ส.ค.ส.2552 แด่ชาวนันท์บุ๊ค

"เจ็ดกฎด้านจิตวิญญาณอันล้ำค่า
ที่ดีพัค โชปราได้รังสรรค์
แปลเป็นไทยได้งดงามเกินรำพัน
โดยบุรุษชื่อนันท์ วิทยดำรง

หนังสือเล่มเล็กเล็กเพียงเล่มเดียว
แต่โน้มเหนี่ยวดั่งมีมนต์คนไหลหลง
เกิดชุมชนคนค้นหาเจตน์จำนง
สัจจธรรมสูงส่งจิตวิญญาณ

ดังหนุ่มน้อยวัยละอ่อนหนอนหนังสือ
เขาใช้ชื่อให้เรารู้ว่า "ผู้อ่าน"
"แฟนพันธุ์แท้" ผู้จ่อจดกฎจักรวาล
ผู้เชื่อมโยงสื่อสารเทพเทวา
แว๊บแว๊บมาทายทักน่ารักยิ่ง
คือผู้หญิงชื่อดี๊ดี "dadeeda"
คุณ "นพรัตน์" ประหวัดกอล์ฟเชิงวิญญา
เฝ้าค้นคว้าการสอดรับกอล์ฟกับใจ
พลิกชีวิตจากเทนนิสสู่จิตลึก
เขาชื่อ "karn" หลอมผนึกทางสายใหม่
หนุม "นีโอ" ศิษย์พันธุ์แท้มาแต่ไร
เขาหลงไหลการสวดมนต์ภาวนา
ส่วนหนุ่ม "นิก" ผู้คลั่งไคล้ต้นไม้จัง
แม้เข้ามาทีหลังเสียงดังกว่า
นั่นหนุ่ม "โก้" ขาประจำ SOGR
ก็เข้ามาร่วมแสดงร่วมแบ่งปัน
คุณ "หนึ่ง" มาให้เห็นเป็นระยะ
มาพบปะพร้อมยิ้มยิ้มให้สุขสันต์
และโมเสสเวสสันดรคือคุณ "นันท์"
ช่างขยันตอบกระทู้ไม่รู้คลาย

เป็นเจ้าบ้านที่ยอดเยี่ยมไร้เทียมเทียบ
ไม่อาจเปรียบกับสิ่งใดหรือใครได้
เปิดเวทีที่เปิดกว้างอย่างสบาย
คนทั้งหลายล้วนยินดีมีที่ทาง
มีเห็นด้วยเห็นแย้งและเห็นเพิ่ม
มีเห็นเติมเห็นแยกเห็นแตกต่าง
มีเห็นเด่นเห็นชัดเห็นรางราง
เห็นหลายอย่างเห็นบางส่วนชวนกันยล

ประชาคมเล็กน้อยกระจ้อยนี้
ไฉนมีพลังอย่างน่าฉงน
เรื่องยิ่งใหญ่เริ่มได้จากคนสองคน
นั่งลงสนทนากันอย่างสุนทรีย์

ในวาระดีถีขึ้นปีใหม่
ขออำนวยอวยชัยให้น้องพี่
แฟนนันท์บุ๊คสุขเกษมและเปรมปรีดิ์
จงสนุกทุกวิถีที่เดินทาง"

ชื่อผู้ส่ง : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ถามเมื่อ : 09/12/2008
 


ด้วยความยินดีและดีใจเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งคิดถึงอาจารย์มาก ๆ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 09/12/2008
โอ๊ย !!! โดนค่ะโดน คิดถึงอ.วสันต์อย่างแรง
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 09/12/2008
อ่าว..เกือบลืม

สวัสดีปีใหม่ 2552 ด้วยนะคะอ.วสันต์ สุขสุขีสุโขเปรมปรีเกษมสำราญเริงจิตในทุกสิ่งดังประสงค์นะค๊า
ชื่อผู้ตอบ : dadeeda ตอบเมื่อ : 09/12/2008
ใครได้ฝึกตามหนังสือโชค ดวง ความบังเอิญฯแล้วได้ผลเป็นยังไงบ้าง
ตอนผมเข้ามาแรกๆผมกะจะไม่พูดถึงหนังสือเล่มนี้เพราะ concept มันยากเกินไป แต่คุณนีโอได้ตั้งกระทู้ถามมานานแล้วเกี่ยวกับเล่มนี้ว่าใครทำตามแล้วได้ผลเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่มีเสียงตอบรับจากสวรรค์ ยังไงคราวนี้เอาจริงๆนะครับไม่เขียนเล่นๆแล้ว ยอากรู้จริงๆครับ คุณนีโอก็ได้แนะนำหน่อย เพราะหนังสือเล่มนี้ผมว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คือ 7 กฏฯให้เราเข้าสู่ช่วงว่างระหว่างความคิดแล้วใส่ความต้องการอะไรก็ได้ของเราลงไป แต่โชคดวงนั้นให้ภาวนาโซ-ฮัมเพื่อเข้าช่วงว่างระหว่างความคิดเหมือน7กฏฯแต่ต่างตรงที่ให้ใส่พระสูตรที่ดีพัคจัดมาให้ 7พระสูตร แล้วอ่านและทำตามแบบฝึกหัด 7 หลักการเพื่อการลิขิตชีวิตอย่างประจวบเหมาะ(synchrodestiny)ซึ่งคำนี้ไม่มีพูดถึงใน7กฏฯยังไงก็ช่วยแนะนำหน่อยครับ เพราะเว็บนี้เป็นแฟนพันธ์แท้ทางด้านนี้อยู่แล้ว แล้วก็รู้ๆอยู่ว่าแนวดีพัค เวย์น เอ๊คฮาร์ท คุณวันชัยไม่ค่อยปลื้มเท่าไร ผมเลยหมดที่พึ่งต้องมาพึ่งเว็บนี้ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 09/12/2008
หากคุณนิกลงความเห็นว่าไม่มีเสียงตอบรับจากสวรรค์ในกระทู้คุณนีโอ
สงสัยคุณนิกอ่านเร็วจนไม่ทันเห็น....การตอบรับจากจักรวาลแล้วล่ะ

