ไชโย
ไชโย กระดานสนทนากลับมาเป็นปกติแล้ว ดีใจจัง
ชื่อผู้ส่ง : dadeeda ถามเมื่อ : 11/11/2008
 


คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว คิดถึงทุก ๆ คนเลยครับ......
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 12/11/2008
เช่นกันค่ะ ที่นี่เป็นเพือนทางจิตวิญญาณที่เยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งเลยนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : นพรัตน์ ตอบเมื่อ : 12/11/2008
มาไชโย...ร่วมด้วยครับ คุณdadeeda คุณ นีโอ คุณนพรัตน์ และทุกๆท่านครับผม
ชื่อผู้ตอบ : โก้ ตอบเมื่อ : 12/11/2008
ดีใจ..เช่นกันค่ะกังวลว่าทำไมหายไปจนต้องโทรฯ ถามไถ่ไปที่สำนัก

พิมพ์ ..ได้เห็นบอร์ดสี้อีกครั้งก็เลยรู้สึกdadeeda ด้วยคนนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 15/11/2008
จริงๆก็แอบแวะมาดูอยู่เป็นระยะ แล้วยังเขียนอีเมลล์ไปถามกับเจ้าของเว็บว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มาตอนนี้ใช้ได้แล้ว ดีใจจริงๆครับ
ชื่อผู้ตอบ : ผู้อ่าน ตอบเมื่อ : 16/11/2008
ขอร่วมไชโย ด้วยคน . . และต้องขออภัยอย่างยิ่งต่อ พี่ น้อง และเพื่อน ที่น่ารัก ทั้งขอบคุณยิ่งในความห่วงใยกัน

เป็นเหตุขัดข้องของเจ้าของพื้นที่ ที่เราไปเช่าเขาเปิดเวบไซด์ และเขาได้พยายามแก้ไขให้อย่างที่สุด ถึงจะช้าไปกว่าใจ แต่ก็สำเร็จจนได้
อาจมีข้อความบางข้อความที่หายไป ในช่วงที่เคยกลับมาใช้ได้ในวันที่ 13-14 พย. ก่อนที่มีเหตุขัดข้องไปอีกครั้ง

ขอบคุณจริงๆ อย่างยิ่ง อีกครั้งครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 20/11/2008
ดีใจเช่นกันคะ ที่กระดานสนนทนากลับมาใช้ได้อีกครั้ง เพราะการได้เข้ามารับรู้สิ่งดี ๆ จากที่นี่ ทำให้ตัวเองได้พัฒนาขึ้นมาก ต้องขอขอบคุณกำลังใจดี ๆ และคำแนะนำดี ๆจากทุกๆท่านในที่นี้นะคะ
ชื่อผู้ตอบ : เก๋ ตอบเมื่อ : 21/11/2008
เกือบจะลงแดงแล้วครับคุณนันท์.............
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 21/11/2008
แล้วคุณนีโอคงจะหาโอกาสถ่ายทอดสิ่งดีดีที่เกิดขึ้น....ระหว่างที่ขาดการติดต่อในเว็บบอร์ดนี้ด้วยใช่มั้ยคะ???


....................ระวังลางบอกเหตุที่บ่งว่าความปราถนาของคุณกำลังจะเกิดขึ้น จำไว้ว่าที่สิ่งต่างๆ จะเกิดขึนในชีวิตของคุณไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอย่างที่คุณคิด สิ่งต่างๆอาจเกิดขึ้นมาในชีวิตอย่าง ปุบปับแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ......อาจทำให้คุณแปลกใจ!!!!!!!!!......เมื่อคุณรู้สึกว่ามันเกิดบ่อยขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คุณยังจะเริ่มสังเกตุเห็นความเชื่อมโยงระหว่างความคิดของคุณและผลที่ปรากฏเป็นรูปธรรมขึ้นในชีวิตของคุณได้มากขึ้น สิ่งที่คุณคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญจะปรากฏบ่อยขึ้น เมื่อปฏิบัติตามหลักการของการกำหนดอนาคต(แนวจิตวิญญาณ)นี้ ผู้คนจะ "โผล่" เข้ามาช่วยเหลือคุณหลังจากที่คุณคิดอยากให้ใครมาช่วย..........คุณจะได้ในสิ่งที่คุณอยากได้ รวมทั้งสิ่งที่คุณอยากได้ แต่ลืมไปแล้ว ก็จะมาปรากฏขึ้นบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

