะหรุหน่อยในความคิดผมก็คือ การใช้จิตวิญญาณ:ปรับปรุง เสริมสร้างสร้างอุปนิสัยตัวเราให้สมบูรณ์พร้อม เพื่อการดำรงอยู่อย่างสมดุลย์ในโลกแห่งอัตตา หรือภาษาบ้านแบบพี่บอกน้องก็คือ:การพัฒนาตนทั้งภายในและภายนอกเพื่อความสุขสมหวัง
1.คุณเป็นระรอกคลื่นในผืนผ้าแห่งจักรวาล
ใช้จิตวิญญาณ...วิเคราะห์-ค้นหา ความต้องการที่แท้จริงเพื่อก้าวไปสูความสำเร็จในโลกแห่งอัตตา
2.ฉันค้นพบตัวตนไร้ที่ตั้งโดยผ่านกระจกแห่งความสัมพันธ์
ใช้จิตวิญญาณ...วิเคราะห์-ปรับปรุงอุปนิสัยเพื่อการดำรงอยู่อย่างสอดคล้องกลมกลืนในโลกแห่งอัตตา
3.เป็นนายภายในจิตใจของคุณ
ใช้จิตวิญญาณ...วิเคราะห์ อุปนิสัยเพื่อการดำรงอยู่อย่างรู้สติในการเคารพตนเองและผู้อื่น
4.เจตนารมณ์ถักทอม่านแห่งจักรวาล
ใช้จิตวิญญาณ...วิเคราะห์และส่งหนทางแห่งความปรารถนาอันสมบูรณ์มาให้(จากที่สรุปความต้องการและปล่อยวาง)มาให้..
5.กุมบังเหียนความแปรปรวนทางอารมณ์ของคุณ
ใช้จิตวิญญาณ...วิเคราะห์ สภาวะอารมณ์เพื่อการมีสติรู้สู่สมดุลย์ทางอารมณ์
6.ฉลองการร่ายรำของจักรวาล
ใช้จิตวิญญาณ...วิเคราะห์หาต้นแบบเพื่อสร้างตัวตนให้มีเอกลักษณ์
7.การรู้ทันกลอุบายของความไม่น่าจะเป็นไปได้
ใช้จิตวิญญาณ...วิเคราะห์ สิ่งต่างๆที่ผ่านมาเพื่อการประมวลผลไปสู่ความสำเร็จ

-ทำสมาธิแล้วพระสูตรจะมาเองโดยธรรมชาติหมายความว่าไม่ต้องท่องพระสูตรหรือครับ?
-โดนรวมประมาณนั้นครับ..สมาธิจะทำให้คุณพี่(อัตตา)แกลดบทบาทและเบาเสียงการตีฆ้องร้องเป่า ไม่เอะอะวุ่นวาย อยู่อย่างเงียบๆ และเปิดประตูให้คุณจิตวิญญาณบรรเลงเพลงแห่งความดีงามในทางสร้างสรรค์ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะสมาธินั้นจะชะล้างจิตใจให้ผ่องแผ่วปลอดโปร่งแจ๋วแหว๋วแต่หนักแน่น เกิดปัญญา เกิดการสร้างสรรค์ เกิดแรงบันดาลใจ รู้ถึงการดำรงและวางตัวอยู่อย่างสอดคล้องกลมกลืน มันคลอบคลุมโครงสร้างของพระสูตรไปในตัวอยู่แล้วครับ..........จะมีก็แค่ในข้อ4.ที่เราต้องสร้างความต้องการแล้วส่งกลับเข้าไป เพื่อทำสมาธิในรูปแบบของความนึกคิดเฉพาะเจาะจง(มโนภาพ) แต่ไงก็ดีถ้าเราถ้าเรามีฝึกจิตว่างก่อนเพียงอย่างเดียวแล้ว ความต้องการที่ใส่เข้าไปนั้นจะมาจากความเหมาะสมถูกต้องเสมอซึ่งจะหนาแน่นไปด้วย ตรรกะ
-แต่ถ้าคุณนิกจะเน้นท่องพระสูตรก่อนก็ได้ทั้งนั้น การกระจ่างก็จะอยู่ในสมาธิเช่นกันครับ