กลับไปอ่านอีกซักรอบดีมั้ยค่ะ????......อิอิ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 09/12/2008
ตอนอาจารย์วสันต์แต่งกลอนบทนี้ สงสัยมีดวงจิตสุนทรภู่มาช่วยแต่งด้วยนะคะ......ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 09/12/2008
จากหนังสือของ "ดีผัก ชอบปลา" 1 เล่มที่มีคนแนะนำให้ผมซื้อ นำมาสู่ การได้รับความรู้ คำแนะนำ และแนวคิดใหม่ๆจากเว็บไซต์นี้
ผมเข้ามาครั้งแรก (เท่าที่ checkจากกระทู้ที่ผมตั้งลงวันที่) 29/05/2008 ถึงปัจจุบันนี้ ก็กว่า 7 เดือนแล้ว ขอขอบคุณสำหรับความรู้ คำแนะนำ จากทุกๆท่านเลยนะครับ โชคดีปีใหม่ครับ
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 09/12/2008
คุณนิก
- ด้วยความยินดีครับที่คุณนิกให้ความสนใจในการฝึก ผมมีความเห็นอย่างนี้ครับ ในหนังสือ 7 กฏ ฯ นั้นเป็นเนื้อหากรอบใหญ่ครอบคลุม ทั้งหมด แต่ โชค ดวงนั้นเป็นส่วนย่อย ขยาย เข้าไปอีกในภาคปฏิบัติเป็นข้อ ๆ ส่วนพระสูตนั้นโดยเนื้อหารวมเเล้วล้วนมีเป้าหมายของการทำตัวให้สอดคล้องกับธรรมชาติ( หรือความเป็นดั้งเดิมของตัวเรา )แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ดีพัค โชปรา ให้เราอ่านเป้าหมายหรือความปราถนาที่เราต้องการ แล้วหลังจากนั้นให้เราทำสมาธิ เพื่อให้เกิดความปล่อยวางไม่ให้ยึดติดกับความปราถนานั้นหรือให้ลืมหลังจากทำสมาธิ ( ข้าสู่ช่องว่างเพื่อให้จักรวาลได้จัดการและเติมเต็มให้ออกมาเป็นรูปกายสัมผัสได้ ) แต่ในขณะเดียวกันถ้าเกิดเรานั้นในขณะปกติเราใช้ชีวิตแบบเดิม มองอะไรต่าง ๆ ในชีวิตแบบเดิม ทุก ๆ วัน ซึ่งจักรวาลอาจจะจัดเหตุการณ์หรือผู้คน ต่างให้มาเคาะประตูความปราถนาของเราแล้วแต่เราเองกลับมองสิ่งต่าง ๆ เหมือนเดิมก็เลยตัดสินว่าคงไม่มีอะไรใหม่เราเองก็จะพลาดเสียเอง ตรงนี้เอง ถึงต้องมี หนังสือ โชค ดวงเข้ามาเพื่อ ซอยย่อย วิธีการที่ระเอียดมากขึ้น เพื่อทำลายรูปแบบความเคยชินของเราที่ไม่ยอมสังเกตุเหตบังเอิญ ที่บางทีสอดคล้องกับเป้าหมายหรือความปราถนาของเรา เช่น เราอยากได้รถ ก็ไม่ได้ความว่าพอเราปฏิบัติแล้วตอนเช้าตืนนอน รถจะมาจอดอยู่หน้าประตูบ้าน แต่มันหมายถึงว่าอาจจะมีคนมาพูดคุยถึงวิธีการที่จะได้รถคันนี้แบบง่าย ๆ เมื่อเราสังเกตุเห็นว่าความบังเอิญนี้ตรงกับความปราถนาที่เรานึกก็ให้ไปตามทางนั้นดูถึงแม้ว่ามันไม่น่าจะเป็นได้ แต่มันก็เป็นทางที่เรานั้นไม่เคยคิดจะทำไม่ใช่หรือก็น่าจะลองทำดูเพื่อทำลายความเคยชิน แต่ที่นี้ในขณะที่เราปฏิบัติตาม 7 กฏ ฯ ข้อที่ 1 เราจะมีเสียงในหัวที่จะตัดสินสิ่งใด น้อยลงทำให้เรานั้นมองเห็นเหตุบังเอิญได้ง่ายขึ้น และถ้ายิ่งเราทำตามข้อ 2 กฏแห่งการให้นั้นก็เท่ากับเราได้สร้างกรรมดีขึ้นมานั้นย่อมเป็นสึ่งที่ยืนยันได้ว่าเราก็จะได้รับสิ่งที่เรานั้นได้ให้ไปเหมือนกัน และถ้าเรานั้นปฏิบัติตามไปทุกข้ออีก ก็จะยิ่งทำให้เรานั้นเข้าสู่สภาวะความปล่อยวางได้มากขึ้น ๆ และมั่นใจกับการเดินทางว่ายังงัยเสียความปราถนาเรานั้นต้องมาไม่ว่าช้าหรือเร็ว อย่างแน่นอนและไม่ร้อนรนด้วย ว่าแต่ว่าคุณนิกนั้นทำไปถึงตอนไหนบ้างช่วยเล่าให้ละเอียดได้ไหมครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 10/12/2008
ขอบคุณมากครับคุณนีโอ ผมทำไปบทนึงคือให้อัดเทปและจินตนาการหาต้นแบบของความปรารถนา แต่คิดว่าจะไปทำอีกรอบนึงเพราะ ตอนที่ทำนั้นจินตนาการได้ไม่ชัดเจนเท่าทีควร คิดว่ายังต้องฝึกการจินตนาการอีกเยอะครับ แล้วเดี๋ยวมาคุยกันว่าปฏิบัติแล้วเป็นยังไงบ้างนะครับ แล้วคุณนีโอปฏิบัติตามหนังสือทั้ง2เล่มไปถึงไหนแล้วครับ โดยเฉพาะโชคดวงนี่คุณนีโอทำครบ7หลักการ7พระสูตรหรือยังครับ แล้วผลเป็นไงบ้าง
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 10/12/2008
แสนดีใจได้เห็นส.ค.ส.ส่งความสุข
ชาวนันท์บุ๊คทุกคนต่างคิดถึง
พหูสูตรอาจารย์วสันต์ ที่ฮาตึง
เมื่อไหร่ท่านจึงจะกลับคลับของเรา...

