เห็นด้วยกับคุณพีระพงศ์ครับที่หนังสือแนวกฏแห่งการดึงดูดเนี่ยรู้สึกจะมีมากจนกลายเป็นการตลาดเน่าเฟะมากไปหน่อย ซึ่งทำให้ยึดติดได้มากเหลือเกิน ซึ่งบอกตามตรงครับว่าตอนนี้ผมชอบอ่านแนวจิตวิญญาณมากกว่าแนวกฏดึงดูดหรือจิตใต้สำนึกมากทีเดียวเพราะอยากได้ใช้ชะตาชีวิตที่แท้จริงแบบที่จิตวิญญาณของเราที่รู้มากกว่ากิเลสของเราเนี่ยมันพาไปน่ะครับ แล้วก็รู้สึกชื่นชมถึงความงดงามของหนังสือแนวจิตวิญญาณของดีพัค โชปรา ดร.เวย์น โอโช่ หรือสนทนากับพระเจ้ามากที่เดียวเพราะมันทำให้ผมเข้าใจว่าความบันเทิงเริงรมณ์กับเทพนิยาย ดนตรี ศิลปินพวกนี้ไม่ขัดกับจิตวิญญาณ
ต้องขอโทษอย่างสูงครับอาจารย์วสันต์ที่ใส่อารมณืมากเกินไปหน่อย ผมอาจจะยังไม่มีวุฒิภาวะจริงที่อาจารย์ว่าผมไว้ในบทกลอนนั่นแหละครับ คือผมอาจจะเหมือนต่อต้านมากไปซึ่งต้องทำให้ต่อต้านน้อยลงหน่อยจะได้เจอของดีอย่างที่คุณนันท์ว่าแหละครับ แต่ผมจำได้ที่อ.วสันต์บอกต้นแบบของอาจารย์คือ พระสรัสวดี ราฟด์ วัลโด อีเมอร์สัน ซึ่งถ้าทายไม่ผิดน่าจะเกี่ยวกับเรื่องนักปัชญาใช้ไหมครับ ผมหาต้นแบบแล้วก็รู้สึกว่าต้นแบบของผมคือเชคสเปียร์ จอห์น คีทส์ผู้รังสรรค์วรรณกรรมที่งดงามให้ประจักษ์ตาแด่คนทั้งโลก แล้วก็วอลส์ ดีสนีย์ที่ให้ความสุขและสนุกสนาแก่เด็กๆรวมทั้งคนหนุ่มสาว ความคลาสิกของสิ่งต่อไปนี้จับจิตวิญญาณผมอย่างมาก ผมจึงhurtพอสมควรที่หนังสือแนวจิตวิญญาณบ้านเราบอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องผิดบาปแถมศิลปินต้งตกนรก ซึ่งมันไม่ยุติธรรมกับความสร้างสรรค์ของพวกเขา ก็เลยระบายออกมาเป็นว่าหนังสือจิตวิญญาณบ้านเราขาดแคลนซึ่งในที่นี้ผมก็เลยไม่ได้นับของพุทธด้วยเพราะกระเทือนใจเรื่องนี้แหละครับ
ส่วนที่ผมแย้งอาจารย์วสันต์เรื่องควันตัมเพราะผมเข้าใจว่าอาจารย์คิดว่ามันออกแนวไปทางอัตตามากไปหน่อยซึ่งผมคิดว่ามันสนับสนุดความเชื่อมโยงระหว่างสรรพสิ่งด้วยซ้ำ ที่ไหนได้อาจารย์หมายถึงคนที่หมกมุ่นเรื่องนี้มาก ผมไม่ได้ตีความให้ดีต้องขอโทษอย่างสูงครับ |
ชื่อผู้ตอบ :
นิก(ผู้คลั่งไคล้จิตวิญญาณ โดยหลักการที่งดงาม) |
ตอบเมื่อ :
16/12/2008 |