ตามที่คุณนิกและ ที่คุณพี่มาเรียน วิลเลียมสันท์ กล่าวว่า
-ผมคิดว่าผมไม่สามารถนำจิตสำนึกตอนนี้ของผมนำสิ่งที่ผมต้องการอย่างถูกต้องทางจิตวิญญาณได้
-แต่จะเป็นการดีกว่ามั้ยถ้าจะให้ความปรารถนานั้นตรงกับอะไรที่พระเจ้าหรือจิตวิญญาณของเราต้องการ
ความปรารถนาในที่นี้ ก็คือคำถามของพรสวรรค์ที่เรามีอยู่(ก็คุณจิตวิญาณให้ติดตัวมา)ถ้าคุณนิกต้องการให้เกิดความสมบูรณ์อันจะนำไปใช้ในการสร้างสรรค์ที่ดีงามสูงสุด....อันนี้สบายๆครับ ในช่วงที่ปล่อยให้มีสภาวะว่างหรือมีการทำสมาธิ หรือก่อนนอน ปล่อยคำถามทิ้งไว้
(จากพรสวรรค์ที่ฉันมีอยู่ในร่างมนุษย์นี้ ฉันสมควรที่จะได้รับสิ่งใดเพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่แสนวิเศษ?)

ทีนี้คุณนิกก็ปล่อยวาง ปล่อยให้จิตวิญาณส่งความปรารถนาที่ถูกต้อง ส่งสัญญาณหรือสำแดงเดชออกมาในรูปแบบของแรงดลใจ แรงบันดาลใจ สังเกตคำใบ้หรือเหตุบังเอิญที่ทำให้สะดุดใจเราดังเช่นที่คุณนิกคลิ๊ก!กับหนังสือโชคดวง เช่นอยู่ๆก็มีอะไรโน้มน้าวใจ เช่นทำไมอยากเจอหน้าพี่โก้จัง พอเจอปุ๊ปก็อ๋อ!นี่ไง ต้นแบบพระเอกสุดหล่อลากกไปตามดิน ที่จะใช้ในการเขียนหนังสืออะไรอย่างเงี้ย..เงี้ย..เงี้ย!!!!

ปล่อยวางสำหรับการสร้าง....ให้แบ่งเวลาให้ตัวเองในการเปิดรับแรงบรรดาลใจ และรับข้อมูลเดิมจากหนังสือให้น้อยลง
หรือจะงด!รับข้อมูลสักสองสามวันต่อสับดาห์ ในสองสามวันนั้นหยุดอ่านหยุดคิดข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับหนังสือแนวนี้ ไม่ต้องหาเหตุเชื่อมโยง ไม่ต้องแม้แต่วิเคราะห์ สองสามวันนั้นจะไม่มีนิกนักอ่านแนวจิตวิญาณ แต่จะเป็นนิกเฉยๆ ให้ใช้เวลาในวันนั้นไปกับการทำอะไรที่มันเป็นวัยของเรา ไปเล่นเกมส์,ไปดูหนัง,ไปนั่งริมน้ำ หรือสวนสาธารณะ ดูนกมันบิน ดูหมาวิ่งไล่กัดคน หรือในห้างสรรพสินค้า มองดูผู้คนดูสาวเดินผ่านไปมา มองดูสิ่งรอบๆตัว ให้ใจมันเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย ไร้การตัดสินใจ คือให้มันเงียบจากข้อมูลหนังสือ จดบันทึกในสิ่งที่รู้สึกอยากเขียน

คุณนิกมาถึงจุดนี้ โดยภาพรวมแล้ว ผมคะเนดูจากคำบอกใบ้ ผมว่าจิตวิณญาณ นำความต้องการหลักของคุณเองมาให้แล้ว คุณนิกอาจไม่สังเกตุว่าจิตสำนึกของคุณนั้นส่งคำถามอย่างเงียบๆมา จากที่คุณนิกใส่แต่ข้อมูลการอ่านจนอัดแน่นมากมาย และแล้ว หนังสือโชค ดวง ความบังเอิญฯ ก็วางผลึบ!ลงมาให้เห็นชัดเจน ชัดเจนขนาดไหน?อืม.. ก็ขนาดสะกิด นิกเทอร์โบ ให้เหลียวหลังได้ละกัน จากนั้นคุณนิกก็ประกาศหาผู้ร่วมชะตากรรม!เอ๊ย! ผู้ร่วมวิเคราะห์ทดลอง นี่ก็แสดงว่าจิตวิญญาณของคุณนิกส่งคำตอบที่ต้องการ ต้องการอะไร?ถ้าคะเนจากความผูกพันของคุณนิกจากหนังสือโชค ดวง ความบังเอิญฯ ผมว่า จิตวิญาณต้องการวางรากฐานเพื่อให้เกิดการประมวลผล การปรับปรุงพัฒนาเพื่อความสมบูรณ์พร้อมของตัวคุณนิกเอง ในการมีสัญลักษณ์ มีเอกลักษณ์ รูปแบบเฉพาะของตนเอง มีรูปทรงของภาษาที่เป็นของคุณ เพื่อนำไปสู่การผลิตที่สร้างสรรค์ในวันเวลาที่เหมาะสมต่อไป(แต่ไอเดียแนวการเขียนที่คุณนิกเล่ามาเจ๋งมากเลย)