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่
ขออำนาจเทพไท้และคุณพระศรี
รัตนตรัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วปฐพี
โปรดปราณีอำนวยพรอันประเสริฐ
ให้บังเกิดแก่อาจารย์ คุณนันท์ คุณหนึ่ง
คุณแฟนพันธุ์แท้ คุณ Karn คุณdadeeda
คุณโก้ คุณนีโอ คุณนิก คุณผู้อ่าน
อีกทั้งทุกๆท่าน ณ ที่นี้
ขอให้มีความสุขเบิกบานทุกขณะจิต
มุ่งหวังปรารถนาสิ่งดีๆใดๆในชีวิต
ก็สำเร็จตามที่คิดทุกประการ
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 10/12/2008
คงเป็นเพราะฝีมือแต่งกลอนของคุณนพรัตน์
เลยทำให้เจ้าของพื้นที่ใช้เวลา...ซุ่ม..แต่งออกมามั่ง...รึเปล่า????
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 11/12/2008
ขอบคุณ คุณนีโอ, คุณ dadeeda , คุณแฟนพันธุ์แท้ และคุณนพรัตน์ ครับ ที่ยังระลึกถึงกัน ผมก็ระลึกถึงทุกท่านอยู่เสมอครับ และต้องขอบคุณซ้ำอีกที่ ที่ทุกท่านที่เอ่ยนามมา มีอารมณ์ร่วม มีอารมณ์รับรู้ในบทกลอนที่ผมเขียนมาในกระทู้นี้

คุณแฟนพันธุ์แท้ คุณ dadeeda และคุณนีโอ ลองเขียนกลอนอย่างที่คุณนพรัตน์เขียนมานี้ดูบ้างซีครับ เขียนไว้อ่านเองก็ได้ ไม่ต้องไปกังวลว่าเราจะมีฝีมือเท่ากวีซีไรท์หรือไม่ ผมเอง เป็นแค่กวีซีฟู้ด ก็ยังใจกล้าเขียนมาให้อ่านกัน ถ้าไม่ชอบ หรือไม่ถนัด พวกร้อยกรอง ก็เขียนเป็นร้อยแก้ว เป็นคำคม คำขวัญ ในแบบของเรา ผมว่ามันดีมากครับ มันช่วยเรื่องระบบคิด มันทำให้เรารู้ว่าเราเข้าใจในประเด็นนั้นๆ จนสามารถนำมาสรุปเป็นข้อเขียนได้หรือไม่ และถ้าไม่ต้องไปคิดอะไรมาก มันช่วยจรรโลงใจได้ดีทีเดียว

ผมว่าคนเราควรได้อ่านบทกวีดีๆ บ้าง ฟังเพลงดีๆ บ้าง อ่านหนังสือที่ไม่ต้องพูดเรื่องหนักๆ อะไรบ้าง (ช่วงห่างหายไปจากเว็บบอร์ดนี้ เพราะต้องเดินทางไปสัมมนาที่โน่นที่นี่ เวลาที่ต้องนั่งแกร่วรอเวลา ไม่ว่าที่ไหน ผมได้อ่านวรรณกรรมเรื่อง "คนไม่รู้หนังสือ" วรรณกรรมเรื่อง "The Readers" วรรณกรรมเรื่อง "Pay it forward" วรรณกรรมเรื่อง "รักระหว่างภพ" ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นหนังสือที่ซื้อเก็บไว้นานมากแล้ว แล้วรู้สึกดีมากๆ เลย ไม่งั้น ก็คงจะต้องหมกมุ่นวนเวียนอ่านแต่เรื่อง "กฎแห่งการดึงดูด" เรื่อง "ควอนตัม" ฯลฯ อะไรอยู่อย่างนั้น เกือบสองเดือนที่ผ่านมา ชีวิตผมรับรู้เรื่อง Quantum อยู่เพียงเรื่องเดียว คือ ได้ไปดูหนังกับลูกสาวเรื่อง เจมส์ บอนด์ 007 ตอน 'Quantum of Solace'..ฮา)

คุณนันท์ คงจะไม่ได้ไปซุ่มแต่งกลอนอะไรอย่างที่คุณแฟนพันธุ์แท้ตั้งข้อสังเกตหรอกกระมังครับ ผมมีลางสังหรณ์ว่าเขาอาจจะกำลังซุ่มแปลหนังสือเล่มใหม่อยู่น่ะนา..ถ้าผมทายถูกนี่ พวกชอบ "ฟันธง" และชอบ "คอนเฟิร์ม" คงเป็นได้ตกงานกันเป็นแถวละ (ฮา)



ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 12/12/2008
- คุณนิก

ส่วนตัวผมเองนั้นยึดหลักที่ ดีพัค โชปรา กล่าวไว้ว่า ใบสั่งยาของการใช้ชีวิตที่ลิขิตเองได้ คือการทำสมาธิ ไม่ต่ำกว่า 20 นาที เช้า-เย็น ครับ
ส่วนบทที่คุณนิก อัดเสียงนั้นถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นการหากำเนิดต้นแบบตัวอ่อนของเทพใช่ไหมครับ ส่วนตัวของผมนั้นไม่ค่อยเข้าใจความหมายของชื่อเทพต่าง ๆ ในหนังสือเท่าไรนักหรือไม่รู้จักเลยซะเป็นส่วนใหญ่ครับผมเลยข้ามขั้นตอนนี้ไป แต่พสูตหลัง ๆ ก็ได้แต่เพียงแค่อ่านอย่างเดียวครับ เน้นหนักเพียงทำสมาธิเท่านั้นครับ
- ตามความคิดของผมนั้นสภาวะนี้ จะเกิดขึ้นได้เอง รับรู้ได้เองโดยที่ไม่ต้องการคำอธิบายหรือคำยืนยันจากใครหรือสิ่งใด แม้กระทั่งให้อธิบายเป็นคำพูดยังอธิบายได้ยากเลย บอกได้เลยว่าไม่น่าจะมีคำอธิบายที่ครอบคลุมเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันเป็นเรื่องค่อนข้างปัจเจกชนจริงๆแต่ถ้าอยู่ในสภาวะนั้นได้เมื่อไหร่เราจะรู้ได้เองว่ามันมาถึงแล้ว ซึ่งมันไม่น่าจะสามารถเข้าสู่สภาวะนี้ได้ด้วยวิธีอ่าน หรือใช้ความคิดได้อย่างเดียวนะครับ ใช้ความความคิดคงไปไม่ถึง คงต้องใช้ความรู้สึกที่อยู่เหนือตรรกะ เหนือเหตุผล นั้นหมายความว่าเราคงต้องยอมทิ้งบางอย่างไปก่อน ก่อนที่จะรับสิ่งใหม่เข้ามา
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 12/12/2008
อาจารย์วสันต์ ครับ
- เห็นอาจารย์เข้ามาก็ทำให้รู้สึกดีแล้วครับ อาจารย์สบายดีน่ะครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 12/12/2008
แล้วสมมุติว่าถ้าผมไม่รู้จักโชค ดวงฯของดีพัค โชปรา ผมรู้จักแต่หนังสือศาสนาพุทธให้ที่ให้ทำจิตจดจ่อมีสติอยู่กับปัจจุบัน แล้วมันจะได้ผลเป็นการลิขิตชีวิตอย่างประจวบเหมาะอย่างที่ดีพัค โชปราว่าหรือไม่
เพราะมันมีจุดแตกต่างตรงที่ของพุทธให้จิตว่างอยู่กับปัจจุบันอย่างเดียว แต่โชปราบอกพอจิตว่างอยู่กับปัจจุบันแล้วให้ใส่เจตนารมณ์7ข้อสำหรับทั้ง7วันไปด้วย เพราะถ้าใส่เจตนารมณ์ก็น่าจะเหมือนใส่กรอบความคิดก็ไม่ทำให้จิตเราว่างเหมือนที่ทางพุทธบอก ช่วยอธิบายด้วยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 12/12/2008
ถ้าเป็นอย่างอาจารย์วสันต์ว่าที่คุณนันท์ไปซุ่มแปลเล่มใหม่ผมจะยินดีอย่างยิ่งครับเพราะหนังสือแนวนี้ในไทยขาดแคลน ยิ่งกว่าประเทศเอธิโอเปียขาดอาหารอีกครับ ไทยโชคดีที่มีอาหารกิน3มื้อไม่หิวกาย แต่วิญญาณฮิ้วหิว รบกวนผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการทีครับ เจ้านาย
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 12/12/2008
กลุ่มคนที่ชอบ"ฟังธง" และ "คอนเฟิร์ม" มีโอกาสที่จะตกงานจริงด้วยค่ะอาจารย์

มีเรื่องประหลาดที่จะเล่าคือ 5ธันวา ที่ผ่านมามีโอกาสไปปฏิบัติธรรม ซึ่งแนวทางค่อนข้างแตกต่างจากวัดทั่วๆไปมาก........หลังจากออกกรรมฐานก็ไม่สบายอยู่3-4วัน เลยพึ่งมีโอกาสได้ สนทนาธรรมกับ เทพไท้เทวา วันนี้ค่ะ ที่บอกประหลาดก็คือได้ติดหนังสือไปด้วย 3เล่มคือ คนมีญาณ , 7กฏฯ,สนทนากับพระเจ้า ติดไปก็กะจะเอาให้ร่างผ่าน ดูตอนทานข้าวด้วยกัน(ก่อนที่จะรับใช้) และเตรียมจะให้เค้าอ่านสนทนากับพระเจ้าตามที่เคยบอกอาจารย์ไป(ตามที่รู้จักเป็นการส่วนตัวแนว 7กฏฯไม่ใช่จริตที่เค้าจะอ่านค่ะ) แต่กะจะนำไปสนทนากับ เทพไท้เทวา ตอนรับใช้ เพื่อโยงเรื่องและเนื้อหาช่วงที่ไปปฏิบัติกรรมฐาน ว่าพระวัดที่พึ่งไปมาพูดเรื่องเดียวกับ ดีพัค โชปรา แบบ เป๊ะ ......อะไรแบบนี้

สิ่งที่ประหลาดก็คือว่า......เค้าขอดู หัวข้อ แล้วพูดถึงคนแปลค่ะ(ปกติคนที่มีชีวิตอยู่ไม่เคยเห็นหน้าหรือมีรูป ท่านไม่เคยพูดถึงใครได้) ท่านบอกตรงกับที่...... อาจารย์กำลังมีลางสังหรณ์นี่แหละค่ะ

แต่ไม่ถึงกับฟังธงว่ากำลัง"ซุ่มแปล" ท่านถามว่า..คนแปลเค้ากำลังคิดทำหนังสือเล่มใหม่รึเปล่า???
........ตอบไปว่าไม่รู้ค่ะ

ถ้าใช่รีบมาเฉลยด้วยนะคะ
เพราะมี่เรื่องสุขภาพที่ท่านถามที่ไม่ใช่เรื่องเดิมน่ะ


ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 12/12/2008
ดีใจเอ๋ย . . . ดีใจจัง
ที่ได้ฟัง ท่านอาจารย์ กลับมาเอ่ย
ทั้งรื่นหู รื่นใจ เหมือนดั่งเคย
ไม่นึกเลย ว่าเขียนกลอน นั้นยากจริง จริ๊ง . .

ที่หายไปหลายวัน เขียนได้แค่นี้แหละครับ ต้องขอนับถือและขอบคุณ ทั้งท่านอาจารย์ รวมทั้งคุณนพรัตน์ ที่แต่งกลอนหวานๆ มาให้อ่าน อย่างชื่นใจ นี่ถ้าท่านอาจารย์อยู่ใกล้ๆ จะกระโดดหอมสักฟอดหนึ่ง
ส่วนคุณนพรัตน์ ผมคงไม่กล้าครับ

ดีใจมากๆ ครับ ที่ท่านอาจารย์กรุณาแวะกลับมาเยี่ยมเยือน ทุกคนในที่นี้คงดีใจ และมีกำลังใจเหมือนๆ กัน

ผมขออนุญาต ถือโอกาสนี้ กราบอวยพรปีใหม่ท่านอาจารย์เช่นกัน
ขอให้ท่านอาจารย์ สุข สวัสดี มีชัย ในทุกสถาน ครับ