จงส้งเกตุสิ่งที่คุณเคยคิดถึงกับสิ่งที่คุณต้องการให้เกิดไว้ให้ดี สิ่งเหล่านี้เป็นลางบอกเหตุที่จะ"โผล่"ขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด

เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้เป็นผลของชีวิตที่มีสติอยู่ตลอดเวลา คุณกำลังติดต่อกับพลังจักรวาล

บอกกับตัวเองเบาๆว่า"มันได้ผล ฉันสามารถเห็นผลและฉันก็รู้ว่ามันเป็นเพราะฉันทำตามหลักการเหล่านี้ รวมทั้งการฝึกสมาธิด้วย ฉันจะทำสิ่งนี้ต่อไป...................เวย์น ไดเออร์
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 22/11/2008
ด้วยความยินดีครับ
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 22/11/2008
ถือว่าเป็นช่วง "หักดิบ" ก็แล้วกันครับ คุณนีโอ

คุณแฟนพันธุ์แท้ครับ ข้อความที่ยกมาของ เวย์น ไดเออร์ จากเล่มไหนเหรอครับ งามดีจัง
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 23/11/2008
ดิฉันอ่านหนังสือของดร.เวย์น หลายเล่มแต่ชอบใจของคุณแฟนพันธุ์แท้จัง... รบกวนช่วยบอกหน่อบเถอะค่ะ..ว่าอยู่ในหนังสือเล่มไหน จะได้รีบไปหาอ่านด่วนหรือถ้าพลาดไปจากที่เคยอ่านจะได้กลับไปอ่านซ้ำค่ะ (เข้าใจว่าหลายท่านก็คงอยากทราบเหมือนกันเนอะ)

ขอบคุณคุณแฟนพันธุ์แท้ล่วงหน้าค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 23/11/2008
อยู่ในหนังสือ manifest your destiny
ของสำนักพิมพ์ต้นไม้ค่ะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 24/11/2008
หนังสือเล่มนี้ดิฉันอ่านมาประมาณสองปีแล้ว..ต้องกลับไปอ่านใหม่อีกหลายรอบ นี่แสดงว่าดิฉันทำความเข้าใจไม่ละเอียด..คงยังมีอีกหลายเล่มที่ดิฉันต้องกลับไปอ่านและทำความเข้าใจใหม่เพื่อไม่ให้หลายๆข้อมูลที่ดีๆหายไป..

ขอบคุณ คุณนันท์ที่ให้พื้นที่ตรงนี้ และขอบคุณ คุณแฟนพันธุ์แท้มากๆนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : jang ตอบเมื่อ : 24/11/2008
คุณมีพลังอยู่ในตัวที่จะดึงดูดทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการเข้ามาหาคุณได้.....นี่คือหัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้

ลองสำรวจความเชื่อและความหวังของคนกลุ่มต่างๆที่มีต่อคุณดูสิ...คนในครอบครัวซึ่งใกล้ชิดที่สุด , ญาติพี่น้อง ,คนในวงการศึกษา,ธุรกิจ เดียวกับคุณ จงสังเกตุให้เห็นว่าชีวิตของคุณด้านที่เต็มไปด้วยคำสอนจากความเชื่อของกลุ่มคนเหล่านั้น........ทำให้ชีวิตของคุณก้าวไปข้างหน้า......ช้าลง!!!!!!.....ใช่หรือไม่???????? เพราะว่าความเชื่อหรือความปราถนาที่แท้จริงของคุณไม่ได้รับพลังจากบุคคลพิเศษซึ่งได้แก่

............................ตัวคุณเอง!!!!!!!!

ถ้าคุณเข้าใจความสามารถในการบันดาลอนาคตอย่างแท้จริง คุณจะรู้ว่าคุณสามารถ"ควบคุม"จังหวะของการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคุณเองได้..........การทำสมาธิและการสวดมนต์........จะทำให้บุคคลนั้นๆกำหนด"อนาคตได้เร็วขึ้น".......เพราะ....เขาหรือเธออยู่ในโลกที่มองสิ่งต่างๆ ด้วยมุมมองของตัวเอง แทนที่จะเป็นการมองด้วยความเชื่อของกลุ่มหรือคนรุ่นก่อน

เมื่อคุณถอนตัวออกจากวงจรของแรงกดดันภายนอกคุณจะพบว่าคุณก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วจนเห็นได้ชัด.........คุณจะไม่แสดงความคิดเห็นของคุณผ่านความเห็นของกลุ่ม........ซึ่งทำให้คุณปลอดภัยแต่ไม่กล้าเป็นตัวของตัวเอง!!!