ไหนๆก็ไหนแล้ว ผมขออณุญาติคุณนิก ถึงแม้จะเพิ่งได้ทักทายกัน แต่เอาเป็นว่าในฐานะพี่คุยกับน้อง (พี่เองแอบมารับความรู้ จากที่รวมบุคคลชั้นยอดณ.ที่นี่ พี่เองก็อยู่ในฐานะนักเรียนหลังห้อง คือไม่คอยจะมีความรู้ในด้านการอ่านใดๆเลย แต่ชอบแอบดูเวลาหลายๆท่านแชร์ข้อมูล ซึ่งก็ทึ่งแล้วทึ่งอีกกับหลายๆครั้งในเนื้อหาชั้นเทพ และพอได้ที่กะเค้าบ้างพี่ก็แอบย่องไปซื้อมาแกะๆคลำๆไปเรื่อยๆ)
และที่ผ่านมาพี่ได้สัมผัสคุณนิกจากข้อมูลข่าวสารที่มาส่งมอบ ใหม่สดจากเต่า น้องเป็นคนเชื่อมั่น ข้อมูลเร็วและแรงดังพายุ ข้อมูลฟันโชวะๆเต็มหน้าตัก ครบเครื่อง (หลายครั้งพี่อ้าปากค้าง ทำได้ไงฟระเนี่ย?)น้องฉลาดและเก่งอย่างน่าทึ่ง น้องรักในจิตวิญาณที่งดงามและสร้างสรรค์ มีพื้นฐานของจิตใจที่ดีงาม เป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่ง
และการปรากฏตัวณ.ที่แห่งนี้ของน้องก็ทำให้หลายๆท่านตะลึงในความสามารถที่ไม่ธรรมดาของเทวดาหนุ่มน้อยชื่อนิก แต่เทวดาหนุ่มน้อย ก็ทำให้ตกใจกับการวางตัวในบางจังหวะเวลาอันควร ที่อาจมาจากความร้อนแรงที่ไม่เจตนาแต่คงไม่ทันใคร่ครวญให้มากลึกซึ้ง ที่พี่เน้นก็เพราะตรงนี้เป็นจุดสำคัญในหลักการของพระสูตรที่น้องปรารถนาจะฝึกปรืออยู่แล้ว
................อัตตาในโลกนี้ที่ยิ่งใหญ่งดงาม และเปี่ยมพระคุณสูงเหลือคณานับดั่งจักรวาลและอัตตานี้พร้อมจะให้และเกื้อหนุนเราโดยไม่มีข้อแม้ เราควรอย่างยิ่งในการรักษาไว้สืบไป คือการศิโรราบในขอบเขตอันศักดิ์สิทธิ์ ของความเป็นผู้เยาว์และผู้อาวุโส ซึ่งอัตตานี้เป็นสิ่งที่ยกจะระดับความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐให้มีแต่ความเจริญยิ่งๆขึ้น

มาถึงขณะนี้หลายๆท่านที่นี่ กำลังรอดูวันเวลาที่จะเห็นเทวดาหนุ่มน้อย มีปีกสง่างามพร้อมเหาะเหินโบยบินไปในจักรวาลอันยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับโลกแห่งหนังสือแนวจิตวิญญาณ
แต่จะดีมั้ยครับ?ถ้าปีกของเทวดาหนุ่มน้อยผู้นี้ จะได้รับมอบติดประดับพร้อมคำอวยพรและความรักความเมตตาจาก พระหัตถ์...ขององค์เทวดาเทพนักปราชญ์ผู้อาวุโสของเรา