ส่วนท่านอื่นๆ ผมขอติดคำอวยพรไว้ก่อนนะครับ ด้วยว่ากำลังดำเนินการเรื่องภาษาไทย ใน ดีวีดี 7กฎฯ ตั้งใจว่าจะมอบแทนคำอวยพรปีใหม่ให้กับทุกท่าน ซึ่งไม่รู้จะทันก่อนปีใหม่หรือไม่ ถ้าข้ามปีไปเล็กน้อยก็อย่าถือสากันนะครับ

สาเหตุที่ผมหายไปอยู่หลายวันก็เนื่องด้วย ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมติดภาระงานบางอย่างที่ทำให้ต้องละทิ้งทุกสิ่ง เลยไม่ได้เข้ามาในเวบบอร์ดเลย

ส่วนเรื่องที่มีการ "ฟันธง" นั้น ขอเล่าอย่างนี้ครับ
ผมกำลังเตรียมจัดพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่ง แต่ไม่ใช่หนังสือที่ผมเป็นผู้แปล คาดว่าน่าจะออกช่วงปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ เท่าที่ได้อ่านต้นฉบับแบบยังไม่จบ คิดว่าเป็นหนังสืออ่านง่ายๆ สบายๆ จะอ่านเอาสนุกก็ได้ ไม่ต้องใช้สมาธิมากมายนัก มีเนื้อหาเกี่ยวกับกฎแรงดึงดูดนี่แหละครับ เอาไว้ใกล้ๆ เสร็จจะขอมาเล่าสู่กันอีกทีครับ

คุณนีโอครับ ชอบและชื่นชมคำตอบทั้งหมดของคุณนีโอจริงๆ ครับ ยอดเยี่ยมครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 13/12/2008
ขอตอบคุณนิก เสริมเพิ่มจากคุณนีโอ เกี่ยวกับคำถามสุดท้ายเรื่อง จิตปัจจุบันขณะ ว่าได้ผลครับ และตามความเห็นของผมแล้ว ดูเหมือนจะเป็นหนทางที่แท้จริงอีกด้วยครับ

ส่วนประเด็นที่คุณนิก คิดว่ามันมีจุดแตกต่างนั้น ส่วนตัวผมขอตอบว่าไม่ครับ แต่จะให้อธิบายว่าอย่างไรนั้น ยากมากครับ เพราะคำว่า "ความว่าง" ในความหมายนี้ คงเป็นคนละความเข้าใจ และเป็นดังเช่นที่คุณนีโอ ได้บอกเอาไว้ ซึ่งขอยกมาอีกทีดังนี้ครับ

"สภาวะนี้ จะเกิดขึ้นได้เอง รับรู้ได้เองโดยที่ไม่ต้องการคำอธิบายหรือคำยืนยันจากใครหรือสิ่งใด แม้กระทั่งให้อธิบายเป็นคำพูดยังอธิบายได้ยากเลย บอกได้เลยว่าไม่น่าจะมีคำอธิบายที่ครอบคลุมเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันเป็นเรื่องค่อนข้างปัจเจกชนจริงๆแต่ถ้าอยู่ในสภาวะนั้นได้เมื่อไหร่เราจะรู้ได้เองว่ามันมาถึงแล้ว ซึ่งมันไม่น่าจะสามารถเข้าสู่สภาวะนี้ได้ด้วยวิธีอ่าน หรือใช้ความคิดได้อย่างเดียวนะครับ ใช้ความความคิดคงไปไม่ถึง คงต้องใช้ความรู้สึกที่อยู่เหนือตรรกะ เหนือเหตุผล นั้นหมายความว่าเราคงต้องยอมทิ้งบางอย่างไปก่อน ก่อนที่จะรับสิ่งใหม่เข้ามา"

และขอเสริมว่า เมื่อนั้นคำถามที่คุณนิก ถาม ก็จะมีคำตอบแบบไม่มีคำถามอีกเลย
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 13/12/2008
ขอบคุณคุณนันท์ครับ เป็นเพราะได้รู้จักกับเว็บบอร์ดแห่งนันท์บุ๊คครับทำให้มีมุมมอง และแนวทางที่เปิดกว้างขึ้นมาก
- คุณนิกครับ
ข้อความที่คุณนิกว่า "ถ้าใส่เจตนารมณ์ก็น่าจะเหมือนใส่กรอบความคิดก็ไม่ทำให้จิตเราว่างเหมือนที่ทางพุทธบอก " คงต้องตีความคำว่าว่างกันหลายยกเลยทีเดียว ครับ เป็นแนวทางครับว่า ว่างจากอัตตาความเป็นตัวตนครับ แต่ยังคงตื่นรู้ ดู เห็นทุก ๆ สิ่งได้เหมือนเดิมแต่ไม่เพิ่มเติมแต่งความคิด ตัดสิน วิพากษ์ วิจารณ์ ถ้าให้เเนะนำ หนังสือพลังจิตแห่งปัจจุบัน สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ดีทีเดียว และถ้ายิ่งประกอบกับการปฏิบัติสมาธิได้อีกยิ่งได้สัมผัสความรู้สึกนี้ยิ่งขึ้นกว่าอ่านอย่างเดียวด้วยครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 13/12/2008
อีกนิดครับคุณนิก
- จำได้ว่าคุณนิกเคยอ่านหนังสือไทยเล่มนึง ที่ว่าความสำเร็จที่มาจากพระพุทธเจ้า ที่ผู้เขียนได้ปฏิบัติตามหลักการที่กล่าวว่าได้ทำตามคำสอนโดยตรง จนประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ ไอศครีม ร่ำรวย 100 ล้านนั้น ไม่ทราบว่าจำได้ไหม ผมเป็นหนึ่งคนที่ได้อ่านครับ
ถ้าเรามองข้ามไปให้เลยจุดที่กล่าวถึง นรก-สวรรค์ จะสังเกตุเห็นอีกด้านหนึ่งของการปฏิบัติของผู้เขียนว่า เค้าจะเริ่มจากการทำสมาธิจนเกิด ฌาน 4 และรักษาศีล 5 ขั้นต่อมาให้ เริ่มทำบุญบริจาคสม่ำเสมอ และให้มีสติว่า ทำอะไรก็ตามอย่าไปอยากได้ ให้หวังแต่อย่าอยาก เพราะถ้าอยากจะไม่ได้ ผมมีข้อสังเกตุว่า ตรงกับ 7 กฏ ฯ ในตั้งแต่ข้อ 1 เริ่มมาจนข้อ 2 คือการให้ และจนสุดท้ายให้ปล่อยวาง
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 13/12/2008
ยอดเยี่ยมครับคุณนีโอ เท่าที่อ่านความคิดเห็นของคุณมาโดยตลอด ก็ประจักษ์ว่า คุณเป็นคนอ่านหนังสือที่ไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นอ่านเพื่อคุณภาพ บางเล่มคุณก็อ่านสองสามสี่รอบ ซึ่งก็ดูเหมือนคุณแฟนพันธุ์แท้ก็เริ่มเห็นดีเห็นงามด้วยแล้ว (จากอีเมล์ที่คุยกับเธอ เธอเล่าว่า ถ้าเอาหนังสือที่ซื้อเก็บไว้มาตะลุยอ่านทีละเล่มแล้ว เข้าใจว่าอายุปาเข้าไปหกเจ็ดสิบก็น่าจะยังอ่านไม่หมด ซึ่งก็น่าเห็นใจมาก เพราะนี่เธอก็เพิ่งอายุสามสิบต้นๆ เอง...ฮา) และผมก็เห็นด้วยกับคุณนีโออย่างยิ่งเช่นกัน ตอนนี้ก็ค่อยๆ มารื้อๆ ดูว่าจะอ่านเล่มไหนอีกรอบหนึ่งบ้าง