Manifest Your Destiny( หน้า xi)
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 24/11/2008
นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้คุยกันแล้วครับ
วันนี้ไปวิทยาลัยก็นั่งแกะ(ขอใช้คำว่าแกะ)ตัวอักษรในหนังสือ The book of secret ของดีพัค โชปรา ซึ่งเกี่ยวกับความลับ15 ข้อ ครับ โดยปกติผมอ่านภาษาอังกฤษเก่งพอสมควร(คืออย่างนี้ครับตอนสอบเข้ามหา'ลัย มีวิชาเลข 50ข้อ วิทย์ 50 ข้อ อังกฤษ100ข้อ คะแนนเต็ม 200 ซึ่งผมทำเลขกับวิทย์แทบจะไม่ได้เลยโดยเฉพาะเลข แต่เผอิญอังกฤษข้องเลยได้คะแนนไป 139เต็ม200 ได้อันดับ 3 โควต้าพื้นที่ ไม่รู้ได้ไปได้ไง คงเป็นเพราะอังกฤษ ถ้าไม่มีอังกฤษช่วยไว้สอบเข้าไม่ได้แน่ ว้าวว่ามาซะยืดยาว) คืออย่างนี้ครับที่จะบอกคือว่าหนังสือของดีพัค โชปรานั้นถือว่าอ่านยากมาเจอแต่ศัพท์ที่ไม่เข้าใจทั้งนั้น แต่นี่แหละคือเสน่ห์ของดีพัค โชปราที่ไม่เหมือนใคร ที่สำคัญ THE BOOK OF SECRET เขียนภายหลังโชค ดวง ความบังเอิญฯปีหนึ่งเนื้อหาเลยยิ่งเข้ามเข้าไปอีก นี่คือจุดเด่นของดีพัคที่แม้แต่คูณวันชัยก็ชมว่าเขียนหนังสือไม่ซ้ำกันซักเล่ม(ดังนั้นจะบอกว่า 7 กฏเหมือนโชคดวงไม่ได้แล้วนะครับ จุ๊จุ๊อย่าเอ็ดไปผมมีความลับอย่างหนึ่งเกี่ยวกับหนังสือ โชคดวงความบังเอิญฯจะมาบอก แต่เอาไว้กระทู้หน้าละกัน ส่วนที่นี่อยากจะทำว่านอกจาก 7กฏแล้วใครทำตามหนังสือเล่มไหนโดยเฉพาะที่ผมอยากจะถามคือโชคดวงฯแล้วได้ผลเป็นอย่างไรบ้างครับช่วยบอกที ผมจะได้มีเพื่อนทำตามบ้าง
ถ้าสัจธรรมคือความงามแล้วความงามคือสัจธรรม กลวิธีการเพ่งอสุภคงเป็นอะไรที่ทุเรศมากเลยนะครับนักเขียนเกี่ยวกับศาสนาพุทธผู้อ่อนด้อยทั้งหลายแหล่
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 24/11/2008
คุณแฟนพันธ์แท้ครับถ้าอยากอ่านหนังสือแนว ดร.เวย์น ผมแนะนำเล่มที่ใกล้คลอดเต็มที BEYOND THE SECRET ครับเป็นเกี่ยวกับการทำตามความต้องการของจุดมุ่งหมายทางจิตวิญญาณให้สำเร็จ นี่คือเหตุผลที่มันชือ BEYOND THE SECRET
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 24/11/2008
คุณนิกมีข้อมูลกว้างขวางมากมาย
กับความละเอียดอ่อนเรื่องสำนวนแปลด้วย
และสำคัญที่สุดสนิทกับคุณอาวันชัย

ช่วยส่งข่าว เรทติ้ง ผู้แปลฯคนโปรดของแฟนๆหนังสือของสำนักพิมพ์ต้นไม้ที่ออกแนววจิตวิญญาณบ้างสิคะ.........จะได้ไม่ต้องลุ้นกันเหนื่อยนะค่ะว่าจะอ่านรู้เรื่องรึเปล่านะ???????