ยิ้มๆ....จากใจที่หวังดีของพี่โก้

ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 19/12/2008
ครับเพิ่มเติมสำหรับสมาธิ
ถ้าคุณนิกไม่พร้อมที่จะทำสมาธิอย่างเป็นทางการแล้ว วิธีที่ดีเป็นการปรับแบบธรรมชาติให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวัน....ช่วงแรกนี้ ในระหว่างวันก็เพียงหมั่นสังเกตการณ์หายใจของตัวเอง ในทุกเวลาที่นึกขึ้นได้ ให้หายใจเข้า-ออกยาวขึ้น จากนั้นก็มารู้ว่ากำลังหายใจออก กำลังหายใจเข้า ไม่มีอะไรทำก็นั่งสังเกตไปทำไปเรื่อยๆ เราจะสังเกตได้นานขึ้น เราจะเพิ่มการพินิจพิจารณาตัวเรามากขึ้นไปเองว่า เช่นตอนนี้ขาพาดคอ เอ้ย!พาดเก้าอี้อีกตัวอยู่นะ แขนอยู่ไหน อ๋อแขนกำลังกอดอกอยู่,ตอนนี้เรากำลังเคี้ยวข้าวอยู่นะ,เรากำลังพูดเสียงดังหรือเบาอยู่ ,อืม...เรากำลังโกรธอยู่นะ โกรธ อ๋อ!ชื่อโกรธๆๆๆๆๆๆแล้วกลับมาที่ลมหายใจยาวต่อไป (ถ้าเราไม่นึกในเนื้อเรื่องก็จะโกรธต่อไม่ได้) ถ้าเราคุมลมหายใจได้ เราก็จะควบคุมทุกอย่างไปได้เอง และถ้าจะเริ่มนั่งสมาธิอย่างเป็นทางการแล้วละก็ จะลื่นไหลอย่างสบาย เพราะเรา ได้ฝึกระลึกรู้มาเรื่อยๆแล้ว

อันเพื่อทุกท่านเลยครับ เป็นเคล็ดที่ผมค้นพบจากสาเหตุที่สังเกตุเวลาจับของร้อนแล้วมือดีดกลับ ก็เลยลองแบบเพี้ยนๆของผมเองที่อยากเล่นจะสนุกกับจิตใต้สำนึก
คือใช้จิตใต้สำนึกเปิดเป็นธนาคารอารมณ์
ในช่วงที่เรารู้ตัวว่าอารมณ์อยู่ในขณะที่ต้องการบันทึก เช่นอารมณ์คึกคัก หรือ มีความสุขอารมณ์ฮึกเหิม หรือ ผ่อนคลาย หรืออื่นๆที่มีประโยชน์ ก็นำอารมณ์ไปฝากสะสมในธนาคารจิตใต้สำนึกไว้เรื่อยๆ วิธีก็คือ(กล่าวในใจถึงชื่ออารมณ์ที่เกิดขณะนั้น สั้นๆง่ายๆ เช่น ผ่อนคลายๆๆๆๆๆหรือ ความสุขๆๆๆๆๆพูดซ้ำๆ)

ครับ...ทำไปบ่อยๆพอเวลาเรียกใช้ก็ให้เบิกโดยชื่ออารมณ์นั้น ธนาคารจิตใต้สำนึกก็จะจ่ายอารมณ์นั้นออกมา ในรูแบบที่ฝากไว้ เช่นตอนฝากนั้นรู้ตัวว่าอยู่ตัวว่ากำลังอารมณ์สดใสมากๆ ร่างกายตอบสนองที่หัวใจอะปิ๊ปๆ ก็ฝากไว้ ในชื่อ สุขๆๆๆๆๆๆ พอเบิกใช้ เราเรียกสุขก็จะมาพร้อมกับหัวใจอะปิ๊ปๆลองดูนะครับ

ยิ้มๆๆๆจากใจให้ทุกท่านครับผมครับ

ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 19/12/2008
ผมขอ license เปิด ธนาคารอารมณ์ สาขานึงนะครับ คุณโก้
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 19/12/2008
พี่โก้(ขออณุญาตเรียกครับ) ล้ำลึกทั้งเนื้อหา และวิธีการแนะนำครับ เปี่ยมไปด้วยเมตตา ความอ่อนน้อม และพลังงานบวกครับ นับถือจากใจจริงครับ
ชื่อผู้ตอบ : พีระพงศ์ ตอบเมื่อ : 19/12/2008
ชื้นใจ และใจชื้น ขึ้น .......ครับ คุณโก้......
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 20/12/2008


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code