เพราะดูจากการกล่าวถึงหนังสือสองเล่มของดีพัค โชปรา ของคุณแล้ว มันเหมือนกับว่าคุณสามารถมองเห็นป่าทั้งป่า และเห็นต้นไม้แต่ละต้นที่คุณสนใจเป็นการเฉพาะด้วย เยี่ยมครับเยี่ยม (เป็นคำชมนะครับ ไม่ได้แปลว่ามีใครไม่สบาย แล้วต้องไปเยี่ยม..ฮา)

ยิ่งได้รู้ว่าคุณนีโอเป็นนักขาย (ขายรถยนต์เชฟโรเล็ต) ด้วยแล้ว ผมยิ่งรู้สึกทึ่งมาก (เช่นเดียวกับที่เคยทึ่งคุณแฟนพันธุ์แท้มาแล้ว) เป็นไปได้หรือไม่ที่ในเวลาถัดไป ผมอยากชวนคุณนีโอมานั่งสนทนาแลกเปลี่ยนความคิด ความรู้กันหน่อย (คุณแฟนพันธุ์แท้นั้น ผมจะได้เจอเธอในอีกเดือนสองเดือนนี้แล้ว) อาชีพผมก็พูดเรื่องการขายอยู่กว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของการบรรยายทั้งหมด ถ้าเราสามารถเชื่อมโยงเรื่องการขายให้มันมีแนวคิดเชิงจิตวิญญาณผสมผสานด้วย ผมว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายมากเลยทีเดียว ก็ขนาด Joe Vitale เขายังสามารถคิดหลักสูตรเรื่อง "การตลาดเชิงจิตวิญญาณ" ได้เลย แล้วการขายซึ่งเป็นเรื่องความสัมพันธุ์ระหว่างบุคคลที่เข้มข้นกว่า จะมิยิ่งสามารถทำได้ไปไกลกว่านั้นหรือ?

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 13/12/2008
อาจารย์เป็นคนพูดจาดีมากกกกกก 30ต้นๆน่ะเป็นอายุของใบหน้าค่ะ
ยังไงฝากคนที่บ้านช่วยหอมแก้มแทนซัก 3.725ที (ให้เค้าทำพอดีๆ อย่าเกิน..อย่าขาดนะคะ)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 13/12/2008
ถ้าอย่างนั้นอายุของคาร์บอนด์ในกระดูก เท่าไหร่ครับ คุณแฟนพันธุ์แท้
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 13/12/2008
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์วสันต์
สำหรับบทกลอน(ของขวัญ)ที่สุดพิเศษไร้เทียมทานอีกครั้งครับผม
ผมขออำนวยพรเนื่องในวันใกล้ปีใหม่2552และตลอดไป ผมระลึกถึงทุกท่าน(ตามมโนภาพ)ของผม ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกใบนี้รวมพลังจักรวาล ดลบรรดาล
......แด่อาจารย์วสันต์(หล่อคงทนถาวร),คุณนันท์(หล่อเลื่องลือคับ),คุณพี่หนึ่ง(งามตลอดกาล),คุณแฟนพันธุ์แท้(งามแต้งามขะนาดค้าบ),คุณ Karn(หล่อละเอียด) คุณdadeeda(ง้ามงามคับ)คุณพรรณี(งามขจรขจาย),คุณนีโอ(หล่อเกินมาตรฐาน),คุณนิก(หล่อใสวัยโจ๋) ,คุณผู้อ่าน(หล่อเหลือจะหล่อ)และทุกๆท่าน ณ..nantbook แห่งนี้ ให้ทุกท่านเพิ่มพูนทวี พลังความสุข พลังความรัก พลังแรงบรรดาลใจ พลังกาย พลังใจ ความมั่งคั่งร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้นเหมือนจับวางอย่างง่ายดาย ไชโย...ไชโย...ไชโย...ค้าบ
ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 13/12/2008
ขอประทานโทษครับ..ขออำนวยพรพร้อมด้วยคุณนพรัตน์(งามไร้เทียมทานค้าบ)พร้อมคำพรเหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมความสุข...คร้าบ สุขมากๆๆคร้าบ ยิ้มๆ
ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 13/12/2008
อายุคาร์บอนของกระดูก พิสูจน์ยังไงก็คงน้อย กว่าคนถามแน่นอนค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 14/12/2008
ขออ่าน ageless body timeless mind ให้จบก่อนนะครับ
จะมาขอท้าวัดกันอีกที
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 14/12/2008
คุณนันท์ อย่าได้เที่ยวไปท้าวัดอายุคาร์บอนของกระดูกกับใครเขาเลยครับ ยอมรับเสียเถอะว่าคุณนันท์ กับผมนั้น "ใบหน้า" มันไม่รักดีเหมือนชาวบ้านเขา (ฮา) เขาเรียกว่า "หน้าทรยศ" (ฮา) หน็อย อายุอยู่เลนซ้ายแท้ๆ ใบหน้ามันดันไปอยู่เลนขวา แล้วแซงเลยไปรออยู่ที่สี่แยกข้างหน้า ไกลไปโน่นเลย (ฮา)