2เล่มที่คุณนิกบอก ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้เห็นหน้าตาเลยค่ะ
แล้ว BEYOND THE SECRET เนี่ยใครแปลเหรอคะ?
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 24/11/2008
ด้วยความยินดีครับคุณ jang และคงจะดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นคุณ jang แวะเวียนมาใช้พื้นที่นี้อีกครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 24/11/2008
คุณนิกครับ
- The book of secret เนื้อหาคำนำ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ มีคนแปลหรือยัง ถ้ายังเราเชียร์ให้ลูกพี่ใหญ่เรารับแปลเป็นงานเล่มต่อไปดีไหมครับ ( คุณนันท์ )
ชื่อผู้ตอบ : นีโอ ( วิชยะ คุ้มสุด ) ตอบเมื่อ : 25/11/2008
รูปหน้าปกเป็นรูปผีเสื้อน่ะครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความลับ15ข้อที่เปลี่ยนชีวิตเราได้ เช่นข้อที่11 THE UNIVERSE THINKS THROUGH YOU ดีพัคโชปราก็พูดไว้ดีมากว่า ถ้าเราอยู่ในสภาวะที่ BEING คือได้แต่ดำรงอยู่แต่ไม่มีตัวตนผู้กระทำกรรม เกมของวาสนาก็จะโอเวอร์ หรือกล่าวอีกอย่างคือไม่มีเหตุและผล ดีพัคบอกว่า วาสนาให้เหตุผลเราค้นคว้าเกี่ยวกับความตั้งใจอิสระ คือเราคิดว่าเราโชคดีที่ทำอะไรจะตัดสินใจอะไรก็อิสระไปหมดเหมือนกับเป็น FREE WILL แต่จริงๆแล้ว FREE WILL หรือความฉลาด ความราบรืนนี้ก็อยู่ในกรงล้อของกรรมดีที่ถูกกำหนดไว้แล้ว(DETERMINISM) ถ้าจะให้ดีเราควรจะอยู่ในสภาวะที่ไม่มีวาสนา(หรือกรรม)ไม่ว่าจะดีจะเลวเพราะมันทำให้เราไม่ได้ทำอะไรโดยอิสระโดยตัวเราเองแต่อยู่ภายใต้ความทรงจำจากอดีต(หรือกรรมเก่า) ซึ่งหลักการข้อนี้เหมือนของศาสนาพุทธมาก
แต่ถ้าเราอยู่ในภาวะของทำดี คิดดี พูดดี ตามหลักเดอะซิเคร็ต หรือแบบของหนังสือสนพ.ต้นไม้ ที่ให้เรามีความสำนึกรู้แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย ความยอดเยี่ยม มีคุณค่าสูง ทำอะไรก็สำเร็จก็คือเราก็อยู่ภายใต้กงล้อแห่งกรรมดีนั่นเอง แล้วใครล่ะมันจะอยากหลุดพ้นวงล้อตัดตรงเป็นมะพร้าวนาฬิเกร์ กลางทะเลอย่างที่ท่านพุทธทาสว่า คือถ้าอยู่ภายใต้กรรมดีแล้วมันโคตรสุขอะไรก็สมหวังไปหมดสวยสดงดงามไปหมดมันจะมีเหตุอันใดพาเราไปอยู่เหนือกรรมได้นอกจากเราเราจะเลือกทำวิปัสนาฝึกสติจนพ้นกรรม แต่เหตุผลที่จะเลือกทำอย่างนั้นเราก็ต้องปรารถนาพ้นกรรมก่อน แต่ผมรวมทั้งคนในเว็บนี้ ตอนนี้คงยังไมมีใครปรารถนาพ้นกรรม เราก็เลยไปตามวงล้อกรรมดีอยู่ ถ้าเราเลือกเองเราไม่มีสิทธิพ้นกรรมแน่
แต่หนังสือโชคดวงความบังเอิญฯบอกว่าถ้าเราให้จักรวาลหรือธรรมชาติหรือพระเจ้านำทางความปรารถนาของเรา เราจะปรารถนาในสิ่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆจากปรารถนาวัตถุเป็นปรารถนาการทำงานที่มีคุณค่าเพื่อตัวเองจากปรารถนางานที่มีคุณค่าเพื่อตัวเองเป็นปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่นจากปรารถนาช่วยเหลือผู้อื่นเป็นปรารถนาอยากจะไม่มีตัวตน จนอยากปรารถนานิพพานในที่สุด คือถ้าเราเลือกสิ่งที่ปรารถนาผมว่าเราไม่มีทางไปถึงจุดสูงสุดอยากที่พระพุทธเจ้าบอกแน่เพราะผมคนนึงล่ะที่ยังเลือกอยู่ในวงล้อกรรมดีอยู่ ก็เลยอยากจะขอความเห็นเกี่ยวกับข้อความที่ผมบอกนะที่นี้ด้วย และที่สำคัญวิธีการในโชคดวงฯมันแน่นอนว่าเราจะปรารถนาสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่หนังสือของทางพุทธที่มีวางขายเกลื่อนเหมือนกับจะแบ่งแยกมาเลยว่าใครเอาทางธรรมมาทางนี้ ทางโลกไปไกลๆ คือทำไมไม่เอาทั้ง 2อย่างแต่ให้มันสูงขึ้นเรื่อยๆเล่า จนในที่สุดก็กลายเป็นเอาทางธรรมอย่างเดียวไปตามธรรมชาติไม่ต้องมีศิลข้อบังคับหรืออสุภบ้าบอสักนิด
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 25/11/2008
ยินดีด้วย!ครับคุณแฟนพันธ์แท้เพราผู้แปล BEYOND THE SECRET ที่ใกล้คลอดเต็มทีคือคุณเอกชัย อัศวนฤนาทผู้แปล MANIFEST YOUR DESTINY นั่นเอง
ชื่อผู้ตอบ : นิก ตอบเมื่อ : 25/11/2008
ขอบคุณสำหรับข่าวดีค่ะ!
คุณนิกช่วยเชื่อมโยง......เจ้าของสำนักพิมพ์สร้างข่าวดีๆยังงี้ตลอดไปด้วยนะคะ
ชื่อผู้ตอบ : แฟนพันธุ์แท้ ตอบเมื่อ : 25/11/2008
พอคุณนิกบอกว่าหน้าปกเป็นรูปผีเสื้อ เลยทำให้นึกหน้าปกหนังสือ The Book of Secret ออกเลย จำได้ว่าเป็นหนังสือหนามาก แบบเห็นแล้วท้อเลยละครับ ท้อจนนอนนิ่งอยู่บนชั้นหนังสือนานแล้ว หลังจากซื้อมาแล้วได้แค่ผ่านๆ ตาแบบเร็วๆ ความจริงผมเองเห่อ หาซื้อหนังสือของโชปรา มาเป็นสมบัติอยู่หลายเล่มเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่อย่างเก่งก็แค่ผ่านตาว่าได้อ่านแล้วนะ บางเล่มมีไว้แค่อุ่นใจ แต่ดีจริงๆ ที่คุณนิกยกเนื้อหามาเล่าสู่กัน และมีความเพียรนั่งแกะตัวอักษรได้ขนาดนี้ สุดยอดเลยครับ ถ้าไม่หาว่ากินแรง อยากให้คุณนิก เอาบทอื่นๆ มาเล่าสู่กันอีก