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 14/12/2008
อ้าว ลืมทักทายคุณโก้ แวะไปที่บ้าน SOGR บ้างหรือเปล่า? ผมแวะไปส่ง ส.ค.ส.มา ปรากฎว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านเลยครับ มีคุณ tui กับคุณณรงค์ชัย แวะมาเหมือนกัน เลยรับส.ค.ส.คำอวยพรจากผมไปแค่สองคนเอง

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 14/12/2008
สวัสดีเช่นกันครับคุณโก้

- อาจารย์วสันต์
ขอบคุณครับ และมีความยินดีมากครับที่อาจารย์เสนอแนะถ้ามีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผมเองแอบปลื้มไม่น้อยเลยทีเดียวที่ได้รับคำเชิญจากท่านจอมยุทธผู้แกร่งกล้า ถือเป็นเกียรติมากครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 15/12/2008
ถ้างั้น รบกวนคุณนีโอ ส่งเบอร์อีเมล์ และถ้าไม่รังเกียจ เบอร์โทรมือถือด้วยก็ยิ่งดี ไปที่ speechgroup@hotmail.com หน่อยนะครับ เอาไว้ผมไปบรรยายที่ จ.น่าน ตอนปลายเดือนมกราคม 2552 และได้แลกเปลี่ยนความคิดกับคุณแฟนพันธุ์แท้ เสร็จเรียบร้อยแล้ว อาจได้ไอเดียอะไรดีๆ แล้วค่อยนัดแนะกับคุณนีโอต่อไป ขอบคุณครับที่ให้เกียรติตอบรับคำเชิญชวน

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 15/12/2008
ผมคงจะมองข้ามประเด็นนรก-สวรรค์ของหนังสือความสำเร็จที่มาจากพระพุทธเจ้าไม่ได้จริง เขาทำให้เราเข้าใจว่าถ้าจะเข้าถึงจิตวิญญาณก็ต้องหลีกห่างความบันเทิงเริงรมณ์ ทั้งๆที่โอโช้ก็บอกว่าเราสามารถมีการเต้นรำ ร้องเพลง บันเทิงร่ายรำไปกับจักรวาลได้เต็มที่แล้วก็เป็นผู้มีจิตวิญญาณสูงด้วย
ไม่รู้ที่พระพุทธเจ้าพูดกับตาลบุตรนั้นจริงหรือเปล่า ว่าเป็นศิลปินตกนรก ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านักศึกษาม.ศิลปากร ม.อื่นแต่คณะนิเทศน์ศาสตร์กับศิลปศาสตร์จะว่ายังไง แล้วมันก็เล่นเหมารวมถึงอาชีพในฝันของเด็กหลายคน ดารา นักร้อง นักดนตรี นักเขียนนิยาย อาชีพที่ใช้ความสร้างสรรค์ที่ต้องกลั่นออกมาจากสมองซีกขวาหรือจิตวิญญาณทั้งหลายต้องตกนรกหมด คงมีแต่พวกใช้สมองซีกซ้ายละมั้งได้ขึ้นสวรรค์
ที่ผมต้องต่อว่าเพราะรู้สึกว่าวุฒิภาวะคนเขียนต่ำกว่าเกณฑ์ที่จะมาเป็นกระบอกเสียงให้พระพุทธเจ้าได้ สู้คนศาสนาอื่นอย่างดีพัค โชปรา ดร.เวย์น ก็ไม่ได้เขาตีความพุทธศาสนาดีกว่าคนไทยเราอีก
แล้วนี่คือเหตุผลที่ผมโดนอ.วสันต์ว่าว่าชอบเปรียบเทียบอันนู้นดีอันนี้ไม่ดี ก็ผมไม่ได้ตั้งใจวิจารย์หรอก แต่มันทุเรศออกมาให้เห็นชัดๆอย่างนี้ ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบเกี่ยวกับนิยายและความโรแมนติกก็ถูกกระทบใจอย่างรุนแรงนะครับ
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 15/12/2008
ตามความเห็นของผม ในบรรดาหนังสือด้านจิตวิญญาณของตะวันตกนั้น ก็มีน้อยเล่มจริงๆ ที่เป็นกระบอกเสียงให้พระเจ้าได้ "อย่างแท้จริง"

ก็คงเหมือนที่คุณนิกบอกว่า หาหนังสือพุทธศาสนาในบ้านเรา น้อยเล่มนักที่จะพอเป็นกระบอกเสียงให้พระพุทธเจ้าได้ "อย่างแท้จริง"เช่นกัน

นานมาแล้ว ผมเองก็เคยรู้สึกบางมุมคล้ายๆ คุณนิก แต่สิ่งที่ผมเองก็ยังคงต้องฝึกหัดทำ นับตั้งแต่วันแรกในการริอ่านหนังสือแนวนี้ จนแม้กระทั่งถึงวันนี้แล้ว นั่นก็คือ ฝึกใช้ใจที่เปิดกว้าง ในการเลือกหา โดยตัดอคติแบบเหมารวมที่มีลงก่อน ก็มักจะทำให้เห็นของดีที่มีอยู่ ที่ตรงจริต ที่ตรงคำตอบที่ต้องการ พอชำนาญเข้า เดินเข้าร้านไป แค่เห็นปก ก็รู้ว่าใช่หรือไม่ แถมบางทีเดินไปอยู่ถูกที่ วางอยู่ตรงหน้าเลยก็มีครับแต่ถ้ายังมีอคติอยู่ลึกๆ มันเป็นยังไงไม่รู้ เจอแต่ที่ไม่ใช่แบบที่ไม่ชอบทุกทีเลยครับ

ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 15/12/2008
- คุณนิก
ผมให้ข้อสังเกตุ เพียงประเด็นเดียวคือ เค้าใช้วิธีการคล้าย ๆ กับหลัก หนังสือ 7 กฎ ฯ จึงทำให้เกิดความสำเร็จในสิ่งที่เค้าสมหวังครับ
แต่มิได้หมายความว่าผมนั้นจะเข้าใจประเด็น นรก-สวรรค์ หรือต่อต้านนะครับ เพราะนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมเองนั้นไม่มีประสบการณ์พอที่จะยืนยันว่ามันมี หรือไม่มีอยู่จริงได้ ....
คุณนิกครับ ผมประทับใจเนื้อหาบางส่วนจากสนทนากับพระเจ้า ในตอนที่ว่า เรานั้นไม่สามารถที่จะเติบโตได้จากการปฏิเสธสิ่งใดๆ ที่เรานั้นไม่เห็นด้วย เพราะนั้นทำให้เรานั้นรู้จักพระเจ้าเพียงครึ่งเดียว ถ้าเมื่อใด เราเห็น พระเจ้าในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ - และในสิ่งเสื่อมทราม ในสิ่งที่สูง-ต่ำ เมื่อนั้น เราจะเห็นพระเจ้าในทุกที่ และจะรู้จักชีวิตที่เต็มใบ เราจะเบิกบานกับทุกขณะที่มีเรื่องราวต่าง ๆ เข้ามาไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม เมื่อนั้นทุกโมงยาม-ทุกวันจะเป็นดังวันศักดิ์สิทธิ์
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 16/12/2008
คุณนันท์ ตอบได้ดีครับ ถ้าเรารู้ว่าเรากำลัง "ค้นหา" อะไร "ปัญญาญาณ" (Intuition) ของเรามันก็จะแยกแยะว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่สำหรับเรา ส่วนคนที่ชีวิตเอาแต่วิ่งวุ่นกับ "การแสวงหา" (แต่ไม่รู้ว่ากำลังหาอะไรอยู่) ก็มักมีชีวิตที่ฟุ้งซ่านอยู่ชั่วชีวิต

มีคำพูดของพวกนักเดินเรือ กล่าวไว้ว่า "ถ้าเราไม่รู้ว่าจะแล่นเรือไปที่ไหน ไม่ว่าลมอะไร ก็เป็นลมที่ไม่ถูกต้องทั้งนั้น!"

ขอชื่นชมคุณนีโอ แค่เพียงตามอ่านความเห็นของคุณมาไม่ถึงหนึ่งปีดี คุณ "เติบโต" ขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 16/12/2008
อาจารย์ครับ
"osho" ครับ ได้คุยกันเมื่อไหร่ คงมีเรื่องให้ได้แลกเปลี่ยนกันเยอะทีเดียว
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 16/12/2008
ได้รับเบอร์อีเมล์ และเบอร์โทรศัพท์ของคุณนีโอ แล้วนะครับ ขอบคุณมาก อีกสักพักใหญ่ๆ ค่อยนัดแนะกัน

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 16/12/2008
ส่งใบประชาสัมพันธ์หลักสูตรให้อาจารย์ดูเล่นๆ
แต่ก็ไม่รู้ส่งสำเร็จรึเปล่า?? ส่งรูปไม่เคยสำเร็จสักที ยังไงไม่ต้องงงนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 16/12/2008
ขอชื่นชมเป็นส่วนตัวว่า คุณนีโอช่างแสดงความเห็น แบบได้ใจผมจริงๆ ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 16/12/2008
คุณนันท์ครับ / แค่ รองอธิบายดูครับ ตามความรู้สึกแรกที่ได้รับแรงบันดาลใจ ....ก็เลยไปตามนั้น....ไม่น่าจะมาจากผม ( ตัวฉันที่ชื่อนีโอ) แต่มาจากข้างนอกซึ่งก็งง ๆ ว่าไม่รู้ว่าจากไหนเหมือนกันครับ แต่แค่ไปตามนั้นเองดีใจด้วยเช่นกันครับ ทีได้ใจ....
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ตอบเมื่อ : 17/12/2008
ไม่รู้ว่ามาจากไหน นั่นแหละใช่เลย ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 17/12/2008
สวัสดีปีใหม่ 2009 ชาว nantbook ทุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ท่านเลยนะคะ ยิ้มมมม

อ่านกลอนท่านอาจารย์วสันต์แล้ว ข้าน้อย ทึ่ง ซึ้ง ประทับใจ very much เลยค่ะ คิดอยากแต่งตอบแทนบ้าง แต่พอเริ่มประโยคแรก "ได้อ่านกลอนปีใหม่ใจสุขสันต์......." ก็เค้นต่อไม่ได้แล้วค่ะ ฮา

เอาเป็นว่า ปีใหม่ที่จะเข้ามาถึงอีกสองวันนี้

2009, Guys, will not be just another year.

It's the absolute happiest, healthiest & richest I've ever imagined for you, with the most possibilities I've ever created for you, for the coolest people here at nantbook, to do the greatest things that have ever been done.

Don't feel any pressure…………

Let's just do it,

Be super healthy ,happy, happy , happy and happy new year 2009 !


ขอขอบคุณ คุณนันท์เจ้าของพื้นที่ และเพื่อนๆ ชาวนันท์บุ๊ค ทุกๆๆ ๆๆๆๆๆ ท่าน กับทางเดินที่เข้ามาเยี่ยมทีไร ก็พกพาหัวใจที่ยิ้มแย้ม ปลอดโปล่ง เบาใจ กลับไปด้วยทุกๆที

ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ......... ยิ้ม ยิ้ม

Many blessings Bliss & Peace to all,

หนึ่งค่ะ



ชื่อผู้ตอบ : หนึ่ง ตอบเมื่อ : 30/12/2008
ดีใจจัง ที่ได้เจอคุณหนึ่งที่นี่ แม้จะได้อวยพรกันและกันมาหลายรอบแล้ว ก็ยังจะขออวยพรอีก...ขอให้คุณหนึ่งจงมี 4 แข็ง ครบถ้วน คือ "จงมีความคิดที่เข้มแข็ง จงมีจิตใจที่แข็งแกร่ง จงมีอารมณ์ที่แข็งแรง และจงมีร่างกายที่แข็งขัน"..ตลอดปี 2009 และตลอดไปครับ

ชื่อผู้ตอบ : วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์ ตอบเมื่อ : 30/12/2008
ขอบคุณคุณหนึ่ง . . เช่นกัน

มิตรภาพ น้ำใจ ความงดงามในจิตใจ ที่คุณหนึ่งมี
ทำให้เกิด "ความสุข" กับผมและที่นี่ เสมอครับ


ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 01/01/2009


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code