ผมชอบที่คุณนิก ยกมาเล่าเรื่องสภาวะ BEING หรือการดำรงอยู่ แต่ไม่มีตัวตนผู้กระทำกรรม ซึ่งจะทำให้เกมของวาสนาโอเวอร์ หรือกล่าวอีกอย่างคือ การก้าวพ้นเรื่องของการมีเหตุ อันนำไปสู่ผล ตามระบบกรรม

รวมทั้งเรื่องที่ว่า ถ้าจะให้ดีเราควรจะอยู่ในสภาวะที่ไม่มีวาสนา (หรือกรรม) ไม่ว่าจะดีจะเลว เพราะมันทำให้เราไม่ได้ทำอะไรโดยอิสระโดยตัวเราเอง (ตรงนี้ผมขอเพิ่มคำว่า "อย่างแท้จริง !") แต่จะยังดำเนินอยู่ภายใต้ความทรงจำจากอดีต (หรือกรรมเก่า)

เห็นด้วยว่า หลักการข้อนี้เหมือนของศาสนาพุทธมากและตามความเห็นของผมแล้ว เป็นหัวใจเลยทีเดียว เราคงเข้าใจกันอยู่แล้วว่า พุทธศาสนานั้น มุ่งสอนให้เราหลุดพ้นจากกลไกนี้ ด้วยการคิด การเลือก หรือตัดสิน โดยไม่ใช้ตัวตนในเวอร์ชั่นที่ประกอบด้วยอัตตา อัตตาอันมีฐานหรือก่อรูปมาจากความยึดใน ความรู้ ความทรงจำ ความชอบ ความลุ่มหลง ฯลฯ ที่เราสะสมมาจากอดีต โดยที่ขณะของการคิด การเลือก หรือตัดสินนั้น เกิดขึ้นแบบอัตโนมัติ แบบไม่ทันรู้ตัว หรือเห็นได้ทัน ขณะของกระบวนการคิด (ปรุงแต่ง) อันนำไปสู่การเลือก หรือตัดสินนั้น

แต่หากว่าเราสามารถเห็น หรือรู้ทันกระบวนการนั้น ได้แบบ real time จริงๆ ก็จะเป็นการ BEING หรือดำรงอยู่ด้วยตัวตน ในเวอร์ชั่นที่ผมวงเล็บไว้ข้างบนว่า เป็นตัวตนที่แท้จริง ที่ไม่มีผู้กระทำกรรม

ปัญหาก็คือ ใครจะไปทำเช่นนั้นได้ตลอดเวลา จริงไหมครับคุณนิก

พุทธศาสนาในแบบเถรวาทของไทย ที่เราได้ยินคำสอนกันมาตั้งแต่เกิดนั้น เลยจำแนกบัวไว้เป็น 4 เหล่า และกำหนด ศีล ข้อบังคับ หรือข้อปฏิบัติไว้เผื่อ สำหรับคนหลายๆ ระดับตามเหล่านั้นๆ หรือตามจริต หรือวาสนาของแต่ละคน ก็คล้ายที่คุณนิกพูดถึงการเลือกอยู่ในกรรมดีนั่นแหละครับ ซึ่งส่วนใหญ่พระท่านก็จะสอน ก็บอกว่าอย่าติดชั่ว อย่างน้อยติดดี (แบบพวกเรา) ก้ยังดีซะกว่า แถมพอติดดีแล้วหากเกิดพัฒนาเป็น ไม่ติดทั้งดีทั้งชั่ว อันนั้นละก็ สูงสุด

อีกประเด็น ผมว่าเราต้องเข้าใจว่าหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนาในบ้านเรานั้นมีมากมายจริงๆ ให้เลือก ก็ตามจริตทั้งของคนแต่งหรือคนอ่าน ผมเองก็จะเลือกอ่านตามจริตของตัวเอง ในแต่ละวัยแต่ละการพัฒนา ซึ่งก็คงเป็นไปตามที่โชปรา บอกไว้ (ความจริงพระพุทธเจ้าก็บอกไว้) ว่าเราจะพัฒนาสูงขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ช้าเร็วต่างกันไป

บทสรุปสุดท้ายของคุณนิกที่ว่า ". . จนในที่สุดก็กลายเป็นเอาทางธรรมอย่างเดียวไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องมีศีลข้อบังคับหรืออสุภบ้าบอสักนิด"

เห็นด้วยครับว่าใช่เลย เมื่อใดที่เราเอาทางธรรม ซึ่งเป็นความหมายเดียวกับธรรมชาติ คือ ให้เป็นไปตามธรรมหรือธรรมชาติ เดิมแท้ ! ของตัวตน (หรือของจิต) อันปราศจากอัตตาเข้ามาเป็นกลไก เราก็ไม่ต้องไปสนหรือระวังเรื่องศีล เพราะศีลอันถูกต้องก็เกิดขึ้นอยู่กับเราอยู่แล้ว จำได้ว่า คำว่า ศีล แปลว่าปกติ คือ การเป็นไปตามปกติ ของกาย วาจา ที่ไม่เกิดจากเจตนาที่ผิดๆ ครับ

ขอร่วมแสดงความเห็นแค่นี้ครับ
ชื่อผู้ตอบ : นันท์ วิทยดำรง ตอบเมื่อ : 26/11/2008


คำตอบ  
ชื่อผู้ตอบ  
E-mail  
Security Code